ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    น า ย พ ยั ค ฆ า

    ลำดับตอนที่ #3 : ปากหมาครั้งที่สอง : ซวยซ้ำซวยซ้อน

    • อัปเดตล่าสุด 21 ส.ค. 62


     



    ปากหมาครั้งที่สอง : ซวยซ้ำซวยซ้อน

    คำเตือน : โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

     



                   ในชีวิตคนเรามักจะมีช่วงหนึ่งที่ซวยสุด ๆ ไม่ว่าความซวยนั้นจะมาในรูปแบบใดก็ตาม แต่มันมักจะมีผลต่ออารมณ์และความรู้สึกของเราเสมอ

                   นั่นแหละครับ...ตอนนี้ผมกำลังเผชิญกับมันอยู่

                   คนบ้าอะไรจะซวยได้ขนาดนี้ เมื่อเช้าผมก็มาเข้ากิจกรรมไม่ทันแถมโดนลงโทษเดี่ยวอีก และตอนนี้ผมก็กำลังโดนลงโทษเพราะไอ้พวกเพื่อนตัวดีทั้งสองมันชวนผมคุย...สุดท้ายก็โดนจับได้ทั้งแก๊ง

                   พี่สตาฟสั่งให้พวกผมวิ่งรอบมอหนึ่งรอบครึ่ง ซึ่งแน่นอนครับว่ามอของผมไม่ใช่เล็ก ๆ นะครับ ใหญ่มากกกกกกก(ก.ไก่ล้านตัว) เพราะพื้นที่เยอะแบบนี้ไงครับมอผมถึงมีหลายคณะมาก ๆ

                   ไม่ว่าจะเป็น...แพทย์ เภสัชฯ สถาปัตย์ วิศวะ การโรงแรม คุรุฯ และยังมีสาขาแยกอีกเป็นโขยง ณ ตอนนี้พวกผมทั้งสามกำลังวิ่งอยู่แถว ๆ หน้าตึกคุรุฯ ซึ่งอยู่ถัดมาจากตึกแพทย์ที่ผมเดินต้องผ่านประจำ

                   ผมโคตรเหนื่อยเลยครับ

                    เมื่อไหร่จะครบรอบครึ่งวะเนี่ยไอ้เก้าบ่นขึ้นในขณะที่มันกำลังวิ่ง เหงื่อของมันไหลอาบท่วมตัวไม่ต่างจากไอ้นินและผมเท่าไหร่ มันก็ไม่แปลกหรอกครับ...ก็ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสามจะสี่โมงแล้วหนิ แดดโคตรแรงเลยครับ(ร้อนฉิบหาย) ผมล่ะอยากจะเป็นลมจริง ๆ

                    ตอนนี้ยังวิ่งไม่ถึงหน้าตึกสถาปัตย์เลย คงอีกนาน...ไอ้นินพยักหน้าให้ผมน้อย ๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เพราะมึงคนเดียวเลยไอ้เก้า! พูดห่าไรไม่รู้เยอะแยะเสียงตะคอกแสนเกรี้ยวกราดของไอ้นินทำไอ้เก้าสะดุ้งโหยงจนเกือบเสียหลักทันที

                    อะไรเล่า...ก็มึงเองไม่ใช่หรอที่พากูพูดอ่ะเก้านะเก้า...มันพูดพร้อมปาดเหงื่อบนหน้า เสียงฟึดฟัดไม่สบอารมณ์ของไอ้นินทำผมเหนื่อยใจตาม...

