คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ปากหมาครั้งที่หนึ่ง : กลองเจ้าปัญหา
ปากหมาครั้งที่หนึ่ง : กลองเจ้าปัญหา
คำเตือน
:
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
“ยังไม่มีใครไปเอากลองมาหรอวะ”
พี่สตาฟคนหนึ่งพูดขึ้นพร้อมด้วยสีหน้าเคร่งเครียดพอ ๆ กับพี่สตาฟคนอื่น
พวกผมเหล่าเฟรชชี่ปีหนึ่งนั่งรอมาสักพักหนึ่งแล้วแต่ไม่มีวี่แววเลยว่าพวกพี่เขาจะเริ่มทำกิจกรรมสักที
แต่จะว่าไป...ตั้งแต่เช้าผมยังไม่เห็นหน้าพี่กั้งกับพี่ธันวาเลย
หรือพวกเขาจะเป็นคนที่ไปเอากลองกลับมาจากพี่เสือ
ถ้าใช่แล้วทำไมป่านนี้ถึงยังไม่กลับมาอีก...ไม่ใช่พี่แกทะเลาะกันอยู่นะ
“กูเห็นไอ้กั้งกับไอ้ธันไปแล้วนะ”
พี่สตาฟผู้ชายอีกคนเดินมาบอกคนในทีม พวกพี่สตาฟต่างมีสีหน้าที่เคร่งเครียดขึ้นไม่ต่างกันเลยแม้แต่น้อย
“ฉิบหาย มึงให้มันสองคนไปเอากลองหรอ” พี่สตาฟคนแรกที่พูดหันควับไปมองพี่อีกคน
เออผมก็ว่าฉิบหาย
เมื่อวานพี่แกสองคนก็บอกผมอยู่ว่าไม่ค่อยถูกกับพี่เสืออะไรนั่น...ตายแน่งานนี้ ;-;
“พวกมันอาสาไปเองไม่ใช่หรอ” เอาแล้วไงครับคราวนี้
ผมว่าผมเริ่มได้กลิ่นความฉิบหายลอยมาแต่ไกล
ความคิดนี้ทำให้ผมต้องรีบหันไปมองไอ้นินกับไอ้เก้าทันที แต่หารู้ไม่ว่า...พวกมันหันมองผมก่อนเสียอีก...จะรู้ใจกันเกินไปแล้วนะเพื่อน
-0-
“มึงว่าจะฉิบหายมั้ย”
ไอ้เก้าเปิดประเด็นถูกจุดทำผมกับไอ้นินมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
“ยังไงก็ขอให้พี่แกรอดกลับมาพร้อมกลองเถอะ”
ผมไม่รู้จะพูดยังไงแล้วนอกจากคำนี้...สู้ ๆ นะครับพี่กั้งพี่ธัน T_T
บรื้นนนนน~
ทั้งพวกพี่สตาฟและพวกเฟรชชี่หันไปมองตามเสียงมอไซค์ที่ดังมาจากด้านหลังด้วยความสงสัย
นั่นพี่กั้งกับพี่ธันหนิ
พี่กั้งที่เป็นคนซ้อนท้ายและเป็นคนถือกลองลงจากรถพร้อมถอนหายใจ
มุมปากพี่เขามีเลือดติดนิดหน่อย ส่วนพี่ธันวาหรอ...เอ่อ...มีแผลฟกช้ำบนใบหน้าอยู่สองสามที่
คงเดาไม่ยากเลยว่าพวกพี่แกไปทำอะไรมา โถ่เอ้ย...หมดหล่อเลยพี่
“กลองมาละ เริ่มรับน้องได้แล้ว”
พี่กั้งอุ้มกลองไปวางที่หน้าลานโล่ง ๆ ที่พวกผมต้องหันหน้าไปมองตอนทำกิจกรรม
