ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -:-ThE [L]egend Of CursE-:-

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 : แฝดวูลเฟรท สองหมาป่าสีเงิน อลเวงครอสเซ็นเตอร์!

    • อัปเดตล่าสุด 11 ต.ค. 48


    “เรย์จ๊ะ ต่อไปไปไหนต่อดี?” เจนถามเรย์ซึ่งเดินอยู่ตรงกลางระหว่างสามสาว



    “พวกพี่ๆอยากไปไหนละครับ?” เรย์ถามพร้อมกับ(ฝืน)ยิ้ม



    “ไปกินบานาน่าคัพกัน~” เฮเลนชวนก่อนจะชี้ไปที่ร้านไอศกรีมที่มีป้ายเป็นรูปไอศกรีมที่ราดบนกล้วยหอมหลายใบเรียงกันคล้ายกระโจมอินเดียนแดง



    “ไม่อาว~ ไปโน่นดีกว่า ร้านนั้นขายนมใส่โอรีโอปั่นพร้อมวิปครีมนะ~” ไอรีนดึงแขนเรย์ไปทางร้านสีฟ้าสลับขาวที่อยู่ฝั่งตรงข้าม



    “ทาโกยากิหร่อยกว่าอีก~” เจนเถียงพร้อมดึงแขนเรย์อีกข้าง



    “หวาๆๆ” เรย์ชักสังหรณ์ใจไม่ดี



    “บานาน่าคัพ~” เฮเลนดึงแขนซ้ายเด็กหนุ่มพร้อมกับแกะมือไอรีนไปด้วย



    “โอรีโอปั่น~” ไอรีนยังคงเกาะแขนเรย์แน่น



    “บานาน่าคัพสิ~” เฮเลนดึงกลับ



    “ทาโกยากิ~~!” เจนดึงแขนขวากลับมั่ง และแล้ว!



    “อ๋า!!!” เรย์เสียหลักล้มลง ทำเอาสามสาวล้มไปด้วย ประมาณว่าเด่นมาก



    “ไอ๋หยา” ไอรีนหน้าแดงแป๊ดก่อนจะรีบลุกขึ้นมาเป็นคนแรก



    “เพราะเจนแท้ๆเลยอ่ะ” เฮเลนรีบพูดแก้เขิน



    “ใครว่า เธอนั่นแหละที่เริ่มดึงอ่ะ” เจนรีบสวน



    “ที่จริงเพราะไอรีนเกาะแขนเรย์ก่อนไม่ใช่รึไงอ่ะ” เฮเลนปัด



    “อ้าว ได้ไงอ่า เฮเลนนั่นแหละผิด” ไอรีนโต้



    “เรย์ เรย์ว่าใครผิดอ่ะ..” เจนหันกลับไปถามเรย์ ทว่า..



    “อ้าว เรย์หายไปไหนแล้วอ่ะ” เฮเลนรีบมองหาเรย์ทันทีเมื่อพบว่าเด็กหนุ่มหายตัวไป



    “เง้อ ทำไงดีอ่ะ” ไอรีนเองก็มองหาเรย์เช่นกัน



    “รีบหาสิ ขืนวิเวียนมามีหวังโดนเอาตายพอดี เวทชุบยังชุบไม่ทันเลยมั้งน่ะ” เจนรีบออกวิ่งทันที



    “อ้าว รอด้วยซี่~~!!” เฮเลนและไอรีนร้องก่อนจะรีบวิ่งตามไป



    ตุ้บๆๆๆ..



       หลังสามสาวมหาภัยสลายตัวออกจากบริเวณนั้นแล้ว เด็กหนุ่มสองคนก็ค่อยๆโผล่ออกมาจากมุมร้านค้าข้างๆ



    “โว้ว นายนี่Hotเป็นบ้าเลยพวก!” เด็กหนุ่มผมสีเงินที่ดูยุ่งเหยิงเอ่ยขึ้น ดวงตาสีฟ้าอ่อนดูสดใส



    “ฮ่ะๆ..” เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลทองหัวเราะแห้งๆ ตาสีครามยังคงมองสามสาวเพื่อให้แน่ใจในความปลอดภัยของชีวิต



