ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    น า ย พ ยั ค ฆ า

    ลำดับตอนที่ #2 : ปากหมาครั้งที่หนึ่ง : กลองเจ้าปัญหา

    • อัปเดตล่าสุด 1 มิ.ย. 62





    ปากหมาครั้งที่หนึ่ง : กลองเจ้าปัญหา

    คำเตือน : โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

     



                   ยังไม่มีใครไปเอากลองมาหรอวะ” พี่สตาฟคนหนึ่งพูดขึ้นพร้อมด้วยสีหน้าเคร่งเครียดพอ ๆ กับพี่สตาฟคนอื่น พวกผมเหล่าเฟรชชี่ปีหนึ่งนั่งรอมาสักพักหนึ่งแล้วแต่ไม่มีวี่แววเลยว่าพวกพี่เขาจะเริ่มทำกิจกรรมสักที

     

                   แต่จะว่าไป...ตั้งแต่เช้าผมยังไม่เห็นหน้าพี่กั้งกับพี่ธันวาเลย หรือพวกเขาจะเป็นคนที่ไปเอากลองกลับมาจากพี่เสือ ถ้าใช่แล้วทำไมป่านนี้ถึงยังไม่กลับมาอีก...ไม่ใช่พี่แกทะเลาะกันอยู่นะ

     

                    กูเห็นไอ้กั้งกับไอ้ธันไปแล้วนะ” พี่สตาฟผู้ชายอีกคนเดินมาบอกคนในทีม พวกพี่สตาฟต่างมีสีหน้าที่เคร่งเครียดขึ้นไม่ต่างกันเลยแม้แต่น้อย “ฉิบหาย มึงให้มันสองคนไปเอากลองหรอ” พี่สตาฟคนแรกที่พูดหันควับไปมองพี่อีกคน เออผมก็ว่าฉิบหาย เมื่อวานพี่แกสองคนก็บอกผมอยู่ว่าไม่ค่อยถูกกับพี่เสืออะไรนั่น...ตายแน่งานนี้ ;-;

     

                    พวกมันอาสาไปเองไม่ใช่หรอ” เอาแล้วไงครับคราวนี้ ผมว่าผมเริ่มได้กลิ่นความฉิบหายลอยมาแต่ไกล ความคิดนี้ทำให้ผมต้องรีบหันไปมองไอ้นินกับไอ้เก้าทันที แต่หารู้ไม่ว่า...พวกมันหันมองผมก่อนเสียอีก...จะรู้ใจกันเกินไปแล้วนะเพื่อน -0-

     

                    มึงว่าจะฉิบหายมั้ย” ไอ้เก้าเปิดประเด็นถูกจุดทำผมกับไอ้นินมองหน้ากันเลิ่กลั่ก “ยังไงก็ขอให้พี่แกรอดกลับมาพร้อมกลองเถอะ” ผมไม่รู้จะพูดยังไงแล้วนอกจากคำนี้...สู้ ๆ นะครับพี่กั้งพี่ธัน T_T

     

    บรื้นนนนน~

                                                                                      

                   ทั้งพวกพี่สตาฟและพวกเฟรชชี่หันไปมองตามเสียงมอไซค์ที่ดังมาจากด้านหลังด้วยความสงสัย นั่นพี่กั้งกับพี่ธันหนิ พี่กั้งที่เป็นคนซ้อนท้ายและเป็นคนถือกลองลงจากรถพร้อมถอนหายใจ มุมปากพี่เขามีเลือดติดนิดหน่อย ส่วนพี่ธันวาหรอ...เอ่อ...มีแผลฟกช้ำบนใบหน้าอยู่สองสามที่ คงเดาไม่ยากเลยว่าพวกพี่แกไปทำอะไรมา โถ่เอ้ย...หมดหล่อเลยพี่

     

                    กลองมาละ เริ่มรับน้องได้แล้ว” พี่กั้งอุ้มกลองไปวางที่หน้าลานโล่ง ๆ ที่พวกผมต้องหันหน้าไปมองตอนทำกิจกรรม ถึงสภาพพี่แกจะเหมือนไปฟัดกับหมามา แต่ใบหน้าหล่อ ๆ ของพี่กั้งยังคงมีรอยยิ้มแปดเปื้อนเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นกับเขาเลย

     

                   ผมนับถือสปิริตพี่กั้งจริง ๆ ครับ

     

