คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 1' ไม่เป็นไร [RE]
CHAPTER 1’
กรี๊งงงงง
สัญญาณเตือนภัยดังขึ้นพร้อมกับแสงสีแดงฉาน
ห้องสีขาวบัดนี้เหลือเพียงความมืดมิด
กลิ่นยาที่อบอวลกลับกลายเป็นกลิ่นไหม้จากเปลวเพลิง
เสียงฝีเท้านับสิบหรือร้อยคู่ดังรัวมาจากนอกกระจกกั้น เมื่อมองออกไปด้วยแสงสีแดงของไซเรนที่สาดส่องทำให้เห็นเหล่าคนชุดขาวมากมายกำลังวิ่งชุลมุนไปในทางเดียวกัน
เกิดอะไรขึ้น?
ทำไมถึงทำท่าทางแบบนั้นล่ะ?
ทำไมต้องดิ้นรนขนาดนั้น?
ตูมมม!!
เสียงระเบิดดังมาจากที่ใกล้ ๆ
คาดว่าคงเกิดเรื่องอะไรสักอย่าง แล้วเวลาแบบนี้เขาควรทำเช่นไร?
ร่างเล็กในชุดสีขาวนั่งกอดเข่าหนุนแขนอย่างเงียบ
ๆ ไร้ซึ่งปฏิกิริยาใด ๆ ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
แรงสะเทือนจากที่ไหนสักแห่งส่งผลให้ร่างนั้นโอนเอนไปเล็กน้อย
เส้นผมที่ยาวปรกหน้าปัดไปเผยให้เห็นดวงตาสีฟ้าหม่นแสง
เขากวาดตามองเหล่าคนร่วมห้องที่ทำเพียงอยู่นิ่ง ๆ ไม่ต่างกัน
ทั้งที่นอกห้องกำลังวุ่นวายแท้ๆ....
“พวกเธอ รีบ ๆ ออกมาได้แล้ว เร็วเข้า!!!”
ประตูอัตโนมัติถูกเปิดออกพร้อมกับชายวัยกลางคนในชุดเครื่องแบบเดียวกันกับพวกที่อยู่ด้านนอกวิ่งเข้ามาอย่างร้อนรน
เปรี๊ยะ-
โครม!!
รอยร้าวปรากฏขึ้นเหนือศีรษะเนื่องจากรับภาระไม่ไหวก่อนจะพังลงมา
ทัศนียภาพถูกเปลี่ยนกะทันหันเป็นผลจากเพดานถล่มเมื่อครู่
เลือดอุ่นสีแดงเริ่มไหลออกมาจากบาดแผลเป็นวงกว้าง
ภายใต้ซากปรักหักพังนี้เขาควรทำอะไร? ดวงตาที่เริ่มเลือนรางหุบลงเงียหูฟัง
เสียงพังทลาย
เสียงกรีดร้อง
เสียงเท้ากระทบพื้น
สอดประสานกันคล้ายบทเพลงแห่งความพินาศ
ร้อน.... ปากซีดเอ่ยออกอย่างไร้เสียง
ร่างนี้จะทนได้อีกเท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับเวลา….เริ่มฟังไม่รู้เรื่องแล้วสิ
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่
แสงสีแดงที่เคยส่องผ่านเข้ามาเริ่มหายไป กลิ่นเหม็นไหม้ก็พลอยหายไปด้วย
ไอร้อนกลับกลายเป็นความหนาวเย็น เสียงทุกอย่างค่อยเงียบลงไป
น่าแปลก ลมหายใจนี้ยังไม่ดับไปด้วย
ทำไมกันนะ....
“_______” อะไร? นั่นใคร? พูดว่าอะไร
“_______________” ง่วง...
ซากเบื้องหน้าค่อย ๆ ถูกเลื่อนออก พร้อมกับหนังตาที่เริ่มปิดลง
ความเย็นเหยียบสัมผัสลงที่แก้ม ภาพสุดท้ายที่อยู่เบื้องหน้า.....
คือสีหน้าแตกตื่นของคนผู้หนึ่ง
“ “เท็ตสึยะ!!” ”
!!!