    “เจ๋งเป้งเลยฟ่ะ มีเคล็ดยังไงอ่ะ ฮ่าๆๆๆ” เด็กหนุ่มถามกึ่งแซว



    “ไม่บอกแล้วกัน เป็นห่วงนายนะแรนดี้” เรย์พูดยิ้มๆ



    “ฮ่าๆๆๆๆ!” เด็กหนุ่มผมสีเงินที่ชื่อแรนดี้ หรือชื่อจริงคือแรนดอลฟ์หัวเราะอย่างอารมณ์ดี เขายิ้มแยกเขี้ยว “บอกมาเลยๆ ชั้นเอาตัวรอดได้น่า”



    “ทำไรกันอยู่อ่ะพี่?” เด็กหนุ่มผมสีเงินที่หน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับแรนดอลฟ์เดินเข้ามาถาม



    “อ้าวไงรูดี้” เรย์ยิ้มให้เด็กหนุ่มซึ่งหนุ่มผมเงินก็ยิ้มตอบอย่างเป็นมิตร



    “ดีครับพี่เรย์” รูดอลฟ์เอ่ยทัก เขาดูเหมือนพี่ชายฝาแฝดอย่างกับแกะ ผมยุ่งๆสีเงิน ตาสีฟ้าอ่อน แม้แต่ชุดสีขาวที่มีแถบตรงแขนเสื้อสีครามลายกางเขนสีน้ำเงินที่ใส่ก็ยังเหมือนกัน จะต่างกันก็แค่ต่างหูซึ่งทำจากนิลที่ทั้งคู่ใช้ แรนดอลฟ์จะติดต่างหูรูปเขี้ยวไว้ที่หูขวา ส่วนรูดอลฟ์จะติดที่หูซ้าย จะแยกกันได้ก็เฉพาะตรงนี้นี่แหละ มองไกลๆเป็นได้ทักผิดประจำ



    “เออแล้วนายมานี่กะใครอีกรึเปล่าเนี่ยเรย์” แรนดอลฟ์ถามพลางสูดกลิ่นฟุดฟิด



    “รู้ได้ไงนิ” เรย์ถามก่อนจะเดินไปนั่งที่ม้านั่ง



    “แฮ่ๆ อย่าดูถูกจมูกชั้นเชียวนา เดี๋ยวนี้ชั้นฝึกจนแยกแยะกลิ่นได้หมดแล้วนะเฟ้ย” แรนดอลฟ์ยิ้มแยกเขี้ยวอีกครั้งพร้อมกับชี้ที่จมูก



    “โฮ่ เหมือนหมาป่าสมชื่อเลยนะ” เรย์ว่าก่อนทั้งสามจะหัวเราะพร้อมกันลั่น





       แรนดอลฟ์และรูดอลฟ์ วูลเฟรท ฝาแฝดสุดซ่าที่ชื่อมีความหมายว่าหมาป่า เป็นหนึ่งในบรรดาคนจำนวนน้อยที่ยอมรับในตัวเรย์และยอมคบหาด้วย ทั้งคู่รู้จักกับเรย์ตอนที่แฝดวูลเฟรทมีเรื่องกับนักเรียนสาขาพลังจิตที่อยู่ห้องเดียวกันกับเรย์



    “เหวอเอ๋ออ..อ..!!!” รูดอลฟ์ถูกเหวี่ยงกระเด็นไปชนตู้ล็อกเกอร์ ข้าวของที่ถูกวางอยู่ด้านบนและที่อยู่ในล็อกเกอร์ที่ปิดไม่ดีตกลงมาใส่เขาไม่ยั้ง “โอ๊ย!”



    “กรร..ร..”
    แรนดอลฟ์คำรามในลำคอก่อนจะตั้งท่าต่อสู้คล้ายๆกับหมาป่า เด็กหนุ่มพุ่งตัวเข้าไปหาหนุ่มพลังจิต เงื้อกรงเล็บสีเงินเตรียมตะปบ! ทว่า!



    “อย่าหวังเลย” เด็กหนุ่มคนนั้นพึมพำก่อนใช้พลังจิตดันแรนดอลฟ์กระเด็นไปกระแทกล็อกเกอร์เช่นเดียวกันกับน้องชายฝาแฝด



    ตึ้ง!!!