                   กว่าจะวิ่งผ่านหน้าตึกคุรุฯได้ ไอ้นินกับไอ้เก้าตีกันแทบตาย สุดท้ายจบด้วยการที่ไอ้เก้าต้องยอมขอโทษและซื้อน้ำให้ไอ้นินกับผมคนละขวด

                   ตอนนี้ผมกำลังวิ่งอยู่แถว ๆ หน้าตึกสถาปัตย์...ผมได้แต่ภาวนาให้ไม่เจอพี่เสือไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็ตาม ผมหันไปมองไอ้นินกับไอ้เก้าที่วิ่งอยู่ทางซ้ายมือของผมพลางคิดถึงสมัยมอปลายในคาบพละที่พวกผมเคยโดนลงโทษให้วิ่งรอบสนามบอลโรงเรียนสิบรอบ...คิดแล้วก็ยังตลกตัวเองทุกที

                   ผมกับไอ้นินและไอ้เก้าผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะ ไม่ว่าเป็นเรื่องที่ดีไปจนถึงเรื่องที่เลวร้ายที่สุด พวกผมเคยกอดคอกันร้องไห้มาแล้วนะครับ5555 เพราะแบบนี้แหละครับที่ทำให้พวกผมสนิทกันมาก ๆ และเข้าใจกันทุกอย่าง

                   ทำไมจู่ ๆ ผมถึงคิดถึงเรื่องแบบนี้นะ

                    ไอ้ขุน มึงว่านั่นใช่พี่เสือป่ะวะไอ้เก้าสะกิดที่ไหล่ผมเบา ๆ ก่อนจะชี้ไปที่พี่ผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังนั่งคร่อมมอไซค์อยู่

                   ไอ้เหี้ย ภาพซ้อน

                    กูว่า...เราวิ่งอ้อมกันดีกว่านะผมออกความคิดที่สุดแสนจะฉลาดออกไป แต่ไอ้นินกับไอ้เก้าทำหน้าเหมือนไม่เห็นด้วยเท่าไหร่

                    วิ่งอ้อมห่าไร มันมีแค่ทางเดียวเออว่ะ...ก็จริงของไอ้นิน ที่ตึกสถาปัตย์แทบไม่มีที่จู๊คดี ๆ ให้พวกผมเลย อะไรมันจะแย่ได้ขนาดนี้วะ

    ชวิ้ง!

                   เชี่ย...สบตากันเฉยเลย

                   โคตรพ่อโคตรแม่บังเอิญสุด ๆ ! จังหวะสบตากันระหว่างผมกับไอ้พี่เสือมันจะเป๊ะอะไรเบอร์นี้ และเมื่อเราสบตากันผมรู้ได้เลยว่าความฉิบหายกำลังมาเยือนผมแน่ ๆ

                    ไอ้ขุน!

                    ห๊ะ

                    มึงเป็นเหี้ยไร กูถามก็ไม่ตอบไอ้นินมันถามอะไรผมวะ ไม่เห็นจะได้ยินเลย...นี่ผมเหม่อเพราะพี่เสือหรอ โถ่เอ้ย...เวรของกรรมแท้ ๆ

                    มึงถามกูว่าไรนะผมหยุดวิ่งพร้อมมองไปที่ไอ้นิน มันเดินเข้ามาใกล้ผมก่อนจะยื่นหน้ามาใกล้หูผมจนทำให้ผมขนลุกแปลก ๆ

                    กูถามว่ามึงจะเอาไงผมดันตัวไอ้เหี้ยนินออกทันที มึงจะกระซิบบอกกูทำพรื้อ!? เรื่องแค่นี้เองไอ้เวรเอ้ย -_-*

                    ถามแค่นี้ไม่ต้องกระซิบก็ได้ไอ้เก้าหันมามองหน้าผมกับไอ้นินสลับกันไปมาพร้อมเอียงคอในองศาแปลกพวกมึงสองคนทำอะไรกันอ่ะไอ้นินหันมองไอ้เก้าพร้อมยิ้มบาง ๆ ที่ผมเห็นแล้วอดหมั่นไส้แม่งไม่ได้...

