ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    น า ย พ ยั ค ฆ า

    ลำดับตอนที่ #4 : ปากหมาครั้งที่สาม : เพียงสบตา

    • อัปเดตล่าสุด 1 มิ.ย. 62


     

     

     

    ปากหมาครั้งที่สาม : เพียงสบตา

    คำเตือน : โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

     

     

     

                   ไอ้พี่เสืออีกแล้วหรอวะ อะไรจะบังเอิญขนาดนี้...ผมรีบหันหนีก่อนจะหยิบถุงเซเว่นข้างตัวมาใส่กล่องข้าวในมือผมทันที ผมต้องรีบไปจากตรงนี้ก่อนที่ไอ้พี่เสือมันจะเห็นผมก่อน...

     

                   แม่งยิ่งสายตาดีอยู่

     

                    “เห้ย ๆ ไอ้ขุน มึงจะรีบไปไหนของมึงวะ”

     

                    “นั่นดิ กูยังแดกไม่อิ่มเลย” ผมไม่สนใจว่าพวกไอ้นินไอ้เก้าจะพูดอะไรแล้ว เพราะตอนนี้ผมต้องรีบไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด ผมรีบเดินไปที่ถังขยะใกล้ ๆ ก่อนจะทิ้งถุงขยะลงอย่างรวดเร็ว

     

                   ผมเดินหนีมาได้ไม่นานก็มีเสียงเท้าก้าวเดินจ้ำ ๆ ตามผมมา ซึ่งแน่นอนครับว่าต้องเป็นไอ้นินกับไอ้เก้า เพราะผมได้ยินเสียงพวกมันคุยกันดังแว่ว ๆ มาจากด้านหลัง

     

                   เดินได้สักพักผมจึงตัดสินใจเดินเลี้ยวมานั่งพักอยู่แถว ๆ หน้าคณะผมโดยที่มีพวกไอ้นินตามมาติด ๆ ซึ่งผมก็ไม่ได้คุยอะไรกับพวกมันสักคำ เพราะผมกำลังใช้สมาธิและสายตาอย่างสูงเพื่อเช็คว่าไอ้พี่เสือไม่ตามผมมาจริง ๆ

     

                   และพระเจ้ายังเมตตาผม...

     

                    “ไอ้ขุนมึงเป็นไรวะ” เสียงถามห้าว ๆ ของไอ้เก้าทำผมหลุดจากภวังค์ทันที

     

                    “เปล่า”

     

                    “ตอแหล”

     

                   รู้ดีนัก

     

                   ผมเมินหน้าหนีไอ้เก้าทันที เพราะผมเริ่มไม่อยากจะสนทนากับมัน ความจริงแล้วผมจะบอกเหตุผลที่ผมหนีมาก็ได้นะ แต่ผมขี้เกียจที่จะต้องมานั่งอธิบายให้พวกมันฟังอีก -0-

     

                    “ขึ้นห้องเหอะ กูอยากตากแอร์” ไอ้นินถอนหายใจเหนื่อยใส่หน้าผมก่อนมันจะเดินหนีไป ใจจริงผมก็อยากขอโทษมันนะ แต่มันก็เรื่องแค่นี้เองนี่หว่า...เห้อ ไว้ค่อยตามง้อมันทีหลังละกัน

     

     

     

     

     

                    “...ไม่เป็นไร” สุดท้ายแล้วผมก็ต้องง้อเหล่าเพื่อนรักจนสำเร็จ ถึงแม้ว่าจะเหนื่อยใจนิดหน่อยก็เถอะ...อยู่ดี ๆ ไอ้เก้าก็เข้ามากอดคอผมพร้อมยีหัวผมเบา ๆ

     

                   ยีหัวกูเป็นหมาเลยนะมึง -_-

     

                    “โอ๋เอ๋ ๆ เพื่อน ๆ ให้อภัยมึงแล้ว ยิ้มหน่อยก็ได้” ผมไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้ผมทำหน้าแบบไหนอยู่ไอ้เก้าถึงแซวผมแบบนี้ ขืนไม่ยิ้มมันก็จะไม่เลิกตื้อ ผมจึงต้องยิ้มบางตอบเพื่อให้มันสบายใจ

