ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    น า ย พ ยั ค ฆ า

    ลำดับตอนที่ #1 : ปากหมาครั้งที่ศูนย์ : โถ่ น้องรัก

    • อัปเดตล่าสุด 17 ส.ค. 62





    ปากหมาครั้งที่ศูนย์ : โถ่ น้องรัก
    คำเตือน : โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน



                  “...พักได้ครับ”

                  พี่กั้งหัวหน้าฐานสองสั่งพวกผมก่อนจะเดินไปหาพวกพี่สตาฟที่อยู่ด้านหลัง วันนี้เป็นวันแรกของวีครับน้องคณะผมครับ...ผมเรียนคณะเภสัชฯ ซึ่งพี่ ๆ สตาฟทุกคนก็น่ารักและใจดีมาก ๆ โดยเฉพาะพี่กั้ง >0<

                  “ไอ้ขุน มึงจะกินไร” ไอ้นินจับบ่าผมแน่นพร้อมมองผมด้วยสายตาที่คาดหวังในคำตอบผม แล้วผมจะตอบมันยังไงดีเนี่ย “แล้วแต่ กูกินอะไรก็ได้” มันพยักหน้าตอบเล็กน้อยก่อนจะเบือนหน้าหนีผม เอ๊ะ คำตอบกูไม่ถูกใจมึงหรอนิน

                  “เชี่ยเอ้ย...กูเดินหาพวกมึงตั้งนาน คนโคตรเยอะเลย” เสียงบ่นจากปากไอ้เก้าดังมาแต่ไกล ทำพวกผมสองคนถึงกับงง ใช่ครับ ไอ้เก้าแม่งไม่รู้เรื่องอะไรเลย เพราะมันโดนจัดให้ไปอยู่ท้ายแถว กว่าจะเดินมาหาพวกผมที่อยู่แถวหน้าได้ก็นานพอสมควร

                  “ทำไมพวกมึงทำหน้าแบบนี้อ่ะ” มันถามพวกผมหน้าตาย “เปล่า ๆ ไปหาไรกินกัน” ไอ้นินรีบพูดตัดบทก่อนที่ไอ้เก้าจะถามอะไรไปมากกว่านี้ก่อนจะพาพวกผมเดินไปที่ศูนย์อาหารคณะแพทย์ที่อยู่ไม่ไกลนัก
      

                 ผมชื่อขุนเขาครับ อย่างที่ผมบอกไปก่อนหน้านี้ ผมเรียนอยู่คณะเภสัชฯ และไอ้เพื่อนสองตัวนั้นมันเป็นเพื่อนผมมาตั้งแต่สมัยมัธยม ตอนช่วงที่เรียนอยู่มอหกพวกผมตกลงกันว่าจะเข้ามหา’ลัยและคณะเดียวกันให้ได้ ซึ่งมันก็เป็นไปตามที่พวกผมหวังกันไว้ครับ ถึงแม้มันจะดูน่าเหลือเชื่อไปหน่อยก็เถอะ

                  ไอ้นินกับไอ้เก้าค่อนข้างเรียนเก่งครับ แต่น่าเสียดายที่พวกมันกวนตีนมากไปหน่อยทำให้สมัยมอปลายถึงเรียนดีก็ไม่มีใครกล่าวถึงพวกมันสักคน ผมรู้จักพวกมันได้ยังไงน่ะหรอ เรื่องมันค่อนข้างยาว เอาเป็นว่าผมจะเล่าสั้น ๆ นะ

                  วันปรับพื้นฐานมอสี่พวกพี่ ๆ คณะกรรมการสั่งให้พวกผมจับคู่สามคนเพื่อเล่นเกมส์ที่พี่เขาจัดเตรียมมาให้ ซึ่งนั่นแหละครับครั้งแรกที่ผมได้รู้จักพวกมัน ตอนแรกไม่กล้าคุยกันเลยครับเพราะไอ้นินกับไอ้เก้าหน้ามันดูหยิ่ง ผมก็ได้แต่นั่งอยู่เงียบ ๆ จนสุดท้ายก่อนจบกิจกรรมพวกมันก็มาชวนผมคุยและเราก็เริ่มสนิทกันตั้งแต่วันนั้น

                    “...นิน มึงมีเหรียญสักสิบบาทป่ะ” ไอ้เก้ามองหน้าไอ้นินตาปริบ ๆ น่ารักตายแหละ ไอ้เวร...

