ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    นิทานเวตาล!!!

    ลำดับตอนที่ #12 : ปลายเรื่อง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.07K
      1
      24 ธ.ค. 49

       เมื่อพระวิกรมาทิตย์ทรงนิ่งอึ้งมิได้ออกพระโอษฐ์ตรัสประการใด ดังนั้นเวตาลก็แสดงวาจาอาการประหลาดใจเป็นที่สุด กล่าวชมว่าทรงตั้งมั่นพระหฤทัยดีนัก พระปัญญาราวกับเทวดาแลมนุษย์อื่นที่มีปัญญา จะหามนุษย์เสมอมิได้ แต่ถึงเวตาลจะเห็นแล้วว่าพระราชาตั้งพระหฤทัยจะไม่รับสั่ง ก็ยังไม่ยอมสนิท ยังกล่าวยั่วโดยเพียรจะให้รับสั่งให้จงได้ เวตาลกล่าวว่า

                       "ข้าพเจ้าขอถวายพระพรให้ทรงรับความสำราญ เป็นผลแห่งการที่ทรงนิ่งครั้งนี้ พระองค์ได้ทรงเพียรมาหลายครั้งแล้วที่จะห้ามความช่างพูดในพระองค์ แต่ก็ไม่สำเร็จ ข้าพเจ้าจะไม่ทูลถามว่าการที่ทรงระงับความช่างพูดนั้น เป็นด้วยความถ่อมพระองค์ แลความสามารถกุมพระสติไว้ได้ หรือเป็นด้วยความโง่แลไม่สามารถเท่านั้นเอง
                    การที่ข้าพเจ้าไม่ทูลถามว่า ไม่ทรงตอบเพราะเหตุไรนั้น ก็เพราะข้าพเจ้าต้องการจะไว้พระพักตร์ แลพระองค์ก็คงจะทรงทราบแล้วว่า ข้าพเจ้าสงสัยว่าไม่ทรงตอบเพราะพระปัญญาทึบ ไม่ทรงทราบว่าจะตอบว่ากระไร หาใช่เป็นด้วยมีพระปัญญาจะตอบได้ถูกต้อง แต่ไม่ทรงตอบเพราะกุมพระสติไว้ได้ไม่ การที่ไม่ทรงตอบปัญหาครั้งนี้ ก็กล่าวได้ว่าเป็นด้วยทรงเชื่อคำแนะนำของข้าพเจ้า แลข้าพเจ้ามีความปลื้มที่ทรงเชื่อคำสั่งสอนของเวตาลจึงไม่ทูลซักถามว่า ทรงเชื่อเพราะความฉลาดกุมสติไว้ได้ หรือเป็นเพราะโง่ไม่รู้จะตอบว่ากระไร แลความไม่ตอบก็เป็นความเชื่อคำสั่งสอนของข้าพเจ้าไปในตัว"