     

                    “พอใจยัง” ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่พร้อมหันมองหน้าไอ้เก้าทันที “ไรวะ จริงใจกับเพื่อนหน่อยดิ” เอ๊ะ...หรือแม่งแกล้งหยอกกูเล่น ๆ เนี่ย ผมผละตัวออกจากไอ้เก้าก่อนจะยืนกอดอกมองมันไม่ละสายตา

     

                    “สรุปพวกกูงอนมึง หรือมึงงอนพวกกูเนี่ย” จู่ ๆ ไอ้เหี้ยนินก็พูดขึ้นมา ผมลืมไปแล้วนะว่าไอ้นินก็อยู่ด้วย ถ้ามันไม่พูดขึ้นมาผมก็ไม่รู้หรอก มันยืนกอดอกพร้อมยิ้มจนตาเป็นสระอิให้ผม ซึ่งหน้าแม่งโคตรเหมือนแป๊ะยิ้มสุด ๆ แล้วกูจะกลั้นขำได้มั้ยวะ -0-

     

                    “ไม่ต้องมายิ้มให้กูเลยมึงอ่ะ” ผมแกล้งดันเหม่งมันเบา ๆ ก่อนจะอมยิ้มด้วยความเอ็นดู จริง ๆ แล้วไอ้นินมันเป็นคนที่น่ารักดีนะครับ ถึงแม้ว่านิสัยกับหน้าตาจะย้อนแย้งกันนิดหน่อย(มาก)ก็เถอะ

     

                   มันเป็นผู้ชายที่หนังหน้าดีมาก ดีจนบางทีผมก็อิจฉามัน...มันทั้งขาว สูง หุ่นดี และหน้าตี๋สุด ๆ เพราะบ้านมันมีเชื้อจีน แต่นิสัยแม่งแบบ...ผมไม่พูดดีกว่า เอาเป็นว่ามันเป็นคนพูดน้อยที่เวลาพูดทีชักตีนชาวบ้านมาได้ไม่ต่ำกว่าสี่ตีน

     

                   แต่ถ้ารู้จักมันแล้ว...จริง ๆ มันก็น่ารักน่าเอ็นดูไม่น้อยเลย

     

                    “อะไรวะ ยิ้มแค่นี้ก็ไม่ได้”

     

                    “มึงยิ้มแล้วเหมือนแป๊ะยิ้มอ่ะ”

     

                    “ไอ้เหี้ยเก้า”

     

                   สมน้ำหน้ามึง...ไอ้เก้าปากไม่มีหูรูดอีกแล้วครับ คาดว่ามันต้องโดนไอ้นินเตะก้นมันอีกแน่ ๆ ที่ไอ้เก้าพูดก็ถูกของมัน แต่กูว่ามึงควรคิดก่อนพูดบ้างเว้ย ระวังจะอายุไม่ยืนนะเพื่อน-_-

     

                    “เอาน่า...ไอ้เก้ามันก็เป็นแบบนี้แหละ” ผมเข้าไปกันพวกมันสองตัวทันทีหลังพูดจบ พร้อมยิ้มบางให้พวกแม่งเล็กน้อย มาดิมึง ถ้ามึงตีกันกูหลบพวกมึงแน่(?)

     

                    “เออ ก็ได้” ไอ้นินถอนหายใจเหนื่อยเสียงดัง ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาเล่น ส่วนไอ้เก้าหรอครับ...มันทำหน้าเหมือนกลั้นขำอยู่ แม่งเอ้ย...กูจะขำตามมึงแล้วนะ

     

                    “ไอ้นินขี้งอน-“

     

                    “งอนแม่มึงสิ”

     

                   เจ็บมั้ยล่ะมึง

     

                   ผมมองหน้าพวกมันสลับกันไปมาจนพวกมันถอนหายใจใส่กันแล้วเมินหน้าหนี ไอ้นินกับไอ้เก้ามักจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากันตลอดเวลา พูดนิด ๆ หน่อย ๆ ก็เอาละ...จะตีกันให้ได้เชียวล่ะ