                    “มี มึงจะเอาไปซื้อไร” ไอ้นินถามกลับเสียงเหนื่ิอย ผมจึงแกล้งเดินหนีไปซื้อข้าวมันไก่เพราะไม่อยากอยู่ในบทสนทนาของพวกมัน

                    อะไร ๆ ก็กูตลอด






    ตึก...ตึก...

                    “หว่าาา...รู้งี้ลากไอ้นินมาด้วยดีกว่า” ขุนนะขุน มามหา’ลัยวันแรกก็อวดเก่งไปซื้อข้าวมันไก่คนเดียวแล้ว ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าร้านมันอยู่ตรงไหนเพราะเมื่อเช้าผมไม่ยอมเดินมาสำรวจกับพวกไอ้นินก่อน เวรของกรรม...

                  นั่นใช่พี่กั้งป่ะวะ ผมเห็นพี่ผู้ชายตัวสูง ตัดผมทรงเลเยอร์ เรท อันเดอร์คัต ที่หน้าตาคล้ายพี่กั้งมาก ๆ เดินผ่านหน้าผมไป ให้พูดตามตรงพี่กั้งเขาหล่อมาก หล่อแบบมองจากระยะสองร้อยเมตรก็จำพี่แกได้ แต่น่าเสียดายที่ผมหล่อกว่า(?)

                  ไม่รอช้า...ผมรีบวิ่งเข้าหาพี่คนหล่อคนนั้นด้วยความมั่นใจ ผมว่าต้องใช่พี่กั้งแน่ ๆ เอาวะ ถึงจะเสี่ยงไปหน่อยแต่ถ้าลองดูก็ไม่เสียหาย

                    “พี่กั้งค้าบบบบบ!”


                    ใช่! 


                    ใช่พี่กั้งจริง ๆ ด้วย!

                    “อ้าว น้องขุนเขาหนิ ได้กินอะไรรึยัง :D” รอยยิ้มที่โคตรมีเสน่ห์ปรากฏอยู่ตรงหน้าผม เล่นซะผมพูดไม่ออกเลย...ขนาดผมเป็นผู้ชายผมยังคิดว่าพี่เขามีเสน่ห์มาก ๆ เลย ;-;

                    “ยังเลยครับ พอดีผมกำลังหาร้าน...” เรายืนคุยกันอยู่สักพักหนึ่งก่อนพี่กั้งจะขอตัวไปรับพี่ฝ้ายแฟนเขาก่อน ผมจึงเดินไปซื้อข้าวมันไก่ร้านที่พี่กั้งแนะนำ…






                    “นี่คุณแอบกินขนมระหว่างที่ผมพูดได้ยังไง!”

                    “พ...พวกหนูเปล่า”

                    “หลักฐานอยู่กับมือพวกคุณยังจะปฏิเสธอีกหรอ! ลุกนั่ง 20 ปฏิบัติ!”

                    “...”

                  ฐานช่วงบ่ายออกจะน่าเบื่อไปหน่อยแต่ไม่เป็นไรหรอกครับเพราะวันนี้พวกเราทำกิจกรรมถึงแค่ฐานสี่ ก็คือฐานนี้...หัวหน้าคุมฐานนี้คือพี่ธันวา เพื่อนพี่กั้งอีกนั่นแหละครับ อะไรหลาย ๆ อย่างในตัวพี่เขาก็ค่อนข้างคล้ายพี่กั้ง แต่...พี่เขาดุกว่าพี่กั้งเยอะเลย ฐานนี้ผมนับเล่น ๆ มีคนโดนพี่แกสั่งลงโทษไปแล้วไม่ต่ำกว่าสิบคนแล้ว แต่ผมโชคดีที่ยังไม่โดน

                    “18...19...20!”


                    “นั่งได้...อ้าวไอ้กั้ง...”