                    เปล่าเดี๋ยวนะ...ทำไมผมถึงรู้สึกว่าคำว่าเปล่าของไอ้นินมันแปลก ๆ แต่ช่างมันเถอะครับ...ระหว่างที่ไอ้นินกับไอ้เก้าคุยกันอยู่ ผมก็คิดที่จะหนีพี่เสือไปพลาง ๆ

    บรื้นนนนน~

                    เฮ้อออออ~” ในทันทีที่ผมได้ยินเสียงรถมอไซค์คันหนึ่งขับออกไป ผมก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที...ขอให้มอไซค์คันนั้นเป็นของพี่เสือเถอะ พวกผมจะได้วิ่งต่อสักที ;-;

    ปี้นนน ๆ !

                    ไอ้ขุน!ไอ้เก้าและไอ้นินตะโกนเรียกผมขึ้นมาพร้อมกันและมองหน้าผมตาโต พวกมันมองเหมือนว่ามีสัตว์ประหลาดตัวยักษ์อยู่ด้านหลังผม ทำให้ผมต้องหันไปมองตามพวกมันทันที

                   ฉิบหาย

                   พี่เสือ

                    มึงอีกแล้วหรอผมกำขวดน้ำในมือแน่นพร้อมสบตากับพี่เสืออยู่ประมาณสามวิก่อนจะใช้สายตาไล่มองตั้งแต่หัวจรดปลายตีนไอ้พี่เสือ และผมก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่าผมกำลังยืนขวางทางพี่เขาอยู่

     

                   ไม่แปลกใจเลยทำไมเขาถึงบีบแตรใส่ผม

                   พี่เสือกำลังนั่งอยู่บนมอไซค์คันสีดำคันเดิมที่ผมเคยเห็นตั้งแต่วันแรกที่เราได้เจอกัน แต่ครั้งนี้มันกลับดูใหม่ขึ้นและสตาร์ทอยู่...สงสัยพึ่งไปล้างรถมาแน่ ๆ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญสักหน่อย

     
                    “...”

                    มึงมาทำอะไรแถวนี้คำถามของพี่เสือทำผมยืนอ้ำอึ้งพูดไม่ออก จะตอบยังไงดีวะ โดนลงโทษงี้หรอ เหอะ ขืนตอบแบบนี้พี่มันต้องแกล้งผมแน่ ๆ  เป็นใบ้รึไง กูถามก็ไม่ตอบ แถมยังยืนขวางทางกูอีก... ไอ้พี่เสือว่าผมเป็นชุดเหมือนโกรธผมมาตั้งแต่ชาติปางก่อน แต่ผมเลือกทำตัวนิ่งไว้ก่อนเผื่อคำพูดดี ๆ จะผุดขึ้นมาในหัวผมสักคำ ผมจะได้ตอบคำถามของพี่แกถูก

                    คือ-

                    พวกผมโดนลงโทษให้วิ่งรอบมอน่ะครับ

                   ไอ้เหี้ยเก้า ไอ้หน้าหมา

                   ผมหันไปมองหน้าไอ้เก้าทันควัน มึงจะบอกทำไมวะ!? โถ่เอ้ย...จบแล้ว หน้ากูไม่เหลือให้ขายแล้วเพื่อน

                    อ่อ~ มึงคงไปพูดจาหมา ๆ ใส่พวกพี่สตาฟสินะคราวนี้ผมต้องรีบหันไปมองหน้าไอ้พี่เสือทันทีด้วยสายตาที่อาฆาต พูดไม่ดูปากตัวเองเลยนะพี่ -_-*

                    เปล่า แค่คุยกันในแถวผมตอบกลับแบบไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ แต่พี่มันกลับยิ้มให้ผม...อะไรวะ สะใจที่กูโดนลงโทษงี้หรอพี่

                    ให้กูช่วยมั้ย

                    ห๊ะ

                   เมื่อกี้ผมได้ยินไม่ผิดใช่มั้ย

                   พี่เสือจะช่วยผมหรอ

                    เออไอ้ขุน ให้พี่เขาช่วยมั้ยไอ้เก้าเสนอหน้าขึ้นมาทันที แหม่~ เรื่องแบบนี้นี่เร็วเชียว ทีกูจะโดนกระทืบแม่งหายหัวไปเลยไอ้หน้าหมา