เสียงตะโกนดังซ้อนกับเสียงในความทรงจำที่เลือนราง
ดวงตาสีฟ้าลืมขึ้นอย่างช้า ๆ
ภาพเบลอของคนตรงหน้าซ้อนทับกับใครอีกคน นัยน์ตาปรับตัวจนเริ่มชัดเหลือเพียงเจ้าของเสียงใสอันคุ้นเคย
“บลู...เบล....” น้ำเสียงแหบแห้งกล่าวออกมาอย่างช้า
ๆ
เด็กหนุ่มมองสีหน้าบิดเบี้ยวคล้ายจะร้องไห้ของเด็กสาวด้วยอาการมึนงงก่อนจะจับศีรษะที่มีผ้าสีขาวพันอยู่มองไปรอบสีขาวที่อบอวลไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์
โรงพยาบาล?
เธอซึ่งถูกเรียกว่าบลูเบลกุมมือคนตรงหน้าไว้แน่น
ข้าง ๆ กันนั้นมีใครอีกคนยื่นอยู่ด้วย คนคนนั้นมองเหมือนชะงักอะไรไปก่อนจะส่งยิ้มให้อย่างใจเย็น
“เดี๋ยวผมไปเอาน้ำมาให้นะครับ” เจ้าของผมสีเขียวน้ำทะเลเดินหายไปในมุมห้องทันทีที่กล่าวจบ
เด็กหนุ่มดันตัวขึ้นนั่งออกอาการเบลอก่อนตั้งสติได้ว่าควรตอบกลับไปว่าอะไร
“ขอบ...คุณครับ....คุณคิเคียว”
“ฮึก
เท็ตสึยะ!” บลูเบลพูดด้วยน้ำเสียงพยายามกลั้นน้ำตาเต็มที่ก่อนจะกระโดดโผเข้ากอดจนหลังลงเตียงไปอีกรอบ
“บลูเบล ปล่อยครับ...ผมหายใจไม่ออก” ถึงบอกแบบนั้นแต่เหมือนเธอจะไม่สนใจ
แถมยังกอดแน่นกว่าเดิมอีกต่างหาก
“ไม่ปล่อย!!! ไม่เอาแล้ว
จะไม่ปล่อยเท็ตสึยะไปไหนอีกแล้ว รู้ไหมพวกเราเป็นห่วงมากแค่ไหนน่ะ
ไม่เอาแล้ว” บลูเบลขึ้นเสียงใส่ สัมผัสเปียกชื้นบนบ่าทำให้เขารู้ว่าเธอกำลังร้องไห้
เด็กหนุ่มจนใจยกมือลูบหัวของเธอปลอบโยน
“ตอนนี้ผมไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องร้องนะครับ”
“นี่น้ำครับ” ชายชื่อคิเคียวว่างแก้วน้ำไว้บนโต๊ะข้างเตียงเมื่อเห็นว่าเขาไม่สะดวกที่จะรับแก้วน้ำได้ในขณะนี้
“ขอบคุณครับ....แต่ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ
ไม่ใช่ว่าอยู่อิตาลีกันเหรอครับ?”
Kuroko’s Part
ผมมองคุณคิเคียวที่ยืนอยู่ข้างเตียงอย่างรอคำตอบ
ดวงตาสีม่วงของเขายังคงอ่านได้ยากตามเคย
นับเป็นหนึ่งในคนที่ผมเดาทางไม่ค่อยออกสักเท่าไหร่
“คนที่พาท่านเท็ตสึยะมาโรงพยาบาลใช้โทรศัพท์ของท่านโทรมาหาน่ะครับ
ตอนทราบเรื่องทุกคนแตกตื่นกันใหญ่เลย”
“ใครครับ?”
“เขาบอกว่าเป็นเพื่อนกับท่านเท็ตสึยะ
ชื่ออาโอมิเนะ ไดกิ กับ โมโมอิ ซัทสึกิ”
“....”