                  พี่กั้งเดินมาพร้อมใบหน้านิ่งเรียบ เอ...มองดูดี ๆ หน้าพี่แกดูเครียด ๆ นะ หรือพี่แกแค่เหนื่อยจากการรับน้องเฉย ๆ แกนี่มันอยากรู้อยากเห็นไปซะทุกเรื่องเลยนะขุนเขา = =*

                    “ธันมาคุยกับกูหน่อย เรามีปัญหาแล้ว”

                    “อืม งั้นแป๊บนึงนะ” พี่ธันวาหันมองพวกผม “พวกคุณพักได้...เดี๋ยวผมมา” หลังจากนั้นพี่แกเดินหายไปกับพี่กั้งอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนจะเดินกลับมาด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดจนน่าเป็นห่วง

                    “...ผมต้องการอาสาสมัครสักสามคนขอเป็นผู้ชายทั้งหมด” พี่ธันวาตะโกนขึ้นเสียงดัง ผมกับไอ้เก้า ไอ้นินหันมองหน้ากันควับราวกับรู้ใจกัน แน่นอนครับพวกผมอาสาไปแน่นอนเพราะอย่างน้อย พวกผมจะได้ไม่ต้องนั่งเป็นผักอยู่ตรงนี้เฉย ๆ

                    “พวกผมครับ!” ไอ้เก้ายกมือขึ้นสุดแขนก่อนจะสะกิดผมกับไอ้นินให้ยกมือตามมัน พี่ธันวาและพี่กั้งมองมาที่พวกผมก่อนจะยิ้มให้ ทำไมผมถึงรู้สึกแปลก ๆ นะ...

                    “พวกคุณสามคนตามผมมา :)” ว่านอนสอนง่ายดั่งลูกหมาเชื่อง ๆ ก็พวกผมเนี่ยแหละ! พวกผมทั้งสามคนเดินตามพี่กั้งและพี่ธันวาดุ่ม ๆ โดยที่ไม่รู้เลยว่าพี่เขาจะใช้ให้พวกผมทำอะไร

                    “อ่า...พวกน้องขุนเขานี่เอง :D” พี่กั้งยิ้มให้พวกผมก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ “คือว่าพวกพี่...” พี่กั้งค่อย ๆ เล่ารายละเอียดปัญหาที่เกิดขึ้นคร่าว ๆ ให้พวกผมฟัง เหมือนพี่แกจะให้พวกพี่จากคณะสถาปัตย์ยืมกลองไปแล้วพวกพี่เขายังไม่ยอมคืน เขาเลยอยากให้พวกผมไปตามกลองกลับมาจากพี่เสือ

                  อ่ะ...งงไปอีก ใครคือพี่เสือวะ พวกผมสามคนมองหน้ากันด้วยสายตาที่สื่อถึงกันว่า ‘ฉิบหายแล้ว’  แต่ทำไงได้ ผมจะถอยออกมาตอนนี้คงจะไม่ทันแล้วด้วย...ไม่น่าเลยกู ;-;

                    “นะ...ช่วยพวกพี่หน่อย พวกพี่ไม่ค่อยถูกกันน่ะ” พี่ธันวาพูดเสริม “ขืนถ้าพวกพี่ไปเองก็จะมีเรื่องกันเปล่า ๆ ฝากหน่อยนะน้องขุนเขา น้องนิน น้องเก้า” พี่พูดแบบนี้ก็สวยเลยดิ...ใครมันจะไปกล้าปฏิเสธวะ โธ่ถัง...ผมอยากจะบินหนีพวกพี่แกจริง ๆ ;-;

                    “ก็ได้ครับ ว่าแต่...ผมจะไปหาพี่เขาได้จากที่ไหน” ไอ้เก้าถอนใจเหนื่อยออกมาอย่างไม่เกรงใจ ก็แหงสิ ใครมันจะไปคิดว่าจะต้องมาทำเรื่องแบบนี้

