ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    น า ย พ ยั ค ฆ า

    ลำดับตอนที่ #6 : ปากหมาครั้งที่ห้า : ความไว้ใจเป็นเหตุ

    • อัปเดตล่าสุด 12 มิ.ย. 62





    ปากหมาครั้งที่ห้า : ความไว้ใจเป็นเหตุ คำเตือน : โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน


                   “...ค่อย ๆ เดินนะมึง

                   “อืม
                   สภาพผมตอนนี้แทบไม่ต่างอะไรกับคุณปู่แก่ ๆ ที่ต้องมีลูกหลายคอยพยุงตอนเดินเลยครับ ทั้งไอ้เก้าและไอ้นินต่างเดินคู่ขนาบข้างซ้ายขวาคอยพยุงผมเดินลงบันไดจากชั้นสามของตึกคณะพลางคอยพูดเตือนผมเบา ๆ
                   ทำไมสภาพผมถึงเป็นแบบนี้หรอครับ
                   เมื่อเช้า...
                   ในขณะที่ผมกำลังอาบน้ำอย่างสุขกายสบายใจพร้อมฮัมเพลงอย่างมีความสุข แต่แล้วจู่ ๆ เสียงริงโทนมือถือของผมก็ดังขึ้น ผมจึงรีบปิดฝักบัวและนุ่งผ้าขนหนูเดินออกมาจะไปรับโทรศัพท์
                   แต่ความซวยผสมความโง่ของผมเองดลใจให้ผมรีบวิ่งทั้ง ๆ ที่ผมเดินจะถึงตัวเครื่องแล้ว ผมพลาดท่าลื่นล้มหงายท้องหงายไส้เกือบตีลังกาไปหนึ่งตลบ โชคดีที่หัวผมไม่กระแทกกับพื้นแต่ข้อเท้าผมดันพลิกนี่สิ...
                   สุดท้ายผมต้องคลานตะเกียกตะกายไปรับสาย ซึ่งไม่ใช่บุคคลสำคัญอย่างพ่อแม่หรือคนในครอบครัวผมโทรมาครับ แต่เป็น ไอ้นิน ที่โทรมาปลุกผมเพราะคิดว่าผมยังไม่ตื่น ผมจึงใช้โอกาสนี้บอกให้มันมารับที่หอ
                   ตอนแรกมันก็บ่น ๆ นะครับว่าทำไมมันต้องมารับผมด้วย ทั้ง ๆ ที่ปกติผมก็เดินไปคณะเองได้ ผมเลยต้องยอมเล่าเรื่องโง่ ๆ ของผมให้มันฟังจนจบ มันคงสมเพชผมเลยยอมมารับผมจนได้...พูดแล้วก็อายว่ะ -///-
                   “มึงก็เนอะ...แทนที่มึงจะเช็ดตีนให้แห้งก่อนก็ได้ไม่ก็ค่อย ๆ เดินมา...ไอ้นินบ่นพึมพำอยู่ข้างหูผมทำเหมือนผมไม่ได้ยินสิ่งที่มันพูด มึงคิดว่ามึงเล่นเป็นพระเอกหนังจักร ๆ วงศ์ ๆ อยู่รึไง...กูได้ยินมึงทุกคำนะเว้ย!
                   “แล้วมึงจะมาเรียนทำไมวะ ข้อเท้าพลิกอยู่ไม่ใช่รึไง เดินทีปวดจะตายห่าถึงแม้ไอ้เก้ามันจะบ่นขึ้นมาเสริมแต่มันก็ยังทำหน้าที่คอยพยุงผมเหมือนเดิม แต่ไอ้ห่านินนี่สิ แม่งปล่อยกูแล้ว
                   “กูขอโทษที่โง่ละกันผมหมดคำจะพูดจริง ๆ ครับ พวกมันสองตัวบ่นเหมือนผมทำผิดมากมาย แต่ความจริงผมแค่ทำเรื่องโง่ ๆ ลงไปเองนะ...
                   เศร้าว่ะ
                   “เห้อออ~ มึงหนิ...เดี๋ยววันนี้กูไปส่ง เคมั้ย
                   “อืม
                   ถึงไอ้เก้าจะเป็นคนกวนตีนเหมือนไม่ค่อยแคร์ใคร แต่ถ้ารู้จักมันจริง ๆ แล้ว มันเป็นคนที่เป็นห่วงคนรอบข้างมาก ๆ เลยนะครับ ถึงแม้ว่ามันจะไม่แสดงออกมาก็เถอะ