                       พระวิกรมาทิตย์ทรงกัดริมพระโอษฐ์เพื่อจะห้ามพระองค์เองมิให้ตรัส แลก็ห้ามไว้ได้ เวตาลกล่าวต่อไปว่า
                       "เมื่อพระองค์ทรงรู้สึกความทึบแห่งพระปัญญา แลได้รับทุกข์คืออัดอั้นตันพระหฤทัยถึงเพียงนี้แล้ว ข้าพเจ้าก็เกิดสงสาร จึงยอมระงับความมุ่งหมายซึ่งมีมาแต่ในเบื้องต้นว่า จะทำให้ทรงดำเนินทวนไปทวนมาจนสิ้นพระชนม์ลงในระหว่างทางเพื่อข้าพเจ้าจะได้มีโอกาสสละศพที่สิงอยู่เดี๋ยวนี้ เข้าสิงศพพระราชาลองดูว่ามีรสชาติเป็นอย่างไรบ้าง อนึ่งข้าพเจ้าได้ถวายสัญญาไว้แต่ในชั้นเดิมว่าจะถวายประโยชน์อย่างหนึ่งซึ่งไม่มีใครอื่นจะถวายได้ แต่ก่อนที่จะถวายนั้น ข้าพเจ้าขอทูลถามว่า พระองค์จะทรงขยับย่ามให้ข้าพเจ้าหายใจสะดวกขึ้นอีกหน่อยจะได้หรือไม่"
                       พระธรรมธวัชพระราชบุตรได้ยินเวตาลทูลถามดังนั้น ก็จับแขนเสื้อทรงพระราชบิดากระตุกเพื่อจะเตือนให้รู้พระองค์ มิให้ตรัสตอบเวตาล แต่พระราชบิดารู้สึกพระองค์อยู่แล้ว แม้ใครจะเอาม้ามาลากหลายคู่ก็ไม่ฉุดให้พระวาจาออกจากพระโอษฐ์ได้
                       ฝ่ายเวตาลเมื่อเห็นพระราชาทรงนิ่งอยู่ดังนั้นก็กล่าวต่อไปว่า
                       "ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นใหญ่ในหมู่นักรบ พระองค์จงรำลึกถึงคำซึ่งอสูรปัถพีบาลได้ทูลไว้ว่า ผู้ใดมุ่งจะฆ่าชีวิตพระองค์ๆ อาจตัดหัวผู้นั้นเสียก่อนได้โดยคลองธรรม แลในการข้างหน้าซึ่งจะเป็นไปตั้งแต่บัดนี้ พระองค์พึงปฏิบัติตามคำที่อสูรกล่าวนั้น ส่วนพ่อค้าพลอยซึ่งถวายทับทิมแก่พระองค์เป็นอันมาก แลโยคีชื่อศานติศีลซึ่งกระทำพิธีอยู่ที่ป่าช้าริมฝั่งแม่น้ำโคทาวรีนั้น คือคน ๆ เดียวกัน แลมิใช่ใครอื่น คือโยคีซึ่งพระราชบิดาแห่งพระองค์ได้กระทำเหตุให้โกรธ แลมาดหมายจะแก้แค้นเป็นเวรกันอยู่จนบัดนี้ ส่วนข้าพเจ้าผู้เป็นลูกพ่อค้าน้ำมันนั้น โยคีกลัวว่าจะกระทำการกีดกั้นความเป็นใหญ่ในโลกของเขา จึงฆ่าข้าพเจ้าเสียด้วยอำนาจตบะแลพาศพข้าพเจ้ามาแขวนห้อยหัวไว้ที่ต้นอโศกเป็นเครื่องล่อลวงพระองค์"

                       "โยคีนั้นเป็นผู้ใช้ให้พระองค์มาปลดข้าพเจ้าแบกไปให้แก่เขา แลเมื่อพระองค์ทรงทิ้งข้าพเจ้าลงที่เท้าเขาในคืนวันนี้ เขาจะสรรเสริญความกล้าแลความเพียรของพระองค์ขึ้นไปจนถึงฟ้า ข้าพเจ้าขอทูลให้รู้พระองค์แลระวังพระองค์จงหนัก เพราะโยคีคงพาพระองค์ไปที่หน้าเทวรูปนางทุรคา แลเมื่อเขาได้บูชาแล้ว เขาจะเชิญให้พระองค์เคารพเทวรูปโดยอัษฎางคประณต"
                       ตรงนี้เวตาลทูลกระซิบค่อยๆ ประหนึ่งเกรงว่าจะมีผู้ได้ยินแลนำคำที่กล่าวนั้นไปบอกโยคีศานติศีล ครั้นทูลเสร็จแล้ว เวตาลก็ออกจากศพ ทำให้ย่ามซึ่งพระราชาทรงแบกนั้นเบาเข้าเป็นอันมาก แต่เมื่อได้ออกจากย่ามแล้วยังลอยกล่าวสรรเสริญพระราชาแลพระราชบุตรอยู่อีก คำสรรเสริญนั้นเป็นไปในทางที่ชมว่ารู้สึกความโง่แลลดหย่อนราชมานะอันเป็นคุณความดีซึ่งถ้ามีในตัวใครผู้นั้นย่อมมีความสุขในโลก