    “กรอดด..”
    รูดอลฟ์ลุกขึ้นมาใหม่ก่อนจะจ้องหน้าเด็กหนุ่มผมยาวระต้นคอสีขาวเขม็ง



    “เอ้า เข้ามาซี่” เด็กหนุ่มผมขาวยิ้มนิดๆ ดวงตาสีเงินข้างขวาที่ไม่ถูกผมสีขาวปิดบังเหมือนตาซ้ายจ้องรูดอลฟ์ไม่กระพริบตา พริบตานั้นเอง!



    ปึ้ก!!!



    “อ๊ะ! อะไรกัน!?”
    หนุ่มผมขาวต้องตระหนกเมื่อจู่ๆแรนดอลฟ์บุกเข้าประชิดตัวเขาทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว ก่อนจะใช้ขาเตะกวาดใส่ข้อพับหัวเข่า! ทำเอาหนุ่มผมขาวทรุด!



    “จังหวะนี้แหละรูดี้!” แรนดอลฟ์ตะโกน



    “ได้เล้ย!!!” รูดอลฟ์รีบพุ่งตัวเข้าหาหนุ่มผมขาวทางด้านหน้า เงื้อกรงเล็บขึ้นก่อนจะ..!!!



    “เฮ้ย! พวกนาย! หยุดนะ!!!” เสียงจากเด็กหนุ่มที่วิ่งมาจากข้างหลังดังขึ้น แฝดวูลเฟรทยั้งมือไว้ก่อนจะหันกลับไปมองว่าใครตะโกน



    “เรย์มอนด์? นายมาทำไรที่นี่” เด็กหนุ่มผมสีขาวถามเด็กหนุ่มผมยาวที่ยืนหอบอยู่ข้างๆรูดอลฟ์



    “ยังจะมาถาม วิ่งมาตั้งก่ะสุดทางโน่น เหนื่อยจะตาย” เรย์บ่น เด็กหนุ่มหอบเอาๆ เขาฝืนพูด “พวกนายน่ะเงียบไปก่อนเลย เพราะ..”



    “..ว่าไงพวกเธอ มาทำอะไรกันตรงนี้รึ?” เสียงเย็นๆที่ฟังแล้วชวนสยองขวัญดังขึ้นจากทางด้านหลังแรนดอลฟ์ เด็กหนุ่มทั้งสี่สะดุ้งโหยงก่อนจะหันหลังแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองชายร่างใหญ่ในเสื้อคลุมหนังคนหนึ่งที่ดูเข้มงวดใช่ย่อย เขาสูงกว่าพวกเรย์มากจนเงาของเขาบังตัวพวกเรย์มิด



    “อ่ะ..ป..เปล่าคร๊าบบ อาจารย์อลัน ไม่มีอะไรเรยค้าบ” แรนดอลฟ์รีบตอบชายร่างใหญ่ที่มีแผลเป็นเป็นรอยยาวที่แก้มข้างขวาคนนั้น



    “แน่รึแรนดอลฟ์..” อลันถามเสียงเข้ม



    “แน่ค้าบ” แรนดอลฟ์ยิ้มแห้งๆ



    “อืม ก้อดี ไปล่ะ~” อลันเอ่ยง่ายๆก่อนจะเดินจากไปอย่างรวดเร็วเหมือนตอนมาพลางฮัมเพลงเบาๆ



    “โฮยย..ยย..ย...” ทั้งสี่ถอนหายใจกันเฮือกเบ้อเริ่ม



    “แต๊งกิ้วนายมากนะที่มาห้ามไว้พอดี” รูดอลฟ์เอ่ย



    “ช่ายเลย ไม่งั้นโดนเอาเรื่องแหงมๆ” แรนดอลฟ์ถอนหายใจ “จารย์อลันอ่ะถึงปกติดูใจดี ไม่เคร่งกฎ แต่ลองทำไรผิดให้พี่แกเห็นดิ ตายลูกเดียว..”



    “ด้วยความยินดีน่อ” เรย์ยิ้มนิดๆ



    “นายเองก็มีประโยชน์เหมือนกันนะนี่” ไนเจล เด็กหนุ่มผมขาวว่า



    “พูดงี้หมายความว่าไง.. (= = ) ” เรย์จ้องหน้าเพื่อนร่วมชั้นเขม็ง



    “ไม่รู้สิ..” ไนเจลแกล้งทำเป็นมองไปทางอื่น



    “ (- -*) ”



       และนั่นแหละ ทำให้เรย์รู้จัก และสนิทกับแฝดวูลเฟรท ถึงแฝดทั้งคู่จะยังคงไม่กินเส้นกับไนเจลอยู่เหมือนเดิมก็เถอะ..





