ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    น า ย พ ยั ค ฆ า

    ลำดับตอนที่ #5 : ปากหมาครั้งที่สี่ : คำยินดี

    • อัปเดตล่าสุด 5 มิ.ย. 62


     

     

     

    ปากหมาครั้งที่สี่ : คำยินดี

    คำเตือน : โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

     

     

     

                    “...ไอ้เหี้ยนินอย่าแกล้งกู”

     

                   ผมนั่งมองไอ้นินที่กำลังใช้ปากกาน้ำเงินแหย่คอไอ้เก้าพร้อมหัวเราะคิกคักชอบใจเบา ๆ ...วันนี้ตั้งแต่เช้าผมมีเรียนยาวทั้งวันจนถึงห้าโมง ความรู้สึกของผมตอนนี้เหมือนวันนี้จะไม่มีวันจบลงเลยครับ

     

                   ไหนจะเรียนนู่นเรียนนี่ และต้องแยกประสาทนั่งจดงานที่ต้องทำส่งอาทิตย์หน้าอีก เรียนยังไม่ถึงสามอาทิตย์จำเป็นต้องงานเยอะขนาดนี้เลยหรอครับ...

     

                   ถามจริง...พวกรุ่นพี่ปีสองเขาผ่านช่วงเวลานี้กันไปได้ยังไงครับ ขนาดผมเจอแค่นี้ยังรู้สึกเหนื่อยขนาดนี้ แล้วพวกพี่เขาต้องเจออะไรกันมาบ้างเนี่ย

     

                   คิดแล้วก็เหนื่อยแทน

     

                    เอ๊ะ ไอ้เหี้ยนิน เป็นเอ๋อแล้วอยู่นิ่ง ๆ ไม่ได้หรอ” ไอ้เก้าหันมองหน้าไอ้นินคิ้วขมวดพร้อมพูดเสียงเหวี่ยง เอาแล้ว...อีกสักพักคงจะมีคนวอร์กันแน่ ๆ ไม่ใช่ใครที่ไหนเลยครับ ไอ้นินกับไอ้เก้าเนี่ยแหละ

     

                    แล้วมึงจะทำไม แบร่ ๆ” ไม่พูดเปล่าไอ้เหี้ยนินแลบลิ้นล้อเลียนใส่หน้าไอ้เก้าอย่างไม่ดูดำดูแดง หน้าไอ้เก้าตอนนี้มันโกรธจนตาเขียวปั้ดแล้ว...ผมว่าผมควรสนใจอาจารย์มากกว่าพวกมันนะ

     

                    ไอ้ขุนมึงตบหัวมันสักทีดิ้ กูหมั่นไส้” อ่ะ...ลากกูเข้าไปเกี่ยวจนได้ ผมแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินพร้อมเนียนจดเลคเชอร์ ซึ่งมันก็ได้ผลครับ...ไอ้เก้ามันเงียบไปสักพักหนึ่งเลย

     

                   คงไม่มีเรื่องอะไรแล้วล่ะ...

     

    .

     

    .

     

    .

     

    ผั๊วะ!

     

                    ไอ้เก้า!!!”

     

                   คนทั้งคลาสหันมองไอ้นินเป็นตาเดียวกันด้วยความตกใจ ไม่เว้นแม้แต่อาจารย์...ฉิบหายแล้วไง ไอ้พวกเหี้ยพวกนี้หนิ หาเรื่องกันได้ไม่เว้นวัน ทำไมกูยังคบพวกมึงเป็นเพื่อนอีกวะเนี่ย

     

                    คุณนภัสดล กับ คุณกฤติธนัช ลงมาหาผมเดี๋ยวนี้” พวกมันสองตัวทำหน้ายู่ทั้งคู่พร้อมเอามือดันกันไปมาเป็นเด็ก ห่าเอ้ย...พวกมึงรีบลงไปหาจารย์แกเถอะ กูอายแทนพวกมึงแล้วนะ ;-;

     

                    จารย์ครับ! นคินทร์ก็เล่นครับ!”

     

                   ไอ้เพื่อนเหี้ย!

