คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ปากหมาครั้งที่สาม : เพียงสบตา
ปากหมาครั้งที่สาม
: เพียงสบตา
คำเตือน
:
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
ไอ้พี่เสืออีกแล้วหรอวะ
อะไรจะบังเอิญขนาดนี้...ผมรีบหันหนีก่อนจะหยิบถุงเซเว่นข้างตัวมาใส่กล่องข้าวในมือผมทันที
ผมต้องรีบไปจากตรงนี้ก่อนที่ไอ้พี่เสือมันจะเห็นผมก่อน...
แม่งยิ่งสายตาดีอยู่
“เห้ย ๆ ไอ้ขุน มึงจะรีบไปไหนของมึงวะ”
“นั่นดิ กูยังแดกไม่อิ่มเลย”
ผมไม่สนใจว่าพวกไอ้นินไอ้เก้าจะพูดอะไรแล้ว
เพราะตอนนี้ผมต้องรีบไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด ผมรีบเดินไปที่ถังขยะใกล้ ๆ
ก่อนจะทิ้งถุงขยะลงอย่างรวดเร็ว
ผมเดินหนีมาได้ไม่นานก็มีเสียงเท้าก้าวเดินจ้ำ
ๆ ตามผมมา ซึ่งแน่นอนครับว่าต้องเป็นไอ้นินกับไอ้เก้า
เพราะผมได้ยินเสียงพวกมันคุยกันดังแว่ว ๆ มาจากด้านหลัง
เดินได้สักพักผมจึงตัดสินใจเดินเลี้ยวมานั่งพักอยู่แถว
ๆ หน้าคณะผมโดยที่มีพวกไอ้นินตามมาติด ๆ ซึ่งผมก็ไม่ได้คุยอะไรกับพวกมันสักคำ
เพราะผมกำลังใช้สมาธิและสายตาอย่างสูงเพื่อเช็คว่าไอ้พี่เสือไม่ตามผมมาจริง ๆ
และพระเจ้ายังเมตตาผม...
“ไอ้ขุนมึงเป็นไรวะ” เสียงถามห้าว ๆ
ของไอ้เก้าทำผมหลุดจากภวังค์ทันที
“เปล่า”
“ตอแหล”
รู้ดีนัก
ผมเมินหน้าหนีไอ้เก้าทันที
เพราะผมเริ่มไม่อยากจะสนทนากับมัน ความจริงแล้วผมจะบอกเหตุผลที่ผมหนีมาก็ได้นะ
แต่ผมขี้เกียจที่จะต้องมานั่งอธิบายให้พวกมันฟังอีก -0-
“ขึ้นห้องเหอะ กูอยากตากแอร์”
ไอ้นินถอนหายใจเหนื่อยใส่หน้าผมก่อนมันจะเดินหนีไป ใจจริงผมก็อยากขอโทษมันนะ
แต่มันก็เรื่องแค่นี้เองนี่หว่า...เห้อ ไว้ค่อยตามง้อมันทีหลังละกัน
“...ไม่เป็นไร”
สุดท้ายแล้วผมก็ต้องง้อเหล่าเพื่อนรักจนสำเร็จ
ถึงแม้ว่าจะเหนื่อยใจนิดหน่อยก็เถอะ...อยู่ดี ๆ
ไอ้เก้าก็เข้ามากอดคอผมพร้อมยีหัวผมเบา ๆ