จะว่าไปสองคนนั้นก็ดูเหมือนจะต่างออกไปจากคนอื่น ๆ …ผมนึกถึงเพื่อนสองคนที่ยังปฏิบัติกับผมเป็นปกติเหมือนเดิมทั้งต่อหน้าและลับหลังก่อนจะถามต่อ “ผมหมดสติไปกี่วันครับ”
“วันนี้เป็นวันที่สามครับ” เขาตอบก่อนจะเอาดอกไม้ใส่ในแจกัน
พอดีกับที่บลูเบลค่อยดันตัวออกเปลี่ยนจากนอนกอดกลายเป็นนั่งแล้วก้มหน้าปาดน้ำตา
ผมลุกขึ้นนั่งแต่ขยับได้ไม่สะดวกนักเพราะเธอยังทับขาผมอยู่
เป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่ดีสักเท่าไหร่
“บลูเบ--”
“เท็ตสึยะงี่เง่า...”
เอ๊ะ?...เธอพูดเสียงเบาแต่ด้วยระยะที่ห่างกันไม่มากทำให้ได้ยินชัดเจน
บลูเบลทำแก้มป่องใส่ทั้งที่ตายังแดงไม่หายจากการร้องไห้
“เท็ตสึยะคนบ้า! คนงี่เง่า!
ไหนบอกว่าอยากใช้ชีวิตแบบเด็กมัธยมปกติเลยขอแยกมาอยู่คนเดียวไม่ต้องเป็นห่วงไง
แล้วทำไมหลังจากไม่ได้เจอหน้ากันตั้งห้าปีถึงอยู่ในสภาพนี้ได้เล่า บ้า ๆๆๆๆ !!”
“ขะ ขอโทษ...” เธอใช้มือเล็ก ๆ นั่นทุบอกผมรัว ๆ
ถึงจะไม่ได้ใส่แรงอะไรมากก็เถอะ
“พอได้แล้วบลูเบล ท่านเท็ตสึยะเพิ่งฟื้นนะ”
คุณคิเคียวไม่พูดเปล่า ร่างของบลูเบลถูกยกขึ้นด้วยมือของเขา
“คิเคียวปล่อยฉันนะ!!”
แน่นอนว่าเธอดิ้นพยายามสลัดจากการจับกุมจนกลายเป็นทั้งคู่ทำสงครามกันเสียเอง
ดูไปก็คล้ายคนพยายามจับแมวแต่แมวไม่ยอมนั่นแหละ
จนแล้วจนรอดสุดท้ายนางพยาบาลก็เข้ามาในห้องเพราะส่งเสียงดังมากเกินไป
พอเห็นว่าผมฟื้นแล้วจึงตามพยาบาลอีกคนมาตรวจอาการต่อก่อนจะออกจากห้องไปหลังเสร็จธุระ
“จะว่าไป ดูเหมือนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะเป็นอุบัติเหตุนะครับ”
คิเคียวพูดถึงเหตุรถชนหลังโดนพยาบาลบังคับสงบศึก(ที่เขาแค่ตั้งใจช่วยผม)
ส่วนบลูเบลก็เดินกลับมานั่งข้างเตียงแก้มป่อง
“เบรกแตกงั้นเหรอครับ?”
“ตามรูปการก็เป็นแบบนั้นครับ”
คุณคิเคียวเว้นช่วงก่อนจะพูดต่อ “มีคนประสบเหตุเช่นเดียวกับท่านสี่คน
ไม่มีใครเสียชีวิต แต่ท่านเท็ตสึยะได้รับบาดเจ็บมากที่สุดครับ”
ครืด!!
เสียงประตูห้องถูกเลื่อนออกฉับพลัน
พร้อมกับการปรากฏตัวของใครอีกคนที่ไม่ได้เจอหน้ามานาน
“เท็ตจังงง” เจ้าของเสียงตะโกนเรียกอย่างไม่แคร์สถานที่แล้ววิ่งตรงมาหาผมพร้อมกับข้าวของอะไรไม่รู้ในมือ
“พี่เบียคุรัน”
“เท็ตจังเป็นอะไรมากไหม ยังเจ็บอยู่รึเปล่า
อยากกินแอปเปิลไหม แล้ว....”