     

                   พวกมึงสองตัวโกรธแค้นอะไรกูเนี่ย กูไปทำอะไรให้พวกมึงห๊ะ!? ผมแทบจะจับปากกาในมือไม่อยู่คล้ายจะหมดแรง...ผมว่าผมก็อยู่เฉย ๆ ของผมแล้วนะ ไหงยังโดนลากไปเกี่ยวด้วยเนี่ย

     

                   จบเรื่องนี้แล้วเจอกันแน่พวกเหี้ย

     

                    มาด้วยกันทั้งหมดนั่นแหละ...”

     

     

     

     

     

                    “...เพราะมึงนั่นแหละ!”

     

                    มึงต่างหาก!”

     

                    พวกมึงทั้งคู่แหละ!”

     

                   ผมเอาปึ้งกระดาษในมือฟาดไปที่หลังพวกเพื่อน(รัก)เหี้ยทั้งสองตัวด้วยความหมั่นไส้ เล่นกูก็ไม่ได้เล่นกับพวกมึงไหงกูต้องมาทำรายงานเพิ่มอีกสามเล่มด้วยวะ

     

                   น่าตีให้ตายทั้งคู่จริง ๆ

     

                    โอ๊ย ๆ กูเจ็บนะ” เป็นการร้องโอดครวญที่ตอแหลที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยินมา...และผมแทบไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่ร้องออกมาจะเป็นไอ้นิน...คีพลุคหน่อยเพื่อน...

     

                    เสียงตอแหลมาก...โอ๊ย!” ผมใช้ปึ้งกระดาษในมือฟาดหลังไอ้เก้าอีกรอบด้วยแรงที่มากขึ้น ความจริง มันสมควรโดนมากกว่านี้ด้วยซ้ำ...แต่ผมยังเห็นว่ามันเป็นเพื่อนหรอกนะ ผมถึงไม่ทำ

     

                    พวกมึงนี่เหี้ยได้ใจกูจริง ๆ” ผมพูดขนาดนี้พวกมันก็ยังคงไม่สำนึกผิดอีกตามเคย แถมยังทำหน้าทำตาล้อเลียนผมอีก เดี๋ยวเถอะมึง...

     

                    ช่วยไม่ได้ ก็มึงคบพวกกูเป็นเพื่อนเอง” ไอ้เก้ายักไหล่พร้อมทำหน้ากวนตีนใส่ผมอย่างไม่รู้สี่รู้แปด คนอะไรจะมึนได้ขนาดนี้วะ...ผมไม่อยากจะเชื่อจริง ๆ

     

     

     

     

     

                    เห้อออออ~”

     

                   ผมถอนหายใจใส่หน้าจอโน้ตบุ๊ครอบที่ล้านแปด วันนี้ผมนั่งทำรายงานตั้งแต่หกโมงเย็นจนป่านนี้ห้าทุ่มแล้วผมพึ่งพิมพ์งานเสร็จสามเล่มจากเก้าเล่ม ถ้าผมไม่โดนลงโทษเพราะพวกไอ้เก้านะ ป่านนี้ผมคงพิมพ์งานเสร็จไปนานแล้ว -0-

     

                   หลังจากวันนี้ที่ผมได้เรียนมาทั้งวันแล้ว ผมยังต้องมานั่งปั่นรายงานอีก มันทำให้ผมรู้สึกเหนื่อยเป็นสองเท่าจากอาทิตย์ที่แล้วที่ยังพอให้มีเวลาพักหายใจบ้าง

     

                   ยิ่งเรียนก็ยิ่งเหนื่อย...แต่ผมเลือกเดินมาถึงตรงนี้แล้ว ถ้าจะให้ผมเดินย้อนกลับไปคงยาก เพราะฉะนั้นผมจึงต้องทนสู้ต่อไป แม้ร่างกายและจิตใจจะหมดแรงก็ตามที

     

                   ทำไมฝืนตัวเองจังวะ...

     

    ไลน์!

     

    KG : ได้ข่าวว่าโดนลงโทษ

    KG : เป็นไงบ้าง ไหวรึเปล่า

     

                   กูถามจริง!!!

     

                   พี่กั้งเขาไปได้ยินเรื่องนี้มาจากไหนเนี่ย บางทีผมก็นึกแปลกใจนะว่าครับทำไมเรื่องของผมถึงเข้าหูคนในคณะได้เร็วขนาดนี้ ตั้งแต่ตอนที่ผมเกือบมีเรื่องกับไอ้พี่เสือแล้ว...

