ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -:-ThE [L]egend Of CursE-:-

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3 : เครื่องราง เศษเสี้ยวของความทรงจำนับล้าน

    • อัปเดตล่าสุด 10 ต.ค. 48


    “เรย์! เรย์โว้ยยย! อยู่ไหนฟระ!?” อาโนลด์ตะโกนเรียกรุ่นน้องพร้อมกับวิ่งหาไปรอบๆครอสเซ็นเตอร์ เขาเหลียวมองไปมาทั้งซ้ายขวา&หน้าหลัง



    “ทางนี้ครับรุ่นพี่!” เรย์ขานรับพร้อมกับโบกมือหลังเดินออกมาจากซอยมืดๆ



    “ไปไหนมาฟะ” อาโนลด์บ่น



    “ไว้ทีหลังเถอะครับ รุ่นพี่ไปตามพี่วิเวียนมาทีสิครับ” เรย์ยิ้มกวนๆ



    “ (-*-) \" อาโนลด์ทำหน้าไม่พอใจ “ไม่เอาอ่ะ ชั้นเหนื่อยแล้วนะโฟ้ยยย”



    “เอาน่าๆ ผมอยากช่วยคนในซอยนี้น่ะครับ” เรย์เอ่ยพร้อมชี้ไปที่ร้านรวงในซอยมืดๆนั้น อาโนลด์ทำหน้าเหรอหรา เขาชะโงกมองเข้าไปในซอย



    “หา? ตรงนี้มีร้านขายของด้วยเหรอฟระเนี่ย!?..” อาโนลด์ร้องก่อนจะเงียบไปหลังเขาชะโงกหน้าไปดูในซอยที่เงียบเหงา เมื่อเห็นสีหน้าที่ไม่มีความหวังใดๆของบรรดาเจ้าของร้าน เด็กหนุ่มก็เกิดความรู้สึกสงสารและสลดใจขึ้นมา



    “นะครับรุ่นพี่” เรย์ขอร้อง



    “. . .” อาโนลด์ยืนนิ่งครุ่นคิดถึงอะไรบางอย่าง



    “นะครับ”



    “..เออ ก้อได้ๆ” อาโนลด์เอ่ยก่อนจะสะบัดหน้าหนีภาพตรงหน้า “ก้อพอจะเข้าใจความรู้สึกพวกคนขายอ่ะนะ ในฐานะที่เป็นลูกของคนขายของคนนึงเหมือนกัน”



    “เห?”



    “อ้าว ไม่ได้เล่าเรอะ” อาโนลด์หันกลับมา “พ่อชั้นเป็นเจ้าของธุรกิจที่แอสซิสเทม ตอนเริ่มต้นก้อเหมือนพวกนี้นั่นแหละ ปล่อยทิ้งไว้ไม่ได้หรอก” เด็กหนุ่มยิ้มยิงฟัน “สงสารแย่เลย”



    “ (^w^) ” เรย์ยิ้มเช่นกัน ถ้าอยากจะได้ดีก้อต้องช่วยเหลือผู้อื่นบ้างล่ะนะ





    “มาแล้วจ้าเรย์~ (^o^) ” วิเวียนร้องขึ้น เรย์หันกลับไปพร้อมกับรอยยิ้ม ก่อนจะยิ้มนั้นจะจางไปเล็กน้อยเมื่อเห็นสภาพที่โทรมไร้ที่ติของอาโนลด์ซึ่งถูกวิเวียนลากมาด้วย กลุ่ม“สามสาวมหาภัย” เจน เฮเลนและไอรีนก็เดินตามมาห่างๆเช่นกัน(ยังหูชาอยู่)



    “พี่วิเวียนทราบแล้วใช่มั้ยครับว่าผมอยากให้ช่วยเรื่องอะไร”



    “อื้ม~ เรื่องประชาสัมพันธ์น่ะไว้ใจพี่สาวคนนี้ได้เลยนะ” วิเวียนยิ้มแป้นพร้อมชูสองนิ้ว



    “ครับ! (^^) “ เรย์ยิ้มตอบก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงานของตน



       เรย์กับอาโนลด์รับหน้าที่ตกแต่งสถานที่ ส่วนวิเวียนกับสามสาวตกลงจะเป็นหน่วยประชาสัมพันธ์แจกใบปลิวและเรียกลูกค้า



    “ร้านเครื่องประดับโบราณนะคะ~”