                   พี่กั้งกับพี่ธันวาอยู่ได้ไม่นานก็ขอตัวกลับคณะไปก่อน ฮรื่อ เสียดาย...ผมอดคุยกับพวกพี่เขาเลย ว่าจะถามสักหน่อยว่าเป็นยังไงบ้าง แต่ดูจากสภาพหน้าแล้วพี่เขาคงไม่โอเคเท่าไหร่หรอก T_T

     

                   กว่าจะทำกิจกรรมฐานช่วงเช้าเสร็จพวกผมแทบขาลากพื้น เนื่องจากฐานวันนี้ไม่มีพี่กั้งมาคุมพี่สตาฟคนอื่น ๆ เลยสั่งนู่นสั่งนี่ได้ตามใจ ไหนจะลงโทษแบบระบบหมู่อีกล่ะ ผมบอกเลยว่าโดนทั้งชั่วโมง แต่ยังโชคดีที่พี่เขายังปล่อยพักเร็ว ช่วงพักเที่ยงพวกผมจึงมีเวลาพักมากกว่าเดิมนิดหน่อยพอให้หายเหนื่อย

     

                    มึงเห็นหน้าพี่ธันวาป่ะ หมดหล่อเลยพี่กู” ไอ้เก้าตักข้าวเข้าปากคำใหญ่พร้อมมองหน้าพวกผมสองคนไปมา ที่มันพูดก็ถูกพี่ธันวาหมดหล่อเลยครับ สงสัยที่กลับไปก่อนคงไปนั่งทำแผลอยู่แน่ ๆ

     

                    นั่นดิ กูว่าเขาต้องมีเรื่องกับพี่เสือแน่ ๆ เลยว่ะ” ไอ้นินพูดเสริม ส่วนผมได้แต่นั่งกินเงียบ ๆ และฟังพวกมันคุยกัน “นั่นไง พี่แกมาหาไรกินละ” ผมมองตามสายตาไอ้เก้าทันที เออว่ะ พี่แกมาหาไรกินจริง ๆ ด้วย ผมควรจะชวนพี่แกมากินข้าวด้วยกันดีมั้ยครับ...

     

                    กูอยากรู้ว่ะว่าเมื่อเช้าพี่เขาไปโดนอะไรมา” รู้ตัวอีกที ผมก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียแล้ว ความอยากรู้อยากเห็นไม่เข้าใครออกใครจริง ๆ “มึงก็ไปชวนพี่เขามานั่งกินข้าวด้วยกันดิ แล้วถามเขา” เออเข้าท่าดี ผมพยักหน้าตอบไอ้นินก่อนจะเดินไปหาพี่กั้งที่อยู่ถัดจากโต๊ะผมประมาณสองสามโต๊ะทันที

     

                   พอไปถึงที่โต๊ะพี่กั้ง ผมก็ชวนพี่แกไปนั่งกินข้าวด้วยกัน ตอนแรกเหมือนพี่เขาจะไม่ไปด้วยเพราะพี่ธันวาทำหน้าเหมือนไม่ค่อยพอใจ แต่สุดท้ายพี่เขาก็มานั่งด้วยเพราะเห็นว่าผมเป็นรุ่นน้องในคณะ ส่วนพี่ธันวาก็จำใจต้องมาเพราะพี่กั้งมานั่งกับพวกผม

     

                   ทำไมผมถึงรู้สึกเลวจัง T0T

     

                    พี่กั้งครับ” ไอ้เก้ามองหน้าผมก่อนที่จะถามต่อ “เมื่อเช้าไปเจอพี่เสือเป็นไงบ้าง” ช้อนส้อมในมือพี่กั้งถึงกับหล่นลงจานข้าวหลังไอ้เก้าถามจบ พวกผมสามคนมองหน้ากันเลิ่กลั่กพลางนึกในใจว่า พี่แกจะโกรธพวกเรามั้ยวะ...

