คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ปากหมาครั้งที่สอง : ซวยซ้ำซวยซ้อน
ปากหมาครั้งที่สอง
: ซวยซ้ำซวยซ้อน
คำเตือน
: โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
ในชีวิตคนเรามักจะมีช่วงหนึ่งที่
‘ซวย’ สุด ๆ
ไม่ว่าความซวยนั้นจะมาในรูปแบบใดก็ตาม
แต่มันมักจะมีผลต่ออารมณ์และความรู้สึกของเราเสมอ
นั่นแหละครับ...ตอนนี้ผมกำลังเผชิญกับมันอยู่
คนบ้าอะไรจะซวยได้ขนาดนี้
เมื่อเช้าผมก็มาเข้ากิจกรรมไม่ทันแถมโดนลงโทษเดี่ยวอีก
และตอนนี้ผมก็กำลังโดนลงโทษเพราะไอ้พวกเพื่อนตัวดีทั้งสองมันชวนผมคุย...สุดท้ายก็โดนจับได้ทั้งแก๊ง
พี่สตาฟสั่งให้พวกผมวิ่งรอบมอหนึ่งรอบครึ่ง
ซึ่งแน่นอนครับว่ามอของผมไม่ใช่เล็ก ๆ นะครับ ใหญ่มากกกกกกก(ก.ไก่ล้านตัว)
เพราะพื้นที่เยอะแบบนี้ไงครับมอผมถึงมีหลายคณะมาก ๆ
ไม่ว่าจะเป็น...แพทย์
เภสัชฯ สถาปัตย์ วิศวะ การโรงแรม คุรุฯ และยังมีสาขาแยกอีกเป็นโขยง ณ
ตอนนี้พวกผมทั้งสามกำลังวิ่งอยู่แถว ๆ หน้าตึกคุรุฯ
ซึ่งอยู่ถัดมาจากตึกแพทย์ที่ผมเดินต้องผ่านประจำ
ผมโคตรเหนื่อยเลยครับ
“เมื่อไหร่จะครบรอบครึ่งวะเนี่ย”
ไอ้เก้าบ่นขึ้นในขณะที่มันกำลังวิ่ง เหงื่อของมันไหลอาบท่วมตัวไม่ต่างจากไอ้นินและผมเท่าไหร่
มันก็ไม่แปลกหรอกครับ...ก็ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสามจะสี่โมงแล้วหนิ
แดดโคตรแรงเลยครับ(ร้อนฉิบหาย) ผมล่ะอยากจะเป็นลมจริง ๆ
“ตอนนี้ยังวิ่งไม่ถึงหน้าตึกสถาปัตย์เลย
คงอีกนาน...” ไอ้นินพยักหน้าให้ผมน้อย ๆ
ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “เพราะมึงคนเดียวเลยไอ้เก้า!
พูดห่าไรไม่รู้เยอะแยะ” เสียงตะคอกแสนเกรี้ยวกราดของไอ้นินทำไอ้เก้าสะดุ้งโหยงจนเกือบเสียหลักทันที
“อะไรเล่า...ก็มึงเองไม่ใช่หรอที่พากูพูดอ่ะ”
เก้านะเก้า...มันพูดพร้อมปาดเหงื่อบนหน้า
เสียงฟึดฟัดไม่สบอารมณ์ของไอ้นินทำผมเหนื่อยใจตาม...