ถึงสภาพพี่แกจะเหมือนไปฟัดกับหมามา แต่ใบหน้าหล่อ ๆ ของพี่กั้งยังคงมีรอยยิ้มแปดเปื้อนเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นกับเขาเลย
ผมนับถือสปิริตพี่กั้งจริง ๆ ครับ
พี่กั้งกับพี่ธันวาอยู่ได้ไม่นานก็ขอตัวกลับคณะไปก่อน ฮรื่อ
เสียดาย...ผมอดคุยกับพวกพี่เขาเลย ว่าจะถามสักหน่อยว่าเป็นยังไงบ้าง
แต่ดูจากสภาพหน้าแล้วพี่เขาคงไม่โอเคเท่าไหร่หรอก T_T
กว่าจะทำกิจกรรมฐานช่วงเช้าเสร็จพวกผมแทบขาลากพื้น
เนื่องจากฐานวันนี้ไม่มีพี่กั้งมาคุมพี่สตาฟคนอื่น ๆ เลยสั่งนู่นสั่งนี่ได้ตามใจ
ไหนจะลงโทษแบบระบบหมู่อีกล่ะ ผมบอกเลยว่าโดนทั้งชั่วโมง
แต่ยังโชคดีที่พี่เขายังปล่อยพักเร็ว
ช่วงพักเที่ยงพวกผมจึงมีเวลาพักมากกว่าเดิมนิดหน่อยพอให้หายเหนื่อย
“มึงเห็นหน้าพี่ธันวาป่ะ หมดหล่อเลยพี่กู”
ไอ้เก้าตักข้าวเข้าปากคำใหญ่พร้อมมองหน้าพวกผมสองคนไปมา
ที่มันพูดก็ถูกพี่ธันวาหมดหล่อเลยครับ สงสัยที่กลับไปก่อนคงไปนั่งทำแผลอยู่แน่ ๆ
“นั่นดิ กูว่าเขาต้องมีเรื่องกับพี่เสือแน่ ๆ เลยว่ะ”
ไอ้นินพูดเสริม ส่วนผมได้แต่นั่งกินเงียบ ๆ และฟังพวกมันคุยกัน “นั่นไง
พี่แกมาหาไรกินละ” ผมมองตามสายตาไอ้เก้าทันที เออว่ะ พี่แกมาหาไรกินจริง ๆ ด้วย
ผมควรจะชวนพี่แกมากินข้าวด้วยกันดีมั้ยครับ...
“กูอยากรู้ว่ะว่าเมื่อเช้าพี่เขาไปโดนอะไรมา” รู้ตัวอีกที
ผมก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียแล้ว ความอยากรู้อยากเห็นไม่เข้าใครออกใครจริง ๆ
“มึงก็ไปชวนพี่เขามานั่งกินข้าวด้วยกันดิ แล้วถามเขา” เออเข้าท่าดี
ผมพยักหน้าตอบไอ้นินก่อนจะเดินไปหาพี่กั้งที่อยู่ถัดจากโต๊ะผมประมาณสองสามโต๊ะทันที
พอไปถึงที่โต๊ะพี่กั้ง
ผมก็ชวนพี่แกไปนั่งกินข้าวด้วยกัน
ตอนแรกเหมือนพี่เขาจะไม่ไปด้วยเพราะพี่ธันวาทำหน้าเหมือนไม่ค่อยพอใจ
แต่สุดท้ายพี่เขาก็มานั่งด้วยเพราะเห็นว่าผมเป็นรุ่นน้องในคณะ
ส่วนพี่ธันวาก็จำใจต้องมาเพราะพี่กั้งมานั่งกับพวกผม
ทำไมผมถึงรู้สึกเลวจัง T0T
“พี่กั้งครับ” ไอ้เก้ามองหน้าผมก่อนที่จะถามต่อ
“เมื่อเช้าไปเจอพี่เสือเป็นไงบ้าง”
ช้อนส้อมในมือพี่กั้งถึงกับหล่นลงจานข้าวหลังไอ้เก้าถามจบ
พวกผมสามคนมองหน้ากันเลิ่กลั่กพลางนึกในใจว่า พี่แกจะโกรธพวกเรามั้ยวะ...