    “สวยเก๋เท่ไม่ซ้ำใคร~”



    “แวะชมด้วยนะคะ~”



       สามสาวเอ่ยขึ้นพลางยื่นใบปลิวให้คนที่เดินผ่านไปมาแถวถนนใหญ่พร้อมกับส่งยิ้มหวานหยาดเยิ้มหยดย้อยตึ๋งหนืด(เวอร์ปายๆ)ปานน้ำผึ้งเดือนเก้าให้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนุ่มๆทั้งนั้น



    “นี่.. ตั้งใจทำงานหน่อยสิ (-*-) “ วิเวียนเอ็ด



    “ก้อทำอยู่ไง เพียงแต่พวกเราเจาะจงกลุ่มเท่านั้นแหละ อิอิ”



    “เจริญพรเถอะ..” วิเวียนพึมพำก่อนจะเดินแจกใบปลิวโดยเจาะกลุ่มสาวๆที่ดูก็รู้ว่าบ้าเครื่องประดับโดยเฉพาะ “ร้านขายเครื่องรางนะคะ ขายกันทั้งซอยค่ะเชิญเลือกชมเลือกซื้อได้เลยค่า”



    . . .



    “พวกพี่สาวกะลังตั้งอกตั้งใจกันใหญ่เลยนะครับ” เรย์พูดขึ้นพร้อมกับติดหลอดไฟแบบหลากสีสันที่ปากซอย อาโนลด์(ในชุดมัมมี่ผ้าพันแผลกับเฝือก)พยักหน้า



    “อืม งั้นมั้ง” เขากัดฟัน “ถ้าไม่โดนวีวี่ซ้อมซะเละคงทำงานได้เร็วกว่านี้...แอ๊ฟฟ!!!”



    “บอกว่าวิเวียนเฉยๆไง..” วิเวียนที่เดินกลับมาเอาใบปลิวเพิ่มเอ่ยพร้อมกับหักข้อนิ้วมือข้างที่เธอเพิ่งใช้หมัดหิมะโปรยซัดอาโนลด์ลงไปกองกับพื้นเมื่อกี้ดังเป๊าะๆ รังสีอาฆาต+จิตสังหารแผ่ไปทั่วทำเอาเรย์ต้องรีบเขยิบหนีไปตกแต่งจุดอื่นก่อน



    ‘น่ากลัว.. พวกผู้หญิงนี่น่ากลัวจริงๆนั่นแหละนะ.. (= =”) ’





    “แล้ว.. สรุป อาการรุ่นพี่เป็นไงมั่งฮะ?” เรย์เอ่ยถามพลางนั่งยองๆคุยกับอาโนลด์ที่ลุกไม่ขึ้นเพราะน่วมไปทั้งตัวเรียบร้อย



    “เจองี้ทำต่อไม่ไหวฟ่ะ นายทำไปคนเดียวได้ป่ะ?” อาโนลด์ถาม



    “พอได้มั้งครับ แต่ผมว่าผมพอมีไอเดียละ” เรย์พึมพำพร้อมกับเดินออกไปที่ถนน



       นาทีต่อมาเขาก็กลับมาพร้อมกับแฝดวูลเฟรทและแคลร์ สองหนุ่มมองสภาพอาโนลด์ซึ่งหนักหนาสาหัสกว่าที่พวกเขาจินตนาการภาพตามที่เรย์เล่าไว้เยอะมากๆ ย้ำว่ามากๆ



    “แบร่ สมน้ำหน้า (>,<) “ แคลร์แลบลิ้นใส่อาโนลด์ที่คันไม้คันมือแต่ลุกไม่ขึ้น



    “!$#%^&#@” ได้แต่บ่นเป็นหมีรับประทานผึ้งครับทั่น..



    “งั้นทางนี้ปล่อยเป็นหน้าที่พวกเราเองเถอะครับพี่เรย์ พี่อาโนลด์” รูดอลฟ์เอ่ยขึ้น



    “ช่าย นายไปช่วยพวกผู้หญิงแจกใบปลิวแล้วกัน” แรนดอลฟ์สนับสนุน



    “อ้าว.. เราก้ออยากช่วยจัดร้านนิ”



    “น่านะๆๆ..เอ่อ..อ..เรย์” แคลร์ว่า เธอสะดุดตรงชื่อของเรย์เล็กน้อยเพราะเพิ่งจะรู้จักกัน



    “คร้าบๆ” เรย์ถอนหายใจก่อนจะเดินถือใบปลิวไปแจกตามคำเรียกร้อง(?)