     

                   พี่ธันวาเริ่มมองหน้าพวกผมสลับกับหน้าพี่กั้งอยู่สองสามหน ก่อนจะพยักหน้าให้พี่กั้งเล็กน้อย “ก็ไม่ค่อยดีน่ะ” พี่กั้งตอบเสียงเบาคล้ายจะไม่เต็มใจที่จะตอบพวกผมเท่าไหร่ “มีเรื่องกันด้วยใช่มั้ยพี่...” ไอ้นินถามเสียงสั่น หน้าพวกพี่เขานิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สงสัยกำลังคิดอยู่ว่าจะตอบพวกผมยังไงดี

     

                    อืม ตามประสาคนไม่ถูกกันแหละ” คราวนี้เป็นพี่ธันวาที่ตอบ คำตอบจากปากพี่ธันวาทำผมใจกระตุกวูบ โห...ขนาดคนอย่างพี่กั้งกับพี่ธันยังทนกับคนอย่างพี่เสือไม่ได้เลยแหะ พี่เสือคงไม่ธรรมดาแน่ ๆ =0=*

     

                    มันกวนตีนพี่ก่อน พี่ทนไม่ไหวเลยซัดหน้าแม่งเลย” พี่ธันพูดเสริมเสียงเรียบเย็นจนน่าขนลุกแปลก ๆ “พี่เล่าให้พวกผมฟังได้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้นตอนที่พี่ไปเอากลองกลับมาเมื่อเช้า” ผมมองพี่กั้งกับพี่ธันวาสักครู่หนึ่งก่อนจะหลบตาหนี หว่า...แกพูดอะไรออกไปวะไอ้ขุน...

     

                    ได้สิ คือ...” หลังจากนั้นพี่กั้งก็เริ่มเล่าให้พวกผมฟังคร่าว ๆ ผมจับใจความได้ว่า เมื่อเช้าพวกพี่เขารีบไปเอากลองคืนแต่เช้าเพื่อที่จะได้กลับมาทำกิจกรรมทันก่อนแปดโมงครึ่ง แต่พอไปถึงที่ตึกสถาปัตย์ กลับไม่มีใครอยู่เลย พวกพี่เขาเลยต้องนั่งรอพี่เสือมา

     

                   รออยู่ประมาณเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าพี่เสือจะมาที่ตึก ตอนนั้นเป็นเวลาเกือบ ๆ แปดโมงแล้ว พี่ธันวาที่หงุดหงิดที่ต้องมานั่งรออยู่แล้วเลยบอกให้พี่เสือรีบไปเอากลองออกมา เพราะเขาจะได้รีบกลับไปที่คณะตัวเอง แต่พี่เสือกลับพูดจากวนบาทาและดึงเวลาพี่ธันวา พี่เขาทนไม่ไหวเลยต่อยเข้าที่หน้าพี่เสือด้วยความโมโห

     

                   หลังจากนั้นพี่กั้งก็พยายามเข้าไปห้าม หมัดพี่เสือก็พลาดเข้าที่มุมปากพี่กั้งเต็ม ๆ เหตุการณ์ในตอนนั้นจึงดูชุลมุนวุ่นวายไปหมด สักพักพี่แบงค์กับพี่พอร์ช(คาดว่าน่าจะเป็นเพื่อนพี่เสือ) ก็เข้ามาแยกพวกเขาออกจากกัน พี่กั้งกับพี่ธันวาเลยรีบขี่มอไซค์กลับมาที่คณะ...พอได้ฟังเรื่องทั้งหมดพวกผมถึงกับมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

     

                   ไม่แปลกหรอกครับที่พี่ธันวา ผู้เป็นมนุษย์ดุ ๆ ไม่ยอมใครแถมความอดทนต่ำจะลงไม้ลงมืออย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง พอพี่กั้งเล่าจบพี่ธันวาก็รีบลากพี่กั้งกลับทันที ส่วนพวกผมได้แต่มองหน้ากันไปมาและคุยกันเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น...

     

     

     

     

     

                    “...เรื่องกิจกรรมในวันพรุ่งนี้ เดี๋ยวเย็นนี้พี่จะแจ้งในกลุ่มไลน์อีกทีนะ กลับหอดี ๆ ล่ะ” หลังพี่สตาฟพูดจบทุกคนก็ต่างแยกย้ายกลับหอของตัวเอง เหลือแต่พวกผมสามคนที่ยังไม่รู้จะไปไหนต่อ หรือผมจะชิ่งหนีพวกมันก่อนดีนะ...