พี่ธันวาเริ่มมองหน้าพวกผมสลับกับหน้าพี่กั้งอยู่สองสามหน
ก่อนจะพยักหน้าให้พี่กั้งเล็กน้อย “ก็ไม่ค่อยดีน่ะ”
พี่กั้งตอบเสียงเบาคล้ายจะไม่เต็มใจที่จะตอบพวกผมเท่าไหร่
“มีเรื่องกันด้วยใช่มั้ยพี่...” ไอ้นินถามเสียงสั่น
หน้าพวกพี่เขานิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สงสัยกำลังคิดอยู่ว่าจะตอบพวกผมยังไงดี
“อืม
ตามประสาคนไม่ถูกกันแหละ” คราวนี้เป็นพี่ธันวาที่ตอบ
คำตอบจากปากพี่ธันวาทำผมใจกระตุกวูบ
โห...ขนาดคนอย่างพี่กั้งกับพี่ธันยังทนกับคนอย่างพี่เสือไม่ได้เลยแหะ
พี่เสือคงไม่ธรรมดาแน่ ๆ =0=*
“มันกวนตีนพี่ก่อน พี่ทนไม่ไหวเลยซัดหน้าแม่งเลย” พี่ธันพูดเสริมเสียงเรียบเย็นจนน่าขนลุกแปลก
ๆ “พี่เล่าให้พวกผมฟังได้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้นตอนที่พี่ไปเอากลองกลับมาเมื่อเช้า”
ผมมองพี่กั้งกับพี่ธันวาสักครู่หนึ่งก่อนจะหลบตาหนี
หว่า...แกพูดอะไรออกไปวะไอ้ขุน...
“ได้สิ คือ...” หลังจากนั้นพี่กั้งก็เริ่มเล่าให้พวกผมฟังคร่าว
ๆ ผมจับใจความได้ว่า
เมื่อเช้าพวกพี่เขารีบไปเอากลองคืนแต่เช้าเพื่อที่จะได้กลับมาทำกิจกรรมทันก่อนแปดโมงครึ่ง
แต่พอไปถึงที่ตึกสถาปัตย์ กลับไม่มีใครอยู่เลย พวกพี่เขาเลยต้องนั่งรอพี่เสือมา
รออยู่ประมาณเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าพี่เสือจะมาที่ตึก
ตอนนั้นเป็นเวลาเกือบ ๆ แปดโมงแล้ว
พี่ธันวาที่หงุดหงิดที่ต้องมานั่งรออยู่แล้วเลยบอกให้พี่เสือรีบไปเอากลองออกมา
เพราะเขาจะได้รีบกลับไปที่คณะตัวเอง แต่พี่เสือกลับพูดจากวนบาทาและดึงเวลาพี่ธันวา
พี่เขาทนไม่ไหวเลยต่อยเข้าที่หน้าพี่เสือด้วยความโมโห
หลังจากนั้นพี่กั้งก็พยายามเข้าไปห้าม
หมัดพี่เสือก็พลาดเข้าที่มุมปากพี่กั้งเต็ม ๆ
เหตุการณ์ในตอนนั้นจึงดูชุลมุนวุ่นวายไปหมด
สักพักพี่แบงค์กับพี่พอร์ช(คาดว่าน่าจะเป็นเพื่อนพี่เสือ)
ก็เข้ามาแยกพวกเขาออกจากกัน พี่กั้งกับพี่ธันวาเลยรีบขี่มอไซค์กลับมาที่คณะ...พอได้ฟังเรื่องทั้งหมดพวกผมถึงกับมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
ไม่แปลกหรอกครับที่พี่ธันวา
ผู้เป็นมนุษย์ดุ ๆ ไม่ยอมใครแถมความอดทนต่ำจะลงไม้ลงมืออย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง
พอพี่กั้งเล่าจบพี่ธันวาก็รีบลากพี่กั้งกลับทันที ส่วนพวกผมได้แต่มองหน้ากันไปมาและคุยกันเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น...
“...เรื่องกิจกรรมในวันพรุ่งนี้
เดี๋ยวเย็นนี้พี่จะแจ้งในกลุ่มไลน์อีกทีนะ กลับหอดี ๆ ล่ะ”
หลังพี่สตาฟพูดจบทุกคนก็ต่างแยกย้ายกลับหอของตัวเอง
เหลือแต่พวกผมสามคนที่ยังไม่รู้จะไปไหนต่อ หรือผมจะชิ่งหนีพวกมันก่อนดีนะ...