ยีหัวกูเป็นหมาเลยนะมึง -_-
“โอ๋เอ๋ ๆ เพื่อน ๆ ให้อภัยมึงแล้ว
ยิ้มหน่อยก็ได้” ผมไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้ผมทำหน้าแบบไหนอยู่ไอ้เก้าถึงแซวผมแบบนี้
ขืนไม่ยิ้มมันก็จะไม่เลิกตื้อ ผมจึงต้องยิ้มบางตอบเพื่อให้มันสบายใจ
“พอใจยัง”
ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่พร้อมหันมองหน้าไอ้เก้าทันที “ไรวะ
จริงใจกับเพื่อนหน่อยดิ” เอ๊ะ...หรือแม่งแกล้งหยอกกูเล่น ๆ เนี่ย
ผมผละตัวออกจากไอ้เก้าก่อนจะยืนกอดอกมองมันไม่ละสายตา
“สรุปพวกกูงอนมึง หรือมึงงอนพวกกูเนี่ย” จู่ ๆ
ไอ้เหี้ยนินก็พูดขึ้นมา ผมลืมไปแล้วนะว่าไอ้นินก็อยู่ด้วย
ถ้ามันไม่พูดขึ้นมาผมก็ไม่รู้หรอก มันยืนกอดอกพร้อมยิ้มจนตาเป็นสระอิให้ผม
ซึ่งหน้าแม่งโคตรเหมือนแป๊ะยิ้มสุด ๆ แล้วกูจะกลั้นขำได้มั้ยวะ -0-
“ไม่ต้องมายิ้มให้กูเลยมึงอ่ะ”
ผมแกล้งดันเหม่งมันเบา ๆ ก่อนจะอมยิ้มด้วยความเอ็นดู จริง ๆ
แล้วไอ้นินมันเป็นคนที่น่ารักดีนะครับ ถึงแม้ว่านิสัยกับหน้าตาจะย้อนแย้งกันนิดหน่อย(มาก)ก็เถอะ
มันเป็นผู้ชายที่หนังหน้าดีมาก
ดีจนบางทีผมก็อิจฉามัน...มันทั้งขาว สูง หุ่นดี และหน้าตี๋สุด ๆ
เพราะบ้านมันมีเชื้อจีน แต่นิสัยแม่งแบบ...ผมไม่พูดดีกว่า
เอาเป็นว่ามันเป็นคนพูดน้อยที่เวลาพูดทีชักตีนชาวบ้านมาได้ไม่ต่ำกว่าสี่ตีน
แต่ถ้ารู้จักมันแล้ว...จริง ๆ
มันก็น่ารักน่าเอ็นดูไม่น้อยเลย
“อะไรวะ ยิ้มแค่นี้ก็ไม่ได้”
“มึงยิ้มแล้วเหมือนแป๊ะยิ้มอ่ะ”
“ไอ้เหี้ยเก้า”
สมน้ำหน้ามึง...ไอ้เก้าปากไม่มีหูรูดอีกแล้วครับ
คาดว่ามันต้องโดนไอ้นินเตะก้นมันอีกแน่ ๆ ที่ไอ้เก้าพูดก็ถูกของมัน
แต่กูว่ามึงควรคิดก่อนพูดบ้างเว้ย ระวังจะอายุไม่ยืนนะเพื่อน-_-
“เอาน่า...ไอ้เก้ามันก็เป็นแบบนี้แหละ”
ผมเข้าไปกันพวกมันสองตัวทันทีหลังพูดจบ พร้อมยิ้มบางให้พวกแม่งเล็กน้อย มาดิมึง
ถ้ามึงตีกันกูหลบพวกมึงแน่(?)