                    “แถว ๆ ตึกคณะสถาปัตย์แหละ ถามพี่ ๆ แถวนั้นก็ได้” พวกผมเงียบฟังพี่กั้งอย่างใจจดใจจ่อ “แล้วพวกผมต้องถามว่าอะไร” ไอ้นินที่เงียบอยู่นานก็ถามขึ้น

                    “ก็ถามว่า รู้จักพี่เสือ สถาปัตย์ที่ปากหมา ๆ มั้ย คนแถวนั้นเขารู้จักมันหมดแหละ” พี่ธันวาตอบสวนกลับเสียงแข็ง ทำให้พี่กั้งต้องรีบดันตัวพี่เขาให้ถอยห่างจากพวกผมไป “ยังไงก็ฝากด้วยนะ ^^”

                  ผมไม่ไปแล้วได้มั้ย T_T






                    “...กลับดี ๆ นะครับน้อง ๆ พรุ่งนี้เจอกันเวลาเดิม”

                  สามสหายอย่างพวกผมยืนด่ำ ๆ มอง ๆ อยู่มุมตึก...ตึกไรวะ...อ่อ...ตึกคณะสถาปัตย์ พูดตามตรงก็ไม่กล้าเข้าใกล้พวกพี่เขาเลยครับ รู้สึกเหมือนที่นี่ไม่ใช่ที่ของพวกผมเลย...(ก็แหงสิเอ็งอยู่แอเรียของชาวคณะสถาปัตย์ =0=)

                    “นิน มึงเข้าไปดิ”

                    “มึงอ่ะเข้าไป”

                  พวกผมเถียงกันอยู่สักพักหนึ่งสรุปแล้วไม่มีใครกล้าเข้าไปถามสักคนจนกระทั่งพวกพี่สตาฟเขาเริ่มทยอยกลับทีละคนสองคน อ่า...กลับไปมือเปล่าพี่ธันวาสั่งลุกนั่งห้าสิบแน่ ๆ T_T

                    “มา! กูไปถามเอง” เก้าถอนหายใจใส่ผมกับนินเฮือกใหญ่ก่อนมันจะมุ่งหน้าเดินไปถามพี่สตาฟผู้ชายคนนึง และแน่นอนครับมันเดินกลับมาหน้าซึมเป็นหมาหงอย

                    “เขาไม่ยอมตอบว่ะ”

                    “อ่า...จริง ๆ เลย” เสียงหายใจเหนื่อยของไอ้นินถูกปล่อยออกมาอีกครั้ง ก็เข้าใจนะว่าเหนื่อย แต่กูก็เหนื่อยเหมือนมึงแหละ ฟังแล้วหดหู่ฉิบหาย -0- “แล้วพวกมึงจะเอาไงกลับดีป่ะ” มันคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วแหละ

                    “มึงอยากโดนพี่ธันลงโทษรึไง รีบ ๆ ไปหาตัวพี่เสืออะไรนั่นเถอะ พี่สตาฟกลับจะหมดแล้ว” ผมกรอกตามองบนใส่ไอ้เก้าเนื่องจากมันเป็นคนพูด เพราะผมขี้เกียจจะเถียงกับมันสุดๆ -0-

                    “นู่น ๆ ไอ้ขุนมึงไปถามพี่คนนั้นดิ” ไอ้นินตัดบทพร้อมชี้นิ้วไปที่พี่ผู้ชายคนหนึ่งกำลังนั่งคร่อมมอไซค์สีดำคันใหญ่ทำท่าเหมือนกำลังถ่ายเอ็มวีอยู่ ผมกับเก้ารีบหันไปมองตามที่ไอ้นินชี้ทันทีก่อนจะถอนหายใจออกมาพร้อมกัน

                    “ทำไมต้องเป็นกูวะ” เออ...ทำไมต้องเป็นกู ไอ้นินมึงเป็นคนเห็นมึงก็ไปถามพี่เขาเซ่! “ก็มึงหน้าตาดีเข้ากับคนง่าย ไปเถอะ เดี๋ยวพวกกูไปเป็นเพื่อน” เกือบดีแล้วนะไอ้เวร ถ้าไม่ติดที่ว่าหลอกใช้กูเนี่ย