     

                   ผมมองออกไปด้านหน้าตึกคณะพลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย...จนกระทั่งผมเห็นพี่กั้งกับพี่ฝ้ายนั่งมอไซค์ราคาแพงมาด้วยกัน โดยที่มีธันวาขับมอไซค์ตามมาอีกคัน สงสัยคงจะออกไปเที่ยวกันแน่ ๆ เห็นแล้วก็อยากไปเหมือนกันแหะ

     

                    “พี่กั้งเขารวยขนาดนั้นเลยหรอวะ” ไอ้เก้ามองตามรถพี่กั้งไปจนสุดสายตาก่อนจะปรับโฟกัสมามองที่ผมแทน

     

                    “ไม่รู้ดิ” ผมไม่รู้จริง ๆ ครับว่าพี่กั้งเขารวยมากแค่ไหน แต่ผมมักจะได้ยินพวกรุ่นพี่ปีสองชอบแซวพี่แกเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ตลอด แล้วไหนจะมอไซค์ราคาหลักแสนพวกนั้นอีกล่ะ...โอ้โห พี่จะรวยไปไหนครับ

     

                    “อิจฉารึไง” เสียงวอนบาทาไอ้นินดังขึ้นจากด้านหลังทำให้ผมกับไอ้เก้าต้องหันมองทันที “เปล่า แค่สงสัย” ไอ้เก้าตอบเสียงเรียบพร้อมเดินลงบันไดไปสองสามขั้นก่อนจะหันมามองพวกผมสองคนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

     

                    “กูกลับก่อนนะ” มันพูดพร้อมโบกมือให้พวกผมเล็กน้อยก่อนจะเดินจากไป...ทีจะไปก็ไปง่าย ๆ เลยนะมึง -_-

     

                    “รีบไปไหนของมันวะ...งั้นกูกลับบ้างดีกว่า” อ้าว ไอ้แป๊ะยิ้ม...มึงจะทิ้งกูแบบนี้ไม่ได้นะเว้ย ถึงในใจผมอยากจะด่ามันแค่ไหน ภายนอกผมก็ทำได้แค่เพียงพยักหน้าตอบเอือม ๆ กลับไป...

     

                   เออ กูกลับก็ได้วะ

     

                   ไม่มีเพื่อนอยู่ด้วยแล้วหนิ

     

     

     

     

     

                    “ป้าครับ โค้กแก้วนึง”

     

                   สุดท้ายผมก็ต้องแวะนั่งเล่นอยู่ที่สวนสาธารณะอีกจนได้ เพราะอย่างที่รู้กันว่าถึงผมกลับห้องเร็วผมก็ไม่มีอะไรทำอยู่ดี...ผมจ่ายค่าโค้กให้ป้าก่อนจะรับแก้วมาถือ ซึ่งป้าแกก็ยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร คงเป็นเพราะรอบนั้นผมจ่ายค่าน้ำแกเกินแน่ ๆ แกถึงมองผมด้วยสายตาเอ็นดูแบบนี้

     

                    “พ่อหนุ่ม”

     

                    “ครับ?”

     

                    “เรียนคณะไหนหรอลูก”

     

                    “เภสัชฯครับ”

     

                   ป้าแกยิ้มหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะหยิบลูกอมในกระป๋องเงินให้ผม ป้าแกใจดีมาก ๆ เลยครับ สงสัยผมต้องได้แวะซื้อโค้กป้าแกทุกวันแน่เลย...

     

                    “ขอบคุณค้าบบ :D” ผมยิ้มให้ป้าพร้อมยกมือไหว้เล็กน้อย บางคนอาจจะมองว่าผมแปลกก็ได้...เพราะป้าแกแค่ให้ลูกอมผมเม็ดเดียวผมก็ไหว้เหมือนได้เงิน...