“เออ ก็ได้” ไอ้นินถอนหายใจเหนื่อยเสียงดัง
ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาเล่น ส่วนไอ้เก้าหรอครับ...มันทำหน้าเหมือนกลั้นขำอยู่
แม่งเอ้ย...กูจะขำตามมึงแล้วนะ
“ไอ้นินขี้งอน-“
“งอนแม่มึงสิ”
เจ็บมั้ยล่ะมึง
ผมมองหน้าพวกมันสลับกันไปมาจนพวกมันถอนหายใจใส่กันแล้วเมินหน้าหนี
ไอ้นินกับไอ้เก้ามักจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากันตลอดเวลา พูดนิด ๆ หน่อย ๆ
ก็เอาละ...จะตีกันให้ได้เชียวล่ะ
ผมมองออกไปด้านหน้าตึกคณะพลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย...จนกระทั่งผมเห็นพี่กั้งกับพี่ฝ้ายนั่งมอไซค์ราคาแพงมาด้วยกัน
โดยที่มีธันวาขับมอไซค์ตามมาอีกคัน สงสัยคงจะออกไปเที่ยวกันแน่ ๆ
เห็นแล้วก็อยากไปเหมือนกันแหะ
“พี่กั้งเขารวยขนาดนั้นเลยหรอวะ”
ไอ้เก้ามองตามรถพี่กั้งไปจนสุดสายตาก่อนจะปรับโฟกัสมามองที่ผมแทน
“ไม่รู้ดิ” ผมไม่รู้จริง ๆ ครับว่าพี่กั้งเขารวยมากแค่ไหน
แต่ผมมักจะได้ยินพวกรุ่นพี่ปีสองชอบแซวพี่แกเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ตลอด
แล้วไหนจะมอไซค์ราคาหลักแสนพวกนั้นอีกล่ะ...โอ้โห พี่จะรวยไปไหนครับ
“อิจฉารึไง”
เสียงวอนบาทาไอ้นินดังขึ้นจากด้านหลังทำให้ผมกับไอ้เก้าต้องหันมองทันที “เปล่า
แค่สงสัย” ไอ้เก้าตอบเสียงเรียบพร้อมเดินลงบันไดไปสองสามขั้นก่อนจะหันมามองพวกผมสองคนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“กูกลับก่อนนะ”
มันพูดพร้อมโบกมือให้พวกผมเล็กน้อยก่อนจะเดินจากไป...ทีจะไปก็ไปง่าย ๆ เลยนะมึง -_-
“รีบไปไหนของมันวะ...งั้นกูกลับบ้างดีกว่า” อ้าว
ไอ้แป๊ะยิ้ม...มึงจะทิ้งกูแบบนี้ไม่ได้นะเว้ย ถึงในใจผมอยากจะด่ามันแค่ไหน
ภายนอกผมก็ทำได้แค่เพียงพยักหน้าตอบเอือม ๆ กลับไป...
เออ กูกลับก็ได้วะ
ไม่มีเพื่อนอยู่ด้วยแล้วหนิ
“ป้าครับ โค้กแก้วนึง”
สุดท้ายผมก็ต้องแวะนั่งเล่นอยู่ที่สวนสาธารณะอีกจนได้
เพราะอย่างที่รู้กันว่าถึงผมกลับห้องเร็วผมก็ไม่มีอะไรทำอยู่ดี...ผมจ่ายค่าโค้กให้ป้าก่อนจะรับแก้วมาถือ
ซึ่งป้าแกก็ยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร คงเป็นเพราะรอบนั้นผมจ่ายค่าน้ำแกเกินแน่ ๆ
แกถึงมองผมด้วยสายตาเอ็นดูแบบนี้
“พ่อหนุ่ม”
“ครับ?”
“เรียนคณะไหนหรอลูก”
“เภสัชฯครับ”
ป้าแกยิ้มหัวเราะออกมาเบา ๆ
ก่อนจะหยิบลูกอมในกระป๋องเงินให้ผม ป้าแกใจดีมาก ๆ เลยครับ
สงสัยผมต้องได้แวะซื้อโค้กป้าแกทุกวันแน่เลย...
“ขอบคุณค้าบบ :D” ผมยิ้มให้ป้าพร้อมยกมือไหว้เล็กน้อย บางคนอาจจะมองว่าผมแปลกก็ได้...เพราะป้าแกแค่ให้ลูกอมผมเม็ดเดียวผมก็ไหว้เหมือนได้เงิน...
ความจริงแล้วผมติดไหว้ผู้ใหญ่จนเป็นนิสัย
ไม่ว่าผมจะได้อะไรจากผู้ใหญ่ ผมมักจะยิ้มและไหว้สวย ๆ ตอบเขาด้วยความจริงใจ
คงเป็นเพราะแบบนี้ล่ะมั้ง
พวกผู้ใหญ่ถึงเอ็นดูผม
“ตั้งใจเรียนนะลูก
จบแล้วอย่าลืมมาซื้อโค้กป้าบ้างล่ะ”
“ผมจะแวะมาหาบ่อย ๆ นะครับ”
...