       ย้อนกลับมาทางสาว(เหลือ)น้อยผมสีน้ำตาลแดงยาวถึงกลางหลังผู้มีดวงตาสีน้ำตาลอ่อนซึ่งกำลังฉายประกายแสงแห่งความหงุดหงิด



    “ตกลงพวกเธอลากน้องชั้นไปโดยไม่บอก..” วิเวียนถามสามสาวที่บังเอิญเจอตัวพอดีด้วยน้ำเสียงเย็นๆทำเอาทุกคนรวมทั้งอาโนลด์ขนลุกซู่



    “อืม.. (= =”) “ เจน เมเกน ไอรีนพยักหน้าเบาๆ



    “แล้วพวกเธอก้อหลงกับเค้า..” วิเวียนค่อยๆหันหลังให้สามสาวช้าๆ



    “อ..อืม..” เจนพยักหน้าหงึกๆขณะที่อีกสองคนเริ่มปากคอแห้งผากราวกับมีทะเลทรายอยู่ในคอ



    “แล้วพวกเธอก้อทิ้งเค้าที่ยังไม่รู้เหนือรู้ใต้ดีนักไว้..” เสียงหักข้อนิ้วเริ่มดังแว่วมาให้ได้ยินเล็กน้อยพอไพเราะเพราะพริ้งจนขนลุก แต่เพียงเท่านี้ก็ทำให้ทุกคนเริ่มเหงื่อแตกหน้าซีดปากสั่น



    “..แล้ว..”



    “แล้ว..อะไร..หรอ....” เจนถามเสียงแผ่วขณะที่ไอรีนดูเหมือนวิญญาณจะออกจากร่างลี้ภัยหนีไปอยู่ตุรกีเรียบร้อยแล้ว



    “ยังจะมายืนเด๋อไรตรงนี้ ไม่รีบไปหาเค้าล่ะฮะ----------!!!!!!!!!!!!!!!!” เสียงกัมปนาทจากวิเวียนทำเอาสามสาวและอาโนลด์ที่โดนลูกหลงแทบจะปลิวไปตามลมด้วยกันยกทีมก่อนจะรีบรวมพลกันพร้อมใจสลายตัวไปตามหาเรย์กันคนละทิศคนละทาง เพียงไม่กี่วินาทีลานที่ยืนกันเต็มเมื่อครู่ก็เหลือเพียงวิเวียนที่ยืนกอดอกอยู่ที่เดิม (มีลมพัดใบไม้ปลิวตัดหน้าไปใบนึงด้วย)





    “บ้าชะมัด เจ้าเรย์ มันมัวไปอยู่ไหนฟระ..” อาโนลด์บ่นพึมพำหลังออกตามหาเรย์ได้หลายนาที เขาเหลียวซ้ายแลขวาไปมาขณะยืนหอบ ก่อนจะออกวิ่งอีกครั้ง..



    ตุ้บ!!!



    ว๊ากก!!



    อ๊ายย!!




       น้ำเน่ามุกเดิม อาโนลด์ที่ออกวิ่งกะทันหันพุ่งเข้าไปชนกับเด็กสาวท่าทางอายุน้อยกว่าคนหนึ่งเข้าจังเบอร์ เธอล้มลงไปกองกับพื้น ผมซอยสีม่วงหล่นลงมาปิดหน้าปิดตา



    “โทษครับๆ” อาโนลด์รีบเอ่ยก่อนจะวิ่งจากไปซะงั้น



    “อ้าว. . . นี่ตาบ้า!!!” เด็กสาวได้แต่งง เมื่อคุณเธอได้สติเท่านั้นแหละ กระเป๋าถือของเธอก็ถูกเขวี้ยงไปโดนหัวอาโนลด์อย่างแรงจนเขาล้มหัวทิ่ม



    “จ๊ากกก!!!”



    โครม!