“ใจเย็นครับ ผมไม่เป็นอะไรแล้ว” ผมรีบพูดขัดก่อนที่พี่ชายของผมจะพูดอะไรไปมากกว่านี้
ถ้าให้ฟังจนจบพี่เขานั่นแหละที่จะหมดลมหายใจต้องเข้าโรงพยาบาลอีกคน
“แต่ว่าเท็ตจัง-- โอ๊ย!...พี่เจ็บนะ” ผมใช้สันมือพาดลงบนหัวขาวๆของเขาทันที
พี่เอามือกุมหัวแล้วทำหน้าตาน่าสงสาร แต่คนมองไม่รู้สึกสงสารเลยนี่สิ
“นี่ พี่ซื้อของมาเยี่ยม
มีของโปรดของเท็ตจังด้วยล่ะ” หลังฟังจบเขาก็ยกของขึ้นมาให้ผมดู
มันคือ วานิลลาเชค
“ขอบคุณครับ”
ผมรับแก้วสีขาวมาไว้ในมือก่อนจะจัดการดูดน้ำในแก้ว
อร่อยเหมือนเดิมเลย...ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำสีหน้าแบบไหน พี่กับบลูเบลถึงจ้องผมด้วยสายตาแปลก
ๆ เหมือนเจอสมบัติล้ำค่า? ส่วนคุณคิเคียวก็ยืนหันหลังให้
เดี๋ยวนะ... ผมชะงักทันทีที่นึกอะไรบางอย่างได้
จริงอยู่ที่มันเป็นเครื่องดื่มโปรดของผม
แต่เขารู้ได้ยังไง?
ตั้งแต่ขึ้นมัธยมคือช่วงเวลาที่ผมเลือกย้ายมาอยู่คนเดียว
ห้าปีที่ไม่ได้เจอหน้ากันนอกจากติดต่อทางโทรศัพท์กับอีเมล
พี่รู้ได้ยังไงทั้งที่ไม่เคยบอกให้รับรู้ และอีกอย่าง...
ผมเพิ่งเริ่มกินวานิลลาเชคตอนมอต้น
“พี่รู้....”
“อะไรเหรอ?” ราวกับรู้ทัน
พี่ชายพูดขึ้นขัดคำถามที่กำลังจะเอ่ยออกไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เขาต้องปิดอะไรไว้แน่
ๆ ถึงไม่รู้วิธีการอย่างน้อยก็รู้แล้วว่าถูกแอบติดตามมาตลอดแน่นอน
“เฮ้อ....” ผมถอนหายใจ
แบบนี้ถึงถามไปเขาก็ไม่ยอมตอบง่าย ๆ หรอก
แต่ว่า....
“พี่ครับ”
“อะไรเหรอ
เท็ตจัง?” พี่ชายมองหน้าแล้วยิ้มกว้างอย่างทุกที ผมก้มหน้าเงียบก่อนจะพูดสิ่งที่ต้องการออกไป
“ช่วยทำเรื่องย้ายโรงเรียนให้หน่อยได้ไหมครับ?”
.
.
.
Narrator’s Part
ครืด---
เสียงเลื่อนประตูดังขึ้นอีกครั้ง
เบียคุรันเดินออกมาจากห้องผู้ป่วยของน้องชายโดยมีคิเคียวตามหลังมาด้วย
พวกเขาเดินออกมาจากหน้าห้องได้สักพักก่อนความเงียบจะถูกทำลายลงโดยคนผมขาว
“คิเคียว ข้อมูลที่ให้หาได้รึยัง”
“แน่นอนครับ ท่านเบียคุรัน”
ชายหนุ่มยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลให้ผู้เป็นนายของตน เมื่อคนถามรับไปแล้วเปิดเอกสารอ่านเขาจึงพูดอธิบายสรุปไปด้วย
“คนที่ขับรถชนท่านเท็ตสึยะเป็นชายอายุสามสิบเจ็ดปี
ทำอาชีพขนส่งอาหารแช่แข็งครับ ชายคนนั้นได้ให้ปากคำกับตำรวจว่ารถเบรกไม่อยู่
เมื่อตรวจสอบรถยนต์ก็พบว่าสายเบรกขาด ทำให้เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นอุบัติเหตุครับ แต่เมื่อผมลองหาข้อมูลที่ท่านเบียคุรันสงสัยดูแล้ว....”