ผมตัดสินใจเดินมานั่งที่ศาลาริมน้ำที่อยู่ไม่ไกลจากซุ้มขายของนัก
จริง ๆ ผมไม่เคยมานั่งตรงนี้เลยครับ เพราะปกติผมมาไม่เคยทันพวกรุ่นพี่คณะแพทย์เลย...
บางทีผมก็คิดนะว่าพวกพี่เขาว่างกันขนาดนั้นเลยหรอ
อ่า...สมควรที่พวกพี่เขาชอบมานั่งกันจริง
ๆ แหละครับ เพราะศาลานี้ทั้งเย็นและวิวสวยสุด ๆ
ผมว่าผมควรถ่ายรูปเก็บไว้สักสองสามรูปคงจะดีไม่น้อยเลย
เผื่อวันไหนที่ผมคิดถึงที่นี่ผมจะได้เปิดรูปพวกนี้ขึ้นมาดูแก้เหงาได้บ้าง
แช๊ะ!
“ชอบถ่ายรูปหรอ”
“ครับ”
ผมตอบกลับตามมารยาททั้ง ๆ
ที่ยังไม่ละสายตาจากมือถือในมือ
และยังคงถ่ายรูปวิวต่อ...แต่จะว่าไปเสียงพี่คนนี้คุ้น ๆ จัง
เหมือนผมเคยได้ยินเสียงพี่เขาจากที่ไหนมาก่อน...
เสียงพี่ชายปริศนาเงียบไปสักพักหนึ่ง
แอบทำผมใจหายเล็กน้อย สงสัยเป็นพวกรุ่นพี่คณะแพทย์ล่ะมั้ง
เขาถึงไม่ได้ทักท้วงจะคุยกับผมจนน่ารำคาญ
พี่คนนี้ก็น่ารักดีแหะ
“สนใจให้กูช่วยสอนถ่ายรูปมั้ย”
เดี๋ยวนะ...
ผมรีบละสายตาจากมือถือและหันมองตามเสียงที่ดังมาจากด้านหลังผมทันที...พี่มึงอีกแล้วหรอ
ตามผมเป็นเจ้ากรรมนายเวรเลยนะ...ผมกลัวแล้วพี่ T_T
“ทำไมต้องทำหน้าเหมือนเห็นผีอย่างนั้นล่ะ” แหม่~
พ่อคนตลกโปกฮา...ผมล่ะอยากจะบอกพี่เสือจริง ๆ
ว่าพี่อ่ะน่ากลัวกว่าผีอีก แต่จะว่าไปผมทำหน้าเหว๋อขนาดนั้นเลยหรอครับ -_-*
“พี่มาทำอะไรแถวนี้”
ผมรวบรวมสติทั้งหมดที่มีในตอนนี้ถามออกไป พร้อมวางมือถือในมือลง
“เสือก”
ไอ้พี่เสือ!
ผมเม้มปากแน่นไม่ให้สารพัดสัตว์ในปากผมหลุดออกไป
ผมอยากจะด่าพี่มันสักคำจริง ๆ
แต่มันคงเป็นไปไม่ได้หรอกครับ...ขืนผมหลุดปากด่าพี่มัน ผมได้กลับไปทำแผลแน่ ๆ
ผมยังอยากหล่ออยู่นะ
“ขอโทษครับ”
ผมก้มหน้าลงต่ำเพื่อหลบตาพี่เสือที่ยืนอยู่ตรงหน้า ทำไมผมต้องมาเจอกับพี่เขาอีกแล้วนะ
เมื่อกลางวันผมอุตส่าห์รีบหนีได้...บ้าจริง...