    “ทำอะไรของเธอน่ะยัยบ๊อง!!?”
    เด็กหนุ่มพุ่งเข้าไปยืนเท้าสะเอวถาม



    “ก็ผู้ชายโลกไหนละยะที่มาชนแล้วไม่คิดจะช่วยดึงสุภาพสตรีขึ้นมาเลยอ่ะ!?” สาวน้อยผมม่วงเถียงกลับฉอดๆทั้งๆที่ยังนั่งแหมะอยู่บนพื้น เธอเสยผมที่ปิดหน้ากลับขึ้นไปทำให้เห็นดวงตาสีม่วงอ่อนที่ดูโกรธจัด ขอย้ำ โกรธ จัด



    “เด๋วนี้มีแต่ผู้หญิงที่ไม่คิดจะช่วยตัวเองรึไงล่ะฮะ!?. . .” อาโนลด์เถียงก่อนจะเอามือปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน เพราะแถบนี้มีแต่ผู้หญิงเต็มไปหมด ซึ่งน้องนางแต่ละท่านก็มองเขาด้วยสายตาอาฆาตแบบจะกินเลือดกินเนื้อกินกระดูก “..เออๆ รู้แล้วๆ ช่วยก้อได้ฟระ ส่งมือมาดิ”



    “ย่ะ!” เด็กสาวว่าก่อนจะยื่นมือให้ พอมือของอาโนลด์ไปโดนมือเธอเท่านั้นแหละ “ไป ก่อน นะ ยะ ตา เซ่อ~!” เธอพูดที่ละคำก่อนจะลุกขึ้นเองแล้ววิ่งฉิวหายไป



    “อ้าว ไรฟระ..” อาโนลด์พึมพำก่อนจะรู้สึกจะอะไรบางอย่างในชีวิตขาดหายไป “เฮ้ย! เป๋าตังค์ของช้านนนนนนน!!!” เด็กหนุ่มสะดุ้งโหยงก่อนจะวิ่งไล่กวดหัวขโมยสาวแบบสุดชีวิต!



    “ไอ๋หยา รู้ตัวซะแล้น” เด็กสาวผมม่วงรีบวิ่งหนีด้วยความเร็วสูง



    “จ๊ากกกก!!” อาโนลด์รีบวิ่งตามจนพื้นสั่นสะเทือนสองริกเตอร์!



    “หวา---!!! อย่าตามมาน้า~~!!!” เด็กสาวรีบเร่งฝีเท้าขึ้นไปอีก!



    “เอาเป๋าตังค์ชั้นคืนมายัยหัวขโมยยย!!!!”



    “คืนให้โง่สิย้า~~!!!”



    “คืนมา----------!!!!”



    โครม!!!




       เด็กสาวผมม่วงมัวแต่วิ่งสู้ฟัดกับอาโนลด์จนลืมมองทาง เธอวิ่งไปชนเข้ากับเด็กหนุ่มผมยาวสีน้ำตาลทองที่เดินมาพร้อมกับเด็กหนุ่มผมสีเงินสองคน



    “เรย์! เรย์โว้ยยย!! จับยัยนั่นไว้ที---!!!” อาโนลด์ป้องปากบอกเด็กหนุ่มผมยาวที่กำลังนั่งมองเด็กสาวที่ชนกับเขาจนล้มทั้งคู่



    “พี่อาโนลด์” เรย์ยังงงไม่เลิก



    “หวาๆๆ จะทันแล้วเหรอเนี่ยยย” เด็กสาวรีบลุกขึ้นเตรียมวิ่ง



    “อาไรกันแคลร์ ยังไม่เลิกอีกเหรอเนี่ย” แรนดอลฟ์เอ่ยขึ้นก่อนจะยื้อยุดข้อมือเด็กสาวผมม่วงไว้



    “อ่า.. หวัดดีแรนดี้ รูดี้ ตอนนี้ไม่ว่างขอไปก่อนได้ม้ายยย!!?” เด็กสาวดิ้นไปมาเหมือนปลาดุก(บรรยายซะ..) เธอวิ่งไปข้างหน้าเต็มที่ ติดแต่ว่ามือเธอโดนแรนดอลฟ์ยึดไว้



    “ก้อได้” แรนดอลฟ์ตอบง่ายๆก่อนจะปล่อยมือเธอซะงั้น ทำให้เด็กสาวล้มหน้าคะมำอีกรอบ



    “โอ๊ยยย อีตาบ้า---!!” เธอลุกพรวดขึ้นมาร้องด่า



    “ก้อเธอบอกให้ปล่อยชั้นก้อปล่อยไง” แรนดอลฟ์ตอบหน้าตายพร้อมแลบลิ้น



    “เจ็บมากมั้ยครับคุณแคลร์?” รูดอลฟ์คุกเข่าพร้อมยื่นมือให้เด็กสาว มาดเหมือนเจ้าชายขี่ม้าขาวไม่มีผิดเพี้ยนแม้แต่ระเบียดนิ้วเดียว