                  สุดท้ายผมก็ต้องยอมเดินไปถามพี่คนนั้นอยู่ดีโดยมีพวกไอ้นินเดินตามต้อย ๆ เป็นลูกสมุน ตอนนี้พี่คนนั้นกำลังเล่นมือถืออยู่ ท่าทางรวยน่าดูเลยนะเนี่ย มือถือก็ค่อยข้างดูใหม่และหรูสุด ๆ ไปเลย นี่ยังไม่นับมอไซค์พี่เขานะครับ

                  พอผมเดินเข้าใกล้พี่คนนั้นในระยะห่างกันไม่ถึงเมตร ผมยิ่งเห็นใบหน้าพี่เขาที่กำลังหมกมุ่นกับหน้าจอมือถือในมือได้ชัดเจนขึ้น รูปหน้าที่หล่อเข้มพร้อมสันกรามใหญ่สวยกำลังดี มาพร้อมดวงตาคมชั้นเดียวที่มองไปมองมาก็ดูดีไม่น้อยเลย ไหนจะไฝจุดน้อย ๆ บนเปลือกตาที่เป็นเอกลักษณ์นั่นอีกล่ะ รวม ๆ แล้วก็หล่อดีครับ...แต่น่าเสียดายเพราะผมหล่อกว่า :D

                    “เอ่อ...พี่ครับ” ผมพยายามใช้เสียงที่อ่อนโยนและสุภาพที่สุดเท่าที่คนดีๆแบบผมจะทำได้เอ่ยเรียกพี่ตรงหน้าเบา ๆ

                    “...” ไม่มีการตอบสนองใด ๆ กลับมา…


                    “พี่ครับ...” เอาวะ ถ้าเรียกรอบนี้ไม่หัน กูจะถามมึงแล้วนะพี่

                    “...” กูเตือนมึงแล้วนะพี่...

                    “พี่ ๆ รู้จักพี่เสือ สถาปัตย์ที่ปากหมา ๆ ป่ะ”

                  เท่านั้นแหละครับพี่คนหล่อน้อยกว่าผมก็เงยหน้ามองผมทันควัน เอ...หรือพี่เขาจะเป็นเพื่อนพี่เสือวะ...ถ้าใช่นี่ฉิบหายเลยนะขุนเขา =0=

                    “กูเนี่ยแหละ พี่เสือ สถาปัตย์”

                  อห.แม่งฉิบหายกว่าที่กูคิดอีก...

                    “ไอ้นิน ไอ้เก้า...” พอผมหันไปมองด้านหลังก็พบว่าไม่มีแม้แต่เงาเพื่อนรักทั้งสองคนเลยด้วยซ้ำ แหม รักกูมากเลยนะพวกเหี้ย จำไว้…


                    “ว่าไง มึงมีปัญหาอะไรกับกู” เสียงทุ้มเข้มทำขาผมสั่นไปหมด ผมอยากมุดดินหนีพี่เขามาก ๆ เลยครับ ทำไงดี... T_T

                    “ค...คือ” พี่เสือเก็บมือถือยัดใส่กระเป๋ากางเกงพร้อมลงจากมอไซค์และมองมาที่ผมหน้านิ่ง แน่นอนครับว่าผมหลบตาพี่เขา โคตรมีพิรุธเลยไอ้ขุนเอ้ย!


                    “คือ?” พี่แกกดเสียงต่ำลงอีกคีย์ที่ฟังแล้วรู้สึกขนลุกแปลก ๆ ผมก้มมองพื้นอยู่สักครู่หนึ่งก่อนจะเห็นรองเท้าผ้าใบสีดำขาวตรงหน้าก้าวเข้าใกล้ผมช้า ๆ ผมจึงก้าวถอยหลังหนีตามสัญชาตญาณ

                  ผมไม่รู้เลยว่าตอนนี้พี่เขามีสีหน้ายังไง เพราะผมไม่ใจกล้ามากพอที่เงยหน้าสบตากับพี่เสือนี่สักนิด ทำยังไงถึงจะรอดจากตรงนี้ไปได้นะ

                    “คือ...พี่กั้ง-”

                    “ไอ้กั้ง เภสัชฯหรอ”

                  ไม่ทันที่ผมจะพูดจบประโยคด้วยซ้ำพี่แกก็พูดแทรกขึ้นมาซะงั้น ถ้าไม่ติดว่าเป็นรุ่นพี่นะผมด่าไปแล้ว!

