ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC. KNB,KHR,...] ต้องสนใจด้วยเหรอครับ?

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 1' ไม่เป็นไร [RE]

    • อัปเดตล่าสุด 20 พ.ค. 63


    CHAPTER 1

     

    กรี๊งงงงง

     

    สัญญาณเตือนภัยดังขึ้นพร้อมกับแสงสีแดงฉาน ห้องสีขาวบัดนี้เหลือเพียงความมืดมิด กลิ่นยาที่อบอวลกลับกลายเป็นกลิ่นไหม้จากเปลวเพลิง เสียงฝีเท้านับสิบหรือร้อยคู่ดังรัวมาจากนอกกระจกกั้น เมื่อมองออกไปด้วยแสงสีแดงของไซเรนที่สาดส่องทำให้เห็นเหล่าคนชุดขาวมากมายกำลังวิ่งชุลมุนไปในทางเดียวกัน

     

    เกิดอะไรขึ้น?

     

    ทำไมถึงทำท่าทางแบบนั้นล่ะ?

     

    ทำไมต้องดิ้นรนขนาดนั้น?

     

    ตูมมม!!

     

    เสียงระเบิดดังมาจากที่ใกล้ ๆ คาดว่าคงเกิดเรื่องอะไรสักอย่าง แล้วเวลาแบบนี้เขาควรทำเช่นไร?

     

    ร่างเล็กในชุดสีขาวนั่งกอดเข่าหนุนแขนอย่างเงียบ ๆ ไร้ซึ่งปฏิกิริยาใด ๆ ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แรงสะเทือนจากที่ไหนสักแห่งส่งผลให้ร่างนั้นโอนเอนไปเล็กน้อย เส้นผมที่ยาวปรกหน้าปัดไปเผยให้เห็นดวงตาสีฟ้าหม่นแสง เขากวาดตามองเหล่าคนร่วมห้องที่ทำเพียงอยู่นิ่ง ๆ ไม่ต่างกัน

     

    ทั้งที่นอกห้องกำลังวุ่นวายแท้ๆ....

     

    “พวกเธอ รีบ ๆ ออกมาได้แล้ว เร็วเข้า!!!” ประตูอัตโนมัติถูกเปิดออกพร้อมกับชายวัยกลางคนในชุดเครื่องแบบเดียวกันกับพวกที่อยู่ด้านนอกวิ่งเข้ามาอย่างร้อนรน

     

    เปรี๊ยะ-

     

    โครม!!

     

    รอยร้าวปรากฏขึ้นเหนือศีรษะเนื่องจากรับภาระไม่ไหวก่อนจะพังลงมา ทัศนียภาพถูกเปลี่ยนกะทันหันเป็นผลจากเพดานถล่มเมื่อครู่ เลือดอุ่นสีแดงเริ่มไหลออกมาจากบาดแผลเป็นวงกว้าง ภายใต้ซากปรักหักพังนี้เขาควรทำอะไร? ดวงตาที่เริ่มเลือนรางหุบลงเงียหูฟัง

     

    เสียงพังทลาย

     

    เสียงกรีดร้อง

     

    เสียงเท้ากระทบพื้น

     

    สอดประสานกันคล้ายบทเพลงแห่งความพินาศ

     

    ร้อน.... ปากซีดเอ่ยออกอย่างไร้เสียง ร่างนี้จะทนได้อีกเท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับเวลา….เริ่มฟังไม่รู้เรื่องแล้วสิ

     

    ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่ แสงสีแดงที่เคยส่องผ่านเข้ามาเริ่มหายไป กลิ่นเหม็นไหม้ก็พลอยหายไปด้วย ไอร้อนกลับกลายเป็นความหนาวเย็น เสียงทุกอย่างค่อยเงียบลงไป

     

    น่าแปลก ลมหายใจนี้ยังไม่ดับไปด้วย

     

    ทำไมกันนะ....

     

    “_______” อะไร? นั่นใคร? พูดว่าอะไร

     

    “_______________” ง่วง...

     

    ซากเบื้องหน้าค่อย ๆ ถูกเลื่อนออก พร้อมกับหนังตาที่เริ่มปิดลง ความเย็นเหยียบสัมผัสลงที่แก้ม ภาพสุดท้ายที่อยู่เบื้องหน้า.....