กว่าจะวิ่งผ่านหน้าตึกคุรุฯได้
ไอ้นินกับไอ้เก้าตีกันแทบตาย
สุดท้ายจบด้วยการที่ไอ้เก้าต้องยอมขอโทษและซื้อน้ำให้ไอ้นินกับผมคนละขวด
ตอนนี้ผมกำลังวิ่งอยู่แถว
ๆ หน้าตึกสถาปัตย์...ผมได้แต่ภาวนาให้ไม่เจอพี่เสือไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็ตาม
ผมหันไปมองไอ้นินกับไอ้เก้าที่วิ่งอยู่ทางซ้ายมือของผมพลางคิดถึงสมัยมอปลายในคาบพละที่พวกผมเคยโดนลงโทษให้วิ่งรอบสนามบอลโรงเรียนสิบรอบ...คิดแล้วก็ยังตลกตัวเองทุกที
ผมกับไอ้นินและไอ้เก้าผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะ
ไม่ว่าเป็นเรื่องที่ดีไปจนถึงเรื่องที่เลวร้ายที่สุด พวกผมเคยกอดคอกันร้องไห้มาแล้วนะครับ5555
เพราะแบบนี้แหละครับที่ทำให้พวกผมสนิทกันมาก ๆ และเข้าใจกันทุกอย่าง
ทำไมจู่ ๆ
ผมถึงคิดถึงเรื่องแบบนี้นะ
“ไอ้ขุน
มึงว่านั่นใช่พี่เสือป่ะวะ” ไอ้เก้าสะกิดที่ไหล่ผมเบา ๆ
ก่อนจะชี้ไปที่พี่ผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังนั่งคร่อมมอไซค์อยู่
ไอ้เหี้ย ภาพซ้อน
“กูว่า...เราวิ่งอ้อมกันดีกว่านะ”
ผมออกความคิดที่สุดแสนจะฉลาดออกไป
แต่ไอ้นินกับไอ้เก้าทำหน้าเหมือนไม่เห็นด้วยเท่าไหร่
“วิ่งอ้อมห่าไร มันมีแค่ทางเดียว”
เออว่ะ...ก็จริงของไอ้นิน ที่ตึกสถาปัตย์แทบไม่มีที่จู๊คดี ๆ
ให้พวกผมเลย อะไรมันจะแย่ได้ขนาดนี้วะ
ชวิ้ง!
เชี่ย...สบตากันเฉยเลย
โคตรพ่อโคตรแม่บังเอิญสุด
ๆ ! จังหวะสบตากันระหว่างผมกับไอ้พี่เสือมันจะเป๊ะอะไรเบอร์นี้
และเมื่อเราสบตากันผมรู้ได้เลยว่าความฉิบหายกำลังมาเยือนผมแน่ ๆ
“ไอ้ขุน!”
“ห๊ะ”
“มึงเป็นเหี้ยไร กูถามก็ไม่ตอบ”
ไอ้นินมันถามอะไรผมวะ ไม่เห็นจะได้ยินเลย...นี่ผมเหม่อเพราะพี่เสือหรอ
โถ่เอ้ย...เวรของกรรมแท้ ๆ
“มึงถามกูว่าไรนะ” ผมหยุดวิ่งพร้อมมองไปที่ไอ้นิน
มันเดินเข้ามาใกล้ผมก่อนจะยื่นหน้ามาใกล้หูผมจนทำให้ผมขนลุกแปลก ๆ
“กูถามว่ามึงจะเอาไง” ผมดันตัวไอ้เหี้ยนินออกทันที มึงจะกระซิบบอกกูทำพรื้อ!? เรื่องแค่นี้เองไอ้เวรเอ้ย -_-*
“ถามแค่นี้ไม่ต้องกระซิบก็ได้”
ไอ้เก้าหันมามองหน้าผมกับไอ้นินสลับกันไปมาพร้อมเอียงคอในองศาแปลก
“พวกมึงสองคนทำอะไรกันอ่ะ” ไอ้นินหันมองไอ้เก้าพร้อมยิ้มบาง
ๆ ที่ผมเห็นแล้วอดหมั่นไส้แม่งไม่ได้...
