ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มรสุมคนเถื่อน (YoongiBTS & Jimin15&)

    ลำดับตอนที่ #10 : งานเลี้ยงบนเตียงนอน 120%

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 276
      2
      17 ส.ค. 60

     

    วันต่อมา....พบค่ำ




    ยุนกิทำตามสัญญาที่เขาเคยให้ไว้ว่าจะพาเธอมาเจอเมมเบอร์ทุกคน ซึ่งเขาก็ถือโอกาสในการจัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิดให้สมาชิกในวงพาเธอมาสังสรรค์ด้วย ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าตัวดีใจจนทำอะไรไม่ถูก  แต่กว่าจะมาถึงสถานที่จัดงานได้ เธอกับเขาก็ทะเลาะกันจนเกือบจะฆ่ากันตายอยู่แล้ว ต้นเหตุก็มาจากเขาที่ชวนเธอทะเลาะก่อน




    "อย่าเวอร์" ชายหนุ่มพูดใส่คนข้างกายที่รีบวิ่งนำหน้าเขาเข้าไปด้านในตัวบ้านซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยง




    "ก็ฉันดีใจนี่คะ" เธอชะลอฝีเท้าลงเพื่อรอให้ยุนกิเดินมาทัน




    "จะดีใจอะไรขนาดนั้น ทำตัวอย่างกับว่าไม่เคยเจออย่างงั้นแหละ" 




    "คุณไม่เป็นฉันไม่เข้าใจหรอกค่ะว่ามันพิเศษสำหรับฉันแค่ไหน" ที่เธอว่ามันก็ถูก การได้อยู่ใกล้ชิดศิลปินที่ตัวเองชอบมันเป็นสิ่งที่พิเศษอีกอย่างนึงของชีวิตเลยล่ะ คนอย่างเขาไม่รู้อะไรหรอก




    "อ้าว! มากันแล้วเหรอครับฮยอง" คนแรกที่ทักทายตั้งแต่ที่ชายหนุ่มกับจีมินเข้ามาถึงคือจองกุก 




    "สวัสดีค่ะทุกคน :)" จีมินกล่าวทักทายเสียงใสพร้อมกับรอยยิ้มหวานที่สามารถสะกดสายตาให้หยุดมองอยู่ที่เธอได้อย่างอัตโน มัติ รวมถึงพวกเขาด้วยเช่นกัน ก่อนที่ร่างอวบจะโดนโฮซอกลากไปนั่งด้วยที่โต๊ะอาหารโดยที่เขาไม่รู้เลยว่ามีสายตาอันตรายของใครคนหนึ่งมองมา




    "มองขนาดนี้ หึงเหรอครับ?" จีมิน(ชาย)เอ่ยแซวยุนกิเมื่อเห็นว่าเขาเอาแต่มองทางเธอด้วยสีหน้าไม่ชอบใจ




    "หึงเหิงอะไรกัน ไร้สาระ" 




    "ไร้สาระ? ใช่เหรอครับ แต่สายตาฮยองมันบอกชัดเจนเลยนะ ว่าหึง เอ~ หรือว่าหวง"




    "ถ้านายยังไม่หุบปาก ฉันเอาก้ามปูจิ้มคอนายตายแน่" 




    "แค่พูดเล่นเฉยๆป่ะครับ ร้อนตัวอะไรขนาดนั้น" เขาหัวเราะอย่างชอบใจก่อนจะขอปลีกตัวออกไปอีกทางโดยไม่ลืมส่งซิกส์ให้เมม เบอร์คนอื่นๆตามออกไปด้วย ตรงนั้นจึงเหลือแค่ยุนกิและจีมินเพียงสองคน ในเมื่อยุนกิไม่ยอมรับว่ากำลังหึง งั้นพวกเขานี่แหละจะเป็นตัวง้างปากให้เขาพูดออกมาเอง แค่คิด...ก็สนุกแล้ว...






    20.20น.




    "จีมินอ่า~ ทำอะไรอยู่ครับ?" คนแรกที่ทำตามแผนก็คือแทฮยอง เขาเข้ามาทักทายจีมินที่กำลังยืนปิ้งบาร์บีคิวด้วยการยกแขนแกร่งขึ้นมาพาดคอเธออย่างสนิทสนม แถมยังขยับหน้าเข้าไปใกล้จนเนื้อแนบเนื้อ และแน่นอนว่าภาพเหตุการณ์ทุกอย่างตกอยู่ในสายตาของยุนกิ ก่อนที่ร่างสูงจะเดินเข้ามาแทรกระหว่างเธอกับแทฮยอง




    "ฉันจะกินบาร์บิคิว มองอะไร!?" 