     

                    พวกมึงไปไหนต่อป่ะ” เก้ามองพวกผมสองคนก่อนจะอมแคนดี้สีแสบตาในมือมันอีกครั้ง ผมส่ายหน้าเป็นคำตอบทำมันออกอาการไม่พอใจทันที อ้าว...กูไม่ไปก็ผิดหรอ

     

                    กูว่าจะกลับหอเลยอ่ะ” ไอ้นินช่วยชีวิตผมไว้ได้ทันเวลา ถ้ามันพูดช้ากว่านี้ผมคงทะเลาะกับไอ้เก้าเป็นแน่

     

                   ใช่ครับ ผมกับไอ้เก้ามักจะทะเลาะกันในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง ล่าสุดทะเลาะกันเรื่องเงาะกระป๋อง =0= กว่าจะตกลงกันได้ต้องเรียกไอ้นินมาเคลียร์ให้ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาผมเลยพยายามเลี่ยงที่จะเถียงกับไอ้เก้าไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม

     

                    เออ ๆ งั้นกลับหอเลยก็ได้” หลังไอ้เก้าพูดจบทุกคนต่างแยกย้ายกลับหอตัวเอง และเนื่องจากพ่อแม่ผมยังไม่มีเวลาว่างขนจักรยานมาให้ผม ช่วงนี้ผมจึงต้องทนเดินไปกลับหอในที่ผมพักไปก่อน

     

                   ยังโชคดีที่หอผมอยู่ไม่ไกลจากลานรับน้องคณะผมเท่าไหร่ เดินไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงแล้ว ระหว่างทางผมจะต้องเดินผ่านตึกแพทย์ ถัดมาหน่อยก็จะมีสวนสาธารณะ ผมมักจะแวะพักอยู่แถวนั้นอยู่เป็นประจำก่อนจะเดินต่อ

     

                   ที่สวนสาธารณะนี้ก็มีซุ้มขายของนิด ๆ หน่อย ๆ พอมีของกินเล่นแก้เหนื่อย ที่นี่เป็นสถานที่พักผ่อนของพวกนักศึกษาคณะแพทย์และเภสัชฯเนื่องจากตึกทั้งสองคณะนี้อยู่ใกล้กับที่นี่มาก ๆ เดินทางมาก็ไม่ลำบาก...แถมที่นี่ยังเงียบสงบสุด ๆ เลย

     

                   ผมตัดสินใจนั่งพักที่โต๊ะหินอ่อนที่ประจำของผม พลางนั่งไถ่หน้าจอมือถือเล่นแก้เบื่อ อ่า...อากาศร้อนแบบนี้น่าหาอะไรเย็น ๆ มากินเล่นสักหน่อย แต่เสียดายที่วันนี้ร้านไอติมกะทิไม่มา สงสัยผมคงต้องซื้อโค้กมากินแทน -0-

     

                   ไม่รอช้าผมรีบเดินไปซื้อโค้กมากินจากซุ้มร้านน้ำที่อยู่ไม่ไกลนักจากโต๊ะผม “โค้กแก้วนึงครับ” ป้าแกก็รีบจ้วงตักน้ำแข็งใส่แก้วทันทีหลังผมสั่งจบ

     

                   ตาเจ้ากรรมดันเหลือบไปเห็นเงามนุษย์เพศชายบ่า(โคตร)กว้างเดินตรงมาที่ผมอยู่ไกล ๆ ผมจะไม่ว่าอะไรเลยนะถ้าเงานั้นเป็นเงาของพี่กั้งหรือพี่ธันวา แต่มันดันไม่ใช่นี่สิ...

     

                   นั่นมันไอ้พี่เสือ

     

                    นี่ครับป้า ไม่ต้องทอน” ผมยื่นแบงค์ยี่สิบในมือให้ป้าโดยที่ไม่ละสายตาจากร่างหนา...เรียกแบบนี้คงไม่น่าผิดหรอกครับ เพราะพี่แกมีบ่าที่ค่อนข้างกว้างและลำตัวที่ดูบึกบึนแข็งแรงกว่าผมประมาณเท่าถึงสองเท่า แถมส่วนสูงของพี่เสือก็สูงสมส่วนกับหุ่นจนดูดีสุด ๆ เอ๊ะ...ทำไมเหมือนผมกำลังชมพี่แกอยู่เลย

     

                   ผมรีบเดินจ้ำอ้าวหนีไม่หันหลังมองพี่เสือแม้แต่เสี้ยววินาที อุตส่าห์จะกลับหอไปนอนพักแล้วนะ...ทำไมผมถึงต้องมาเจอพี่เขาด้วย T_T

     

                    นี่! ไอ้น้องหน้าขาวคนนั้นอ่ะ!” หน้าขาวพ่อมึงสิพี่...ผมแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินแล้วรีบเดินหนีให้เร็วที่สุด แต่ดูเหมือนว่ายิ่งผมเดินเร็วขึ้น พี่เสือกลับเดินเข้าใกล้ผมได้เร็วขึ้นเช่นกัน...พี่มึงเป็นเดอะแฟลชหรอครับ -_-

     

    หมับ!