     

    คือสีหน้าแตกตื่นของคนผู้หนึ่ง

     

    “ “เท็ตสึยะ!!” ”

     

    !!!

     

    เสียงตะโกนดังซ้อนกับเสียงในความทรงจำที่เลือนราง

     

    ดวงตาสีฟ้าลืมขึ้นอย่างช้า ๆ ภาพเบลอของคนตรงหน้าซ้อนทับกับใครอีกคน นัยน์ตาปรับตัวจนเริ่มชัดเหลือเพียงเจ้าของเสียงใสอันคุ้นเคย

     

    “บลู...เบล....” น้ำเสียงแหบแห้งกล่าวออกมาอย่างช้า ๆ เด็กหนุ่มมองสีหน้าบิดเบี้ยวคล้ายจะร้องไห้ของเด็กสาวด้วยอาการมึนงงก่อนจะจับศีรษะที่มีผ้าสีขาวพันอยู่มองไปรอบสีขาวที่อบอวลไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์

     

    โรงพยาบาล?

     

    เธอซึ่งถูกเรียกว่าบลูเบลกุมมือคนตรงหน้าไว้แน่น ข้าง ๆ กันนั้นมีใครอีกคนยื่นอยู่ด้วย คนคนนั้นมองเหมือนชะงักอะไรไปก่อนจะส่งยิ้มให้อย่างใจเย็น

     

    เดี๋ยวผมไปเอาน้ำมาให้นะครับ เจ้าของผมสีเขียวน้ำทะเลเดินหายไปในมุมห้องทันทีที่กล่าวจบ เด็กหนุ่มดันตัวขึ้นนั่งออกอาการเบลอก่อนตั้งสติได้ว่าควรตอบกลับไปว่าอะไร

     

    “ขอบ...คุณครับ....คุณคิเคียว”

     

    “ฮึก เท็ตสึยะ!” บลูเบลพูดด้วยน้ำเสียงพยายามกลั้นน้ำตาเต็มที่ก่อนจะกระโดดโผเข้ากอดจนหลังลงเตียงไปอีกรอบ

     

    “บลูเบล ปล่อยครับ...ผมหายใจไม่ออก” ถึงบอกแบบนั้นแต่เหมือนเธอจะไม่สนใจ แถมยังกอดแน่นกว่าเดิมอีกต่างหาก

     

    “ไม่ปล่อย!!! ไม่เอาแล้ว จะไม่ปล่อยเท็ตสึยะไปไหนอีกแล้ว รู้ไหมพวกเราเป็นห่วงมากแค่ไหนน่ะ ไม่เอาแล้ว” บลูเบลขึ้นเสียงใส่ สัมผัสเปียกชื้นบนบ่าทำให้เขารู้ว่าเธอกำลังร้องไห้ เด็กหนุ่มจนใจยกมือลูบหัวของเธอปลอบโยน

     

    “ตอนนี้ผมไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องร้องนะครับ”

     

    “นี่น้ำครับ” ชายชื่อคิเคียวว่างแก้วน้ำไว้บนโต๊ะข้างเตียงเมื่อเห็นว่าเขาไม่สะดวกที่จะรับแก้วน้ำได้ในขณะนี้

     

    “ขอบคุณครับ....แต่ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ ไม่ใช่ว่าอยู่อิตาลีกันเหรอครับ?”

     

    Kurokos Part

     

    ผมมองคุณคิเคียวที่ยืนอยู่ข้างเตียงอย่างรอคำตอบ ดวงตาสีม่วงของเขายังคงอ่านได้ยากตามเคย นับเป็นหนึ่งในคนที่ผมเดาทางไม่ค่อยออกสักเท่าไหร่

     

    “คนที่พาท่านเท็ตสึยะมาโรงพยาบาลใช้โทรศัพท์ของท่านโทรมาหาน่ะครับ ตอนทราบเรื่องทุกคนแตกตื่นกันใหญ่เลย”

     

    “ใครครับ?”