“เปล่า” เดี๋ยวนะ...ทำไมผมถึงรู้สึกว่าคำว่าเปล่าของไอ้นินมันแปลก
ๆ แต่ช่างมันเถอะครับ...ระหว่างที่ไอ้นินกับไอ้เก้าคุยกันอยู่
ผมก็คิดที่จะหนีพี่เสือไปพลาง ๆ
บรื้นนนนน~
“เฮ้อออออ~” ในทันทีที่ผมได้ยินเสียงรถมอไซค์คันหนึ่งขับออกไป
ผมก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที...ขอให้มอไซค์คันนั้นเป็นของพี่เสือเถอะ
พวกผมจะได้วิ่งต่อสักที ;-;
ปี้นนน ๆ !
“ไอ้ขุน!” ไอ้เก้าและไอ้นินตะโกนเรียกผมขึ้นมาพร้อมกันและมองหน้าผมตาโต
พวกมันมองเหมือนว่ามีสัตว์ประหลาดตัวยักษ์อยู่ด้านหลังผม
ทำให้ผมต้องหันไปมองตามพวกมันทันที
ฉิบหาย
พี่เสือ
“มึงอีกแล้วหรอ” ผมกำขวดน้ำในมือแน่นพร้อมสบตากับพี่เสืออยู่ประมาณสามวิก่อนจะใช้สายตาไล่มองตั้งแต่หัวจรดปลายตีนไอ้พี่เสือ
และผมก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่าผมกำลังยืนขวางทางพี่เขาอยู่
ไม่แปลกใจเลยทำไมเขาถึงบีบแตรใส่ผม
พี่เสือกำลังนั่งอยู่บนมอไซค์คันสีดำคันเดิมที่ผมเคยเห็นตั้งแต่วันแรกที่เราได้เจอกัน
แต่ครั้งนี้มันกลับดูใหม่ขึ้นและสตาร์ทอยู่...สงสัยพึ่งไปล้างรถมาแน่ ๆ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญสักหน่อย
“...”
“มึงมาทำอะไรแถวนี้” คำถามของพี่เสือทำผมยืนอ้ำอึ้งพูดไม่ออก จะตอบยังไงดีวะ โดนลงโทษงี้หรอ
เหอะ ขืนตอบแบบนี้พี่มันต้องแกล้งผมแน่ ๆ “เป็นใบ้รึไง กูถามก็ไม่ตอบ แถมยังยืนขวางทางกูอีก...”
ไอ้พี่เสือว่าผมเป็นชุดเหมือนโกรธผมมาตั้งแต่ชาติปางก่อน
แต่ผมเลือกทำตัวนิ่งไว้ก่อนเผื่อคำพูดดี ๆ จะผุดขึ้นมาในหัวผมสักคำ ผมจะได้ตอบคำถามของพี่แกถูก
“คือ-”
“พวกผมโดนลงโทษให้วิ่งรอบมอน่ะครับ”
ไอ้เหี้ยเก้า
ไอ้หน้าหมา
ผมหันไปมองหน้าไอ้เก้าทันควัน
มึงจะบอกทำไมวะ!? โถ่เอ้ย...จบแล้ว
หน้ากูไม่เหลือให้ขายแล้วเพื่อน
“อ่อ~ มึงคงไปพูดจาหมา
ๆ ใส่พวกพี่สตาฟสินะ” คราวนี้ผมต้องรีบหันไปมองหน้าไอ้พี่เสือทันทีด้วยสายตาที่อาฆาต
พูดไม่ดูปากตัวเองเลยนะพี่ -_-*
“เปล่า แค่คุยกันในแถว” ผมตอบกลับแบบไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ แต่พี่มันกลับยิ้มให้ผม...อะไรวะ
สะใจที่กูโดนลงโทษงี้หรอพี่
“ให้กูช่วยมั้ย”
“ห๊ะ”
เมื่อกี้ผมได้ยินไม่ผิดใช่มั้ย
พี่เสือจะช่วยผมหรอ