“พวกมึงไปไหนต่อป่ะ”
เก้ามองพวกผมสองคนก่อนจะอมแคนดี้สีแสบตาในมือมันอีกครั้ง
ผมส่ายหน้าเป็นคำตอบทำมันออกอาการไม่พอใจทันที อ้าว...กูไม่ไปก็ผิดหรอ
“กูว่าจะกลับหอเลยอ่ะ” ไอ้นินช่วยชีวิตผมไว้ได้ทันเวลา
ถ้ามันพูดช้ากว่านี้ผมคงทะเลาะกับไอ้เก้าเป็นแน่
ใช่ครับ
ผมกับไอ้เก้ามักจะทะเลาะกันในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง
ล่าสุดทะเลาะกันเรื่องเงาะกระป๋อง =0= กว่าจะตกลงกันได้ต้องเรียกไอ้นินมาเคลียร์ให้ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาผมเลยพยายามเลี่ยงที่จะเถียงกับไอ้เก้าไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม
“เออ ๆ งั้นกลับหอเลยก็ได้”
หลังไอ้เก้าพูดจบทุกคนต่างแยกย้ายกลับหอตัวเอง
และเนื่องจากพ่อแม่ผมยังไม่มีเวลาว่างขนจักรยานมาให้ผม
ช่วงนี้ผมจึงต้องทนเดินไปกลับหอในที่ผมพักไปก่อน
ยังโชคดีที่หอผมอยู่ไม่ไกลจากลานรับน้องคณะผมเท่าไหร่
เดินไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงแล้ว ระหว่างทางผมจะต้องเดินผ่านตึกแพทย์
ถัดมาหน่อยก็จะมีสวนสาธารณะ ผมมักจะแวะพักอยู่แถวนั้นอยู่เป็นประจำก่อนจะเดินต่อ
ที่สวนสาธารณะนี้ก็มีซุ้มขายของนิด
ๆ หน่อย ๆ พอมีของกินเล่นแก้เหนื่อย
ที่นี่เป็นสถานที่พักผ่อนของพวกนักศึกษาคณะแพทย์และเภสัชฯเนื่องจากตึกทั้งสองคณะนี้อยู่ใกล้กับที่นี่มาก
ๆ เดินทางมาก็ไม่ลำบาก...แถมที่นี่ยังเงียบสงบสุด ๆ เลย
ผมตัดสินใจนั่งพักที่โต๊ะหินอ่อนที่ประจำของผม
พลางนั่งไถ่หน้าจอมือถือเล่นแก้เบื่อ อ่า...อากาศร้อนแบบนี้น่าหาอะไรเย็น ๆ มากินเล่นสักหน่อย
แต่เสียดายที่วันนี้ร้านไอติมกะทิไม่มา สงสัยผมคงต้องซื้อโค้กมากินแทน -0-
ไม่รอช้าผมรีบเดินไปซื้อโค้กมากินจากซุ้มร้านน้ำที่อยู่ไม่ไกลนักจากโต๊ะผม
“โค้กแก้วนึงครับ” ป้าแกก็รีบจ้วงตักน้ำแข็งใส่แก้วทันทีหลังผมสั่งจบ
ตาเจ้ากรรมดันเหลือบไปเห็นเงามนุษย์เพศชายบ่า(โคตร)กว้างเดินตรงมาที่ผมอยู่ไกล
ๆ ผมจะไม่ว่าอะไรเลยนะถ้าเงานั้นเป็นเงาของพี่กั้งหรือพี่ธันวา
แต่มันดันไม่ใช่นี่สิ...
นั่นมันไอ้พี่เสือ
“นี่ครับป้า ไม่ต้องทอน”
ผมยื่นแบงค์ยี่สิบในมือให้ป้าโดยที่ไม่ละสายตาจากร่างหนา...เรียกแบบนี้คงไม่น่าผิดหรอกครับ
เพราะพี่แกมีบ่าที่ค่อนข้างกว้างและลำตัวที่ดูบึกบึนแข็งแรงกว่าผมประมาณเท่าถึงสองเท่า
แถมส่วนสูงของพี่เสือก็สูงสมส่วนกับหุ่นจนดูดีสุด ๆ เอ๊ะ...ทำไมเหมือนผมกำลังชมพี่แกอยู่เลย
ผมรีบเดินจ้ำอ้าวหนีไม่หันหลังมองพี่เสือแม้แต่เสี้ยววินาที
อุตส่าห์จะกลับหอไปนอนพักแล้วนะ...ทำไมผมถึงต้องมาเจอพี่เขาด้วย T_T
“นี่! ไอ้น้องหน้าขาวคนนั้นอ่ะ!” หน้าขาวพ่อมึงสิพี่...ผมแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินแล้วรีบเดินหนีให้เร็วที่สุด
แต่ดูเหมือนว่ายิ่งผมเดินเร็วขึ้น
พี่เสือกลับเดินเข้าใกล้ผมได้เร็วขึ้นเช่นกัน...พี่มึงเป็นเดอะแฟลชหรอครับ -_-
หมับ!