     

    “เขาบอกว่าเป็นเพื่อนกับท่านเท็ตสึยะ ชื่ออาโอมิเนะ ไดกิ กับ โมโมอิ ซัทสึกิ”

     

    “....” จะว่าไปสองคนนั้นก็ดูเหมือนจะต่างออกไปจากคนอื่น ๆ ผมนึกถึงเพื่อนสองคนที่ยังปฏิบัติกับผมเป็นปกติเหมือนเดิมทั้งต่อหน้าและลับหลังก่อนจะถามต่อ “ผมหมดสติไปกี่วันครับ”

     

    “วันนี้เป็นวันที่สามครับ” เขาตอบก่อนจะเอาดอกไม้ใส่ในแจกัน พอดีกับที่บลูเบลค่อยดันตัวออกเปลี่ยนจากนอนกอดกลายเป็นนั่งแล้วก้มหน้าปาดน้ำตา ผมลุกขึ้นนั่งแต่ขยับได้ไม่สะดวกนักเพราะเธอยังทับขาผมอยู่ เป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่ดีสักเท่าไหร่

     

    “บลูเบ--”

     

    “เท็ตสึยะงี่เง่า...”  เอ๊ะ?...เธอพูดเสียงเบาแต่ด้วยระยะที่ห่างกันไม่มากทำให้ได้ยินชัดเจน บลูเบลทำแก้มป่องใส่ทั้งที่ตายังแดงไม่หายจากการร้องไห้

     

    “เท็ตสึยะคนบ้า! คนงี่เง่า! ไหนบอกว่าอยากใช้ชีวิตแบบเด็กมัธยมปกติเลยขอแยกมาอยู่คนเดียวไม่ต้องเป็นห่วงไง แล้วทำไมหลังจากไม่ได้เจอหน้ากันตั้งห้าปีถึงอยู่ในสภาพนี้ได้เล่า บ้า ๆๆๆๆ !!”

     

    “ขะ ขอโทษ...” เธอใช้มือเล็ก ๆ นั่นทุบอกผมรัว ๆ ถึงจะไม่ได้ใส่แรงอะไรมากก็เถอะ

     

    “พอได้แล้วบลูเบล ท่านเท็ตสึยะเพิ่งฟื้นนะ” คุณคิเคียวไม่พูดเปล่า ร่างของบลูเบลถูกยกขึ้นด้วยมือของเขา

     

    “คิเคียวปล่อยฉันนะ!!” แน่นอนว่าเธอดิ้นพยายามสลัดจากการจับกุมจนกลายเป็นทั้งคู่ทำสงครามกันเสียเอง ดูไปก็คล้ายคนพยายามจับแมวแต่แมวไม่ยอมนั่นแหละ

     

    จนแล้วจนรอดสุดท้ายนางพยาบาลก็เข้ามาในห้องเพราะส่งเสียงดังมากเกินไป พอเห็นว่าผมฟื้นแล้วจึงตามพยาบาลอีกคนมาตรวจอาการต่อก่อนจะออกจากห้องไปหลังเสร็จธุระ

     

    “จะว่าไป ดูเหมือนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะเป็นอุบัติเหตุนะครับ” คิเคียวพูดถึงเหตุรถชนหลังโดนพยาบาลบังคับสงบศึก(ที่เขาแค่ตั้งใจช่วยผม) ส่วนบลูเบลก็เดินกลับมานั่งข้างเตียงแก้มป่อง

     

    “เบรกแตกงั้นเหรอครับ?”

     

    “ตามรูปการก็เป็นแบบนั้นครับ” คุณคิเคียวเว้นช่วงก่อนจะพูดต่อ “มีคนประสบเหตุเช่นเดียวกับท่านสี่คน ไม่มีใครเสียชีวิต แต่ท่านเท็ตสึยะได้รับบาดเจ็บมากที่สุดครับ”

     

    ครืด!!

     

    เสียงประตูห้องถูกเลื่อนออกฉับพลัน พร้อมกับการปรากฏตัวของใครอีกคนที่ไม่ได้เจอหน้ามานาน

     

    “เท็ตจังงง” เจ้าของเสียงตะโกนเรียกอย่างไม่แคร์สถานที่แล้ววิ่งตรงมาหาผมพร้อมกับข้าวของอะไรไม่รู้ในมือ

     

    “พี่เบียคุรัน”

     

    “เท็ตจังเป็นอะไรมากไหม ยังเจ็บอยู่รึเปล่า อยากกินแอปเปิลไหม แล้ว....”