                       ครั้นเวตาลไปพ้นแล้ว พระวิกรมาทิตย์ก็รีบทรงดำเนินไปถึงป่าช้า พบโยคีกำลังนั่งเคาะกะโหลกหัวผีกล่าวไม่หยุดปากว่า
                       "โห กาลี โห ทุรคา โห เทวี"
                       รอบตัวโยคีนั้น มากไปด้วยรูปกายอันน่าเกลียดน่ากลัว คือผีอสูรทั้งหลายสำแดงรูปต่างๆ กัน บ้างก็เป็นนาค บ้างก็เป็นภูต บ้างก็เป็นรูปแพะใหญ่ซึ่งผีแห่งผู้ฆ่าพราหมณ์ได้เข้าสิงอยู่ บ้างก็เป็นหนอนใหญ่ซึ่งผีแห่งพราหมณ์กินเหล้าเป็นผู้สิง บ้างก็เป็นรูปคนหน้าเป็นม้าแลอูฐแลลิง บ้างก็เป็นรูปคนขาข้างเดียว หูข้างเดียวแลเป็นผีดูดเลือด เพราะเมื่อยังไม่ตายได้ขโมยของวัด บ้างก็มีรูปเป็นแร้งแลเป็นผีเลว ๆ เพราะเคยเป็นชู้กับเมียอุปัชฌาย์ หรือได้เมียเป็นคนต่ำชาติ หรือเป็นผีทำบาปอื่นต่าง ๆ บ้างก็เป็นรูปสัตว์อันน่าเกลียดแลน่ากลัว กัดกินท่อนแห่งศพมนุษย์ แลทำเสียงกึกก้องไปทั้งป่าช้า

                       ครั้นพระวิกรมาทิตย์เสด็จเข้าไปใกล้จะถึงตัวโยคี โยคีก็ยกแขนขึ้นเป็นสัญญาณเสียงทั้งหลายก็หยุดนิ่งหมด พระราชาก็ทรงทิ้งย่ามศพลงตรงหน้าโยคี โยคีก็แสดงความยินดี แลกล่าวสรรเสริญความมั่นคงของพระราชาเป็นอันมาก แล้วโยคีก็หยิบเอาศพซึ่งเป็นศพเด็กออกมาจากย่าม แล้วหันหน้าไปทางทิศใต้ ร่ายมนตร์อยู่ครู่หนึ่ง ศพนั้นก็มีอาการเหมือนเป็น แล้วโยคีก็ถวายของเป็นเครื่องบูชาพระเทวี คือ พลู ดอกไม้ ไม้จันทน์ ข้าว ลูกไม้ แลเนื้อมนุษย์ซึ่งไม่เคยถูกคมเหล็ก
    แล้วเอาเชื้อเพลิงใส่ลงในกะโหลกหัวผี จุดไฟเป่าจนลุกเป็นเปลวใช้แทนโคมส่องทาง นำพระราชาแลพระราชบุตรไปยังเทวรูปนางกาลีเป็นรูปหญิงดำคอขาดจากตัวครึ่งหนึ่ง ลิ้นแลบออกมาจากปากซึ่งอ้ากว้าง ตาแดงเหมือนคนเมา คิ้วแดง แลผมซึ่งเป็นเส้นหยาบนั้นห้อยคลุมไปจนถึงเท้า เสื้อผ้าที่คลุมนั้นคือหนังช้างแห้ง สะเอวรัดด้วยมาลัยร้อยด้วยมือแห่งยักษ์ซึ่งนางฆ่าตายในขณะรบ มีศพสองศพห้อยเป็นกุณฑลที่หูสองข้าง แลสร้อยคอนั้นเป็นโซ่กะโหลกหัวคน มือทั้งสี่ถือดาบ บาศ ตรี แลคทา เท้าหนึ่งเหยียบอกพระศิวะผู้สามี อีกเท้าหนึ่งเหยียบน่อง หน้าเทวรูปอันน่ากลัวนี้ มีเครื่องใช้ในการบูชาต่างๆ คือตะเกียง หม้อ แลภาชนะอื่นๆ กับสังข์แลฆ้องเป็นต้น ของเหล่านี้มีกลิ่นเลือดทั้งนั้น