“เออไอ้ขุน ให้พี่เขาช่วยมั้ย”
ไอ้เก้าเสนอหน้าขึ้นมาทันที แหม่~ เรื่องแบบนี้นี่เร็วเชียว
ทีกูจะโดนกระทืบแม่งหายหัวไปเลยไอ้หน้าหมา
“เนี่ย
พี่เขาอุตส่าห์มีน้ำใจจะช่วยเลยนะเว้ย มึงปฏิเสธลงหรอ” ไอ้นินก็อีกตัว
มันเข้ามากอดคอผมพร้อมมองตาปริบ ๆ
บางทีผมก็สงสัยนะว่าผมคบพวกมันเป็นเพื่อนได้ยังไง
หรือผมชินกับความหน้าหมาของพวกมันแล้ววะ
“คือ-”
“แป๊บนึง”
ไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรต่อ
พี่เสือก็หยิบมือถือขึ้นมาคุยโทรศัพท์กับใครไม่รู้(ซึ่งขอเดาว่าเป็นเพื่อนพี่แกแน่
ๆ) สักพักหนึ่งก่อนจะวางมือถือลงและมองมาที่ผม
“กูคงช่วยมึงไม่ได้แล้วล่ะ”
พี่เสือถอนหายใจใส่ผมเล็กน้อยก่อนจะยัดมือถือลงในกระเป๋ากางเกง
“ไม่เป็นไรครับ” ผมยิ้มตอแหล(?)ให้พี่เสือพลางเหลือบมองไอ้เพื่อนตัวดีทั้งสองเล็กน้อย
อย่างน้อยพระเจ้าก็ยังเมตตาผมอยู่…ผมไม่รู้เลยว่าถ้าเพื่อนพี่เสือไม่โทรมา
จะมีอะไรเกิดขึ้นกับผมบ้าง
ขอบคุณครับคุณพี่ที่ไม่รู้จัก
“เป็นไงล่ะมึง ชักช้านัก...”
ไอ้เหี้ยนินกระซิบข้างหูผมทำให้ผมต้องแกล้งเอาศอกกระแทกที่ท้องมันเบา
ๆ พร้อมมองหน้าพี่เสือไม่ละสายตา
“กูไปก่อนนะ
วิ่งให้สนุกล่ะไอ้หน้าขาว” ไอ้พี่เสือ!
ผมแทบอยากจะพุ่งเข้าไปซัดหน้าพี่มันสักหมัดแต่มันดันขับมอไซค์หนีไปก่อน
แม่งเอ้ย...หงุดหงิดฉิบหาย!
“อ้าว มึงชื่อหน้าขาวหรอ5555”
ไอ้เหี้ยเก้าหันมาแซวผมทันที เดี๋ยวมันจะโดนแทนไอ้พี่เสือแน่
ถ้ามันยังไม่หยุดแซวผม...แล้วจู่ ๆ มันก็ทำหน้าหงอยขึ้นทันที
นี่ผมมองแรงใส่มันเกินไปหรอครับ -0-
“วิ่งต่อเหอะ” ไอ้นินผละผมออกก่อนจะออกตัววิ่งนำพวกผมไป สงสัยมันงอนที่ผมแกล้งกระแทกท้องมันแน่
ๆ แต่ผมไม่ง้อมันหรอก สมควรโดนแล้วมึงอ่ะ ทะลึ่งหน้าเก่งนัก
“...ทีหลังพวกคุณอย่าคุยกันในแถวอีก กลับหอได้แล้ว”
ในทันทีที่พี่สตาฟหันหลังให้พวกผม
ไอ้นินก็จัดการเตะก้นไอ้เก้าทันที “โอ๊ย! ไอ้เหี้ยนิน
กูเจ็บ!” ไอ้เก้าทำหน้าหน้ามุ่ยใส่ไอ้นินพลางถูก้นมันรัวๆ
เออ สมน้ำหน้ามึง
“สมน้ำหน้า” ไอ้นินกอดอกแล้วรีบเดินหนีไอ้เก้าไป
ทิ้งให้ผมต้องอยู่กับไอ้เก้าท่ามกลางบรรยากาศที่สุดแสนจะอึดอัด “เจอกันอาทิตย์หน้านะมึง” ผมตบบ่าไอ้เก้าสองสามทีก่อนจะเดินหนีออกมา
หวังว่าจะไม่มีอะไรแล้วนะ...