    “รูดี้..” ดวงตาเด็กสาวเป็นประกายซาบซึ้ง นึกในใจ ‘ไมรูดี้เป็นคนดีอย่างนี้.. ไม่เหมือนพี่มานซาตานชัดๆ หาความเป็นสุภาพบุรุษมิได้ แบร่..’



    “จับได้แล้ว..” เสียงจากเด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินเข้มดึงตัวแคลร์ สาวน้อยหัวขโมยออกมาจากห้วงจินตนาการ ดวงตาสีฟ้าใสดูเย็นชาและโหดเหี้ยมจะกินเลือดกินเนื้อ



    “ว๊ายยยย!!!” เด็กสาวสะดุ้งโหยง



    “พี่อาโนลด์ นี่มันไรครับ..” เรย์เหงื่อตก



    “ยัยนี่จิ๊กเป๋าตังค์ชั้นไปอ่ะเด่ะ” อาโนลด์ว่าพร้อมกับดึงกระเป๋าสตางค์กลับมา



    “แง” เด็กสาวทำหน้าเหมือนจะร้องไห้



    “เพ่ อย่าไปเชื่อยัยนี่นะ แกล้งทำสำออยจะได้ชิ่งเท่านั้นแหละ มุกเก่า” แรนดอลฟ์รีบเผยไต๋



    “ขอบใจที่เตือน ยังไงก้อไม่คิดจะเชื่ออยู่แล้น”



    “แหงะ แรนดี้บ้า--------!!! (><*) “ แคลร์ร้อง “จาคอยเปนก้างขวางคอชั้นไปถึงหนายยย!?”



    “ถึงวันโลกแตกมั้ง (>,<) “ แรนดอลฟ์แยกเขี้ยวก่อนจะแลบลิ้นใส่แคลร์



    “แง่งๆๆๆ นายนี่มัน.. #!@^#*$”



    “แล้วทำไมเธอต้องขโมยเป๋าตังค์พี่อาโนลด์ล่ะ?” เรย์ถาม



    “ก้อเค้าหิวข้าวนี่นา------!!!”



    “หา?” เด็กหนุ่มอ้าปากค้าง



    “ยัยบ๊องเอ๊ย ลืมเอาเงินมาด้วยอีกแล้วล่ะสิ” แรนดอลฟ์พึมพำด้วยเสียงค่อนข้างดัง(มาก)



    “ไรยะ เรื่องมากน่า เชอะๆๆๆ”



    “ไร ชั้นสิต้องเชอะ ทำชั้นกะรูดี้ขายหน้าหมดแล้วนะที่มีเพื่อนแบบเธอเนี่ย”



    “แงงงง แรนดี้บร้า----------!!!!!!!” เด็กสาวร้องไห้โฮก่อนจะวิ่งหนีหายไป



    “อ้าวเฮ้ย ยัยบ้า หยุดก่อนเซ่!” แรนดอลฟ์ร้องเรียกก่อนจะรีบวิ่งตาม



    “ขอตัวก่อนนะครับพี่เรย์ พี่อาโนลด์” รูดอลฟ์เอ่ยก่อนจะวิ่งตามพี่ชายฝาแฝดไป



    “เจริญละ.. ช่างเต๊อะ เรย์ รีบกลับไปหาวิเวียนก้อดีนะ.. อ้าวเฮ้ย ไอ่เร้ย์~~~!!!



       หลังอาโนลด์เผลอไปแปบเดียว(อีกแล้ว) เรย์ก็หายตัวไป(อีกแล้วๆ) ทำให้หนุ่มผมน้ำเงินเข้มคนนี้ต้องเอามือก่ายหน้าผากรอบที่สองก่อนจะรีบออกตามหาเรย์ที่หายตัวไปรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้..