                       ครั้นโยคีพาพระราชาแลพระราชบุตรไปถึงหน้าเทวรูปแล้ว ก็ก้มลงวางกะโหลกศีรษะที่ถือเป็นโคมนำทางมานั้นลงกับพื้น แล้วหยิบดาบมาถือแอบหลังไว้ แลทูลพะราชาว่า
                       "ข้าแต่พระราชา พระองค์ได้ทรงกระทำตามสัญญาแล้วโดยทางที่ชอบทุกประการ แลเพราะเหตุที่พระองค์เสด็จมาในที่นี้ พิธีของข้าพเจ้าจะเป็นอันสำเร็จดังหมาย พระอาทิตย์ก็จะขับรถข้ามเขาเบื้องตะวันออกอยู่แล้ว เชิญพระองค์ทรงเคารพพระผู้เป็นเจ้าโดยอัษฎางคประณต แลพระเกียรติของพระองค์จะรุ่งเรืองยิ่ง ๆ ขึ้นไป สิธิทั้งแปด แลนิธิทั้งเก้า จะได้เป็นของพระองค์ แลความจำเริญจะมียืนยาวไปชั่วกาลนาน"

                       พระวิกรมาทิตย์ทรงฟังดังนั้น รำลึกได้ถึงคำเวตาล จึงรับสั่งแก่โยคีโดยอาการเคารพว่า
                       "ข้าพเจ้าพระราชาไม่เคยกระทำอัษฎางคประณต ขอท่านผู้เป็นอาจารย์จงทำให้ข้าพเจ้าดูก่อน แล้วข้าพเจ้าจะทำตาม"

                       โยคีผู้ฉลาดขุดหลุมไว้ล่อพระราชา ก็ตกหลุมที่ตัวเองทำไว้ ครั้นโยคีก้มตัวลงกระทำอัษฎางคประณต พระวิกรมาทิตย์ก็ชักพระแสงดาบออก ฟาดถูกศีรษะโยคีขาดกระเด็นไป ขณะนั้นเทวรูปคว่ำลงมา หากพระธรรมธวัชพระราชบุตรจับพระกรพระราชบิดาเหนี่ยวพระองค์กระชากไปโดยแรง พระราชาจึงหลีกพ้นเทวรูปรอดชีวิตไปได้ ในทันใดนั้นมีเสียงกล่าวในอากาศว่า
                       "บุรุษพึงฆ่าคนซึ่งตั้งใจจะฆ่าตนได้โดยคลองธรรม"
                       แลมีเสียงดนตรีแลคำอวยชัยมาจากในฟ้า ทั้งดอกไม้ทิพย์ก็ตกกล่นเกลื่อนไป พระอินทร์แวดล้อมด้วยเทพบริวารก็เสด็จมาเฉพาะพระพักตร์พระวิกรมาทิตย์ แลตรัสให้ขอพรๆ หนึ่ง พระวิกรมาทิตย์ทูลว่า
                       "ข้าแต่พระจอมสวรรค์ขอพระองค์จงประทานพรให้เรื่องของข้าพเจ้านี้ ปรากฏไปในโลกชั่วกาลนาน" พระอินทร์ตรัสว่า
                       "เราให้พรแก่ท่านดังขอ แลตราบใดพระอาทิตย์แลพระจันทร์ยังส่องอยู่ในฟ้า แลฟ้ายังครอบดิน ตราบนั้นเรื่องนี้ปรากฏไปในโลก"

                       ครั้นพระอินทร์เสด็จหายไปแล้ว พระวิกรมาทิตย์ทรงยกศพทั้งสองทิ้งเข้าไปในกองไฟ ก็เกิดมีพีระสองตน พระวิกรมาทิตย์ตรัสว่า
                       "เมื่อข้าเรียกเจ้าจงมาทันที"
                       แล้วก็พาพระราชบุตรคืนเข้าพระราชวัง ทรงปกครองบ้านเมืองเป็นสุขชั่วกาลนาน จนเมื่อพระองค์ซึ่งมีความตายเป็นสภาพเสด็จสู่ปรโลกแล้ว พระเกียรติซึ่งมิรู้ดับยังปรากฏตราบเท่าทุกวันนี้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×