ตอนที่ 2 : Different : 02 พบเจอ
เสียงนาฬิกาปลุกเรือนละแสนแปดที่สั่งทำจากอักฤษของผมดังขึ้น มือยาวค่อยๆเอื้อมไปกดปุ่มเพื่อปิดอย่างผิดๆถูกๆ ผมลุกขึ้นนั่งบนเตียงก่อนที่จะบิดตัวเล็กน้อยเพื่อไล่ความขี้เกียจออกไปในเช้าวันนี้
เสื้อสีดำตัวบางตัดกับสีผิวขาวของผมค่อยๆถูกถอดออกอย่างช้าๆด้วยความขี้เกียจ ท้องแกร่งเป็นลอนเผยให้เห็นในกระจกบานใหญ่ ผมหยิบผ้าเช็ดตัวก่อนที่จะเดินดุ่มๆไปที่ห้องน้ำทั้งๆที่ตาของผมทั้งสองข้างนั้นยังไม่เปิดเลยด้วยซ้ำ
ผมสวมใส่ชุดมหาลัยโดยที่ไม่ลืมแว่นหนาที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของผมที่ผมเอาไปตั้งไว้ตรงนั้นตั่งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ผมยืนเช็คความเรียบร้อยของตัวเองที่หน้ากระจกบานใหญ่สักพักก่อนที่จะคิดอะไรเรื่อยเปื่อยกับตัวเอง
ผมยืนมองตัวเองในสภาพที่ดูเหมือนคนไม่มีตัวตนในสังคมและคิดเสมอว่าผมทนกับเรื่องบ้าๆนี้ได้ยังไงในเมื่อแต่ก่อนผมเป็นคนที่มีสังคมกว้างขว้าง ผมถูกเลี้ยงมาในสังคมที่ใส่หน้ากากเข้าหากันเสมอจนวันนึงผมได้รับรู้ว่าสังคมที่ผมใช้ชีวิตอยู่นั้นมันเป็นเพียงแค่สังคมจอมปลอมที่พวกคนรวยสร้างมันมาเพื่อเข้าหากันทางธุระกิจก็เท่านั้น
ครืด.. ครืด.. ครืด.. ครืด..
โทรศัพท์รุ่นเก่าราคาพันกว่าบาทที่ผมใช้เอาไปมหาลัยสั่นเพื่อแจ้งเตือนข้อความทำให้ผมได้สติและมองดูตัวเองอีกครั้ง ผมหยิบกระเป๋าเป้สีดำขึ้นมาสะพายก่อนที่จะเดินออกจากห้องไปโดนไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
วันนี้ผมนั่งรถแท็กซี่ออกจากคอนโดเพื่อไปมหาลัยเพราะรถของผมถูกส่งล้างอยู่ ถ้าไอ้ซองอูไม่ชวนผมไปผับของมันวันนี้นะผมคงไม่ต้องมาใช้ชีวิตลำบากหารถแท็กซี่ขนาดนี้หรอก
"จอดตรงนี้แหละครับ"ผมจ่ายค่าโดยสารก่อนที่จะก้าวขายาวลงจากรถแท็กซี่และเดินเข้ามหาลัยตามปกติ
ระหว่างทางที่ผมเดินไปคณะของผม ผมเห็นเด็กผู้ชายรูปร่างคุ้นตากำลังเดินกับชายหนุ่มรูปร่างดีคนนึง รอยยิ้มที่หาไม่ได้จากที่ไหนกำลังเผยให้ชายหนุ่มนั่นเห็น ส่วนอีกฝ่ายใช้มือยาวลูบไลผมของเด็กหนุ่มคนนั้นอย่างเบามือ นี่มันในมหาลัยเลยนะ จะทำอะไรก็หัดเกรงใจคนอื่นกันหน่อยน่าเกลียดชะมัด ผมเพียงได้แต่ยืนมองและคิดในใจเท่านั้น ปกติผมเห็นใครต่อใครยืนจูบกันก็เคยเห็นมาแล้วแต่ทำไมเพียงแค่ผมเจอแค่นี้ผมต้องทนไม่ได้ด้วย ช่วงนี้หงุดหงิดอะไรไม่เข้าเรื่องเลยไอ้ควานลิน
ผมสูดลมหายใจเข้าช้าๆเพื่อเรียกอารมณ์ให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมก่อนที่หัวสมองจะนึกบุคคลที่คุ้นตา ถ้าผมจำไม่ผิดเด็กคนนั้นก็คงจะเป็นจีฮุนสินะ ส่วนผู้ชายคนนั้นผมคุ้นหน้าเหลือเกินแต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าผมเคยเจอเขาที่ไหนมาก่อน พอผมนึกได้ว่าใครผมก็กลับมาหงุดหงิดอีกรอบทำไมผมต้องมาเสียอารมณ์กับเด็กคนนี้ด้วยในเมื่อเราพึ่งรู้จักเด็กคนนี้เองด้วยซ้ำ
ผมมุ่งหน้าเดินต่อไปโดยไม่สนใจเหตุการณ์ตรงหน้าแต่อย่างใดและไม่สนใจสายตาจากผู้คนที่ต่างมองจ้องผมเลย
.