“ไอ้ขุน!”
“ห๊ะ!” ผมหันหลังไปมองไอ้เก้าทันทีด้วยความตกใจขั้นสุด...อะไรของมันวะ
“เปล่า...กูแค่จะบอกว่ากลับดี ๆ
นะ” ผมพยักหน้าเป็นคำตอบก่อนจะเดินหน้าต่อ
เฮ้อออ...ใจหายใจคว่ำหมดนึกว่าจะมีเรื่องอะไรอีก
วันนี้ผมตั้งใจเดินกลับหอโดยที่ไม่แวะที่สวนสาธารณะ...เดี๋ยวเจอไอ้พี่เสืออีก
จริง ๆ แล้วถ้าผมตั้งใจเดินกลับแบบจริง ๆ จัง ๆ ผมก็จะถึงหอประมาณหกถึงเจ็ดนาที
แต่ส่วนใหญ่ผมจะชอบเถลไถลไงถึงใช้เวลานาน - -“
พอถึงหอผมก็รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สบายตัวก่อนจะเดินไปเปิดแอร์และทีวี
การใช้ชีวิตอยู่ที่หอคนเดียวก็ดีอย่างเสียอย่าง
ข้อดีของการอยู่คนเดียวก็คือคุณจะมีเวลาส่วนตัวและไม่ต้องแคร์ว่าใครจะเข้าออกห้องคุณอยู่บ่อย
ๆ รึเปล่า ส่วนข้อเสียของมันคือ เหงา ครับ พอไม่มีอะไรทำก็ต้องนั่งเขี่ย ๆ
มือถือสลับกับดูทีวี สรุปแล้วเหมือนหายใจทิ้งไปวัน ๆ
ไลน์!
KG : พน.น้องขุนเขาว่างมั้ย
KG : พี่วานไปซื้อของให้พี่หน่อย
K-KHAO : ซื้ออะไรหรอครับ
KG : ขนมน่ะ พี่จะเอามาแจกน้อง ๆ
K-KHAO : อ่อ
KG : ฝากด้วยนะ เดี๋ยวพน.มาเอาเงินกับพี่แล้วไปซื้อ
K-KHAO : เคครับ
เฮ้ออออ
ก็ยังดีกว่านอนเปื่อย ๆ
อยู่ที่หอละวะ...ให้ตายเถอะผมลืมไปว่าหอพี่กั้งกับหอผมอยู่ห่างกันคนละโยชน์เลย
ผมจะไม่ยอมเดินไปแน่ ๆ ขืนเดินไปมีหวังเป็นลมกลางทางพอดี ;-;
K-KHAO : พี่จะให้ผมไปหาพี่ที่ไหน
KG : พี่ลืมบอกเลย
KG : มาหาพี่ที่สวนสาธารณะก็ได้ พี่มีนัดทำป้ายกับเพื่อนพี่พอดี
K-KHAO : โอเคครับ
KG : ต้องมาก่อนเก้าโมงนะ เพราะพี่ต้องพาแฟนไปเดินเล่นอีก
K-KHAO : ครับ
กูล่ะเบื่อคนมีแฟนจริง
ๆ
ผมวางมือถือลงข้างตัวก่อนจะเริ่มตั้งใจดูทีวีที่ผมเปิดทิ้งไว้
จริง ๆ แล้วผมก็ไม่ใช่คนติดทีวีเท่าไหร่หรอก แต่บางทีผมเล่นมือถือมาก ๆ ก็ไม่ไหว
ปวดตา ปวดหัวครับไม่ใช่อะไร ;-;
ไลน์! ไลน์!