     

                    หยิ่งหรอมึงอ่ะ” พี่เสือจับต้นแขนผมแน่น พร้อมทำคิ้วขมวดใส่ผม ทำผมอดถอนหายใจใส่ไม่ได้ “มีอะไรครับพี่” ผมมองหน้าพี่แกไม่ละสายตา แต่จะว่าไปทำไมพี่แกถึงยิ้มน่ากลัวแบนนี้ว่ะ...

     

                    รู้จักกูหนิ ทักกูหน่อยจะตายหรอ”

     

                   กู ไม่ รู้ จัก มึง!

     

                   เออ ยอมรับก็ได้ว่ารู้จัก แต่ผมก็รู้แค่พี่ชื่อป่ะ -_-

     

                    ขอโทษครับ” ผมจัดการดึงมือพี่แกออกจากกล้ามแขนสุดที่รักของผมอย่างเงียบ ๆ ซึ่งพี่แกก็ยอมปล่อยแต่โดยดีไม่มีขัดขืน(?)

     

                    กูไม่ได้ต้องการคำขอโทษ” สายตาที่ดูทีเล่นทีจริงทำผมสับสนไปหมด คือผมควรเซย์ฮายพี่แกแล้วเดินจากไปใช่มั้ย โอเค...ได้

     

                    สวัสดีครับและลาก่อน” ผมรีบหันหลังให้พี่เสือก่อนจะใส่เกียร์หมาและออกตัววิ่งหนีป่าราบอย่างไม่คิดชีวิต “เห้ย!” ผมได้ยินเสียงตะโกนดังมาจากด้านหลังไกล ๆ คงไม่พ้นเสียงพี่เสือหรอกครับ ณ จุด ๆ นี้ผมไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เอ๋วิ่งดิ เอ๋วิ่ง!?

     

     

     



                    แฮก...แฮก...” กว่าผมจะวิ่งถึงหอก็แทบแย่เลยครับ ไหนจะวิ่งขึ้นบันไดไปชั้นสามอีก...ผมทิ้งตัวลงนอนบนเตียงพร้อมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เพื่อระบายความเหนื่อยให้บรรเทาลง

     

                   หน้าขาวหรอ? จริง ๆ แล้วผมขาวทั้งตัวต่างหาก! ทำไมพี่แกต้องเรียกเหมือนผมหน้าลอยด้วย! โอ๊ยยย ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด คนบ้าอะไรปากหมาชะมัด -0-*

     

                   แต่จะว่าไป ทำไมจู่ ๆ พี่แกถึงโผล่มาอยู่แถวนี้ได้นะ ทั้ง ๆ ที่จากคณะเขาถึงสวนสาธารณะนี้โคตรจะไกล สงสัยมันคงเป็นความบังเอิญที่น่าเหลือเชื่อไปนิด แต่ถ้าลองคิดกลับกัน...จริง ๆ แล้วพี่เสืออาจจะอยากมาเดินเล่นแถวนี้ก็ได้

     

                   ขอให้พี่เสือจงไม่อยากมาเดินเล่นแถวนี้อีกเลย ;-;

     

     

     

     

     

    ไลน์!

     

    9 : พน.ไปกี่โมงนะ

    K-KHAO : แล้วแต่มึง

    9 : จริงหรอ

    K-KHAO : หึ

    K-KHAO : กูตอแหล

    9 : ขุน

    9 : เอาดี ๆ กูจะได้ตั้งนาฬิกาปลุกถูก

    K-KHAO : เวลาเดิมไง หัดอ่านไลน์กลุ่มบ้าง -_-

    9 : ไม่เอาอ่ะ

    9 : ถามมึงง่ายกว่า ^^

    K-KHAO : พ่อมึงhpหมด

    9 : ยัง ๆ

    9 : กูมีฮีล

     

    ตึ้บ!