     

                   ความจริงแล้วผมติดไหว้ผู้ใหญ่จนเป็นนิสัย ไม่ว่าผมจะได้อะไรจากผู้ใหญ่ ผมมักจะยิ้มและไหว้สวย ๆ ตอบเขาด้วยความจริงใจ

     

                   คงเป็นเพราะแบบนี้ล่ะมั้ง พวกผู้ใหญ่ถึงเอ็นดูผม

     

                    “ตั้งใจเรียนนะลูก จบแล้วอย่าลืมมาซื้อโค้กป้าบ้างล่ะ”

     

                    “ผมจะแวะมาหาบ่อย ๆ นะครับ”

     

     

     



    ...

     

                   ผมตัดสินใจเดินมานั่งที่ศาลาริมน้ำที่อยู่ไม่ไกลจากซุ้มขายของนัก จริง ๆ ผมไม่เคยมานั่งตรงนี้เลยครับ เพราะปกติผมมาไม่เคยทันพวกรุ่นพี่คณะแพทย์เลย...

     

                   บางทีผมก็คิดนะว่าพวกพี่เขาว่างกันขนาดนั้นเลยหรอ

     

                   อ่า...สมควรที่พวกพี่เขาชอบมานั่งกันจริง ๆ แหละครับ เพราะศาลานี้ทั้งเย็นและวิวสวยสุด ๆ ผมว่าผมควรถ่ายรูปเก็บไว้สักสองสามรูปคงจะดีไม่น้อยเลย

     

                   เผื่อวันไหนที่ผมคิดถึงที่นี่ผมจะได้เปิดรูปพวกนี้ขึ้นมาดูแก้เหงาได้บ้าง

     

    แช๊ะ!

     

                    “ชอบถ่ายรูปหรอ”

     

                    “ครับ”

     

                   ผมตอบกลับตามมารยาททั้ง ๆ ที่ยังไม่ละสายตาจากมือถือในมือ และยังคงถ่ายรูปวิวต่อ...แต่จะว่าไปเสียงพี่คนนี้คุ้น ๆ จัง เหมือนผมเคยได้ยินเสียงพี่เขาจากที่ไหนมาก่อน...

     

                   เสียงพี่ชายปริศนาเงียบไปสักพักหนึ่ง แอบทำผมใจหายเล็กน้อย สงสัยเป็นพวกรุ่นพี่คณะแพทย์ล่ะมั้ง เขาถึงไม่ได้ทักท้วงจะคุยกับผมจนน่ารำคาญ

     

                   พี่คนนี้ก็น่ารักดีแหะ

     

                    “สนใจให้กูช่วยสอนถ่ายรูปมั้ย”

     

                   เดี๋ยวนะ...

     

                   ผมรีบละสายตาจากมือถือและหันมองตามเสียงที่ดังมาจากด้านหลังผมทันที...พี่มึงอีกแล้วหรอ ตามผมเป็นเจ้ากรรมนายเวรเลยนะ...ผมกลัวแล้วพี่ T_T

     

                    “ทำไมต้องทำหน้าเหมือนเห็นผีอย่างนั้นล่ะ” แหม่~ พ่อคนตลกโปกฮา...ผมล่ะอยากจะบอกพี่เสือจริง ๆ ว่าพี่อ่ะน่ากลัวกว่าผีอีก แต่จะว่าไปผมทำหน้าเหว๋อขนาดนั้นเลยหรอครับ -_-*

     

                    “พี่มาทำอะไรแถวนี้” ผมรวบรวมสติทั้งหมดที่มีในตอนนี้ถามออกไป พร้อมวางมือถือในมือลง

     

                    “เสือก”

     

                   ไอ้พี่เสือ!

     

                   ผมเม้มปากแน่นไม่ให้สารพัดสัตว์ในปากผมหลุดออกไป ผมอยากจะด่าพี่มันสักคำจริง ๆ แต่มันคงเป็นไปไม่ได้หรอกครับ...ขืนผมหลุดปากด่าพี่มัน ผมได้กลับไปทำแผลแน่ ๆ

     

                   ผมยังอยากหล่ออยู่นะ

     

                    “ขอโทษครับ” ผมก้มหน้าลงต่ำเพื่อหลบตาพี่เสือที่ยืนอยู่ตรงหน้า ทำไมผมต้องมาเจอกับพี่เขาอีกแล้วนะ เมื่อกลางวันผมอุตส่าห์รีบหนีได้...บ้าจริง...