แต่ดูเหมือนพี่เสือจะยิ่งได้ใจใหญ่
หลังจากที่ผมพูดขอโทษออกไป...นี่ผมคิดถูกหรือผิดที่ขอโทษพี่มันเนี่ย -_-
“ทำตัวเหมือนตอนที่เจอกูครั้งแรกเลยนะ”
ผมได้ยินพี่เสือเค้นเสียงหัวเราะในลำคอเบา ๆ อะไรวะ ชอบเห็นคนอื่นกลัวตัวเองรึไง!
ไอ้พี่โรคจิตเอ้ย!
หัวใจของผมเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาจากอกด้วยความหวาดกลัว
ขาและแขนของผมก็เริ่มรู้สึกชาและสั่นไปหมดเช่นกัน...อะไรกันวะ...เราสามารถกลัวคน ๆ
หนึ่งได้มากขนาดนี้เลยหรอ
“นี่...เงยหน้าขึ้นมามองหน้ากูหน่อยก็ได้”
ฝันไปเถอะ! ใครมันจะไปกล้ามองหน้ามึงวะพี่!? ถ้าผมมองหน้าพี่แล้วกลายเป็นหินขึ้นมาจะทำยังไงห๊ะ!? ฮรื่อออ...ผมจะร้องไห้แล้วนะ
พ่อครับ แม่ครับ ช่วยขุนเขาด้วย T_T
“กูบอกให้เงยหน้าไง”
ผมรู้สึกได้ถึงแรงจับที่ปลายคางทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้
พี่เสือ...พี่จะลามปามผมเกินไปแล้วนะ!
ผมมองหน้าพี่เสือด้วยสายตานิ่งเรียบโดยที่ไม่พูดจาสักคำ
เพียงหวังให้พี่มันหมดสนุกแล้วเดินจากผมไปง่าย ๆ แต่ความจริงมันคงเป็นไปได้ยาก...ผมรู้ดีครับ...ผมรู้ดี...
มือผมว่างมากพอที่จะพยายามปัดมือพี่เสือออกไปแต่มันกลับไม่เป็นผลใด
ๆ ทั้งสิ้น มิหนำซ้ำพี่เสือยิ่งจับผมเชยคางแรงขึ้นกว่าเดิมอีกเท่า
ตอนนี้คางผมคงแดงเป็นรอยนิ้วพี่เสืออยู่แน่
ๆ
“ตามึงสวยดีนะ”
รอยยิ้มที่มุมปากไอ้พี่เสือดูน่าหมั่นไส้แปลก ๆ
แต่จะว่าไปรอยยิ้มกับคำพูดของพี่มันดูขัดกันสุด ๆ นี่! จ้องหน้ากันขนาดนี้
จะหาเรื่องใช่มั้ย...ได้...
อยากแข่งจ้องตาก็ไม่บอก
“...” ผมตัดสินใจจ้องตาพี่เสือตรง ๆ
ด้วยสายตาที่นิ่งเรียบ ทั้งที่ใจจริงผมกลัวจนแทบจะเป็นลมอยู่แล้ว
บรรยากาศรอบ ๆ ตัวผมเริ่มเงียบกริบจนน่าขนลุก
เราได้สบตากันห้าถึงหกวิโดยประมาณ และผมก็ได้สังเกตเห็นอะไรหลาย ๆ
อย่างในแววตาของพี่เสือ...
ในแววตาพี่เสือไม่ว่าจะมองด้วยอารมณ์และความรู้สึกไหน
ก็ดูมีความน่ากลัว ดุดัน แต่ก็มีความอบอุ่นน้อย ๆ ซ่อนอยู่
ความจริงแล้วผมก็ไม่เชื่อสายตาตัวเองหรอกว่ามันจะมีความอบอุ่นอยู่ในแววตาคนแบบนั้นจริง
ๆ
…มันเป็นธรรมดาของมนุษย์ครับ
ที่เวลาเราจ้องหรือสบตากับใครนาน ๆ
ร่างกายมักจะตอบสนองกลับด้วยการเมินหน้าหนีจากกันไม่ว่าจะอาย ตลก หรือเขินก็ตาม
ผมเมินหน้าหนีพี่เสือเล็กน้อย
ไม่รู้สิครับ...ทำไมผมสบตากับพี่มันนาน ๆ แล้วรู้สึกแปลก ๆ ก็ไม่รู้
หรือผมกลัวจนทำอะไรไม่ถูกกันแน่นะ...