     

    “ใจเย็นครับ ผมไม่เป็นอะไรแล้ว” ผมรีบพูดขัดก่อนที่พี่ชายของผมจะพูดอะไรไปมากกว่านี้ ถ้าให้ฟังจนจบพี่เขานั่นแหละที่จะหมดลมหายใจต้องเข้าโรงพยาบาลอีกคน

     

    “แต่ว่าเท็ตจัง-- โอ๊ย!...พี่เจ็บนะ” ผมใช้สันมือพาดลงบนหัวขาวๆของเขาทันที พี่เอามือกุมหัวแล้วทำหน้าตาน่าสงสาร แต่คนมองไม่รู้สึกสงสารเลยนี่สิ

     

    “นี่ พี่ซื้อของมาเยี่ยม มีของโปรดของเท็ตจังด้วยล่ะ” หลังฟังจบเขาก็ยกของขึ้นมาให้ผมดู

     

    มันคือ วานิลลาเชค

     

    “ขอบคุณครับ” ผมรับแก้วสีขาวมาไว้ในมือก่อนจะจัดการดูดน้ำในแก้ว อร่อยเหมือนเดิมเลย...ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำสีหน้าแบบไหน พี่กับบลูเบลถึงจ้องผมด้วยสายตาแปลก ๆ เหมือนเจอสมบัติล้ำค่า? ส่วนคุณคิเคียวก็ยืนหันหลังให้

     

    เดี๋ยวนะ... ผมชะงักทันทีที่นึกอะไรบางอย่างได้

     

    จริงอยู่ที่มันเป็นเครื่องดื่มโปรดของผม

     

    แต่เขารู้ได้ยังไง?

     

    ตั้งแต่ขึ้นมัธยมคือช่วงเวลาที่ผมเลือกย้ายมาอยู่คนเดียว ห้าปีที่ไม่ได้เจอหน้ากันนอกจากติดต่อทางโทรศัพท์กับอีเมล พี่รู้ได้ยังไงทั้งที่ไม่เคยบอกให้รับรู้ และอีกอย่าง...

     

    ผมเพิ่งเริ่มกินวานิลลาเชคตอนมอต้น

     

    “พี่รู้....”

     

    “อะไรเหรอ?” ราวกับรู้ทัน พี่ชายพูดขึ้นขัดคำถามที่กำลังจะเอ่ยออกไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เขาต้องปิดอะไรไว้แน่ ๆ ถึงไม่รู้วิธีการอย่างน้อยก็รู้แล้วว่าถูกแอบติดตามมาตลอดแน่นอน

     

    “เฮ้อ....” ผมถอนหายใจ แบบนี้ถึงถามไปเขาก็ไม่ยอมตอบง่าย ๆ หรอก

     

    แต่ว่า....

     

    “พี่ครับ”

     

    “อะไรเหรอ เท็ตจัง?” พี่ชายมองหน้าแล้วยิ้มกว้างอย่างทุกที ผมก้มหน้าเงียบก่อนจะพูดสิ่งที่ต้องการออกไป

     

    “ช่วยทำเรื่องย้ายโรงเรียนให้หน่อยได้ไหมครับ?”

     

    .

     

    .

     

    .

     

    Narrators Part

     

    ครืด---

     

    เสียงเลื่อนประตูดังขึ้นอีกครั้ง เบียคุรันเดินออกมาจากห้องผู้ป่วยของน้องชายโดยมีคิเคียวตามหลังมาด้วย พวกเขาเดินออกมาจากหน้าห้องได้สักพักก่อนความเงียบจะถูกทำลายลงโดยคนผมขาว

     

    “คิเคียว ข้อมูลที่ให้หาได้รึยัง”

     

    “แน่นอนครับ ท่านเบียคุรัน” ชายหนุ่มยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลให้ผู้เป็นนายของตน เมื่อคนถามรับไปแล้วเปิดเอกสารอ่านเขาจึงพูดอธิบายสรุปไปด้วย

     

    “คนที่ขับรถชนท่านเท็ตสึยะเป็นชายอายุสามสิบเจ็ดปี ทำอาชีพขนส่งอาหารแช่แข็งครับ ชายคนนั้นได้ให้ปากคำกับตำรวจว่ารถเบรกไม่อยู่ เมื่อตรวจสอบรถยนต์ก็พบว่าสายเบรกขาด ทำให้เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นอุบัติเหตุครับ แต่เมื่อผมลองหาข้อมูลที่ท่านเบียคุรันสงสัยดูแล้ว....” เสียงในตอนท้ายเบาลงจนเงียบไป จะให้พูดต่อมันก็ได้อยู่ แต่ดูจากสีหน้าของคนตรงหน้าแล้ว พอแค่นี้ดีกว่า...