     

                   แต่ดูเหมือนพี่เสือจะยิ่งได้ใจใหญ่ หลังจากที่ผมพูดขอโทษออกไป...นี่ผมคิดถูกหรือผิดที่ขอโทษพี่มันเนี่ย -_-

     

                    “ทำตัวเหมือนตอนที่เจอกูครั้งแรกเลยนะ” ผมได้ยินพี่เสือเค้นเสียงหัวเราะในลำคอเบา ๆ อะไรวะ ชอบเห็นคนอื่นกลัวตัวเองรึไง! ไอ้พี่โรคจิตเอ้ย!

     

                   หัวใจของผมเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาจากอกด้วยความหวาดกลัว ขาและแขนของผมก็เริ่มรู้สึกชาและสั่นไปหมดเช่นกัน...อะไรกันวะ...เราสามารถกลัวคน ๆ หนึ่งได้มากขนาดนี้เลยหรอ

     

                    “นี่...เงยหน้าขึ้นมามองหน้ากูหน่อยก็ได้” ฝันไปเถอะ! ใครมันจะไปกล้ามองหน้ามึงวะพี่!? ถ้าผมมองหน้าพี่แล้วกลายเป็นหินขึ้นมาจะทำยังไงห๊ะ!?  ฮรื่อออ...ผมจะร้องไห้แล้วนะ

     

                   พ่อครับ แม่ครับ ช่วยขุนเขาด้วย T_T

     

                    “กูบอกให้เงยหน้าไง” ผมรู้สึกได้ถึงแรงจับที่ปลายคางทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ พี่เสือ...พี่จะลามปามผมเกินไปแล้วนะ!

     

                   ผมมองหน้าพี่เสือด้วยสายตานิ่งเรียบโดยที่ไม่พูดจาสักคำ เพียงหวังให้พี่มันหมดสนุกแล้วเดินจากผมไปง่าย ๆ แต่ความจริงมันคงเป็นไปได้ยาก...ผมรู้ดีครับ...ผมรู้ดี...

     

                   มือผมว่างมากพอที่จะพยายามปัดมือพี่เสือออกไปแต่มันกลับไม่เป็นผลใด ๆ ทั้งสิ้น มิหนำซ้ำพี่เสือยิ่งจับผมเชยคางแรงขึ้นกว่าเดิมอีกเท่า

     

                   ตอนนี้คางผมคงแดงเป็นรอยนิ้วพี่เสืออยู่แน่ ๆ

     

                    “ตามึงสวยดีนะ” รอยยิ้มที่มุมปากไอ้พี่เสือดูน่าหมั่นไส้แปลก ๆ แต่จะว่าไปรอยยิ้มกับคำพูดของพี่มันดูขัดกันสุด ๆ นี่! จ้องหน้ากันขนาดนี้ จะหาเรื่องใช่มั้ย...ได้...

     

                   อยากแข่งจ้องตาก็ไม่บอก

     

                    “...” ผมตัดสินใจจ้องตาพี่เสือตรง ๆ ด้วยสายตาที่นิ่งเรียบ ทั้งที่ใจจริงผมกลัวจนแทบจะเป็นลมอยู่แล้ว

     

                   บรรยากาศรอบ ๆ ตัวผมเริ่มเงียบกริบจนน่าขนลุก เราได้สบตากันห้าถึงหกวิโดยประมาณ และผมก็ได้สังเกตเห็นอะไรหลาย ๆ อย่างในแววตาของพี่เสือ...

     

                   ในแววตาพี่เสือไม่ว่าจะมองด้วยอารมณ์และความรู้สึกไหน ก็ดูมีความน่ากลัว ดุดัน แต่ก็มีความอบอุ่นน้อย ๆ ซ่อนอยู่ ความจริงแล้วผมก็ไม่เชื่อสายตาตัวเองหรอกว่ามันจะมีความอบอุ่นอยู่ในแววตาคนแบบนั้นจริง ๆ

     

                   มันเป็นธรรมดาของมนุษย์ครับ ที่เวลาเราจ้องหรือสบตากับใครนาน ๆ ร่างกายมักจะตอบสนองกลับด้วยการเมินหน้าหนีจากกันไม่ว่าจะอาย ตลก หรือเขินก็ตาม

     

                   ผมเมินหน้าหนีพี่เสือเล็กน้อย ไม่รู้สิครับ...ทำไมผมสบตากับพี่มันนาน ๆ แล้วรู้สึกแปลก ๆ ก็ไม่รู้ หรือผมกลัวจนทำอะไรไม่ถูกกันแน่นะ...