    “ร้านขายเครื่องรางครับ แวะไปชมด้วยนะครับผม” เรย์เอ่ยเชิญชวนพร้อมกับแจกใบปลิวอยุ่ที่มุมถนนใหญ่ โดยจุดที่น่าแปลกและแตกต่างจากคนแจกใบปลิวคนอื่นคือ เขาไม่ต้องเดินไปแจกเลย เพราะมีสาวๆมารุมขอใบปลิว(และเบอร์โทร)เต็มไปหมด



    “ไปแน่จ้าสุดหล่อ~ อิอิ”



    “ครับผม” เรย์ยิ้มรับอย่างเขินๆทำเอาสาวๆกรี๊ดกันเป็นแถบ แต่ในใจเรย์น่ะเหรอ ‘ไม่ชอบเลย..ทำไมมารุมกันเยอะเงี้ย.. อึดอัดชะมัดเลย.. แง (T-T) ’



    “นี่.. มีขายเครื่องรางโบราณด้วยรึเปล่าจ๊ะ?” เด็กสาวผมยาวสีแดงเพลิงคนหนึ่งถาม เรย์หันไปสบตากับตาสีแสดคู่นั้นพอดี



    “เอ๋? ค..ครับ” เรย์รีบหันไปตอบพร้อมกับรีบหันกลับไปแจกใบปลิวเรื่อยๆตามเสียงเรียกร้อง



    “อืม งั้นขอดูใบปลิวด้วยได้มั้ยจ๊ะ?” เด็กสาวยิ้ม



    “นี่ครับผม” เรย์ยิ้มตอบก่อนจะยื่นใบปลิวที่ระบุไว้เสร็จสรรพทั้งชื่อร้านและชื่อซอยให้ นานๆทีจะมีคนที่สนใจตัวร้านจริงๆจังๆอ่ะนะ มีแต่ที่สนคนแจก เนื้อหอมเวอร์ก็เงี้ย



    “ขอบคุณค่ะ” เด็กสาวรับใบปลิวจากเรย์ก่อนจะเดินจากไป



       เรย์เหลือบมองตามเธอไปเรื่อยๆ กว่าจะรู้ตัวอีกทีสาวๆก็รุมเขาเกือบมิดแล้ว พอสบโอกาสว่าใบปลิวหมดเขาก็รีบชิ่งกลับทันใดโดยไม่สนใจคำชวนไปเที่ยวของสาวๆเหล่านั้นแม้แต่น้อย ใจของเขาก็ครุ่นคิดถึงเด็กสาวคนเมื่อครู่ว่าดูมีอะไรซักอย่างที่สะดุดตาเขาเหลือเกิน.. เหมือนมีอะไรที่มันตงิดใจเขา.. หรือเขาจะอุปาทานไปเองหนอ...





    แซ่ด..แซ่ด..



    “โว้ว! คนเยอะชะมัดเลยเรย์!” แรนดอลฟ์ร้องเรียกเรย์ที่เดินกลับมาเอาใบปลิวชุดใหม่ หนุ่มผมเงินชี้ให้ดูบรรดาผู้คนที่แห่กันมาซื้อของ ทุกร้านมีลูกค้าเต็มไปหมด



    “งิงิ d(^w^) ” เรย์ทำหน้ายิ้มเหมือนแมวก่อนจะยกนิ้วโป้งให้แรนดอลฟ์ รูดอลฟ์ อาโนลด์และแคลร์



    “เฮะ คนเยอะงี้สะใจยัง?” อาโนลด์ยืนเท้าสะเอวพร้อมกับยิ้มกว้าง



    “พี่คร้าบ.. มาช่วยผมกะคุณปู่ขายของหน่อยจิครับ” แรนดอลฟ์ร้องเรียกพี่ชายฝาแฝดเสียงอ่อย เขากับอีวานชายชราเจ้าของร้านถูกบรรดาลูกค้ารุมล้อมจนร้านแทบพังกันทุกร้านในซอยที่เคยเงียบเหงานี้ แม้จะขายของจนหัวหมุนแต่ชายชราก็อดยิ้มอย่างสุขใจไม่ได้