“มึงมองหน้าหาเรื่องหรอ”
มือของพี่เสือย้ายลงมากำที่คอเสือผมแน่น จนทำผมอึดอัด อะไรวะ!
ก็พี่มองตาผมก่อนไม่ใช่หรอ!? แล้วยังจะมาหาว่าผมไปมองหน้าหาเรื่องอีก
เวรเอ้ย!
“เปล่า”
“แล้วมึงมองหน้ากูทำไม”
“อ้าว น้องขุนเขา-“
เชี่ย...พี่กั้ง
ผมรีบผละตัวไอ้พี่เสือด้วยแรงทั้งหมดที่ผมมี
แต่ไอ้พี่เสือมันกลับกำคอเสื้อผมแน่นขึ้นเหมือนไม่สะทบสะท้านใด ๆ ทั้งสิ้น
กูหายใจไม่ออก!!!
“อ้าว คิดว่าหมาที่ไหน...มึงนี่เอง”
พี่เสือหันไปมองพี่กั้งที่ยืนอยู่ด้านหลังมันอีกที
ผมแอบเห็นรอยยิ้มที่น่าหมั่นไส้ของไอ้พี่เสือมันลาง ๆ
เอาเลยพี่กั้ง...ซัดหน้ามันสักทีเถอะ ผมหมั่นไส้มันจะแย่แล้ว
“มึงจะทำอะไรน้องกู”
พอพี่กั้งพูดจบเขาก็กระชากตัวพี่เสือออกจากตัวผมทันที
โอ้โห...พี่กั้งเวอร์ชั่นเกรี้ยวกราดครับทุกคน...เท่ห์สุด ๆ(?)
พี่กั้งไม่ได้มาคนเดียวครับ
พี่เขามากับพี่ธันวาด้วย แต่เหมือนพี่ธันวาจะนั่งรออยู่ที่มอไซค์ซึ่งจอดอยู่ไกล ๆ
เวรของกรรม...พี่ธันวาเล่นมือถือในมือไม่สนใจรอบข้างเลย พี่กั้งจะต่อยกับพี่เสืออยู่แล้วครับ!
สนใจหน่อยดิพี่!
“ก็น้องมึงมองหน้าหาเรื่องกูอ่ะ” กู Ark
real!? ผมควรจะเป็นคนพูดประโยคนี้นะ!!
คำตอบพร้อมใบหน้าวอนบาทาของไอ้พี่เสือทำพี่กั้งขมวดคิ้วจนเกือบเป็นปม
“น้องกูไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก นอกจากมึงคิดไปเอง”
ผมลอบถอยหายใจออกมาเบา ๆ
ตอนนี้ผมเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก...พี่กั้งเชื่อใจผมครับทุกคนนนนน!!
“พ...พวกพี่ค่อย ๆ คุยกันเถอะครับ”
ไม่รู้อะไรดลใจทำให้ผมพูดประโยคนี้ออกไป
แถมยังถลาตัวเข้าไปแยกพี่เขาทั้งสอง...เสี่ยงฉิบหายเลยแม่มึงเอ้ย...นี่ผมเป็นคนดีเกินไปรึเปล่าเนี่ย
“มึงไม่ต้องมาพูดดีเลยไอ้หน้าขาว-“
ไอ้เหี้ย!