ผมปล่อยให้เสียงแจ้งเตือนมือถือดังขึ้นโดยที่ไม่สนใจมันสักนิด
อาจจะเป็นกรุ๊ปไลน์ไร้สาระอย่างกรุ๊ปพวกผมสามคนก็ได้ ซึ่งวัน ๆ
พวกมันก็คุยแต่เรื่องเกมส์บ้าง หนังบ้าง รวมไปถึงเรื่องสาว ๆ ด้วย
เพราะแบบนี้ผมถึงไม่ค่อยอยากสนใจกรุ๊ปไลน์นี้เท่าไหร่
ไลน์! ไลน์!
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่
เสียงแจ้งเตือนจากมือถือผมก็ดังถี่ขึ้น หรือพวกมันมีเรื่องอะไรกันรึเปล่านะ
สงสัยผมคงต้องเข้าไปดูหน่อยแล้ว
...
9 : กูอยากกินเป็ดย่างเอ็มเคอ่ะ
9 : ไปเป็นเพื่อนกูหน่อยเซ่!
NNINZ : รถเยอะ
9 : บินไปดิ
NNINZ : บินให้กูดูก่อนเดี๋ยวกูบินตาม
9 : มาที่ห้องกูดิเดี๋ยวกูพาลอย
NNINZ : ไม่ฟรีกูไม่ไปนะ
9 : สำหรับเพื่อนนินฟรีเสมอ
NNINZ : จริงป่ะจ๊ะ
9 : สรุปเป็ดย่างกูเอาไง
9 : นอกเรื่องไปไกลแล้วสาสสส
NNINZ : มึงก็ไปซื้อเองดิ กูขก.
9 : @K-KHAO
9 : ไปกับกูนะ
K-KHAO : ไม่
9 : ไม่ปฏิเสธ
K-KHAO : ไม่ว่าง
NNINZ : ว๊าย ๆ
9 : ว๊ายที่หน้ามึงสิ
ไร้สาระฉิบหาย
1 อาทิตย์ผ่านไป...
“หิวโว้ยยยยย!”
ผมกับไอ้นินหันไปมองไอ้เก้าพร้อมกันเหมือนนัดกันมา
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงสิบเก้านาที
พวกผมพึ่งเรียนคลาสเช้าสองชั่วโมงเสร็จและกำลังเดินไปที่ศูนย์อาหารคณะผมที่อยู่ใกล้
ๆ ตอนนี้ผมโคตรหิวข้าวเลยครับ T-T
“เออ กูก็หิวเหมือนกันแหละ”
ไม่พูดเปล่ามือของไอ้นินก็พาดไปที่บ่าไอ้เก้าด้วยความเคยชิน
ผมว่าผมเริ่มชินกับนิสัยชอบถึงเนื้อถึงตัวของไอ้นินแล้วนะ
แต่ทำไมนะผมถึงมองว่ามันดูมีเลศนัยชอบกล...หรือว่าไอ้นินจะเป็นเกย์วะ...
แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรมันหรอกครับ
จนกระทั่งพวกผมเดินมาถึงศูนย์อาหาร...โอ้โห คนเยอะกว่าวีครับน้องอีก
และดูเหมือนว่าจะไม่มีโต๊ะด้วยนะเนี่ย
เวร...
“เอาไงดีวะ ไม่มีโต๊ะเลย” เพื่อนรักผมทั้งสองต่างพากันถอนหายใจโดยพร้อมเพรียงกัน แหม่~ ถ้าไม่บอกกูคิดว่ามึงนัดกันมานะเนี่ยไอ้เวร
“ไปหาไรกินที่อื่นมั้ย”
“เซเว่นมั้ยมึง” เออ เข้าท่าดี...ผมหันไปพยักหน้าให้ไอ้นินเล็กน้อยเป็นคำตอบ เซเว่นก็อยู่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่
เดินไปแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว(ถ้าพวกผมไม่เดินเถลไถล)
และอีกอย่างผมก็หิวเกินกว่าจะไปหาที่กินที่อื่นแล้ว
ขืนเดินไปศูนย์อาหารคณะอื่นผมต้องเป็นลมกลางทางแน่ ๆ
สุดท้ายมัติเป็นเอกฉันท์...พวกผมเลือกเดินไปที่เซเว่นเพื่อหาอะไรกิน...คนที่น่าเป็นห่วงที่สุดคงไม่พ้น
ไอ้เก้า เพราะก่อนหน้านี้ผมเห็นมันไปหาหมอเพราะโรคกระเพาะอยู่บ่อย ๆ
ใจนึงก็สงสาร แต่อีกใจนึงก็อดสมน้ำหน้ามันไม่ได้เลย...