    “อ๊ากกกก!!! ทำไมวันนี้ตูซวยอย่างงี้----!?” อาโนลด์ตะโกนก่อนจะวิ่งหน้าตั้งตามหาตัวเรย์อีกครั้ง





    “หวา.. หลงทางแล้วสิ..” เรย์พึมพำพลางเหลียวมองไปรอบๆ มีแต่ร้านค้าที่ดูซอมซ่อชอบกลเต็มไปหมด ผนังที่ทำจากคริสตัลดูไร้ซึ่งประกาย ผลึกแก้วเล็กๆที่ปกติจะล่องลอยอยู่เต็มไปหมดก็ดูน้อยกว่าที่อื่น ยิ่งใบหน้าของเจ้าของร้านแต่ละคนนี่ดูเหมือนคนอยากฆ่าตัวตายพิลึก



    “เฮ้อ..” ชายชราคนหนึ่งที่นั่งเฝ้าหน้าร้านโทรมๆที่ขายเครื่องประดับถอนหายใจ



    “คุณปู่ เป็นอะไรไปละครับ?” เรย์เอ่ยถาม โถ ยังจะมีกะใจไปห่วงคนอื่น อาตมาว่าเอาตัวเองให้รอดก่อนมิดีกว่ารึโยมเอ๊ย



    “พ่อหนุ่มเดินหลงมาละสิ” ชายชราเงยหน้าขึ้นมาช้าๆพร้อมกับปัดผมบางๆสีขาวโพลนออกไปจากหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอย



    “อื้ม” เรย์พยักหน้า



    “เดินไปด้านโน้นแน่ะถึงถนนใหญ่พอดี” ชายชราเอ่ยก่อนจะก้มหน้าเหมือนเก่า



    “คุณปู่ครับ ขายไรมั่งเนี่ย” เรย์เดินเข้าไปในร้านพร้อมกับมองสร้อยคอ สร้อยข้อมือและแหวนที่สลักอักษรแปลกๆที่เรย์เดาเอาว่าเป็นอักษรรูน



    “จะซื้อเรอะ?” ชายชราเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง



    “อืม~ ครับ” เรย์พยักหน้าอีกครั้งพร้อมหยิบสร้อยสีดำที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ขึ้นมา มันประดับด้วยไม้สีน้ำตาลเข้มกับหินสีเขียวอมน้ำเงิน ตัวจี้เป็นเขี้ยวสีขาวสะอาด “นี้เท่าไหร่ครับปู่?”



    “ไหนดูซิ” ชายชราเอ่ยก่อนเดินกระย่องกระแย่งเข้ามาดูสร้อยในมือเรย์ “โอ้..”



    “?” เรย์เลิกคิ้ว



    “โฮ่ๆ พ่อหนุ่มก็ตาถึงเหมือนกันนะ นี่น่ะเป็นสร้อยสัญลักษณ์ของหัวหน้าเผ่าออร์ค มีนักรบคนหนึ่งสู้กับหัวหน้าเผ่าออร์คจนชนะและได้นำมันกลับมาด้วย” ดวงตาของชายชราดูราวกับเต็มเปี่ยมไปด้วยความทรงจำที่ดี



    “คนๆนั้นเป็นคนยังไงเหรอปู่?” เรย์ถามเมื่อเริ่มรู้สึกสนใจขึ้นมา



    “นักรบคนนั้นดุจดังราชสีห์สีทองที่เข้ามาปราบคนชั่วรอบๆครอสเซ็นเตอร์นี่ เดิมที่นี่เป็นเพียงแค่ทุ่งรกร้างที่เป็นที่ซ่องสุมของโจรผู้ร้าย” ชายชราเล่า ดวงตาดูกึ่งเหม่อลอยกึ่งเปี่ยมด้วยประกายแห่งความหวัง “ลุงซึ่งตอนนั้นเป็นเด็กตัวเล็กๆที่อาศัยอยู่กับพ่อที่นี่โดนพวกโจรกดขี่ประจำ.. จนวันนั้นที่นักรบคนนั้นเข้ามาในแดนร้างนี้..”