.
.
.
"ไอ้แว่นมาแล้วหรอว่ะ"กลุ่มคนอัธพาลประจำมหาลัยรวมตัวยืนเรียงอยู่ข้างหน้าผม ผมปลายสายตามองพวกมันด้วยความเรียบเฉย มือของผมทำตามหน้าที่ที่ผมทำเป็นประจำตั้งแต่ผมอยู่มหาลัยนี้ใหม่ๆ
ผมค่อยๆเปิดกระเป๋าตังค์หนังใบสวยก่อนที่จะหยิบธนบัตรสีเทาให้พวกสวะพวกนี้
"ถอยไปได้ล่ะ"ผมเดินออกไปจากพวกมันที่กำลังยืนมองแบงค์สีเทาหลายใบในมือและยิ้มให้กับเศษเงินของผม รอยยิ้มของผมเผยขึ้นช้าๆรอยยิ้มที่ผมยิ้มให้พวกชั้นต่ำ
ก็แน่อยู่แล้วแหละ เงินมันซื้อได้ทุกอย่างแม้กระทั่ง'เพื่อน'
.
.
.
.
หลังเลิกเรียน
ครืด.. ครืด.. ครืด..
"ว่าไง"ผมพูดทักทายคนสนิทในสายโทรศัพท์
[มึงเตรียมตัวยังให้กูไปรับได้นะ]
"เหอะยังกูไปเองได้มีรถขับ"
[รีบๆมานะมึงกูมีเรื่องสำคัญจะบอกมึง]
"รีบอะไรหนักหนาวะไอ้อง ซองอูแล้วธุระที่มึงว่าบอกกูตอนนี้ไม่ได้หรอวะ"
[ไม่ต้องเรียกกูเต็มขนาดนั้นก็ได้เอาเป็นว่ากูต้องคุยกับมึงตัวต่อตัว]
"เออๆเดี๋ยวกูรีบไปแค่นี้นะ"สายถูกตัดไปก่อนที่ผมจะรีบก้าวเท้ายาวโบกรถแท็กซี่กลับคอนโด
.
.
.
.
เสื้อแบรนด์ดังถูกสวมใส่ ผมแต่งตัวสบายๆตามพวกผู้ดีเขาใส่กัน ผมยืนเลือกรองเท้าสักพักเพราะผมเป็นคนเรื่องมากกับการใส่รองเท้าออกไปเที่ยวมากๆแต่ในที่สุดผมก็เลือกรองเท้าได้สำเร็จก่อนที่จะเอื้อมมือไปคว้ากุญแจรถที่ผมพึ่งส่งไปล้างเสร็จ
.
.
.
.