ขี้เหนียวดีนัก
สมน้ำหน้า
ไม่สิ! ผมไม่ควรที่จะว่าเพื่อนเก้าแบบนี้(ถึงในใจจะโคตรหมั่นไส้มันฉิบหายก็เถอะ)
แต่อาการโรคกระเพาะของมันก็น่ากลัวอยู่นะครับ
เคยมีอยู่ครั้งนึงสมัยผมยังเรียนอยู่มอห้า ผมจำได้แม่นเลยว่า คาบหกในบ่ายวันหนึ่งไอ้เก้านั่งเรียนอยู่ดี
ๆ ก็ไอออกมาเป็นเลือด แถมมันก็ทรุดลงไปกับพื้นและไอไม่หยุด
ตอนนั้นผมตกใจมากเพราะผมกลัวว่ามันจะตายต่อหน้าต่อตาผม
ผมทำอะไรไม่ถูกเลย
จนกระทั่งอาจารย์ใช้ให้ผมพยุงมันลงไปที่ห้องพยาบาล สุดท้ายอาจารย์ที่อยู่ห้องพยาบาลต้องโทรเรียก*แอมบูแลนซ์
ให้ไปส่งไอ้เก้าเข้าโรงบาลโดยที่มีผมและไอ้นินนั่งไปด้วย
ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าอาการของโรคกระเพาะจะเป็นได้มากขนาดนั้น
และหลังจากนั้นผมกับไอ้นินมักจะคอยบังคับไอ้เก้าให้กินข้าวให้ครบทุกมื้อเสมอ
เพราะพวกผมเป็นห่วงว่ามันจะเป็นโรคกระเพาะอีก...
“...มึงข้องใจไรกูป่ะเนี่ย”
น้ำเสียงพร้อมใบหน้ากวน ๆ ของไอ้เก้าทำตีนผมกระตุกเล็กน้อย
ผมแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินแล้วก้มหน้าก้มตากินข้าวกล่องในมือต่อ
ใช่ครับ...ผมนั่งมองหน้ามันมาสักพักแล้ว
ผมรู้สึกว่าไอ้เก้ามันดูหล่อขึ้น...ขอออกตัวก่อนเลยนะครับ ผมไม่ได้ชอบผู้ชายนะ
แต่ผมว่าไอ้เก้ามันดูหล่อขึ้นจริง ๆ หน้ามันดูใสขึ้นแถมโครงหน้ามันดูคมขึ้น
รู้สึกไม่ชินเลยแหะ
“ไอ้ขุนมันก็เป็นแบบนี้แหละ”
จู่ ๆ ไอ้ห่านินก็พูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
พูดงี้อยากกินหมัดกูแทนข้าวหรอเพื่อน -_-*
“กูทำไม”
เงียบ...
ไม่มีใครตอบคำถามผมสักคำ
นี่ผมเหี้ยเกินไปจนเพื่อนอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้เลยหรอเนี่ย...เห้อออ โอเค...งั้นผมจะทำเป็นว่าผมไม่เคยพูดอะไรออกไปก็แล้วกัน
ตอนนี้พวกผมมานั่งอยู่แถว
ๆ หน้าตึกแพทย์ เพราะมันมีร่มไม้ใหญ่พอให้รู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย
ส่วนคนที่เลือกที่นั่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย...คนหล่อ ๆ
อย่างผมนี่แหละครับที่เป็นคนเลือก(?)