    “. . .” เรย์นั่งเงียบพร้อมฟังเรื่องราวที่ลุงแกเล่า



    “เหมือนกับสิงโตขย้ำเหยื่อ พวกโจรทั้งหมดรวมเกือบร้อยคนบุกเข้ามาโจมตีเขา แต่นักรบคนนั้นก็กวัดแกว่งดาบสีเงินเล่มยักษ์ของเขาไปรอบๆ เขากระโดดขึ้นหมุนตัวก่อนจะวาดดาบเป็นวงกว้าง แรงลมจากดาบรุนแรงขนาดเฉือนเนื้อพวกโจรเลือดกระฉูด! ผ้าคลุมขนสิงโตสีน้ำตาลทองปลิวโบกสะบัด ช่างเป็นภาพการต่อสู้ที่เร้าใจที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็น!” ชายชราเล่าอย่างมีชีวิตชีวาต่างจากก่อนที่เรย์จะมาคุยด้วยลิบลับ “ไม่นานนักหลังจากนั้น เกราะสีทองของเขาชุ่มโชกไปด้วยเลือดของพวกโจรชั่ว ดาบสีเงินที่เขาใช้ก็เช่นกัน”



    “โห..” เรย์อุทานเบาๆ



    “หลังจากนั้นเขาก็เปลี่ยนที่นี่ให้เป็นเมืองเล็กๆสำหรับซื้อขายของ แล้วก็มีคนมาพัฒนาที่นี่อีกจนเป็นแบบนี้นี่แหละเจ้าหนุ่ม” ชายชราเล่าจนจบก่อนจะยิ้มอย่างภูมิใจในความรอบรู้ของตน



    “สุดยอดเลยนะครับ” เรย์ยิ้ม



    “ใช่.. จนกระทั่งมีการสร้างพื้นที่ขยายเพิ่มจนพื้นที่ของร้านเก่าๆแถบนี้ไม่เป็นที่สนใจอีก” ชายชราเอ่ยเสียงเศร้า ประกายที่ตาดูจะหายไป “ร้านแถบนี้ไม่มีลูกค้ามานานแล้วล่ะ ไม่มีใครหลงเหลือกำลังใจแล้ว.. ฉันเองก็กำลังจะปิดร้านนี้แล้วล่ะนะ..”



    “. . .” เรย์มองชายชราด้วยความรู้สึกสงสาร



    “เฮ้อ.. ฉันเคยฝันอยากให้นักรบคนนั้นกลับมาช่วยที่นี่อีกครั้ง..” ชายชราเอ่ย “แต่ก็รู้ว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ เพราะนักรบคนนั้นน่ะหายสาบสูญไปนานแล้ว..” สีหน้าของแกดูเศร้าซึม “พลังแห่งความหวังที่เคยชุบชีวิตผืนดินที่แห้งแล้งนี้ได้จากไปแล้ว.. ถึงยังไงฉันก็ไม่อยากไหว้วานอะไรเขาอีกหลายๆครั้งหรอกนะ เขาช่วยเรามามากเหลือเกินแล้ว..” ชายแก่เอ่ยเสียงสั่นพร้อมกำหมัดแน่น



    “ปู่..” เรย์พึมพำ



    “แล้วดูตอนนี้สิ.. สิ่งที่เขาอุตส่าห์สร้างขึ้นมา.. แต่ฉันกลับไม่มีปัญญารักษามัน..” เสียงของชายชราสั่น เหมือนคนที่กลั้นน้ำตาไว้ “แล้วยังจะหวังพึ่งเขาอีก.. น่าสมเพชที่สุด..!”



    “. . .” เรย์รู้สึกสงสารชายชราคนนี้ขึ้นมาจับใจ เขาครุ่นคิด.. “..คุณปู่ครับ”



    \"..มีอะไรเรอะ” ชายชรายังคงก้มหน้า



    “..ผมจะช่วยเอง..”



    “..หา?” ดวงตาที่ฝ้าฟางของชายชราดูประหลาดใจและตกใจเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง เขารู้สึกเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ส่วนลึกของจิตใจ เขาเองก็อยากจะลองเชื่อเด็กหนุ่มคนนี้เหมือนกัน..



    ”เพื่อตอบแทนเรื่องเล่าสนุกๆเมื่อกี้ ผมจะช่วยให้ที่นี่ฟื้นขึ้นมาอีกครั้งเอง! เหมือนกับนักรบคนนั้น!” เรย์เอ่ยพร้อมกับลุกขึ้นยืน เขายิ้มให้กับชายชราด้วยความมั่นใจ “ต่อให้เป็นที่อาถรรพ์ เชื่อผมเถอะ ผมนี่แหละจะเปลี่ยนมันเอง!!”



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×