                   “อ้าวจารย์ หวัดดีครับไอ้นินพูดขึ้นพร้อมไหว้อาจารย์ทันที พวกผมอีกสองคนจึงต้องรีบยกมือไหว้ตามมันเพราะกลัวถูกมองว่าเป็นคนไม่มีมารยาท...
                   “หวัดดี ๆ เออ เจอพวกนายพอดีเลย จารย์ขอใช้ไปยกของห้องแลปชั้นสี่หน่อยสิพวกผมมองหน้ากันเลิ่กลั่ก...อ่า ผมต้องเสียสละสินะพวกมึงไปเหอะ เดี๋ยวกูกลับเองเอ...ผมพูดอะไรผิดไปหรอครับ ทำไมพวกไอ้นินถึงมองหน้าผมแบบนี้
                   “แล้วมึงจะกลับยังไง/มึงจะทิ้งพวกกูอ่อเอ๊ะ...ไอ้เก้านี่มันยังไง มึงเป็นห่วงกูจริงป่ะเนี่ย ไหงมาถามว่ากูจะทิ้งมึงหรอ...แล้วไอ้นินมึงก็สลับคำกับไอ้เก้าไปอีก โอ๊ย...เพื่อนกูแต่ละคน
                   “...”
                   “มึงกลับเองได้ใช้มั้ย งั้นเดี๋ยวพวกกูไปขนของช่วยจารย์ก่อนนะสุดท้ายไอ้นินพูดตัดจบพร้อมดึงแขนไอ้เก้าให้เดินตามมันไปโดยที่มีอาจารย์เดินนำหน้าไปก่อนแล้ว




                   ผมพยายามเดินช้า ๆ และทนกับความเจ็บปวดจนมาถึงหน้าตึกพลางคิดว่าผมจะกลับหอยังไงดี...ป่านนี้พี่วินคงกลับบ้านไปหมดแล้วด้วย เห้อ...ซวยได้ซวยดีจริง ๆ เลยกู
                   ผมยืนได้สักพักหนึ่งก่อนจะตัดสินใจนั่งลงที่ฟุตบาท สภาพผมตอนนี้มันน่าเวทนาจริง ๆ ครับ ผมโคตรสงสารตัวเองเลย
    ปี๊นนน ๆ !
                   “ไม่กลับหอรึไง
                   ผมเงยหน้ามองตามเสียงแตรรถที่ดังอยู่ตรงหน้า ไม่ใช่ใครที่ไหนเลยครับ ไอ้พี่เสือคนเดิม เพิ่มเติมคือพี่มันใส่ชุดนักศึกษาพร้อมเนคไทสีเขียวเข้มที่คุ้นตา และสวมหมวกกันน็อคเต็มใบสีดำที่เปิดกระจกหน้าไว้เหลือแค่ตา
                   เห็นหน้ามันแล้วรู้สึกคันไม้คันมือแปลก ๆ แหะ ผมยังจำได้นะว่าวันนั้นมันทำอะไรกับผมไว้...กาแฟรสเกลือผมจะจำยันลูกบวชเลย!
     
                  “ผมกลับไม่ได้ผมพูดพร้อมสายหน้าเป็นคำตอบ สีหน้าพี่มันดูเหมือนงงนิดหน่อย เออมันก็น่างงจริง ๆ แหละถ้าเขาไม่รู้ว่าผมเป็นอะไร
                   “
    ทำไมจะกลับไม่ได้ ปกติมึงก็เดินกลับหนิ
                   “
    ข้อเท้าผมพลิก...
                   
    เอ๊ะ ทำไมพี่เสือถึงรู้ว่าผมเดินกลับหออ่ะ หรือพี่มันแค่เดาเฉย ๆ ช่างเหอะ เพราะตอนนี้ผมควรคิดหาทางกลับหอมากกว่าสนใจเรื่องของพี่เสือ
                   “
    หอมึงอยู่ไหน
                   “
    อยู่ตรงนู้น...ตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายผมตอบพร้อมชี้ไปทางหอของผม ซึ่งพี่มันก็มองตามนิ้วผมก่อนจะเบนสายตามามองที่ผมแทนด้วยสายที่นิ่งเรียบ
                   “
    ให้กูไปส่งมั้ย
                   “...
    จะว่าไป...พี่มาทำอะไรแถวนี้หรอครับผมพูดเปลี่ยนประเด็นไปซะดื้อ ๆ เหมือนจะเนียนแต่ก็ไม่เนียน(?) เพราะพี่เสือทำหน้าคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปากตอบ
                   