พวกผมต่างคนต่างก้มหน้าก้มตากินข้าวกล่องในมือโดยที่ไม่พูดคุยกันสักคำ
ท่าทางจะหิวกันมาก ๆ เลยแหะ
อย่าว่าแต่เขาเลย...เพราะผมก็หิวมากจนไม่อยากจะคุยหรือสนใจอะไรทั้งนั้น
“...วันนี้มีใครจะไปส่งงานกับกูมั้ย”
ไอ้นินวางกล่องข้าวในมือลงก่อนจะคว้าขวดน้ำที่วางอยู่ข้างตัวมันมาเปิดฝาและกระดกดื่มอย่างรวดเร็ว
พูดตามตรงผมก็อยากไปนะ แต่จะให้เดินไปก็ไม่ไหวจริง ๆ ผมยังต้องเดินกลับหออีกนะ -_-
“กูไม่ไปนะ แต่กูขอฝากมึงไปส่งงานให้กูด้วย” ไอ้เก้าก็ยังเป็นไอ้เก้าอยู่วันยันค่ำ
มันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบง่ายเหมือนไม่รู้สึกสะทบสะท้านใด ๆ แต่หารู้ไม่ว่าไอ้นินมองหน้ามันคล้ายจะกินเลือดมันอย่างไรอย่างนั้น
“หน้าเหี้ยจริง ๆ” ผมแทบจะสำลักข้าวทันที…ยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว ไอ้นินพูดแบบนี้ก็เหมือนเหมารวมผมไปด้วย…
“กูว่าจะกลับไปทำงานต่ออ่ะ”
ผมพยายามมองหน้าไอ้นินให้เป็นธรรมชาติที่สุด อ่า…โง่ให้กูหน่อยเถอะเพื่อน
“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวกูไปคนเดียวก็ได้”
อห.พูดซะกูดูเหี้ยขึ้นมาทันทีเลยนะนิน
ผมเนียนหันมองไปรอบ
ๆ พลางแอบถอนหายใจออกมาเพราะกลัวไอ้นินจับได้
และผมก็เห็นไอ้เก้าก็กำลังทำเหมือนผมไม่มีผิด แหม่…เอาตัวรอดเก่งมากเพื่อน
กูนับถือใจมึงจริง ๆ
แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งสะดุดเข้าตาผมอย่างจัง
ผมมองเห็นเขาจากด้านหลังไกล ๆ …ทั้งรูปร่าง
ท่าทางนี่โคตรคล้ายไอ้พี่เสือเลยแหะ แต่เขาไม่ได้มาคนเดียวนี่สิครับ เห็นมีผู้ชายอีกสองคนที่สูงไล่
ๆ กันเดินขนาบข้างซ้ายขวาชายคนนั้นด้วย เหมือนจะเป็นเพื่อนเขาเลย
ต้องไม่ใช่พี่เสือสิ
ปากหมาแบบนั้นคงไม่มีใครอยากคบเป็นเพื่อนหรอก
อยู่ดี ๆ เขาก็ทำกระเป๋าตังค์ตก…เพราะความเด๋อล้วน ๆ แค่หมอนั่นจะหยิบมือถือจากกระเป๋ากางเกง ของที่ใส่ในนั้นก็ร่วงลงพื้นจนหมด…แสดงว่าตอนที่เขาเก็บของผมก็ต้องได้เห็นหน้าเขาสิครับ!? งั้นมาดูกันว่าจะใช่พี่เสือนั่นมั้ย
หูฟัง...
นามบัตร..
พี่เสือ.
ไอ้พี่เสือ!!!
*แอมบูแลนซ์ = รถพยาบาล
TBC
#นายพยัคฆา
ความจำดีจังเลยนะลูก
ความคิดเห็น