“หยิ่งหรอมึงอ่ะ” พี่เสือจับต้นแขนผมแน่น พร้อมทำคิ้วขมวดใส่ผม
ทำผมอดถอนหายใจใส่ไม่ได้ “มีอะไรครับพี่” ผมมองหน้าพี่แกไม่ละสายตา
แต่จะว่าไปทำไมพี่แกถึงยิ้มน่ากลัวแบนนี้ว่ะ...
“รู้จักกูหนิ ทักกูหน่อยจะตายหรอ”
กู ไม่ รู้ จัก มึง!
เออ ยอมรับก็ได้ว่ารู้จัก
แต่ผมก็รู้แค่พี่ชื่อป่ะ -_-
“ขอโทษครับ”
ผมจัดการดึงมือพี่แกออกจากกล้ามแขนสุดที่รักของผมอย่างเงียบ ๆ
ซึ่งพี่แกก็ยอมปล่อยแต่โดยดีไม่มีขัดขืน(?)
“กูไม่ได้ต้องการคำขอโทษ”
สายตาที่ดูทีเล่นทีจริงทำผมสับสนไปหมด คือผมควรเซย์ฮายพี่แกแล้วเดินจากไปใช่มั้ย
โอเค...ได้
“สวัสดีครับและลาก่อน”
ผมรีบหันหลังให้พี่เสือก่อนจะใส่เกียร์หมาและออกตัววิ่งหนีป่าราบอย่างไม่คิดชีวิต
“เห้ย!” ผมได้ยินเสียงตะโกนดังมาจากด้านหลังไกล ๆ คงไม่พ้นเสียงพี่เสือหรอกครับ ณ
จุด ๆ นี้ผมไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เอ๋วิ่งดิ เอ๋วิ่ง!?
“แฮก...แฮก...” กว่าผมจะวิ่งถึงหอก็แทบแย่เลยครับ
ไหนจะวิ่งขึ้นบันไดไปชั้นสามอีก...ผมทิ้งตัวลงนอนบนเตียงพร้อมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เพื่อระบายความเหนื่อยให้บรรเทาลง
หน้าขาวหรอ?
จริง ๆ แล้วผมขาวทั้งตัวต่างหาก!
ทำไมพี่แกต้องเรียกเหมือนผมหน้าลอยด้วย! โอ๊ยยย ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด
คนบ้าอะไรปากหมาชะมัด -0-*
แต่จะว่าไป ทำไมจู่ ๆ พี่แกถึงโผล่มาอยู่แถวนี้ได้นะ
ทั้ง ๆ ที่จากคณะเขาถึงสวนสาธารณะนี้โคตรจะไกล สงสัยมันคงเป็นความบังเอิญที่น่าเหลือเชื่อไปนิด
แต่ถ้าลองคิดกลับกัน...จริง ๆ แล้วพี่เสืออาจจะอยากมาเดินเล่นแถวนี้ก็ได้
ขอให้พี่เสือจงไม่อยากมาเดินเล่นแถวนี้อีกเลย
;-;
ไลน์!
9 : พน.ไปกี่โมงนะ
K-KHAO : แล้วแต่มึง
9 : จริงหรอ
K-KHAO : หึ
K-KHAO : กูตอแหล
9 : ขุน
9 : เอาดี ๆ
กูจะได้ตั้งนาฬิกาปลุกถูก
K-KHAO : เวลาเดิมไง
หัดอ่านไลน์กลุ่มบ้าง -_-
9 : ไม่เอาอ่ะ
9 : ถามมึงง่ายกว่า ^^
K-KHAO : พ่อมึงhpหมด
9 : ยัง ๆ
9 : กูมีฮีล
ตึ้บ!