     

                    “มึงมองหน้าหาเรื่องหรอ” มือของพี่เสือย้ายลงมากำที่คอเสือผมแน่น จนทำผมอึดอัด อะไรวะ! ก็พี่มองตาผมก่อนไม่ใช่หรอ!? แล้วยังจะมาหาว่าผมไปมองหน้าหาเรื่องอีก

     

                   เวรเอ้ย!

     

                    “เปล่า”

     

                    “แล้วมึงมองหน้ากูทำไม”

     

                    “อ้าว น้องขุนเขา-“

     

                   เชี่ย...พี่กั้ง

     

                   ผมรีบผละตัวไอ้พี่เสือด้วยแรงทั้งหมดที่ผมมี แต่ไอ้พี่เสือมันกลับกำคอเสื้อผมแน่นขึ้นเหมือนไม่สะทบสะท้านใด ๆ ทั้งสิ้น

     

                   กูหายใจไม่ออก!!!

     

                    “อ้าว คิดว่าหมาที่ไหน...มึงนี่เอง” พี่เสือหันไปมองพี่กั้งที่ยืนอยู่ด้านหลังมันอีกที ผมแอบเห็นรอยยิ้มที่น่าหมั่นไส้ของไอ้พี่เสือมันลาง ๆ เอาเลยพี่กั้ง...ซัดหน้ามันสักทีเถอะ ผมหมั่นไส้มันจะแย่แล้ว

     

                    “มึงจะทำอะไรน้องกู” พอพี่กั้งพูดจบเขาก็กระชากตัวพี่เสือออกจากตัวผมทันที โอ้โห...พี่กั้งเวอร์ชั่นเกรี้ยวกราดครับทุกคน...เท่ห์สุด ๆ(?)

     

                   พี่กั้งไม่ได้มาคนเดียวครับ พี่เขามากับพี่ธันวาด้วย แต่เหมือนพี่ธันวาจะนั่งรออยู่ที่มอไซค์ซึ่งจอดอยู่ไกล ๆ เวรของกรรม...พี่ธันวาเล่นมือถือในมือไม่สนใจรอบข้างเลย พี่กั้งจะต่อยกับพี่เสืออยู่แล้วครับ! สนใจหน่อยดิพี่!

     

                    “ก็น้องมึงมองหน้าหาเรื่องกูอ่ะ” กู Ark real!? ผมควรจะเป็นคนพูดประโยคนี้นะ!! คำตอบพร้อมใบหน้าวอนบาทาของไอ้พี่เสือทำพี่กั้งขมวดคิ้วจนเกือบเป็นปม


                    “น้องกูไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก นอกจากมึงคิดไปเอง” ผมลอบถอยหายใจออกมาเบา ๆ ตอนนี้ผมเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก...พี่กั้งเชื่อใจผมครับทุกคนนนนน!!

     

                    “พ...พวกพี่ค่อย ๆ คุยกันเถอะครับ” ไม่รู้อะไรดลใจทำให้ผมพูดประโยคนี้ออกไป แถมยังถลาตัวเข้าไปแยกพี่เขาทั้งสอง...เสี่ยงฉิบหายเลยแม่มึงเอ้ย...นี่ผมเป็นคนดีเกินไปรึเปล่าเนี่ย

     

                    “มึงไม่ต้องมาพูดดีเลยไอ้หน้าขาว-“

     

                   ไอ้เหี้ย!