เสียงในตอนท้ายเบาลงจนเงียบไป จะให้พูดต่อมันก็ได้อยู่ แต่ดูจากสีหน้าของคนตรงหน้าแล้ว
พอแค่นี้ดีกว่า...
สีหน้าเคร่งเครียดของบอสที่เขาไม่ได้เห็นมานาน
คิเคียวปล่อยให้เบียคุรันเปิดเอกสารไปเรื่อย ๆ
ชายหนุ่มจ้องมันอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจยัดใส่ซองเอกสารเช่นเดิมแล้วหันกลับมาพูดกับคนสนิทของตัวเอง
“งั้นเรื่องนี้ฉันฝากนายด้วยล่ะ
ได้เรื่องอะไรรีบบอกฉันทันที”
“ครับ”
“แต่ว่านะคิเคียว” คนถูกเรียกยืนฟังเงียบ ๆ
รอดูว่าหนุ่มผมขาวคนนี้จะพูดอะไรต่อ
“นายถ่ายไว้สินะ รูปน่ะ”
สีหน้าจริงจังเมื่อครู่กลับเป็นปกติแทบจะทันที
คนผมเขียวสะดุ้งเหมือนรู้ว่าหมายถึงอะไรก่อนจะหลบหน้าไปอีกทาง
“ผม....”
“ถ้าไม่ส่งมา ฉันจะหักเงินนายนะ”
คำขาดของเจ้านายที่ใช้ได้กับลูกน้องทุกคนบนโลกถูกเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงคล้ายล้อเล่น
แต่เขารู้ อีกฝ่ายไม่เล่นอย่างเสียงที่ได้ยินแน่ ๆ
“จะส่งให้ทันทีเลยครับ”
คิเคียวรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาแทบจะทันทีที่พูดจบก่อนกดส่งรูปภาพที่เขาแอบถ่ายมาได้
ภาพของนายน้อยขณะกำลังมีความสุขกับรสชาติเครื่องดื่มของโปรดยังไงล่ะ
เบียคุรันมองภาพของน้องชายที่ถูกส่งมาด้วยรอยยิ้มที่ต่างไปจากเดิม
ถึงจะรับรู้การเปลี่ยนแปลงของน้องชายอยู่ตลอดเวลา
แต่พอได้เจอกันแล้วมันอดยิ้มไม่ได้จริง ๆ
ไม่ได้เจอหน้าตั้งนานเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ เท็ตสึยะ
------------------------------------------
ก่อนรี 6 หน้า 635 ตัวอักษร VS รีแล้ว 11 หน้า 2143 ตัวอักษร....
โอ้ ความต่างนี้!
บทแทบไม่ต่างจากเดิมเพิ่มเติมคือความบราค่อนของท่านเบียที่ส่อออกมาให้เห็นนิด ๆ ----//โดนมังกรขาว(ขนาดมินิ)ปักอก
บลูเบลถึงกับบ่นและทุบตี(เพราะเป็นห่วงหรอก) และอะไรคือแอบถ่ายรูปน้องเจ้านายแต่สุดท้ายก็ไม่พ้นโดนขู่หักเงิน---
งืมมม เรนอยากให้เท็ตจังมีความสัมพันธ์พี่น้องกับใครสักคนในKHR แต่ไม่รู้จะผูกกับใคร เลยส่งให้ท่านเบียค่ะ!(เอ๊ะ?)
เห็นแต่ล่ะฟิคบลูเบลบทน้อยเหลือเกิน บางทีไม่มีบทเลยด้วยซ้ำ ทำไมกัน....เรนคิดว่าบลูเบลออกจะน่ารักแท้ ๆ
ส่วนตอนต่อไป....ก็เรื่อย ๆ ---- แอ๊ฟ!!//โดนตบ
Up : 5 Aug 2017
Re-write : 25 Mar 2018
ความคิดเห็น