    "ที่ยืนก็มีเยอะแยะนะ ฮยองมายืนแทรกเราทำไม"




    "ก็ฉันอยากยืนตรงนี้ มีไรป่ะ!?" แน่นอนว่าคำตอบคือไม่มี! ใครกันจะอยากไปท้าทายอำนาจมืดของเขากันล่ะ



    "คุณนี่มันจริงๆเลยนะคะ" จีมินกดเสียงต่ำอย่างไม่ชอบใจที่เขาทำตัวเหมือนเด็กๆไม่รู้จักโต ก่อนจะเดินเลี่ยงไปที่ซุ้มเครื่องดื่มเพราะไม่อยากติดอยู่ในสถานการณ์ที่น่าเบื่อเช่นนี้ต่อไป




    "อะแฮ่ม! ยืนด้วยได้มั้ยครับคนสวย" คนที่สองคือโฮซอกชายหนุ่มคารมณ์ดีปากหวาน เขาขยับกายแกร่งเข้ามาใกล้หญิงสาวในระยะพอประมาณ แต่กลับถึงเนื้อถึงตัวโดยการจับไม้จับมือ




    เปล้ง! 




    จนกระทั่งเสียงแก้วแตกทำให้ทั้งคู่ผละออกจากกัน ซึ่งคนที่ทำแบบนี้ ไม่มีใคร นอกจากยุนกิ เห็นชัดๆเลยว่าเขาตั้งใจเดินเข้ามาชนเธอกับโฮซอกเพราะต้องการแกล้ง




    "คุณยุนกิ! ทำอะไรคะ!?"




    "ทำอะไร!? เธอต่างหากที่ยืนขวางทางฉันเอง นี่มันทางเดินไม่ใช่ที่ๆจะมายืนคุยกัน"




    "แล้วแต่คุณจะคิดเถอะค่ะ ยิ่งคุยกับคุณฉันก็ยิ่งเหนื่อย" ทิ้งท้ายไว้แค่นั้น ร่างอวบก็เดินแยกออกไปจากเขา นี่ครั้งที่สองแล้วนะ ถ้าเกิดมีครั้งที่สาม เห็นทีว่าเธอต้องเรียกตัวเขาให้มาคุยกันเสียแล้ว




    "ทะเลาะกับยุนกิมาเหรอ?" คนสุดท้ายคือซอกจิน รุ่นพี่ผู้น่าเคารพ ร่างสูงเดินเข้ามานั่งกับจีมินตามแผนที่วางไว้



    "ค่ะ วันนี้เขาทำตัวไม่น่ารักเลย"



    "มันก็เป็นอย่างนี้แหละ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย หงุดหงิดง่าย แต่มัน...ก็เลือกเป็นเฉพาะกับบางคนนะ" ซอกจินกระตุกยิ้มเมื่อหญิงสาวไม่เก็ทสิ่งที่เขาพูดไป 




    "อ่ะ กินแก้เครียด" ว่าพลางทำท่าจะป้อนไอศกรีม




    "ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกินเองดีกว่า"




    "ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันป้อน"




    "ก็ได้ค่ะ"




    "ฉันอยากกินรสนี้ ขอนะ เอาอันนี้ไปแทนแล้วกัน" ยังไม่ทันที่อะไรจะได้เข้าปาก ยุนกิก็โผล่มาจากไหนไม่รู้แถมยังมาแย่งถ้วยไอศกรีมจากซอกจินไปแล้วเอาของตัวเองมาแทน เขานี่มัน...หาคำเปรียบเปรยมาเทียบไม่ได้จริงๆ!




    "ถ้านายอยากกินก็ไปตักเอาเองสิ มาแย่งของคนอื่นทำไม" จินปราม




    "ใครแย่ง? แลกกันต่างหาก ไม่มีใครได้ไม่มีใครเสีย จอบอ"




    "คุณยุนกิ ตามฉันมาหน่อยค่ะ มีเรื่องจะคุยด้วย" เธอบอกเขา ก่อนจะเดินนำไปยังที่บริเวณเงียบๆเพื่อจะได้คุยกับเขาได้สะดวก ซึ่งยุนกิก็เดินตามออกมาง่ายๆโดยแม้แต่ซอกจินเองก็ยังแปลกใจ




    "มีเรื่องอะไรจะคุยกับฉัน"




    "คุณเองก็น่าจะรู้นะคะว่าฉันจะคุยเรื่องอะไร" 



    "ฉันไม่รู้ เธอก็บอกมาสักทีสิ!" 