                    เนี่ย พี่เขาอุตส่าห์มีน้ำใจจะช่วยเลยนะเว้ย มึงปฏิเสธลงหรอไอ้นินก็อีกตัว มันเข้ามากอดคอผมพร้อมมองตาปริบ ๆ บางทีผมก็สงสัยนะว่าผมคบพวกมันเป็นเพื่อนได้ยังไง หรือผมชินกับความหน้าหมาของพวกมันแล้ววะ

                    คือ-


                    แป๊บนึง

                   ไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรต่อ พี่เสือก็หยิบมือถือขึ้นมาคุยโทรศัพท์กับใครไม่รู้(ซึ่งขอเดาว่าเป็นเพื่อนพี่แกแน่ ๆ) สักพักหนึ่งก่อนจะวางมือถือลงและมองมาที่ผม

                    กูคงช่วยมึงไม่ได้แล้วล่ะพี่เสือถอนหายใจใส่ผมเล็กน้อยก่อนจะยัดมือถือลงในกระเป๋ากางเกงไม่เป็นไรครับผมยิ้มตอแหล(?)ให้พี่เสือพลางเหลือบมองไอ้เพื่อนตัวดีทั้งสองเล็กน้อย อย่างน้อยพระเจ้าก็ยังเมตตาผมอยู่ผมไม่รู้เลยว่าถ้าเพื่อนพี่เสือไม่โทรมา จะมีอะไรเกิดขึ้นกับผมบ้าง

     

                   ขอบคุณครับคุณพี่ที่ไม่รู้จัก



                    เป็นไงล่ะมึง ชักช้านัก...ไอ้เหี้ยนินกระซิบข้างหูผมทำให้ผมต้องแกล้งเอาศอกกระแทกที่ท้องมันเบา ๆ พร้อมมองหน้าพี่เสือไม่ละสายตา


                    กูไปก่อนนะ วิ่งให้สนุกล่ะไอ้หน้าขาวไอ้พี่เสือ! ผมแทบอยากจะพุ่งเข้าไปซัดหน้าพี่มันสักหมัดแต่มันดันขับมอไซค์หนีไปก่อน แม่งเอ้ย...หงุดหงิดฉิบหาย!


                    อ้าว มึงชื่อหน้าขาวหรอ5555” ไอ้เหี้ยเก้าหันมาแซวผมทันที เดี๋ยวมันจะโดนแทนไอ้พี่เสือแน่ ถ้ามันยังไม่หยุดแซวผม...แล้วจู่ ๆ มันก็ทำหน้าหงอยขึ้นทันที นี่ผมมองแรงใส่มันเกินไปหรอครับ -0-


                    วิ่งต่อเหอะไอ้นินผละผมออกก่อนจะออกตัววิ่งนำพวกผมไป สงสัยมันงอนที่ผมแกล้งกระแทกท้องมันแน่ ๆ แต่ผมไม่ง้อมันหรอก สมควรโดนแล้วมึงอ่ะ ทะลึ่งหน้าเก่งนัก






                    


                    “...ทีหลังพวกคุณอย่าคุยกันในแถวอีก กลับหอได้แล้ว” 


                   ในทันทีที่พี่สตาฟหันหลังให้พวกผม ไอ้นินก็จัดการเตะก้นไอ้เก้าทันทีโอ๊ย! ไอ้เหี้ยนิน กูเจ็บ!ไอ้เก้าทำหน้าหน้ามุ่ยใส่ไอ้นินพลางถูก้นมันรัวๆ เออ สมน้ำหน้ามึง


                    สมน้ำหน้าไอ้นินกอดอกแล้วรีบเดินหนีไอ้เก้าไป ทิ้งให้ผมต้องอยู่กับไอ้เก้าท่ามกลางบรรยากาศที่สุดแสนจะอึดอัดเจอกันอาทิตย์หน้านะมึงผมตบบ่าไอ้เก้าสองสามทีก่อนจะเดินหนีออกมา หวังว่าจะไม่มีอะไรแล้วนะ...