"คุณควานลินทางนี้ครับ"การ์ดรูปร่างบึกบึนผายมือไปทางโซนวีไอพีของผับแห่งนี้ ที่นั่งที่ดีที่สุดที่อยู่ชั้นบนมีคนนั่งหน้าเสร่ออยู่นั่นคือไอ้ซองอู
"แม่มๆหล่อนะเราหน่ะ ไม่มาชาติหน้าเลยล่ะมึง"มาถึงไอ้ซองอูก็ปากหมาเลยครับ
"กูมาก็บุญละปะ"ผมตอบกลับจนอีกฝ่ายไปไม่เป็นเลยทีเดียวแถมวางตัวไม่ถูกอีก
"มึงมีเรื่องอะไรจะบอกกูวะ"ผมไม่รอช้ารีบเร่งรัดให้มันบอกเรื่องสำคัญที่มันต้องการจะบอกผม
"มึงจะรีบไปไหนวะ พึ่งมาเหนื่อยๆดื่มหน่อยดิ"มันพูดพร้อมกวักมือเรียกเด็กเสริฟสั่งเครื่องดื่ม ซึ่งผมก็ไม่อยากจะขัดประสงค์มันหรอกนะเลยให้มันสั่งๆไปแต่ผมต้องการเรื่องที่มันจะเล่ามากกว่าเครื่องดื่มน่ะสิ
"เออกูรีบ กูจะไปนอน"ที่จริงผมไม่ได้ง่วงนะครับผมแค่เริ่มรำคาญความลีลาของมันเท่านั้น
"ผับกูมีห้องนอนนะนอนที่นี่ก็ได้ เพื่อนกันพักฟรี"มันพูดพร้อมทำหน้าตากวนตีนตามสไตล์ของซองอูคนเก๋าที่อยากจะล่อตีน
"มึงมีอะไรจะบอกกูก็รีบบอกเถอะ กูเริ่มจะรำคาญมึงแล้ว"ผมพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจซึ่งมันก็รู้ดีว่าผมเป็นคนที่ไม่ชอบยึดติดอะไรนานๆและก็ไม่ชอบการรอคอย
"เออหน่ากูบอกมึงก็ได้"ในที่สุดประธานก็มาถึงได้เวลาตัดริบบิ้นให้มันพูดแล้ว
"เร็วๆด้วยกูอารมณ์ไม่ดีอยู่"ผมพูดดักมันเผื่อมันจะลีลากับผมอีกรอบ
"เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดของมึงกลับประเทศมาแล้วว่ะ"พอมันพูดแบบนั้นผมก็คิดได้เลยว่ามันคือใครโดยไม่ต้องเอ่ยใบ้ชื่ออะไรสักนิด คนที่ผมไม่มีวันลืมมันแล้วก็ไม่มีวันที่จะให้อภัยมันด้วยซ้ำ
"ไอ้แดเนียลหน่ะหรอ"ผมทำหน้าเรียบเฉยซึ่งขัดกับอีกฝ่ายที่ดูจะเล่นอะไรใหญ่กว่าผม
"ก็ใช่นะสิวะ มันกลับมาแล้วนะมึงมันพึ่งเรียนจบจากอังกฤษนี่เอง ได้ข่าวว่าตอนนี้มันฮอตมากในวงการบังเทิงตอนนี้ด้วย"ซองอูพูดหน้าตาตื่นเต้น อารมณ์ไหนของมันกันแน่นะ
"แล้วไงวะใครสนคนเลวๆแบบมัน"ผมยังคงเรียบเฉยกับสิ่งที่มันพูด ทำไมผมต้องมาสนใจเรื่องไร้สาระของคนไม่จำเป็นด้วย
"แล้วมึงจะใช้ชีวิตปิดบังตัวเองอีกนานเท่าไหร่วะ ทำไมมึงไม่ออกไปไฟว้กับมันเลยอ่ะ หายหน้าหายตาออกจากวงการไปนานแล้วนะมึงอ่ะ"เสียงอีกฝ่ายเริ่มหึกเหิม
"แล้วทำไมกูต้องเปิดเผยตัวเองด้วยวะในเมื่อกูไม่ต้องการอะไรแล้ว"ผมตอบกลับอีกฝ่ายซึ่งท่าทียังคงหึกเหิมอยู่
"มึงนั่งอุดหัวปิดบังตัวเองแบบนี้ไม่กลัวมันเอาของที่มึงรักไปอีกหรอวะ มึงยังไม่จำอีกหรอไอ้หลิน"เสียงคนหัวร้อนเอ่ยดัง ผมรู้นิสัยมันดีว่ามันเป็นคนหัวร้อนกับเรื่องไร้สาระแล้วก็ใช้ชีวิตไร้สาระไปวันๆ
"ก็แม่งเลือกไปหามันเองจะให้กูยื้อเพื่อไรวะ ยื้อไปแม่งก็มีแต่เจ็บไม่ใช่หรอวะ"ผมคิดแล้วก็หัวร้อนกับแฟนเก่าของผมที่ไอ้แดเนียลแย่งควงไปอย่างหน้าด้านๆก่อนที่จะบอกเลิกกับแฟนเก่าผมแล้วบินไปเรียนต่อที่อังกฤษ
.
.
.
.