                   มุขเชี่ยไรวะ...ผมกดพักหน้าจอมือถือทันหลังเปิดอ่านประโยคสุดท้ายจากไอ้เก้า วันนี้ผมจะเหนื่อยทั้งกายและใจแบบนี้ไม่ได้!

     

     

     

     

     

    06:34 น.

     

    ไลน์!

     

    NNINZ : ชิบหายแล้ว

    NNINZ : ตื่น ๆ ๆ ๆ ๆ

    NNINZ : ตื่นดิวะ

    NNINZ : เขาเลื่อนรับน้องช่วงเช้า

    NNINZ : พี่เขาจะเริ่มทำฐานเจ็ดโมง

    9 : ตลก

    9 : เมื่อคืนไอ้ขุนยังบอกกูอยู่เลยว่าไปเวลาเดิม

    NNINZ : ก็พี่เขามาแจ้งตอนตีสอง

    9 : เออว่ะ

    9 : ชิบหาย กูพึ่งเห็น

    NNINZ : ไอ้ขุนยังไม่ตื่นหรอ

    9 : คงงั้น

    NNINZ : กรรม

     

    06:49 น.

     

    K-KHAO : กูพึ่งตื่น

    K-KHAO : บอกกูทีว่ากูกำลังฝัน

    9 : เลิกพร่ำเพ้อแล้วลุกจากเตียงเถอะมึงอ่ะ

     

                    ฉิบหาย” ผมชำเลืองตามองนาฬิกาบนหัวเตียงทันทีหลังวางมือถือในมือลงกับเตียง จะเจ็ดโมงแล้วใครมันจะไปอาบน้ำทันวะ

     

                   ผมดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอนด้วยความรวดเร็วก่อนจะวิ่งเข้าห้องน้ำพร้อมผ้าขนหนูผืนโปรดในมือ ผมว่าเมื่อคืนผมก็อ่านไลน์กลุ่มไม่ผิดนะ...หรือจะมีพี่ตัวดีมันปั่น แต่กว่าพี่เขาจะแจ้งเวลาในกลุ่มไลน์ พวกพี่เขาต้องประชุมมาดีแล้วนะ...เฮ้ออ ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว ;-;

     

                   หลังอาบน้ำเสร็จสรรพผมก็รีบแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนจะวิ่งออกจากห้อง รู้สึกว่าผมใส่ถุงเท้าผิดคู่ด้วยครับ รีบไปหน่อย T-T แต่ช่างมันเถอะตอนนี้เจ็ดโมงแล้ว ผมจะวิ่งไปทันก่อนสิบนาทีมั้ยเนี่ย...

     

     

     

     

     

    07:11 น.

     

                    ขอโทษครับพี่” เหนื่อยฉิบหาย! ผมวิ่งลงจากชั้นสามและรีบวิ่งมาที่ลานกิจกรรมสุดชีวิต ถามว่าทันมั้ย...ก็ไม่ -0- ผมเตรียมใจแล้วล่ะครับว่ายังไงก็โดนลงโทษแน่นอน...ให้ตายสิ คนบ้าอะไรจะซวยซ้ำซวยซ้อนได้ขนาดนี้

     

                    ทำไมคุณถึงมาสาย” เสียงดุ ๆ ของพี่ธันวาทำผมสะดุ้งโหยง ผมจึงมองไปที่เพื่อน ๆ เพื่อแก้เขิน และผมก็ได้สบตากับเหล่าเพื่อนรัก(?)ของผมอยู่ประมาณสามวิ

     

                   แหม่~ มาเร็วกันเชียวนะพวกหน้าหมา -_-*

     

                    ผม...พึ่งรู้ว่าวันนี้กิจกรรมเริ่มทำตอนเจ็ดโมง-“

     

                    งั้นหรอ...ลุกนั่งสามสิบปฏิบัติ!”

     

                   ผมลุกนั่งตามที่พี่ธันวาสั่งทันทีพร้อมมองไปที่เพื่อน(เลว)ที่น่ารักทั้งสองด้วยสายตาที่อาฆาต แต่พวกมันกลับยิ้มแห้งและชูสองนิ้วให้ผมพร้อมทำปากหมุบหมิบว่า ‘สู้ ๆ’

     

                   สู้ ๆ แม่มึงสิ




    TBC

    #นายพยัคฆา




    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×