มุขเชี่ยไรวะ...ผมกดพักหน้าจอมือถือทันหลังเปิดอ่านประโยคสุดท้ายจากไอ้เก้า
วันนี้ผมจะเหนื่อยทั้งกายและใจแบบนี้ไม่ได้!
06:34 น.
ไลน์!
NNINZ : ชิบหายแล้ว
NNINZ : ตื่น ๆ ๆ ๆ ๆ
NNINZ : ตื่นดิวะ
NNINZ : เขาเลื่อนรับน้องช่วงเช้า
NNINZ : พี่เขาจะเริ่มทำฐานเจ็ดโมง
9 : ตลก
9 : เมื่อคืนไอ้ขุนยังบอกกูอยู่เลยว่าไปเวลาเดิม
NNINZ : ก็พี่เขามาแจ้งตอนตีสอง
9 : เออว่ะ
9 : ชิบหาย กูพึ่งเห็น
NNINZ : ไอ้ขุนยังไม่ตื่นหรอ
9 : คงงั้น
NNINZ : กรรม
06:49 น.
K-KHAO : กูพึ่งตื่น
K-KHAO : บอกกูทีว่ากูกำลังฝัน
9 : เลิกพร่ำเพ้อแล้วลุกจากเตียงเถอะมึงอ่ะ
“ฉิบหาย”
ผมชำเลืองตามองนาฬิกาบนหัวเตียงทันทีหลังวางมือถือในมือลงกับเตียง
จะเจ็ดโมงแล้วใครมันจะไปอาบน้ำทันวะ
ผมดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอนด้วยความรวดเร็วก่อนจะวิ่งเข้าห้องน้ำพร้อมผ้าขนหนูผืนโปรดในมือ
ผมว่าเมื่อคืนผมก็อ่านไลน์กลุ่มไม่ผิดนะ...หรือจะมีพี่ตัวดีมันปั่น
แต่กว่าพี่เขาจะแจ้งเวลาในกลุ่มไลน์ พวกพี่เขาต้องประชุมมาดีแล้วนะ...เฮ้ออ
ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว ;-;
หลังอาบน้ำเสร็จสรรพผมก็รีบแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนจะวิ่งออกจากห้อง
รู้สึกว่าผมใส่ถุงเท้าผิดคู่ด้วยครับ รีบไปหน่อย T-T แต่ช่างมันเถอะตอนนี้เจ็ดโมงแล้ว ผมจะวิ่งไปทันก่อนสิบนาทีมั้ยเนี่ย...
07:11 น.
“ขอโทษครับพี่” เหนื่อยฉิบหาย!
ผมวิ่งลงจากชั้นสามและรีบวิ่งมาที่ลานกิจกรรมสุดชีวิต ถามว่าทันมั้ย...ก็ไม่ -0-
ผมเตรียมใจแล้วล่ะครับว่ายังไงก็โดนลงโทษแน่นอน...ให้ตายสิ
คนบ้าอะไรจะซวยซ้ำซวยซ้อนได้ขนาดนี้
“ทำไมคุณถึงมาสาย” เสียงดุ ๆ ของพี่ธันวาทำผมสะดุ้งโหยง
ผมจึงมองไปที่เพื่อน ๆ เพื่อแก้เขิน และผมก็ได้สบตากับเหล่าเพื่อนรัก(?)ของผมอยู่ประมาณสามวิ
แหม่~
มาเร็วกันเชียวนะพวกหน้าหมา -_-*
“ผม...พึ่งรู้ว่าวันนี้กิจกรรมเริ่มทำตอนเจ็ดโมง-“
“งั้นหรอ...ลุกนั่งสามสิบปฏิบัติ!”
ผมลุกนั่งตามที่พี่ธันวาสั่งทันทีพร้อมมองไปที่เพื่อน(เลว)ที่น่ารักทั้งสองด้วยสายตาที่อาฆาต
แต่พวกมันกลับยิ้มแห้งและชูสองนิ้วให้ผมพร้อมทำปากหมุบหมิบว่า ‘สู้ ๆ’
สู้ ๆ แม่มึงสิ
TBC
#นายพยัคฆา
ความคิดเห็น