    กูมารับแฟน...สรุปมึงจะให้กูไปส่งมั้ยเนี่ย พี่เสือทำเสียงหงุดหงิดใส่ผมน้อย ๆ พร้อมทำคิ้วขมวดจนเกือบเป็นปมมองมาที่ผม
                   
    เอาไงดีวะ
                   “
    แล้วแฟนพี่ล่ะ
                   “
    เอ๊ะ มึงเป็นห่วงอะไรแฟนกูนักหนา เป็นกิ๊กกับแฟนกูรึไง
                   
    อ้าวเห้ย...อย่างนี้ก็ได้หรอครับ ผมไม่สามารถสรรหาคำใด ๆ มาตอบพี่มันได้เลย ผมเบนสายตาไล่สังเกตตัวพี่มันและรถทั้งคันอย่างละเอียดถี่ถ้วน สงสัยมันมารับแฟนจริง ๆ แหละ เพราะตรงถังน้ำมันรถมีหมวกกันน็อคเต็มใบอีกใบอยู่ด้วย
                   “
    คือผม-
                   “
    อ่ะ! ใส่ซะ แล้วขึ้นรถ
                   
    ผมมองหมวกกันน็อคที่พี่เสือพึ่งยื่นให้ผมเมื่อกี้นี้ไม่ละสายตา ผมจะไปกับมันดีมั้ยวะ...ไม่อยากเสี่ยงเลย ถ้าเกิดมันแกล้งผมขึ้นมาทำไงเนี่ย
                   
    เอาวะ
                   
    เชื่อใจพี่เสือสักครั้งละกัน
                   
    ผมรับหมวกกันน็อคมาใส่ก่อนจะลุกยืนอย่างทุลักทุเลโดยที่มีไอ้พี่เสือมองอยู่ไม่กระพริบตา...ทำไมชอบกดดันวะเห้ย!
                   “
    รีบขึ้นมาแล้วเลิกทำหน้าสามขีดได้แล้วสามขีดอะไรเล่า! ผมไม่ได้ทำหน้าแบบนั้นสักหน่อย ทีพี่มันทำหน้าเหมือนส้นตีนผมยังไม่พูดเลยนะ -_- “ครับ ๆ รู้แล้วน่าผมหันหน้าหนีไอ้พี่เสือเล็กน้อยก่อนจะลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ
                   “
    ฮึ้บ!
                   
    ผมก้าวขึ้นซ้อนมอไซค์พี่มันด้วยแรงทั้งหมดที่มี พอที่เสือรู้ว่าผมจัดที่นั่งได้เรียบร้อยแล้วจึงดึงกระจกหน้าหมวกลงทันที
    บรื้นนนนน!
                   “
    เชี่ยยยยยยยย!
                   
    รถแม่งจะแรงไปไหนวะ ผมไม่ทันได้ตั้งตัวเลยครับพี่มันก็บิดคันเร่งไม่สนใจผมเลย ผมเกือบหงายหลังตกรถแล้วเนี่ย...และด้วยความตกใจสัญชาตญาณของผมสั่งให้ผมจับเอวพี่เสืออัตโนมัติ เพราะมอไซค์พี่มันไม่มีที่จับด้านหลังเหมือนมอไซค์ทั่วไป
                   
    แม่งเอ้ย...ขับรถน่ากลัวฉิบหาย
                   
    ตั้งแต่ผมเกิดมาจนตอนนี้อายุสิบแปดปี ผมยังไม่เคยเจอใครที่ขับรถได้เร็วและน่ากลัวขนาดนี้มาก่อน และผมก็เป็นมนุษย์คนนึงที่กลัวความเร็วแบบนี้มาก ๆ ด้วยครับ ฮรื่อ...ผมจะร้องไห้จริง ๆ แล้วนะ T_T
                   
    ไม่น่าเลยกู
                   “
    หอเจ้ปลาใช่มั้ยพี่เสือหันมาตะโกนถามผมเสียงอู้อี้ ซึ่งผมทำได้เพียงพยักหน้าตอบแบบไม่ลืมหูลืมตา เข้าใจมั้ยครับว่าคนกลัวอ่ะ มันกลัวมากจริง ๆ นะ กลัวจนอยากร้องไห้เลย...