                    ไอ้ขุน!


                    ห๊ะ!ผมหันหลังไปมองไอ้เก้าทันทีด้วยความตกใจขั้นสุด...อะไรของมันวะ


                    เปล่า...กูแค่จะบอกว่ากลับดี ๆ นะผมพยักหน้าเป็นคำตอบก่อนจะเดินหน้าต่อ เฮ้อออ...ใจหายใจคว่ำหมดนึกว่าจะมีเรื่องอะไรอีก


                   วันนี้ผมตั้งใจเดินกลับหอโดยที่ไม่แวะที่สวนสาธารณะ...เดี๋ยวเจอไอ้พี่เสืออีก จริง ๆ แล้วถ้าผมตั้งใจเดินกลับแบบจริง ๆ จัง ๆ ผมก็จะถึงหอประมาณหกถึงเจ็ดนาที แต่ส่วนใหญ่ผมจะชอบเถลไถลไงถึงใช้เวลานาน - -


                   พอถึงหอผมก็รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สบายตัวก่อนจะเดินไปเปิดแอร์และทีวี การใช้ชีวิตอยู่ที่หอคนเดียวก็ดีอย่างเสียอย่าง ข้อดีของการอยู่คนเดียวก็คือคุณจะมีเวลาส่วนตัวและไม่ต้องแคร์ว่าใครจะเข้าออกห้องคุณอยู่บ่อย ๆ รึเปล่า ส่วนข้อเสียของมันคือ เหงา ครับ พอไม่มีอะไรทำก็ต้องนั่งเขี่ย ๆ มือถือสลับกับดูทีวี สรุปแล้วเหมือนหายใจทิ้งไปวัน ๆ


    ไลน์!


    KG : พน.น้องขุนเขาว่างมั้ย
    KG : พี่วานไปซื้อของให้พี่หน่อย
    K-KHAO : ซื้ออะไรหรอครับ
    KG : ขนมน่ะ พี่จะเอามาแจกน้อง ๆ
    K-KHAO : อ่อ
    KG : ฝากด้วยนะ เดี๋ยวพน.มาเอาเงินกับพี่แล้วไปซื้อ
    K-KHAO : เคครับ


                   เฮ้ออออ ก็ยังดีกว่านอนเปื่อย ๆ อยู่ที่หอละวะ...ให้ตายเถอะผมลืมไปว่าหอพี่กั้งกับหอผมอยู่ห่างกันคนละโยชน์เลย ผมจะไม่ยอมเดินไปแน่ ๆ ขืนเดินไปมีหวังเป็นลมกลางทางพอดี ;-;


    K-KHAO : พี่จะให้ผมไปหาพี่ที่ไหน
    KG : พี่ลืมบอกเลย
    KG : มาหาพี่ที่สวนสาธารณะก็ได้ พี่มีนัดทำป้ายกับเพื่อนพี่พอดี
    K-KHAO : โอเคครับ
    KG : ต้องมาก่อนเก้าโมงนะ เพราะพี่ต้องพาแฟนไปเดินเล่นอีก
    K-KHAO : ครับ


                   กูล่ะเบื่อคนมีแฟนจริง ๆ


                   ผมวางมือถือลงข้างตัวก่อนจะเริ่มตั้งใจดูทีวีที่ผมเปิดทิ้งไว้ จริง ๆ แล้วผมก็ไม่ใช่คนติดทีวีเท่าไหร่หรอก แต่บางทีผมเล่นมือถือมาก ๆ ก็ไม่ไหว ปวดตา ปวดหัวครับไม่ใช่อะไร ;-;


    ไลน์! ไลน์!