     

                   น่ากลัวจังวะ

     

    K-KHAO : ยังไหวครับ 5555

    KG : ยังไงก็สู้ ๆ นะครับ พี่เป็นกำลังใจให้ ^^

    K-KHAO : ขอบคุณครับพี่กั้ง

    KG : เรียนไม่เข้าใจตรงไหนถามพี่ได้นะ

    K-KHAO : ครับผม

    KG : งั้นพี่ไปนอนแล้วนะ

    KG : GN

    K-KHAO : GN :D

     

                   พี่กั้งเป็นพี่ที่น่ารักมาก ๆ เลยครับ หลายต่อหลายครั้งที่ผมมีปัญหาก็มีพี่เขาเนี่ยแหละที่ยื่นมือเข้ามาช่วยผมโดยที่ไม่หวังสิ่งตอบแทนใด ๆ เลย

     

                   หลังจากที่พี่กั้งทักมาถามไถ่ผมก็รู้สึกเหมือนมีไฟในการทำงานมากขึ้น แต่ถึงตอนนี้ผมมีไฟผมก็ทำงานต่อไม่ไหวหรอกครับ ความง่วงของผมมันมีมากกว่า...

     

                   คงเป็นเพราะวันนี้ผมเรียนหนักมาทั้งวัน ร่างกายของผมคงเหนื่อยและต้องการพักผ่อนเป็นธรรมดา ผมตัดสินใจเซฟงานลงในเครื่องและปิดโน้ตบุ๊คลงทันที

     

                   ผมขอนอนพักก่อนนะ...ไม่ไหวแล้ว

     

     

     

     

     

                    “...ไอ้ขุน มึงทำเล่มไหนอยู่อ่ะ”

     

                    เล่มสี่”

     

                   วันนี้ผมมานั่งทำรายงานกับพวกเพื่อนที่น่ารัก(?)ที่ห้องไอ้นินครับ ผมมาตั้งแต่เช้าเลยนะแต่งานยังไม่ขยับไปไหน...สงสัยอยู่กับพวกมันแล้วผมคุยมากไปหน่อย...

     

                    ถ้าไอ้เก้าไม่ตบหัวกู พวกเราคงไม่ต้องมานั่งทำรายงานเยอะขนาดนี้หรอก” กูได้ข่าวว่ามึงไปแกล้งมันก่อนนะนิน แล้วไหงถึงโยนขี้ให้ไอ้เก้าง่าย ๆ แบบนี้ล่ะ และดูเหมือนผมจะไม่ได้คิดแบบนี้คนเดียวด้วยสิ...เหมือนไอ้เก้าก็เห็นด้วยนะ

     

                   ไอ้เก้าถอนหายใจเหนื่อยเสียงดังโดยที่ไม่หันไปมองไอ้นินสักนิด ส่วนไอ้นินก็นั่งกอดอกทำแก้มพองอยู่บนพื้นพร้อมมองไอ้เก้าจากด้านหลัง เออดี ๆ งอนกันให้ตายไปเลยไอ้เวร

     

                   และแล้วห้องไอ้นินก็เงียบสงบไปโดยปริยาย มีเพียงเสียงเคาะแป้นพิมพ์จากโน้ตบุ๊คทุก ๆ คนที่ดังขึ้นสลับกันเป็นระยะ ๆ ทำให้สถานการณ์ตอนนี้ดูน่าอึดอัดทวีคูณขึ้นไปอีก

     

                   ถึงแม้วันนี้จะเป็นวันเสาร์แต่ไอ้เก้ายังคงต้องไปที่คณะเพื่อไปช่วยงานอาจารย์ ส่วนไอ้นินก็ต้องไปทำธุระนอกมอ พวกผมจึงต้องแยกย้ายกันไปทำธุระของตัวเอง...

     

                   แต่ผมดันว่างคนเดียวนี่สิ

     

                   ผมเหมือนเป็นคนไม่มีที่ไปเลยครับ จะกลับหอเลยก็ขี้เกียจ จะไปนั่งทำงานที่คาเฟ่ข้างตึกคุรุฯ ผมก็ขี้เกียจเดินไปอีก คงเหลือที่เดียวที่ผมไปนั่งทำงานได้แล้วล่ะ...