                    “ครับ”

                    “มันทำไม” ใจเย็น ๆ ได้มั้ยพี่ ผมกำลังจะตอบไง

                    “พี่เขาบอกให้ผมมาตามกลองคืนกับพี่เสือ” เสียงหัวเราะหึในลำคอพี่เสือทำผมแทบเข่าทรุด ไม่ใช่อะไรนะครับ...กลัว

                    “ถามหากูได้น่ารักมาก...” ผมรู้สึกได้ว่าพี่เขาบีบที่ไหล่ผมเบา ๆ คล้ายจะหยอกล้อ แต่ผมว่าพี่แกก็บีบแรงไปหน่อยนะ...แรงขนาดนี้ไม่น่าจะหยอกแล้วล่ะ

                    “มันคงสอนมึงมาแบบนี้สินะ...เอางี้ ไปบอกมันว่าให้มันมาเอากลองคืนกับกูพรุ่งนี้เช้า เพราะตอนนี้กูจะกลับหอแล้ว” ผมรีบพยักหน้ารัวก่อนลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ “ส่วนมึง...” อ่ะ...ความฉิบหายยังไม่หยุดเล่นงานกูสินะ...

                    “ถ้ากูเห็นว่ามึงมาทะลึ่งหน้ากับกูอีก มึงเจอกูแน่” คงไม่มีครั้งที่สองแล้วล่ะครับพี่เสือ เจอกันอีกทีชาติหน้าเลยละกัน T_T

                    “ครับ...ข...เข้าใจแล้วครับ” และแล้วพี่เสือคนจริงก็ได้จากไปพร้อมทิ้งความเคว้งคว้างไว้ที่ผมเต็มๆ ต่อไป...ผมต้องไปเล่นงานไอ้พวกเพื่อนเวรที่มันชิ่งทิ้งผมไป! กูไปตามล้างบัญชีแค้นกับพวกมึงแน่!




                    “อ่า...เสือบอกนายมาแบบนี้หรอ”  พี่กั้งตบที่บ่าผมเบา ๆ คล้ายจะเป็นการปลอบใจเหมือนพี่เขารู้ว่าผมไปเจออะไรมา ก่อนจะมองพี่ธันวาที่ยืนกอดอกหน้าเครียดอยู่ข้าง ๆ

                    “นายกลับไปพักเถอะขุนเขา เดี๋ยวพวกพี่จัดการเรื่องนี้เอง ยังไงก็ขอบใจนายมากนะ” ผมทำได้เพียงยิ้มแห้งตอบพี่ธันวา เพราะตอนนี้ผมทั้งเหนื่อยและหมดแรงจะพูดจริงๆ = =*




    ไลน์!

    NNINZ : ขุนมึงกลับยัง
    9 : พวกกูรักมึงนะ จุ้บ ๆ <3
    K-KHAO : จุ้บ ๆ พ่อมึงสิ ทิ้งกูเลยนะไอ้เหี้ย
    9 : ทัมมาเปงโกด -3-
    K-KHAO : โกรธยังชาติหน้า!
    NNINZ : เพื่อนขุนต้องใจเย ๆ
    9 : เย ๆ เลยหรอ
    NNINZ : *เย็น
    K-KHAO : พน.เจอกูแน่

                    “ไอ้พวกเหี้ยหนิแม่ง”

                    หมดคำจะด่าจริง ๆ ครับเจอคนแบบพวกมัน ผมรีบปิดหน้าจอมือถือในมือแล้วยัดเก็บในกระเป๋ากางเกงทันที วันนี้เจอแต่เรื่องบัดซบอะไรก็ไม่รู้ เห้อออ...เอาน่า พรุ่งนี้ผมคงไม่เจอเรื่องซวย ๆ แบบนี้อีก...มั้งนะ



    TBC
    #นายพยัคฆา




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×