                   ผมปล่อยให้เสียงแจ้งเตือนมือถือดังขึ้นโดยที่ไม่สนใจมันสักนิด อาจจะเป็นกรุ๊ปไลน์ไร้สาระอย่างกรุ๊ปพวกผมสามคนก็ได้ ซึ่งวัน ๆ พวกมันก็คุยแต่เรื่องเกมส์บ้าง หนังบ้าง รวมไปถึงเรื่องสาว ๆ ด้วย เพราะแบบนี้ผมถึงไม่ค่อยอยากสนใจกรุ๊ปไลน์นี้เท่าไหร่


    ไลน์! ไลน์!


                   ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ เสียงแจ้งเตือนจากมือถือผมก็ดังถี่ขึ้น หรือพวกมันมีเรื่องอะไรกันรึเปล่านะ สงสัยผมคงต้องเข้าไปดูหน่อยแล้ว


    ...
    9 : กูอยากกินเป็ดย่างเอ็มเคอ่ะ
    9 : ไปเป็นเพื่อนกูหน่อยเซ่!
    NNINZ : รถเยอะ
    9 : บินไปดิ
    NNINZ : บินให้กูดูก่อนเดี๋ยวกูบินตาม
    9 : มาที่ห้องกูดิเดี๋ยวกูพาลอย
    NNINZ : ไม่ฟรีกูไม่ไปนะ
    9 : สำหรับเพื่อนนินฟรีเสมอ
    NNINZ : จริงป่ะจ๊ะ
    9 : สรุปเป็ดย่างกูเอาไง
    9 : นอกเรื่องไปไกลแล้วสาสสส
    NNINZ : มึงก็ไปซื้อเองดิ กูขก.
    9 : @K-KHAO
    9 : ไปกับกูนะ
    K-KHAO : ไม่
    9 : ไม่ปฏิเสธ
    K-KHAO : ไม่ว่าง
    NNINZ : ว๊าย ๆ
    9 : ว๊ายที่หน้ามึงสิ


                   ไร้สาระฉิบหาย






    1 อาทิตย์ผ่านไป...


                    หิวโว้ยยยยย!


                   ผมกับไอ้นินหันไปมองไอ้เก้าพร้อมกันเหมือนนัดกันมา ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงสิบเก้านาที พวกผมพึ่งเรียนคลาสเช้าสองชั่วโมงเสร็จและกำลังเดินไปที่ศูนย์อาหารคณะผมที่อยู่ใกล้ ๆ ตอนนี้ผมโคตรหิวข้าวเลยครับ T-T


                    เออ กูก็หิวเหมือนกันแหละไม่พูดเปล่ามือของไอ้นินก็พาดไปที่บ่าไอ้เก้าด้วยความเคยชิน ผมว่าผมเริ่มชินกับนิสัยชอบถึงเนื้อถึงตัวของไอ้นินแล้วนะ แต่ทำไมนะผมถึงมองว่ามันดูมีเลศนัยชอบกล...หรือว่าไอ้นินจะเป็นเกย์วะ...


                   แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรมันหรอกครับ จนกระทั่งพวกผมเดินมาถึงศูนย์อาหาร...โอ้โห คนเยอะกว่าวีครับน้องอีก และดูเหมือนว่าจะไม่มีโต๊ะด้วยนะเนี่ย


                   เวร...


                    เอาไงดีวะ ไม่มีโต๊ะเลยเพื่อนรักผมทั้งสองต่างพากันถอนหายใจโดยพร้อมเพรียงกัน แหม่~ ถ้าไม่บอกกูคิดว่ามึงนัดกันมานะเนี่ยไอ้เวร


                    ไปหาไรกินที่อื่นมั้ย” 


                    เซเว่นมั้ยมึงเออ เข้าท่าดี...ผมหันไปพยักหน้าให้ไอ้นินเล็กน้อยเป็นคำตอบ เซเว่นก็อยู่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่ เดินไปแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว(ถ้าพวกผมไม่เดินเถลไถล) และอีกอย่างผมก็หิวเกินกว่าจะไปหาที่กินที่อื่นแล้ว ขืนเดินไปศูนย์อาหารคณะอื่นผมต้องเป็นลมกลางทางแน่ ๆ