เออ ผมขอด่าแม่งสักคำในใจเถอะ
ผมมองหน้าพี่เสือด้วยสายตาอาฆาตเหมือนกับทุก ๆ
ครั้งที่ผมเริ่มหงุดหงิดเพราะคำพูดหมา ๆ จากปากพี่มัน
แต่ดูเหมือนว่าพี่กั้งจะเหลือบมาเห็นสายตาของผมก่อนจึงดันตัวผมออก
“ใจเย็น ๆ เดี๋ยวพี่เคลียร์ให้”
พี่กั้งกระซิบข้างหูผมเบา ๆ พลางมองไอ้พี่เสือไม่ละสายตาไม่ต่างจากผม
ใครมันจะไปทนได้วะ...ถามจริง...
“ด็อก!! กลับเหอะ”
จู่ ๆ
ก็มีเสียงตะโกนดังมาจากที่ไหนไม่รู้เข้ามาทำลายบรรยากาศที่น่าอึดอัดตรงนี้สลายหายไปจนหมด
เพราะเมื่อเสียงตะโกนปริศนานั้นดังขึ้นไอ้พี่เสือก็รีบหันหน้าตามหาเจ้าของเสียงนั้นทันที
ด็อกหรอ?
พี่เขาฉลาดจนเพื่อนเรียกว่าด็อกเลยหรอเนี่ย...
“แป๊บนึงดิพอร์ช”
พี่เสือตะโกนตอบ...ผมและพี่กั้งจึงหันไปมองตามไอ้พี่เสือทันที
อห.นี่หรอพี่พอร์ชเพื่อนพี่เสือ หน้าตาดีกว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลย เดี๋ยวนะ
ทำไมหน้าพี่เขาถึงคุ้นตาผมจัง...
อย่าบอกนะว่าพี่เขาก็คือหนึ่งในผู้ชายสองคนที่ยืนอยู่ข้างพี่เสือเมื่อกลางวันนี้!!
“เห้ย ทำไรกันนานจังวะ”
เสียงปริศนาที่สองตามมาติด ๆ อะไรวะเนี่ย
วันรวมญาติพี่เสือหรอครับถามจริง...แล้วทำไมผมต้องมาอยู่ตรงนี้ด้วย T_T
“แบงค์ มึงอยู่ตรงนั้นแหละ...แป๊บนึง”
พี่เสือมองหน้าเพื่อนก่อนจะก้มหน้าก้มตาจัดทรงเนคไทสีเขียวเข้มเล็กน้อย
คือพี่มันจะฟอร์มว่าจัดเสื้อผ้าอยู่งี้ป่ะ
ขี้เก๊กฉิบหาย
“ขุนเขา นายกลับไปก่อนเถอะ”
พี่กั้งหันมาบอกผมด้วยน้ำเสียงเหนื่อย ๆ ก่อนจะยิ้มให้ผมเล็กน้อย
“ไม่เป็นไรครับ...ผมโอเค” โอเคกับผีมึงสิไอ้ขุน...มึงขาสั่นจนจะยืนไม่อยู่แล้วนะ
“ไอ้ด็อกมึงกลับกับพวกกูเลยไอ้เวร
มึงได้ไปหาเรื่องเขารึเปล่าเนี่ย”
“เปล่า”
ตอแหล
ถ้าผมไม่เกรงใจว่าคนพวกนี้เป็นรุ่นพี่ผมนะ
ผมจะพูดออกไปจริง ๆ ด้วย
พี่เสือมองหน้าผมสลับกับพี่กั้งอยู่สองสามหนก่อนจะเดินไปหาพวกพี่พอร์ชและพี่แบงค์ที่ยืนมองเขาอยู่
“ไว้เจอกันใหม่นะไอ้กั้ง...”