     

                   เออ ผมขอด่าแม่งสักคำในใจเถอะ ผมมองหน้าพี่เสือด้วยสายตาอาฆาตเหมือนกับทุก ๆ ครั้งที่ผมเริ่มหงุดหงิดเพราะคำพูดหมา ๆ จากปากพี่มัน แต่ดูเหมือนว่าพี่กั้งจะเหลือบมาเห็นสายตาของผมก่อนจึงดันตัวผมออก

     

                    “ใจเย็น ๆ เดี๋ยวพี่เคลียร์ให้” พี่กั้งกระซิบข้างหูผมเบา ๆ พลางมองไอ้พี่เสือไม่ละสายตาไม่ต่างจากผม ใครมันจะไปทนได้วะ...ถามจริง...

     

                    “ด็อก!! กลับเหอะ”

     

                   จู่ ๆ ก็มีเสียงตะโกนดังมาจากที่ไหนไม่รู้เข้ามาทำลายบรรยากาศที่น่าอึดอัดตรงนี้สลายหายไปจนหมด เพราะเมื่อเสียงตะโกนปริศนานั้นดังขึ้นไอ้พี่เสือก็รีบหันหน้าตามหาเจ้าของเสียงนั้นทันที

     

                   ด็อกหรอ?

     

                   พี่เขาฉลาดจนเพื่อนเรียกว่าด็อกเลยหรอเนี่ย...

     

                    “แป๊บนึงดิพอร์ช” พี่เสือตะโกนตอบ...ผมและพี่กั้งจึงหันไปมองตามไอ้พี่เสือทันที อห.นี่หรอพี่พอร์ชเพื่อนพี่เสือ หน้าตาดีกว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลย เดี๋ยวนะ ทำไมหน้าพี่เขาถึงคุ้นตาผมจัง...

     

                   อย่าบอกนะว่าพี่เขาก็คือหนึ่งในผู้ชายสองคนที่ยืนอยู่ข้างพี่เสือเมื่อกลางวันนี้!!

     

                    “เห้ย ทำไรกันนานจังวะ” เสียงปริศนาที่สองตามมาติด ๆ อะไรวะเนี่ย วันรวมญาติพี่เสือหรอครับถามจริง...แล้วทำไมผมต้องมาอยู่ตรงนี้ด้วย T_T

     

                    “แบงค์ มึงอยู่ตรงนั้นแหละ...แป๊บนึง” พี่เสือมองหน้าเพื่อนก่อนจะก้มหน้าก้มตาจัดทรงเนคไทสีเขียวเข้มเล็กน้อย คือพี่มันจะฟอร์มว่าจัดเสื้อผ้าอยู่งี้ป่ะ

     

                   ขี้เก๊กฉิบหาย

     

                    “ขุนเขา นายกลับไปก่อนเถอะ” พี่กั้งหันมาบอกผมด้วยน้ำเสียงเหนื่อย ๆ ก่อนจะยิ้มให้ผมเล็กน้อย “ไม่เป็นไรครับ...ผมโอเค” โอเคกับผีมึงสิไอ้ขุน...มึงขาสั่นจนจะยืนไม่อยู่แล้วนะ

     

                    “ไอ้ด็อกมึงกลับกับพวกกูเลยไอ้เวร มึงได้ไปหาเรื่องเขารึเปล่าเนี่ย”

     

                    “เปล่า”

     

                   ตอแหล

     

                   ถ้าผมไม่เกรงใจว่าคนพวกนี้เป็นรุ่นพี่ผมนะ ผมจะพูดออกไปจริง ๆ ด้วย พี่เสือมองหน้าผมสลับกับพี่กั้งอยู่สองสามหนก่อนจะเดินไปหาพวกพี่พอร์ชและพี่แบงค์ที่ยืนมองเขาอยู่

     

                    “ไว้เจอกันใหม่นะไอ้กั้ง...” พี่เสือยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะมองมาที่ผม ส่วนพี่กั้งก็ยืนกอดอกมองนิ่ง ๆ ไม่พูดอะไรสักคำ

     

                    “มึงด้วย...ไอ้หน้าขาว” พูดจบพี่มันก็เดินหันหลังให้ผมและพี่กั้งทันที เข้าใจคำว่าหงุดหงิดแต่ทำอะไรไม่ได้มั้ยครับ...ตอนนี้ผมเข้าใจฟีลนั้นสุด ๆ ผมกำหมัดในมือแน่นก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