                   สุดท้ายมัติเป็นเอกฉันท์...พวกผมเลือกเดินไปที่เซเว่นเพื่อหาอะไรกิน...คนที่น่าเป็นห่วงที่สุดคงไม่พ้น ไอ้เก้า เพราะก่อนหน้านี้ผมเห็นมันไปหาหมอเพราะโรคกระเพาะอยู่บ่อย ๆ


                   ใจนึงก็สงสาร แต่อีกใจนึงก็อดสมน้ำหน้ามันไม่ได้เลย...


                   ขี้เหนียวดีนัก


                   สมน้ำหน้า


                   ไม่สิ! ผมไม่ควรที่จะว่าเพื่อนเก้าแบบนี้(ถึงในใจจะโคตรหมั่นไส้มันฉิบหายก็เถอะ) แต่อาการโรคกระเพาะของมันก็น่ากลัวอยู่นะครับ เคยมีอยู่ครั้งนึงสมัยผมยังเรียนอยู่มอห้า ผมจำได้แม่นเลยว่า คาบหกในบ่ายวันหนึ่งไอ้เก้านั่งเรียนอยู่ดี ๆ ก็ไอออกมาเป็นเลือด แถมมันก็ทรุดลงไปกับพื้นและไอไม่หยุด ตอนนั้นผมตกใจมากเพราะผมกลัวว่ามันจะตายต่อหน้าต่อตาผม


                   ผมทำอะไรไม่ถูกเลย จนกระทั่งอาจารย์ใช้ให้ผมพยุงมันลงไปที่ห้องพยาบาล สุดท้ายอาจารย์ที่อยู่ห้องพยาบาลต้องโทรเรียก*แอมบูแลนซ์ ให้ไปส่งไอ้เก้าเข้าโรงบาลโดยที่มีผมและไอ้นินนั่งไปด้วย


                   ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าอาการของโรคกระเพาะจะเป็นได้มากขนาดนั้น และหลังจากนั้นผมกับไอ้นินมักจะคอยบังคับไอ้เก้าให้กินข้าวให้ครบทุกมื้อเสมอ เพราะพวกผมเป็นห่วงว่ามันจะเป็นโรคกระเพาะอีก...






                    “...มึงข้องใจไรกูป่ะเนี่ยน้ำเสียงพร้อมใบหน้ากวน ๆ ของไอ้เก้าทำตีนผมกระตุกเล็กน้อย ผมแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินแล้วก้มหน้าก้มตากินข้าวกล่องในมือต่อ


                   ใช่ครับ...ผมนั่งมองหน้ามันมาสักพักแล้ว ผมรู้สึกว่าไอ้เก้ามันดูหล่อขึ้น...ขอออกตัวก่อนเลยนะครับ ผมไม่ได้ชอบผู้ชายนะ แต่ผมว่าไอ้เก้ามันดูหล่อขึ้นจริง ๆ หน้ามันดูใสขึ้นแถมโครงหน้ามันดูคมขึ้น


                   รู้สึกไม่ชินเลยแหะ


                    ไอ้ขุนมันก็เป็นแบบนี้แหละจู่ ๆ ไอ้ห่านินก็พูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย พูดงี้อยากกินหมัดกูแทนข้าวหรอเพื่อน -_-*


                    กูทำไม


                   เงียบ...


                   ไม่มีใครตอบคำถามผมสักคำ นี่ผมเหี้ยเกินไปจนเพื่อนอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้เลยหรอเนี่ย...เห้อออ โอเค...งั้นผมจะทำเป็นว่าผมไม่เคยพูดอะไรออกไปก็แล้วกัน


                   ตอนนี้พวกผมมานั่งอยู่แถว ๆ หน้าตึกแพทย์ เพราะมันมีร่มไม้ใหญ่พอให้รู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย ส่วนคนที่เลือกที่นั่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย...คนหล่อ ๆ อย่างผมนี่แหละครับที่เป็นคนเลือก(?)