    “เออๆ เด๋วไปๆ” แรนดอลฟ์หันไปตอบก่อนจะหันกลับมาคุยต่อ



    “ท่าทางคุณปู่จะมีความสุขมากเลยนะ” เสียงวิเวียนดังขึ้นจากปากซอย เรย์หันหลังกลับไป สี่สาวเดินกลับมาด้วยท่าทางเหน็ดเหนื่อยเอาเรื่อง



    “ครับพี่วิเวียน” เรย์ยิ้ม ทำเอาสามสาวมหาภัยหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง



    “ว๊ายยย เรย์น่ารักที่สุดเลยยย! (>_<)o ”



    “อย่ามายุ่งก่ะน้องชั้นนะยะ (- -+ ) “ วิเวียนขู่ฟ่อ



    “จ้า..” เจน เฮเลนและไอรีนตอบเสียงหงอย



    “ฮ่าๆๆๆๆ!” แรนดอลฟ์และอาโนลด์พากันหัวเราะ ถ้ารูดอลฟ์ไม่มัวแต่คิดเงินหัวหมุนที่ร้านก็คงร่วมหัวเราะด้วยเช่นเดียวกัน ( “พี่คร้าบบ มาเร็วๆเด้~! (T-T)” ) เป็นบรรยากาศที่ครึกครื้นเหลือเกิน



    “ฮ่ะๆๆๆ” เรย์หัวเราะ ไม่ใช่หัวเราะแห้งๆแต่เป็นการหัวเราะจริงๆ หัวเราะเพราะความครึกครื้นที่ชายชรารอคอยได้มาถึง หัวเราะเพราะความสุขที่เขาได้รู้จักกับคนเหล่านี้.. สุขใจจริงๆ..





    . . .



    “โฮ่ๆๆ ขอบใจๆ ขอบใจพวกเธอจริงๆ” อีวานหัวเราะอย่างมีความสุข



    “ม่ายเป็นไรหรอกคร้าบปู่” เรย์ยิ้มยิงฟัน



    “ช่ายแล้ว เนอะรูดี้” แรนดอลฟ์เอ่ยพร้อมหันไปแซวน้องชายฝาแฝดที่นั่งพักเหนื่อยอยู่ข้างหลังเพื่อนหลังจากที่ต้องมาช่วยปู่อีวานขายของให้บรรดาลูกค้าที่เบียดกันแน่นร้าน



    “ค้าบ..” เด็กหนุ่มตอบเสียงอ่อยๆพร้อมเอามือเสยผมสีเงินของเขาออกไปก่อนจะก่ายหน้าผาก



    “แล้วตกลงนายก้อไม่ไปช่วยน้องนายขายของตามที่รับปากอยู่ดีนี่แรนดอลฟ์” อาโนลด์ทัก



    “อิอิ” แฝดพี่(ตัวแสบ)หัวเราะคิกๆ



    “นายเป็นพี่ชายภาษาอะไรเนี่ย..” แคลร์พึมพำ



    “นี่เจ๊ เมื่อกี้ว่าอะไรนะ (-*-+) “



    “ปล๊าว~ (  - -) ”



    “ซอยนี้น่ะไม่เคยคึกคักอย่างนี้มานานแล้วล่ะ..” ปู่อีวานเล่าพร้อมมองไปทั่วซอยด้วยดวงตาสีเทาที่ฝ้าฟางคู่นั้น ทุกคนยิ้มกว้าง



    “ได้ช่วยคุณปู่พวกเราก็ดีใจแล้วล่ะค่ะ” วิเวียนยิ้ม



    “เฮ้อ คนหนุ่มสาวสมัยนี้ก็ยังมีน้ำใจให้คนแก่ๆอยู่เหมือนกันนะ” ปู่แกยิ้ม พวกเรย์หน้าบานกันใหญ่



    “เรย์จ๋า~” เจนเรียก เด็กหนุ่มผมยาวหันกลับไป



    “เหนื่อยมั้ยจ๊ะ” เฮเลนถามก่อนจะยื่นแก้วใส่น้ำอัดลมเย็นเจี๊ยบให้



    “แหม เหนื่อยแย่เลยสิเนี่ย” ไอรีนถามพร้อมกับยิ้มหวานนน(จนสยอง)