     

                    “พี่เสือเขาเป็นคนแบบนี้มานานแล้วหรอ” พี่กั้งพยักหน้าตอบผมเล็กน้อย ก่อนจะเอามือมาตบที่บ่าผมเบา ๆ

     

                    “ถ้ามีปัญหากับมันอีก ก็ทักมาหาพี่ล่ะ...พี่กลับก่อนนะ” ไม่ทันที่ผมจะได้ตอบอะไรพี่กั้งสักคำ พี่เขาก็เดินจากผมไปหาพี่ธันวาที่นั่งรอเขาเสียแล้ว ผมก็ควรกลับเหมือนกันสินะ...

     

                   ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้พี่เสือ!!

     

     

     

     

     

    ไลน์!

     

    9 : ได้ข่าวว่าเมื่อเย็นมีเรื่องกับพี่เสือหรอ

    NNINZ : ไอ้ขุนมีเรื่องหรอ

    9 : ไม่รู้ดิ กูเห็นในกรุ๊ปคณะเขาคุยกัน

    K-KHAO : เออ เกือบมี

    NNINZ : รอดมาได้ไงวะ

    9 : เสียดาย

    K-KHAO : เสียดายอะไร

    9 : เสียดายที่มึงไม่โดน

    K-KHAO : ไอ้เหี้ยเก้า

    NNINZ : 55555555

    NNINZ : กูล่ะอย่างชอบ

    K-KHAO : เงียบไปเลยไอ้แป๊ะยิ้ม

    NNINZ : สัส

     

                   ใช่ครับ เรื่องเมื่อเย็นเข้าหูไปถึงคนในคณะผมอย่างรวดเร็ว ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนพวกนั้นรู้เรื่องนี้กันได้ยังไง แต่ผมก็ไม่สนใจหรอกครับว่าใครจะพูดเรื่องนี้ว่ายังไง

     

                   เพราะวันนี้ผมก็เหนื่อยมามากพอแล้ว

     

                   แต่จะว่าไป เมื่อเย็นพี่กั้งเขาเข้ามาทักผมทำไมนะ หรือพี่เขามีเรื่องสำคัญที่จะคุยกับผมรึเปล่า ผมว่าผมควรที่จะทักไปถามพี่เขา ก่อนที่มันจะสายเกินไป...

     

    ไลน์!

     

    K-KHAO : เมื่อเย็นพี่มีอะไรจะคุยกับผมรึเปล่า

    KG : เปล่า ๆ

    KG : พอดีพี่ผ่านมาเห็นน้องพอดีเลยเข้าไปทัก

    K-KHAO : อ่อ

    K-KHAO : โอเคครับ งั้นผมไม่กวนพี่ดีกว่า >0<

    KG : ไม่เป็นไรครับ ^^

     

                   ผมกดพักหน้าจอมือถือทันทีก่อนจะวางลงข้างตัว...ผมค่อย ๆ หลับตาลงพลางผ่อนลมหายใจออกมาเพื่อระบายความเหนื่อยที่สะสมมาทั้งวัน...

     

                   และภาพแววตาคมที่แฝงไปด้วยความอบอุ่นคู่นั้นก็ปรากฏขึ้นมาในหัวของผม มันทำให้ผมค้างคาใจมาตั้งแต่เมื่อเย็น ถึงแม้จะเป็นเวลาเพียงไม่กี่วิ แต่ผมก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นนั้นจริง ๆ นะครับ

     

                   แต่พอผมคิดดูอีกที...คนปากปีจอ แถมหาเรื่องเก่งเป็นชีวิตจิตใจพันธุ์นั้นจะมีความอบอุ่นอยู่ในตัวด้วยหรอ

     

                   ตลกชะมัด

     

                   “แล้วกูจะคิดถึงพี่มันทำไมวะ”

     

     

     

    TBC

    #นายพยัคฆา

    เอ๊ะ นั่นสิจะคิดถึงทำไมเนอะ

     

     

     

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×