    "คุณเลิกทำตัวแบบนี้ได้แล้วนะ นิสัยเอาแต่ใจของคุณนับวันมันยิ่งเพิ่มขึ้นๆ จนบางครั้งหัวฉันจะแตกตายอยู่แล้ว คุณทำตัวเหมือนเด็กไม่รู้จักโตอ่ะ ไม่คิดเหรอคะว่ามันทำให้คนอื่นเป็นทุกข์ ไม่ใช่แค่ฉัน ทุกคนก็ด้วย"



    "แสดงว่าครั้งนี้ฉันผิดสินะ เออ! ฉันเป็นคนผิดก็ได้" ชายหนุ่มตะคอกกลับเสียงดัง ดูก็รู้ว่ากำลังงอน




    "ฉันเพิ่งพูดไปหยกๆ แต่คุณก็ทำตัวแบบนี้อีกแล้ว"




    "ถ้าเธอเห็นพวกเขาดีกว่าฉัน ก็ไปสิ ฉันจะกลับบ้าน!" เขาไม่ชอบใจเวลาที่เห็นเธอเอา แต่ใจคนอื่นโดยที่ไม่สนใจเขา ปล่อยให้เขานั่งคนเดียวกินคนเดียว ทั้งที่เธอไปมีความสุขอยู่กับคนอื่น มันหงุดหงิด!




    "........"




    "ขอโทษ! พอใจยังวะ!" ชายหนุ่มตัดสินใจหันกลับมาขอโทษเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบมาสักพัก ถึงแม้ว่าน้ำเสียงนั้นจะแฝงความไม่เต็มใจอยู่ในที แต่ก็ถือว่านี่เป็นคำขอโทษคำแรกที่หลุดออกมาจากปากเขา




    "........" 




    "เงียบทำไม!" 




    "ฉันขอลาออกค่ะ" เธอบอกด้วยเสียงสั่นเครือ ในขณะที่ชายหนุ่มได้แต่ยืนตกใจ




    "ฝันไปเถอะ!" 




    "ตอนนั้นคุณยังบอกให้ฉันลาออกๆ แล้วทำไมตอนนี้ถึงไม่ล่ะ คุณจะเอายังไงกันแน่ ถ้าคุณกังวลเรื่องค่าทดแทนเรื่องเสื้อไม่ต้องหว่งค่ะฉันจะหามาแทนคุณให้เร็วที่สุด"




    "ฉันไม่อนุญาตให้เธอลาออก! แล้วก็หยุดพูดเรื่องนี้สะก่อนที่ฉันจะโกรธไปมากกว่านี้" เขาเตือนไว้อย่างหวังดี จากนั้นร่างสูงก็เดินกลับเข้าไปในงาน ทิ้งให้จีมินยืนคิดหนักอยู่ตรงนี้คนเดียว แน่นอนว่าสถาน การณ์ทุกอย่างตกอยู่ในสายตาของเมมเบอร์ที่เหลือ และแน่นอนอีกว่าพวกเขาจะต้องหาทางให้ทั้งคู่กลับมาเป็นเหมือนเดิมให้ได้ ดูก็รู้ว่าทั้งสองคนนั้นต่างก็มีใจให้กัน แต่ติดตรงที่ปากแข็ง...









    21.20น. 




    "ถ้าขวดนี้หยุดและชี้ไปที่ใคร คนๆนั้นจะต้องจับสลากที่มีคำถามมากมายเขียนไว้ในนี้ซึ่งจะต้องตอบตามความจริงเท่านั้น" นัมจุนเป็นคนบอกกติกาพร้อมชูกล่องในมือที่บรรจุคำถามหลายๆคำถามที่พวกเขาเป็นคนเขียนขึ้นมาโดยเฉพาะ




    "เริ่มแล้วนะ" สิ้นเสียงของนัมจุน ปากขวดก็เริ่มหมุนเร็วขึ้นจนกระทั่งช้าลงและหยุดอยู่ที่ยุนกิเข้าพอดีตามที่พวกเขาคาดไว้เป๊ะๆ