     

                   สวนสาธารณะ

     

                   อาจจะดูแปลกนิดหน่อย แต่คงไม่ผิดอะไรหรอกมั้ง...ก็แค่ไปนั่งทำงานเอง กว่าจะรู้ตัวอีกทีผมก็เดินมาถึงสวนสาธารณะนี้แล้ว และกำลังยืนรอซื้อโค้กป้าร้านประจำของผม

     

                   วันเสาร์-อาทิตย์ที่มอผมมักจะดูเงียบเหงาเป็นพิเศษเพราะนักศึกษาส่วนใหญ่จะเดินทางกลับบ้านไปพักผ่อน และมันดีสำหรับผมมาก ๆ เลยครับ เพราะผมชอบบรรยากาศที่เงียบสงบแบบนี้ที่สุด

     

                   ผมนั่งพิมพ์รายงานเล่มสี่รอบที่ห้าด้วยความหงุดหงิด ผมรู้สึกได้เลยว่าคิ้วของผมมันขมวดเข้าหากันจนทำให้ผมรู้สึกเมื่อยหน้าแปลก ๆ ผมจำได้ว่าผมเซฟงานไว้แล้วนะไหงมันหายไปแบบนี้ล่ะ...

     

                   หงุดหงิดจะตายแล้วโว้ย!

     

                   สุดท้ายผมต้องแก้ปัญหาด้วยการพิมพ์งานเสร็จแล้วก๊อปไปวางในไดร์ฟแทน ซึ่งวิธีนี้ก็ดีกว่ามานั่งลุ้นว่าจะเซฟงานได้มั้ยสุด ๆ เพราะอย่างน้อยผมก็ยังมีไฟล์สำรองไว้

     

                    เห้อออ~”

     

                    ถอนหายใจมาก ๆ ระวังจะแก่เร็วนะ”

     

                   ผมหันไปมองตามเสียงบุคคลปริศนาที่ดังมาจากด้านหลังทันที...ไอ้พี่เสืออีกแล้วหรอวะ ไม่เจอกันสักเดือนนึงชะตากรรมของโลกจะอยู่ในขั้นวิกฤตหรอครับ ผมถามจริง -0-

     

                    “...” ผมหันหน้ากลับมามองที่หน้าจอโน้ตบุ๊คเหมือนเดิม พลางไล่แก้คำผิดในไฟล์รายงานสี่ แล้วจู่ ๆ ผมก็รู้สึกได้ว่าไอ้พี่เสือมันนั่งลงข้างผมและวางแก้วกาแฟในมือลงบนโต๊ะ

     

                    ทำรายงานอยู่หรอ” ผมพยักหน้าเป็นคำตอบ พร้อมหยิบแก้วโค้กมาดื่มทันที นี่พี่มึงไม่มีอะไรจะทำจนมานั่งกดดันคนอื่นแบบนี้หรอวะ

     

                    พี่ไม่มีงานทำหรอครับ” พอผมถามจบพี่เสือก็ครางตอบในลำคอเบา ๆ เอาจริงดิ...ปีสองสถาปัตย์ไม่มีงานทำ แล้วไหงปีหนึ่งเภสัชฯ ถึงงานเยอะท่วมหัวแบบนี้วะเนี่ย...

     

                   ผมย้ายคณะทันมั้ย...

     

                    กินกาแฟหน่อยมั้ย” ไม่พูดเปล่าพี่มันยื่นแก้วกาแฟใส่หน้าผม จนบังหน้าจอโน้ตบุ๊คของผมพอดิบพอดี “ผมไม่กินกาแฟ” ครับ...ผมไม่ชอบกินกาแฟมาตั้งแต่เด็กและผมก็ไม่อยากกินอะไรต่อจากพี่มันด้วย รังเกียจ -_-

     

                    ไม่ชอบหรอ...เสียดาย” มันชักแก้วในมือกลับไปวางไว้ที่เดิมเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น วันนี้ทำไมพี่มันไม่กวนตีนผมเหมือนวันก่อน ๆ นะ...รู้สึกไม่ชินเลยแหะ

     