    เอี๊ยดดด!
                   “
    ถึงแล้ว
                   “...”
                   “
    ปล่อยกูได้แล้ว
                   “
    ห๊ะ
                   
    ผมก้มมองสำรวจตัวเองคร่าว ๆ ด้วยความสงสัย ผมไปกอดไอ้พี่เสือตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้แถมกอดมันแน่นมากด้วย สงสัยจะเป็นตอนที่มันขับรถอยู่แน่ ๆ
                   
    ไม่รอช้าผมรีบผละตัวออกจากพี่มันทันทีก่อนจะก้าวขาลงจากรถ ผมไม่น่าไว้ใจพี่มันเลยครับ...ตอนนี้ขาผมสั่นจนแทบยืนไม่อยู่จนผมต้องกำหนดลมหายใจตั้งสติอยู่นานกว่าจะหาย...
                   
    ผมถอดหมวกกันน็อคคืนพี่เสือด้วยมือที่สั่นเทา อ่า...คิดว่าหายกลัวแล้วนะเนี่ย แต่ไหงยังมือสั่นแบบนี้อีกวะ ส่วนพี่เสือก็รับหมวกกันน็อคจากผมก่อนจะเงยหน้ามองผมครู่หนึ่งพร้อมรอยยิ้มมุมปาก
                   
    หมั่นไส้รอยยิ้มพี่มันฉิบหาย
                   “
    มึงเป็นไรอ่ะ ช็อคในความเร็วของรถกูอ่ะดิ้ช็อคพ่อ ช็อคแม่มึงสิพี่! ผมอ่ะโคตรโกรธพี่มันเลยนะ แต่ผมก็ทำอะไรมันไม่ได้เหมือนกัน แม่งน่าหงุดหงิดฉิบหาย
                   “
    ช็อคที่หน้าพี่สิผมมองแรงใส่ไอ้พี่เสืออยู่สักพักหนึ่งก่อนจะเบือนหน้าหนีพี่มัน ทำไมมันชอบแกล้งผมจังวะ เห็นว่าเป็นรุ่นน้องหน่อยไม่ได้เลย แกล้งจนผมจะทนไม่ไหวแล้วนะ
                   
    ผมได้ยินพี่มันหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียวเหมือนมันจะชอบใจมากที่เห็นสภาพหน้าของผมซีดปางตายแบบนี้ อย่าให้ถึงทีกูบ้างนะพี่
                   “
    ว่าแต่...มึงชื่อขุนเขาหรอ
                   “
    ครับ...พี่รู้ได้ไง
                   “
    ก็ได้ยินไอ้กั้งมันเรียกมึงแบบนั้น
                   “
    อ่อ...
                   
    เดดแอร์อีกแล้วครับ...เหมือนว่าเราสองคนจะหมดเรื่องคุยกันแล้วต่างคนต่างก้มหน้าก้มตาหนีกัน แล้วทำไมพี่มึงไม่ขี่รถออกไปสักทีวะ ผมจะได้เดินขึ้นหออย่างสบายใจ -0-
                   “
    งั้นกูไปก่อนนะ...
                   “...
    ไว้เจอกันใหม่นะ น้องขุนเขา
    บรื้นนนนน~
                   
    ไม่ทันที่ผมจะได้พูดลากับพี่เสือสักคำ มันก็ขับรถออกตัวไปก่อนเสียแล้ว เมื่อกี้ผมได้ยินไม่ผิดใช่มั้ยว่ามันเรียกผมว่า น้องขุนเขา อห.ไม่เคยมีใครเรียกผมว่าน้องขุนเขาได้น่าขนลุกแบบนี้มาก่อน ผมนับถือพี่จริง ๆ ...




    ไลน์!
    NNINZ : ขุนมึงกลับหอยังไงอ่ะ K-KHAO : พอดีมีคนอาสาไปส่ง NNINZ : อ่อ งั้นก็ดีแล้ว NNINZ : กูคิดว่ามึงเดินกลับซะอีก NNINZ : ใจหายหมด K-KHAO : เออน่า กูปลอดภัยดี ไม่ต้องเป็นห่วง NNINZ : กลับถึงหอปลอดภัยก็ดีแล้ว
                   
    ความจริงแล้วก็ไม่ปลอดภัยเท่าไหร่หรอกเพื่อนนิน กูเกือบหัวใจวายด้วยแหละ...ใจจริงผมอยากจะตอบมันแบบนี้นะ แต่ไม่เอาดีกว่าเดี๋ยวจะได้เคลียร์กับมันยาว...