    “ดื่มหน่อยเน้ออ~” สามสาวเอ่ยพร้อมชวนกันยื่นน้ำอัดลมแก้วนั้นให้



    “อ่ะ..” วิเวียนหันไปเห็นพอดีและทำท่าว่าจะเข้าไปขวางการสนทนา ทว่า



    “..ไม่ละครับ ขอบคุณ” เรย์ตอบตรงๆทำเอาสามสาวตัวแข็งเป็นหินไปเลย



    “เอ๊อ.. ทามไมอ่ะ” เฮเลนร้อง



    “ผม.. ไม่ชอบน้ำอัดลมครับ” เรย์เกาแก้มเบาๆ “ยังไม่ได้ทานข้าว เดี๋ยวมันจะกัดกระเพาะเอา”



    “อ๊ายยย ก้อยังน่าร้ากกกกอยู่ดี~! o(>_<)o ” สามสาวร้อง เรย์ได้แต่หัวเราะแห้งๆ



    “คิก..” ส่วนวิเวียนก็ได้แต่แอบหัวเราะ





    “งั้น พวกเราขอตัวกลับกันก่อนนะครับปู่” เรย์กล่าวลา



    “มีปัญหาอะไรก้อบอกมาได้เลยนะครับ!” แรนดอลฟ์กำหมัดพร้อมทำหน้าขึงขัง



    “นี่ อีตาจมูกหมา รับปากมาได้ ใครยะที่อู้งานที่สุดอ่ะ” แคลร์ว่า



    “ก้อเธอไง” แรนดอลฟ์ตอบหน้าตายพร้อมชี้ไปที่แคลร์



    “นี่.. (-*-) “



    “ฮ่าๆๆๆ!” ทั้งแก๊งพากันหัวเราะ



    “เอ้อ พ่อหนุ่ม” อีวานเอ่ยขึ้น เรย์รีบหันกลับไป



    “ครับผม?”



    “เจ้าน่ะ.. หน้าตาคุ้นๆอยู่นะ เคยเจอกันรึเปล่า?” อีวานเพ่งพินิจเค้าหน้าของเรย์



    “ไม่นี่ครับ” เรย์ตอบงงๆ



    “อืม.. งั้นรู้ไว้ใช่ว่านะ” คุณปู่พูด “เจ้าน่ะมีส่วนที่คล้ายท่านนักรบสิงโตทองคำมากเลย”



    “สิงโตทองคำ?”



    “นักรบที่กำจัดโจรที่เมื่อหลายสิบปีก่อนไง” ปู่อีวานยิ้ม



    “อ๋อ” เรย์ทำหน้าประมาณว่าเก็ทแล้ว “ทำไมคิดงั้นละครับ?”



    “ความรู้สึกของคนแก่ๆน่ะ” อีวานตอบพร้อมโบกมือเหมือนจะบอกว่าไม่ต้องใส่ใจร้อก “อย่าลืมไอ้นี่ซะละเจ้าหนุ่ม” ชายชรากล่าวพร้อมยื่นถุงใส่สร้อยเครื่องรางของหัวหน้าเผ่าออร์คที่เรย์ซื้อในตอนแรกแต่ลืมทิ้งไว้ที่เคาน์เตอร์



    “โอ้ ผมลืมไปได้ไงนิ” เรย์อุทานพร้อมเกาศีรษะ “ขอบคุณมากนะครับปู่”



    “ไม่เป็นไรร้อก ไปเถอะ เพื่อนๆรอแล้ว” อีวานยิ้มพร้อมโบกมือลา



    “ไปก่อนนะคร้าบ!~” เด็กหนุ่มกล่าวลาก่อนจะออกวิ่งตามเพื่อนๆไป โดยมีชายชรามองตามไป



    ‘เหมือนจริงๆ.. ท่านคิดอย่างนั้นมั้ย..?’ อีวานคิดในใจพร้อมกับมองเรย์ที่วิ่งไปรวมกลุ่มกับพรรคพวก ก่อนที่ชายชราจะค่อยๆแหงนหน้าขึ้นไปมองบนฟ้าราวกับต้องการจะสื่อสารกับใครบางคนที่จากไปแล้ว.. ‘ท่านคิดอย่างนั้นมั้ยท่านนักรบ..’