                    พี่...มาทำอะไรแถวนี้บ่อย ๆ หรอครับ” ถึงพี่มันจะเป็นมนุษย์ที่ผมรู้สึกไม่ค่อยถูกชะตาด้วยเท่าไหร่ แต่ผมก็ยังอยากมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีกับคนอย่างมันอยู่นะ...ถึงจะน้อยมากก็เถอะ

     

                    มึงอยากให้กูตอบกวนตีนหรือตอบความจริง” เอ้า...พี่มึงกำลังกวนตีนผมอยู่นะ ถ้าไม่ติดว่าพี่เสืออายุเยอะกว่าผมนะ ผมคงด่าหัวพี่มันเหมือนที่ผมด่าพวกไอ้เก้าไปแล้ว

     

                    แล้วแต่พี่เลยครับ”

     

                    ถ้าให้กูตอบกวนตีน กูจะตอบมึงว่าเสือก...”

     

                    ส่วนตอบความจริง...”

     

                    “...”

     

                    กูมาหาแฟน”

     

                   ห๊ะ...อะไรนะ มาหาแฟน คำตอบของพี่เสือทำผมหลุดทำหน้าเหวอใส่พี่มันไม่รู้ตัว เอาจริงดิ พี่มึงมีแฟนด้วยหรอ ปากหมาแบบนี้จะไปจีบใครเขาติด...หรือเวลาอยู่กับผู้หญิงมันจะเป็นคนละคน

     

                   คิดแล้วก็ขนลุก เวลาพี่มันอยู่กับแฟนมันต้องทำตัวงุ้งงิ้งแน่ ๆ ทำไมผมถึงเห็นภาพธานอสทำตัวมุ้งมิ้งตอนอยู่กับผู้หญิงอ่ะ...แต่คงจะคืออยู่เพราะรูปร่างพี่มันได้จริง ๆ นะครับ

     

                    มึงเงียบทำไม” เสียงดุ ๆ ของพี่มันทำผมหลุดจากภวังค์ทันที พร้อมภาพอุจาดตาในหัวผมก็หายไปเช่นกัน...ถือว่ามันเป็นเรื่องดีละกันเนอะ

     

                    ป...เปล่า แค่ตกใจ” กูจะพูดออกไปทำไมวะเนี่ย...ไอ้ขุนเขาเอ้ย ซื่อได้ใจกูจริง ๆ -_-

     

                    ตกใจอะไร...เรื่องที่กูมีแฟนอ่ะนะ” อ้าว พี่มึงก็รู้ตัวนี่หว่า ทายเก่งแบบนี้ไปเป็นหมอดูได้เลยนะเนี่ย ผมรีบพยักหน้ารัวเห็นด้วยพร้อมหยิบแก้วโค้กขึ้นมาดูดน้ำสองสามอึก

     

                    หึ...” พี่เสือยกยิ้มมุมปากเหมือนชอบใจก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้ข้างหูผมจนผมได้ยินเสียงลมหายใจของพี่มัน...ขนลุกฉิบหาย

     

                    กูบอกเลยนะ...แฟนกูน่ารักมาก” เสียงกระซิบแตกพร่าทำขนทั้งตัวผมลุกไปหมด พอสิ้นเสียงกระซิบพี่มันก็ยื่นหน้ากลับเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ก่อนจะลุกยืนและมองมาที่ผม

     

                    กูไปก่อนนะ ตั้งใจทำงานนะน้องหน้าขาว ;)” ไอ้พี่เสือขยิบตาให้ผมครั้งนึงก่อนจะยิ้มหัวเราะออกมา มีความสุขให้ตายไปเลยไอ้พี่เวร

     

                    ไปรับแฟนพี่ดี ๆ นะครับ รักกันให้มาก ๆ” ผมเน้นเสียงคำสุดท้ายประชดพี่มันพร้อมยกยิ้มพิมพ์ใจให้(?) ซึ่งมันก็ไม่สะทบสะท้านใด ๆ เลยครับ หน้าด้านจริง ๆ

     

                    ขอบคุณครับที่อวยพร” พูดจบพี่มันก็เดินไปที่มอไซค์คู่ใจที่จอดอยู่ไม่ไกลทันที ประชดเก่ง...หมายถึงผมเนี่ย ประชดเก่ง -0-

     

     

     

                   เห้ย! อะไรของพี่มันวะ ซื้อมาแล้วก็ไม่ยอมถือกลับไปกินเองอีก ผมนั่งจ้องแก้วกาแฟพี่มันพร้อมกอดอกแน่น ทำไมขี้ลืมจังวะ...