                   “...กูมาทันมั้ย
                   
    ผมกับไอ้นินหันไปมองไอ้เก้าเป็นตาเดียวกัน วันนี้วันจันทร์แท้ ๆ ทำไมมันถึงมาสายจัง ปกติมันจะมาเช้ากว่าพวกผมอีก หรือว่ามันตื่นสาย...เป็นไปไม่ได้หรอก คนอย่างไอ้เก้าเนี่ยนะจะตื่นสาย...
                   “
    ทัน แล้วมึงไปไหนมาผมตอบมันเสียงเรียบก่อนจะตักข้าวผัดเข้าปากคำใหญ่ โทษที พอดีกูไปซื้อกาแฟมาไอ้เก้านั่งลงเก้าอี้ข้างผมก่อนจะวางแก้วกาแฟที่มันพึ่งไปซื้อมาบนโต๊ะ
                   
    ทำไมแก้วมันดูคุ้น ๆ จังวะ...อ่อ! อย่าบอกนะว่าเป็นแก้วร้านเดียวกับร้านที่พี่เสือซื้อมาวันนั้น ผมห้ามความอยากรู้อยากเห็นของผมไม่ได้จึงจับแก้วไอ้เก้าหมุนดูรอบ ๆ ใช่ครับ...ใช่ร้านนั้นจริง ๆ ด้วย
                   “
    เห้ย ๆ หมุนแก้วกูเป็นลูกข่างเลยนะมันรีบยกแก้วหนีผมด้วยท่าทางโกรธ ๆ อะไรวะ กูก็แค่สำรวจแก้วเอง...แต่จากที่ผมหมุนดูรอบ ๆ แล้ว แก้วของไอ้เก้าไม่เห็นเขียนประโยคเลี่ยน ๆ เหมือนของไอ้พี่เสือเลย
                   “
    มึงไปซื้อร้านไหนมาผมมองหน้าไอ้เก้าไม่ละสายตา ต่างจากไอ้นินตอนนี้มันสนใจมือถือในมือมันมากกว่าเพื่อน ๆ ไปแล้วก็ร้านแถว ๆ คณะสถาปัตย์ มึงถามทำไมอ่ะ...กูว่าใช่แน่ ๆ
                   “
    ปกติแก้วกาแฟร้านนี้จะมีประโยคอะไรเขียนไว้หน้าแก้วป่ะคำถามของผมทำไอ้เก้าเอ๋อแดก เอ๊ะ...ทำไมมึงงงอะไรเก้า กูก็ไม่ได้มึงถามซับซ้อนเลยหนิ
                   “
    ไม่นะ แต่ที่ร้านเขาจะมีปากกาให้เราเขียนแก้วเองได้...อะไรนะ...ให้ลูกค้าใช้ปากกาเขียนแก้วเองได้ ต้องไม่ใช่แบบนี้ดิ...ไม่มีทางเป็นไอ้พี่เสือที่เขียนแน่ ๆ เพราะลายมือที่เขียนอยู่บนแก้วนั้นมันสวยมาก แถมประโยคที่เขียนก็เลี่ยนสุด ๆ
                   
    แค่คิดว่าเป็นไอ้พี่เสือเขียน
                   
    ผมก็ขนลุกไปหมดแล้ว
                   “
    อ่อ...
                   “
    เออไอ้ขุน วันนั้นใครอาสาไปส่งมึงวะ
                   
    จู่ ๆ ไอ้นินก็เงยหน้าขึ้นมาถามผมเสียงเรียบก่อนจะยัดมือถือใส่ในกระเป๋ากางเกง ฉิบหายแล้วไง ผมจะตอบมันยังไงดีครับ...ผมไม่ได้คิดเรื่องนี้ไว้ด้วย ;-;
                   “...”
                   “
    พี่กั้งหรอ
                   
    เออ!!! ทำไมผมไม่ขอให้พี่กั้งไปส่งผมวะ โอ๊ย~ ไอ้ขุนมึงนี่โง่ซ้ำโง่ซ้อนจริง ๆ ทำไมผมพึ่งคิดได้เนี่ย...กว่าจะคิดได้ก็สายไปแล้วด้วย
                   
    จะว่าไปผมควรตอบไอ้นินมันว่าอะไรดี ควรตอบตามความจริงหรือโกหกไปดี ถึงโกหกไปสักวันมันก็ต้องรู้อยู่แล้ว สู้ให้มันรู้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ไม่ดีกว่าหรอ...
             
          “พี่เสือ...
                   “พี่เสืออาสาไปส่งกูเอง




    TBC #นายพยัคฆา ขุนเขาลูกแม่...หนูใจมากลูก แม่ยอมหนูแล้ว ;-; //แอบกระซิบนิดนึงนะคะ จริง ๆ แล้วพี่เสือเขาร้ายลึกนะคะทู๊กโค๊นนนนนนนนน~




    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×