พี่เสือยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะมองมาที่ผม ส่วนพี่กั้งก็ยืนกอดอกมองนิ่ง ๆ
ไม่พูดอะไรสักคำ
“มึงด้วย...ไอ้หน้าขาว”
พูดจบพี่มันก็เดินหันหลังให้ผมและพี่กั้งทันที
เข้าใจคำว่าหงุดหงิดแต่ทำอะไรไม่ได้มั้ยครับ...ตอนนี้ผมเข้าใจฟีลนั้นสุด ๆ
ผมกำหมัดในมือแน่นก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“พี่เสือเขาเป็นคนแบบนี้มานานแล้วหรอ” พี่กั้งพยักหน้าตอบผมเล็กน้อย
ก่อนจะเอามือมาตบที่บ่าผมเบา ๆ
“ถ้ามีปัญหากับมันอีก
ก็ทักมาหาพี่ล่ะ...พี่กลับก่อนนะ” ไม่ทันที่ผมจะได้ตอบอะไรพี่กั้งสักคำ
พี่เขาก็เดินจากผมไปหาพี่ธันวาที่นั่งรอเขาเสียแล้ว ผมก็ควรกลับเหมือนกันสินะ...
ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้พี่เสือ!!
ไลน์!
9 :
ได้ข่าวว่าเมื่อเย็นมีเรื่องกับพี่เสือหรอ
NNINZ : ไอ้ขุนมีเรื่องหรอ
9 : ไม่รู้ดิ กูเห็นในกรุ๊ปคณะเขาคุยกัน
K-KHAO : เออ เกือบมี
NNINZ : รอดมาได้ไงวะ
9 : เสียดาย
K-KHAO : เสียดายอะไร
9 : เสียดายที่มึงไม่โดน
K-KHAO : ไอ้เหี้ยเก้า
NNINZ : 55555555
NNINZ : กูล่ะอย่างชอบ
K-KHAO : เงียบไปเลยไอ้แป๊ะยิ้ม
NNINZ : สัส
ใช่ครับ
เรื่องเมื่อเย็นเข้าหูไปถึงคนในคณะผมอย่างรวดเร็ว
ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนพวกนั้นรู้เรื่องนี้กันได้ยังไง
แต่ผมก็ไม่สนใจหรอกครับว่าใครจะพูดเรื่องนี้ว่ายังไง
เพราะวันนี้ผมก็เหนื่อยมามากพอแล้ว
แต่จะว่าไป
เมื่อเย็นพี่กั้งเขาเข้ามาทักผมทำไมนะ
หรือพี่เขามีเรื่องสำคัญที่จะคุยกับผมรึเปล่า ผมว่าผมควรที่จะทักไปถามพี่เขา
ก่อนที่มันจะสายเกินไป...
ไลน์!
K-KHAO : เมื่อเย็นพี่มีอะไรจะคุยกับผมรึเปล่า
KG : เปล่า ๆ
KG : พอดีพี่ผ่านมาเห็นน้องพอดีเลยเข้าไปทัก
K-KHAO : อ่อ
K-KHAO : โอเคครับ งั้นผมไม่กวนพี่ดีกว่า
>0<
KG : ไม่เป็นไรครับ ^^
ผมกดพักหน้าจอมือถือทันทีก่อนจะวางลงข้างตัว...ผมค่อย
ๆ หลับตาลงพลางผ่อนลมหายใจออกมาเพื่อระบายความเหนื่อยที่สะสมมาทั้งวัน...
และภาพแววตาคมที่แฝงไปด้วยความอบอุ่นคู่นั้นก็ปรากฏขึ้นมาในหัวของผม
มันทำให้ผมค้างคาใจมาตั้งแต่เมื่อเย็น ถึงแม้จะเป็นเวลาเพียงไม่กี่วิ
แต่ผมก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นนั้นจริง ๆ นะครับ
แต่พอผมคิดดูอีกที...คนปากปีจอ
แถมหาเรื่องเก่งเป็นชีวิตจิตใจพันธุ์นั้นจะมีความอบอุ่นอยู่ในตัวด้วยหรอ
ตลกชะมัด
“แล้วกูจะคิดถึงพี่มันทำไมวะ”
TBC
#นายพยัคฆา
เอ๊ะ
นั่นสิ…จะคิดถึงทำไมเนอะ
ความคิดเห็น