    “อ๊ะ นี่มัน..” เรย์ร้องขึ้นหลังจากที่เพื่อนๆมาส่งที่ห้องแล้ว เมื่อเด็กหนุ่มเปิดถุงเล็กๆที่อีวานให้มาเขาก็ต้องตกใจ เพราะนอกจากสร้อยเครื่องรางสีดำซึ่งตกแต่งด้วยไม้เนื้อแข็ง หินสองสีและเขี้ยวที่มีสีขาวบริสุทธิ์ที่เขาซื้อมาแล้ว ยังมีสิ่งอื่นอยู่ด้วย



       มันเป็นเครื่องรางสำหรับแขวนมีจี้เล็กๆทำจากคริสตัลใสสีออกฟ้าอ่อนรูปหญิงสาวที่มีใบหูเรียวยาว ผมยาวสยาย ดวงตาเรียวนั้นหลับพริ้ม เธอกุมมือราวกับจะอธิษฐานอะไรสักอย่าง ที่โผล่ออกมานอกชุดคลุมตัวยาวของเธอที่กลางหลังเป็นปีกสีขาว..



    “..มันดู.. คุ้นๆอยู่นะ..” เรย์ขมวดคิ้ว ราวกับหน้าผากเขาลุกเป็นไฟชั่วครู่ หลังจากนั้นก็มีบางอย่างที่น่าจะเกี่ยวข้องกับความทรงจำที่หายไปของเขา เหมือนเขาจะเคยเห็นภาพของเทวีที่อยู่ตรงปลายด้ายสีเงินนับสิบเส้นนี้ ภาพเหตุการณ์ที่พันกันยุ่งเหยิงจนลำดับไม่ถูกเริ่มหลั่งไหลเข้ามาในหัวเขาไม่ขาดสาย แต่ความรู้สึกของเขาบอกเขาว่านี่เป็นเพียงส่วนน้อยของความทรงจำทั้งหมด



       เป็นภาพที่แปลกสิ้นดี มีแต่คนที่มีสีผิวสีเทาใบหูเรียวยาวเดินกันขวักไขว่ในเมืองที่ดูมืดมิด เป็นเมืองที่อยู่ใต้ดินรึเปล่านะ.. นอกจากนี้ยังมีภาพสวนที่กว้างใหญ่แต่ดูแห้งแล้ง วิหารสีดำทมิฬที่ดูศักดิ์สิทธิ์และน่าเกรงขาม.. ภาพรูปปั้นขนาดใหญ่ของใครสองคนที่เขามองไม่เห็น.. ภาพทั้งหมดที่พรั่งพรูเข้ามาหยุดลงเพียงแค่นั้นก่อนจะสลายหายไป



       เรย์ไม่ละความพยายาม โอกาสที่เขาเพิ่งได้รับมาเขาย่อมไม่ปล่อยให้สูญเปล่า เด็กหนุ่มนั่งนิ่งพร้อมกับพยายามดึงภาพเหล่านั้นมาเรียบเรียงเรื่องราว แต่เปล่าประโยชน์ ภาพที่เขาเห็นนั้นดูแปลกและซับซ้อนเกินไปจนไม่อาจเรียบเรียงได้อย่างแม่นยำ เรย์ขมวดคิ้ว



       ในที่สุดเขาก็ยอมแพ้และเลิกพยายามนึกถึงความทรงจำเกี่ยวกับเครื่องรางแต่กลับคว้ามันใส่กระเป๋าก่อนจะเดินไปห้องสมุด





    . . .



    กุกกักๆ..ๆ..



    ‘อยู่ไหนนะ..’ เรย์พึมพำในใจหลังจากรื้อค้นชั้นหนังสือที่สูงเอาเรื่องมานานเพื่อหาหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์โบราณที่เขาเคยเจอโดยบังเอิญแต่ไม่ได้ใส่ใจ เด็กหนุ่มเจ็บใจมาก ‘ทีเวลาต้องการดันหาไม่เจอ ให้ตายสิน่า..’



       พริบตานั้นมีแสงแสงหนึ่งพุ่งเข้ามากระทบกับตาของเรย์แวบหนึ่ง เด็กหนุ่มรีบหันไปทางต้นแสงก่อนจะยิ้มกว้างพร้อมกับหยิบหนังสือที่เคลือบมุมและสันไว้ด้วยทองเหลือง



    “..เจอแล้ว..” เรย์กระซิบกับตัวเองเบาๆพร้อมกับพลิกหาข้อมูลที่ต้องการ เสียงหน้ากระดาษดังแว่วมาไม่ขาดสาย จนไว้ที่สุดเรย์ก็หยุดลงที่หน้าเกี่ยวกับตำนานการสร้างโลก เขารู้สึกสนใจขึ้นมาจึงลองหยุดอ่านดู เรย์มั่นใจว่าน่าจะเกี่ยวกับเครื่องรางประหลาดนี่