                   พวกผมต่างคนต่างก้มหน้าก้มตากินข้าวกล่องในมือโดยที่ไม่พูดคุยกันสักคำ ท่าทางจะหิวกันมาก ๆ เลยแหะ อย่าว่าแต่เขาเลย...เพราะผมก็หิวมากจนไม่อยากจะคุยหรือสนใจอะไรทั้งนั้น


                    “...วันนี้มีใครจะไปส่งงานกับกูมั้ยไอ้นินวางกล่องข้าวในมือลงก่อนจะคว้าขวดน้ำที่วางอยู่ข้างตัวมันมาเปิดฝาและกระดกดื่มอย่างรวดเร็ว พูดตามตรงผมก็อยากไปนะ แต่จะให้เดินไปก็ไม่ไหวจริง ๆ ผมยังต้องเดินกลับหออีกนะ -_-

     

                   กูไม่ไปนะ แต่กูขอฝากมึงไปส่งงานให้กูด้วย ไอ้เก้าก็ยังเป็นไอ้เก้าอยู่วันยันค่ำ มันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบง่ายเหมือนไม่รู้สึกสะทบสะท้านใด ๆ แต่หารู้ไม่ว่าไอ้นินมองหน้ามันคล้ายจะกินเลือดมันอย่างไรอย่างนั้น

     

                   หน้าเหี้ยจริง ๆ ผมแทบจะสำลักข้าวทันทียิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว ไอ้นินพูดแบบนี้ก็เหมือนเหมารวมผมไปด้วย… “กูว่าจะกลับไปทำงานต่ออ่ะ ผมพยายามมองหน้าไอ้นินให้เป็นธรรมชาติที่สุด อ่าโง่ให้กูหน่อยเถอะเพื่อน

     

                   ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวกูไปคนเดียวก็ได้

     

                   อห.พูดซะกูดูเหี้ยขึ้นมาทันทีเลยนะนิน

                   ผมเนียนหันมองไปรอบ ๆ พลางแอบถอนหายใจออกมาเพราะกลัวไอ้นินจับได้ และผมก็เห็นไอ้เก้าก็กำลังทำเหมือนผมไม่มีผิด แหม่เอาตัวรอดเก่งมากเพื่อน กูนับถือใจมึงจริง ๆ

     

                   แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งสะดุดเข้าตาผมอย่างจัง ผมมองเห็นเขาจากด้านหลังไกล ๆ ทั้งรูปร่าง ท่าทางนี่โคตรคล้ายไอ้พี่เสือเลยแหะ แต่เขาไม่ได้มาคนเดียวนี่สิครับ เห็นมีผู้ชายอีกสองคนที่สูงไล่ ๆ กันเดินขนาบข้างซ้ายขวาชายคนนั้นด้วย เหมือนจะเป็นเพื่อนเขาเลย

     

                   ต้องไม่ใช่พี่เสือสิ

     

                   ปากหมาแบบนั้นคงไม่มีใครอยากคบเป็นเพื่อนหรอก

     

                   อยู่ดี ๆ เขาก็ทำกระเป๋าตังค์ตกเพราะความเด๋อล้วน ๆ แค่หมอนั่นจะหยิบมือถือจากกระเป๋ากางเกง ของที่ใส่ในนั้นก็ร่วงลงพื้นจนหมดแสดงว่าตอนที่เขาเก็บของผมก็ต้องได้เห็นหน้าเขาสิครับ!? งั้นมาดูกันว่าจะใช่พี่เสือนั่นมั้ย

     

                   หูฟัง...

     

     

     

                   นามบัตร..

     

     


                   พี่เสือ.

     

     

     

                   ไอ้พี่เสือ!!!





    *แอมบูแลนซ์ = รถพยาบาล



    TBC

    #นายพยัคฆา

    ความจำดีจังเลยนะลูก




    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×