มันไม่ได้ทำกับผมแค่นี้หรอกนะ แต่มันมากกว่านั้นอีก
"กูแค่เตือนมึง ถ้าวันไหนมันเอาของของมึงไปอีกรอบมึงก็อย่ามาเสียใจอีกก็แล้วกัน"ซองอูพูดพร้อมตบไหล่ผมเบาๆ
"มันต้องไม่มีรอบสองอยู่แล้วแหละ"ผมเผยยิ้มหน้านิ่งก่อนที่จะเพ่งสายตาไปให้ความสนใจกับเรื่องอื่นแทน
"แล้วเมื่อไหร่มึงจะเลิกเล่นอะไรงี่เง่าด้วยวะ"มันเริ่มวกมาที่คำถามเดิมๆของมัน
"ถ้ากูเจอคนที่ใช่"มือเรียวเสยผมก่อนที่จะหันไปมองหน้ามันอย่างกวนตีน
.
.
.
.
"ได้แล้วครับ"ผมหันไปมองเสียงหวานที่นั่งชงเหล้าอยู่แต่เมื่อเจ้าตัวชงเหล้าเสร็จก็รีบลุกขึ้นถือถาดสีเงินเตรียมก้าวออกไป
"เดี๋ยวก่อน"ผมยื้อรั้งคนที่กำลังเดินจากไป
ใบหน้าหวานหันมาสบกับผม ผมมองใบหน้าหวานด้วยความคุ้นชินแน่นอนว่าคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนไกลนั่นคือ พัคจีฮุน
แต่ดูเหมือนว่าจีฮุนจะจำไลควานลินคนใหม่ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ งั้นก็ดีแล้วแหละ
รอยยิ้มหวานผุดออกมาให้ผม ผมมองมันด้วยความคลั่งไคล้ รอยยิ้มที่ผมอยากได้มันมาครอบครอง ผมหาเหตุผลต่างๆนาๆมาบอกอ้างไม่ได้เลยว่ารอยยิ้มนี้เหมือนยาสเน่ห์ที่ปรุงแต่งมาล่อให้คนตกหลุมรักมัน
"มานั่งข้างฉันทีดิ"ผมกวักมือเรียกเด็กเสริฟหน้าหวานที่ตอนนี้กำลังยืนทำหน้ามึนหันซ้านหันขวาอยู่
เด็กเสริฟในร้านของไอ้องใส่ชุดเครื่องแบบที่ไม่เหมือนผับที่ไหน การที่ใส่ชุดตามสบายทำให้เด็กเสริฟในร้านนี้ดูไม่ด้อยหรือไร้ค่าแต่เพียงแค่เด็กเสริฟจะมีผ้าพันคอสีกับถาดเงินเท่านั้น
"ระ เรียกผมหรอครับ"จีฮุนยืนชี้ตัวเองก่อนที่จะนั่งตามที่ผมบอก ทำไมเด็กคนนี้ถึงซื่อได้ขนาดนี้กันนะ จะรู้มั้ยถ้านั่งแบบนี้หมายถึงอะไร
"นายเป็นโฮสต์หรอ"ผมแหย่ถามคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆผม
"ฮะโฮสต์คือไรครับ ผมพึ่งทำงานวันนี้วันแรกเลยไม่รู้อะไรเท่าไหร่หน่ะครับ"เสียงหวานตะกุกตะกักเล็กน้อย ทำไมก่อนที่จะทำงานไม่รู้จักถามให้เรียบร้อยก่อนนะ
ผับของไอ้องมันอันตรายแค่ไหนใครๆก็รู้ดีเพราะที่นี่ไม่ใช่ผับธรรมดาแต่เป็นผับที่มีโฮสต์บริการด้วย
"เด็กนั่นพึ่งมาเริ่มงานวันแรกไม่รู้เรื่องอะไรหรอก ใช่มั้ยครับจีฮุน"เสียงสองของไอ้องทำให้ผมอยากจะเอาน้ำแข็งปาใส่มัน เสียงเต๊าะเชียวนะมึง
จีฮุนพยักหน้าหงึกหงักเป็นคำตอบให้กับผม ผมเพียงแค่มองร่างเล็กที่นั่งตัวสั่นเทาอยู่ข้างๆผม
ไม่รู้จะกลัวอะไรกันหนักหนา
'คัง แดเนียล'
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

รอลุ้นต่อไปค่าา คิดว่าคุณแดนต้องร้านแน่เลย