     

                   ผมจับแก้วกาแฟหมุนไปมาดูรอบ ๆ ด้วยความเบื่อหน่าย กินก็กินไม่ได้ แต่ผมดันนึกเสียดายของขึ้นมาอีก...เวรกรรมกูแท้ ๆ

     

                   ด้านหน้าแก้วเขียนเป็นภาษาอังกฤษด้วยฟ้อนท์ตัวเขียนสีดำไว้ว่า ‘I know you do work hard, please rest for yourself.อะไรจะเลี่ยนเบอร์นี้ พี่มันไปซื้อจากร้านไหนวะเนี่ย ผมจะได้ไม่ไปซื้อ -_-

     

                   แต่รวม ๆ แล้วดีไซน์สวยดีครับ ความจริงผมชอบสีฟ้าครามกับสีขาวครับและแก้วนี้มันก็บังเอิญเป็นสองสีนี้พอดีผมก็เลยชอบ เหตุผลที่ชอบมีแค่นี้จริง ๆ ครับ...

     

                   แล้วเราจะมานั่งวิเคราะห์แก้วกาแฟทำไมวะ

     

                   ก่อนจะเริ่มทำงานต่อผมลองชิมกาแฟในแก้วไปสองสามอึก เพราะอยากรู้ว่ารสชาติของมันเป็นยังไง...

     

                    พรื้ดดดดดดดดดด!”

     

                   ไอ้เหี้ย!

     

                   กาแฟเหี้ยไรวะเนี่ยเค็มฉิบหาย หรือไอ้พี่เสือมันแกล้งผมวะ...ผมว่าใช่แน่ ๆ มันคงแกล้งใส่เกลือในกาแฟแน่ ๆ

     

                   แม่งเอ้ย! อย่าให้กูเจอพี่มึงอีกรอบนะ จะซัดหน้าแม่งให้หงายเลย คอยดู!

     

     

     

     

     

                    (...อาทิตย์นี้ขุนไม่กลับบ้านหรอลูก)

     

                    ไม่กลับครับ ผมต้องทำรายงานส่งอาจารย์อ่ะ”

     

                    (เยอะมากเลยหรอ)

     

                    ประมาณเก้าเล่มครับ”

     

                    (อ่อ...งั้นไว้ว่าง ๆ ค่อยกลับบ้านก็ได้เนอะ)

     

                    ค้าบบบ~ แม่...แล้วเมื่อไหร่พ่อจะขนจักรยานมาให้ผมอ่ะ”

     

                    (คงเป็นอาทิตย์หน้ามั้ง เพราะช่วงนี้พ่อกับแม่ยุ่ง ๆ น่ะ ทนหน่อยนะลูก)

     

                    ผมเดินไปกลับหอทุกวันจนกล้ามขาขึ้นแล้วนะแม่”

     

                    (เอาน่า~ ขุนจะได้ไม่อ้วนไงลูก...แม่วางสายแล้วนะ)

     

                    ค้าบ ๆ ผมคิดถึงพ่อกับแม่นะ”

     

                    (จ้า~ คิดถึงเหมือนกันจ่ะ)

     

                   ฟังแล้วน้ำตาจะไหลผมต้องเดินไปกลับหอแบบนี้ทุกวันจริง ๆ หรอเนี่ย T_T ตอนแรก ๆ ก็พอทนได้แหละ แต่พอทำนานวันเข้าผมก็ไม่ไหวเหมือนกันนะ

     

                   หรือผมจะติดรถกลับกับไอ้นินดีนะ ไม่เอาดีกว่ามันอันตราย...ผมไม่ไว้ใจใครทั้งนั้นแหละ ถ้าเกิดมันขับรถไม่เก่งขึ้นมาทำไงเนี่ย เห้อออ...ขุนเขาเอ้ย มึงนี่น่าสงสารจริง ๆ

     

                   สู้ ๆ นะขุนเขา T0T

     

     

     

    TBC

    #นายพยัคฆา

    น้องค้าบบบ ทำไมแม่สงสารหนูจังเลยลูก(?)

     

     

     

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×