       ‘กล่าวกันว่าโลกใบนี้ถูกสร้างจากพลังของเทวีไอน์ฮัสซัด เผ่าพันธุ์ต่างๆถูกสร้างขึ้นมา เริ่มจากที่บรรดาบุตรของไอน์ฮัสซัด เทวีชิลเลนได้ใส่พลังแห่งน้ำและสร้างเหล่าเอลฟ์ขึ้นมา..’ เรย์หยุดอ่านอยู่ชั่วครู่ก่อนจะอ่านต่อ ‘พากรีโอผู้เป็นบุตรชายสร้างออร์คจากพลังอัคคี และบุตรสาวนามแมปฟ์ได้ใช้พลังจากผืนดินสร้างดวาร์ฟ’



       ‘เมื่อแกรนไคน์เทพแห่งการทำลายล้างเห็นผลงานของไอน์ฮัสซัดและลูกๆก็ให้รู้สึกอิจฉาจึงไปขอพลังของลูกๆ ทุกคนไม่เห็นด้วยแต่สุดท้ายก็ยอมมอบพลังในส่วนที่เหลือให้แก่บิดา พลังของน้ำเสีย ไฟที่มอดดับ และดินพิษ เทพแกรนไคน์พอใจกับพลังนั้นมากและสร้างสิ่งหนึ่งขึ้นมาโดยมั่นใจว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์ที่ยิ่งใหญ่ แต่ทุกอย่างผิดจากความคาดหมาย สิ่งที่เขาสร้างไม่มีความปราดเปรียวดังเอลฟ์ ไม่มีความแข็งแกร่งเช่นออร์ค และปราศจากปัญญาต่างจากดวาร์ฟ มีเพียงความโง่เขลา เจ้าเล่ห์และขี้ขลาด.. สิ่งนั้นคือ.. มนุษย์..’



       ‘บรรดาเทพและเทพีขับไล่มนุษย์ลงไปอยู่บนโลก ในยุคนั้นโลกถูกปกครองโดยอสูรกาย เอลฟ์ถูกใช้ในงานปกครอง ออร์คเป็นกำลังในการทำสงคราม ดวาร์ฟถูกใช้ในงานผลิตสิ่งต่างๆ ส่วนมนุษย์ที่ไร้ความสามารถใดๆจึงเป็นได้เพียงทาสชั้นต่ำที่ถูกปฏิบัติไม่ต่างไปจากสัตว์...’



    ปั่บ!!



       ฝุ่นละอองลอยขึ้นมาจากหน้ากระดาษเล็กน้อยเพราะแรงกระแทกจากการปิดหนังสืออย่างแรงของเรย์ เด็กหนุ่มขมวดคิ้วและตัดสินใจว่าเขาไม่ชอบเรื่องที่อ่านไปเมื่อกี้เท่าใดนักและถือว่ามันเป็นเพียงตำนานหลอกเด็ก หนุ่มผมยาวกำลังจะเก็บหนังสือเล่มนั้นเข้าไปในชั้นหนังสือก่อนที่แขนของเขาจะไปสัมผัสถูกเครื่องรางในกระเป๋า



    “..จริงสิ..” เรย์พึมพำก่อนจะดึงเอาเครื่องรางรูปเทวีขึ้นมา เด็กหนุ่มดึงหนังสือเล่มนั้นออกมาอีกครั้งก่อนจะเปิดหาหน้าที่มีรูปของบรรดาเทพ ทว่า ทั้งเทพีไอน์ฮัสซัด ชิลเลนและแมปฟ์ ไม่มีใครเลยที่เหมือนกับเครื่องรางรูปเทวีที่เขาถืออยู่ในมือ ‘..หรือเราจะคาดการณ์ผิดตั้งแต่ต้น..เหอะ.. งี่เง่าชะมัด.. จะง่ายกว่ามั้ยนะถ้าจะไปถามปู่อีวานเลยน่ะ..’



    กริ๊งง..ง...