     

    สีหน้าเคร่งเครียดของบอสที่เขาไม่ได้เห็นมานาน

     

    คิเคียวปล่อยให้เบียคุรันเปิดเอกสารไปเรื่อย ๆ ชายหนุ่มจ้องมันอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจยัดใส่ซองเอกสารเช่นเดิมแล้วหันกลับมาพูดกับคนสนิทของตัวเอง

     

    “งั้นเรื่องนี้ฉันฝากนายด้วยล่ะ ได้เรื่องอะไรรีบบอกฉันทันที”

     

    “ครับ”

     

    “แต่ว่านะคิเคียว” คนถูกเรียกยืนฟังเงียบ ๆ รอดูว่าหนุ่มผมขาวคนนี้จะพูดอะไรต่อ

     

    “นายถ่ายไว้สินะ รูปน่ะ” สีหน้าจริงจังเมื่อครู่กลับเป็นปกติแทบจะทันที คนผมเขียวสะดุ้งเหมือนรู้ว่าหมายถึงอะไรก่อนจะหลบหน้าไปอีกทาง

     

    “ผม....”

     

    “ถ้าไม่ส่งมา ฉันจะหักเงินนายนะ” คำขาดของเจ้านายที่ใช้ได้กับลูกน้องทุกคนบนโลกถูกเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงคล้ายล้อเล่น

     

    แต่เขารู้ อีกฝ่ายไม่เล่นอย่างเสียงที่ได้ยินแน่

     

    “จะส่งให้ทันทีเลยครับ” คิเคียวรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาแทบจะทันทีที่พูดจบก่อนกดส่งรูปภาพที่เขาแอบถ่ายมาได้

     

    ภาพของนายน้อยขณะกำลังมีความสุขกับรสชาติเครื่องดื่มของโปรดยังไงล่ะ

     

    เบียคุรันมองภาพของน้องชายที่ถูกส่งมาด้วยรอยยิ้มที่ต่างไปจากเดิม ถึงจะรับรู้การเปลี่ยนแปลงของน้องชายอยู่ตลอดเวลา แต่พอได้เจอกันแล้วมันอดยิ้มไม่ได้จริง ๆ

     

    ไม่ได้เจอหน้าตั้งนานเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ เท็ตสึยะ


    ------------------------------------------

    ก่อนรี 6 หน้า 635 ตัวอักษร VS รีแล้ว  11 หน้า 2143 ตัวอักษร....

    โอ้ ความต่างนี้!

    บทแทบไม่ต่างจากเดิมเพิ่มเติมคือความบราค่อนของท่านเบียที่ส่อออกมาให้เห็นนิด ๆ ----//โดนมังกรขาว(ขนาดมินิ)ปักอก

    บลูเบลถึงกับบ่นและทุบตี(เพราะเป็นห่วงหรอก) และอะไรคือแอบถ่ายรูปน้องเจ้านายแต่สุดท้ายก็ไม่พ้นโดนขู่หักเงิน---

    งืมมม เรนอยากให้เท็ตจังมีความสัมพันธ์พี่น้องกับใครสักคนในKHR แต่ไม่รู้จะผูกกับใคร เลยส่งให้ท่านเบียค่ะ!(เอ๊ะ?)

    เห็นแต่ล่ะฟิคบลูเบลบทน้อยเหลือเกิน บางทีไม่มีบทเลยด้วยซ้ำ ทำไมกัน....เรนคิดว่าบลูเบลออกจะน่ารักแท้ ๆ

    ส่วนตอนต่อไป....ก็เรื่อย ๆ ---- แอ๊ฟ!!//โดนตบ


    Up : 5 Aug 2017

    Re-write : 25 Mar 2018

    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×