    “..ขณะนี้ เป็นเวลา 18.00 น. ขอให้นักเรียนทุกคนในห้องสมุดออกไปได้แล้วค่ะ” เสียงอาจารย์ที่เป็นบรรณารักษ์ประกาศดังขึ้นทั่วห้องสมุด เรย์ปิดหนังสืออีกครั้ง “ห้องสมุดจะปิดภายในห้านาที นักเรียนคนใดต้องการยืมหรือคืนหนังสือกรุณามาที่เคาน์เตอร์ค่ะ”



       เรย์มองหนังสือที่อยู่ในมือ เขายังคงไม่เก็บ ‘หนังสือเทพนิยายหลอกเด็ก’ เข้าไปในชั้นหนังสือ แต่แล้วในที่สุดขาของเขาก็พาเขามาที่เคาน์เตอร์อย่างรวดเร็ว..





       แสงจันทร์ส่องลงมาบนพื้นห้องที่ปูด้วยพรมสีฟ้าอ่อนที่สีดูจางราวกับสีขาว บนเก้าอี้หมุนสีฟ้าอ่อนหน้าคอมพิวเตอร์ที่ปิดอยู่ เด็กหนุ่มผมยาวสีน้ำตาลทองกำลังไล่สายตาสีครามไปตามหน้าหนังสือสีแดงเลือดหมูที่หุ้มมุมและสันด้วยทองเหลือง ที่อยู่บนโต๊ะคือเครื่องรางรูปเทวีมีปีก



    “อา.. ชักปวดตาแล้วสิ..” เรย์พึมพำพร้อมกับกดนิ้วที่หางตา เด็กหนุ่มยังคงเปิดอ่านหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เทพนิยายต่อราวกับว่าเขาต้องมนต์ของหนังสือ เขาใช้ขาถีบตัวหมุนเก้าอี้ให้หันออกไปนอกคอมพิวเตอร์พร้อมกับเปลี่ยนท่านั่งเป็นไขว่ห้าง



       ‘หลังจากชิลเลนถูกไอน์ฮัสซัดผู้เป็นมารดาขับไล่เพราะทำผิดกฎ เทวีอีวาผู้เป็นน้องสาวก็มาทำหน้าที่ดูแลน้ำบนโลกแทน..’ เรย์สะดุดสายตาตรงประโยคนี้ ดวงตาสีครามเบิกกว้าง



    “นี่ไงล่ะ!..” เด็กหนุ่มร้องขึ้นก่อนจะลดเสียงลงเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เที่ยงคืนแล้ว เขามองภาพในหนังสือแทบไม่กระพริบตา มือซ้ายค่อยๆยื่นไปคว้าเครื่องรางบนโต๊ะคอมพิวเตอร์ด้านหลังก่อนจะนำมาเปรียบเทียบกับภาพในหนังสือ “นี่แหละ.. เครื่องรางนี้คือเทวีอีวา!..” เรย์พึมพำรัวเร็วด้วยความดีใจที่ในที่สุดก็พบต้นตอของความทรงจำส่วนน้อยนิดที่เข้ามาในหัวเมื่อตอนเย็น



       เด็กหนุ่มค่อยๆยิ้มอย่างเหนื่อยอ่อนก่อนจะวางเครื่องรางและหนังสือบนโต๊ะสำหรับอ่านหนังสือเล็กๆอีกตัวหนึ่งก่อนจะลุกจากเก้าอี้แล้วเดินโซเซไปล้มตัวลงนอนแผ่หลาอย่างหมดแรงบนเตียง



    “..เป็นวัน..ที่..วุ่น..” เรย์พูดเบาๆก่อนจะผล็อยหลับไปก่อนด้วยความเหนื่อยอ่อน เป็นวันที่วุ่นวายจริงๆนั่นแหละ ไหนจะต้องรับมือกับวิเวียนและสามสาวมหาภัยแล้วยังต้องไปช่วยอีวานชุบชีวิตซอยเล็กๆนั้นใหม่ แถมยังมีเรื่องเครื่องรางนี้อีก.. ที่เหลือไว้คิดต่อพรุ่งนี้แล้วกัน..



       ตอนนี้เรย์คิดอะไรไม่ออกแล้ว.. สิ่งเดียวที่เขาอยากทำตอนนี้คือนอนเท่านั้นโดยไม่สนใจจะอ่านหนังสือเล่มนั้นต่อ สายลมที่พัดผ่านเข้ามาจากหน้าต่างที่แง้มไว้ทำให้หน้ากระดาษของหนังสือเล่มนั้นพัดไปเรื่อยๆราวกับจะไม่สิ้นสุดที่หน้าใดทั้งนั้น..



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×