    "ฮยองจับสิครับ ผมอยากรู้แล้วว่าได้คำถามอะไร" จองกุกเร่ง นั่นทำให้ยุนกิล้วงเข้าไปหยิบใบคำถามออกมาแล้วส่งให้นัมจุนเป็นคนอ่าน



    "รู้สึกยังไงที่ได้ผู้จัดการคนใหม่" อ่านจบ สถานการณ์ก็กลับมาเงียบ ทุกคนล้วนแล้วแต่ลุ้นกับคำตอบของเขา รวมถึงเธอด้วย แต่เธอก็พอจะรู้ว่าเขาจะตอบยังไง




    "ตอบสิครับฮยอง!" 




    "เบื่อ...." ถึงจะพูดออกมาแค่คำๆเดียว แต่กลับมีอิทธิพลทำลายล้างสูงต่อใจคนๆนึงได้มากมายเหลือเกิน




    "เอ่อ เรามาเริ่มกันใหม่อีกรอบดีกว่านะ" จีมิน(ชาย)ยุติสถานการณ์อึดอัดใจลง จากนั้นปากขวดก็หมุนลงช้าๆและหยุดอยู่ที่จีมิน




    "ตอนนี้มีใครอยู่ในหัวใจบ้างแล้วหรือยัง"




    "มีแล้วค่ะ"




    "อยู่ตรงนี้มั้ย หรือที่อื่น"




    "ถามนอกเหนือคำถามแล้วค่ะ" กลับกลายเป็นว่าทุกคนหมดสิทธิ์ที่จะรู้! เพราะเธอดันรู้ทันพวกเขาสะก่อน




    "ทำไมไม่ตอบล่ะ หรือว่าอาย" ยุนกิล้อเลียน แล้วจะให้เธอตอบตรงๆหรือไงว่าคนที่ป้วน เปี้ยนอยู่ในหัวใจเธอตลอดเวลาคือเขา




    "ฉันไม่ได้อายค่ะ แต่แค่ไม่อยากบอก" 




    "หึ ถ้าแน่จริงก็มาดวลกินเหล้ากับฉันสิ หรือว่าเธอไม่กล้า" 




    "ไม่เอาน่าฮยอง แอลกอร์ฮอลล์มันไม่ดีนะ"




    "สอเอือกอ!" จองกุกหุบปากแทบไม่ทันเมื่อเจอคำตอกกลับของรุ่นพี่ โอเค เรื่องนี้เขาไม่เผือกก็ได้




    "ฉันไม่เล่นหรอกค่ะ" 




    "เธอมันปอดแหก เรื่องแค่นี้ก็ไม่กล้า" จีมินหยุดฝีเท้าลงหลังจากที่เธอตัดสินใจเดินออกไปจากตรงนี้ แต่พอเจอคำท้าทายของชายหนุ่มเธอกลับอยากเอาชนะเขาขึ้นมาเสียอย่างนั้น แล้วเขาจะคิดผิดที่มาท้าทายเจ้าแม่แห่งวงการแอลกอร์ฮอลล์อย่างเธอ!




    "กี่แก้วกี่ขวดก็ว่ามาเถอะค่ะ ฉันได้อยู่แล้ว" 









        ผ่านไปสามสิบนาทีก็ไม่มีใครห้ามทั้งคู่ได้ เพราะต่างฝ่ายต่างก็กระดกวิสกี้เข้าปากแบบจริงแบบจัง ตอนนี้คะแนนทั้งคู่ยังสูสีกันไม่มีใครแพ้และยังไม่มีใครชนะ




    "ฉันว่าพอเถอะ ยังไงจีมินก็เป็นผู้หญิง เธอแพ้นายอยู่แล้ว" ซอกจินบอก




    "ใช่ ผมเห็นด้วย ผู้ชาย80%คอแข็งจะตาย ยังไงผู้หญิงก็ไม่ชนะหรอก" จองกุกเสริม




    "อย่ามาดูถูกฉันค่ะ! ฉันน่ะคอแข็งกว่าเขาอีก เขาต่างหากที่ปอดแหก!" ฤทธิ์ของแอลกอร์ฮอลล์ส่งผลให้จีมินเริ่มพูดจาโผงผางอีกทั้งยังแสดงกิริยาไม่เหมาะสมออกมา




    "เกมยังไม่จบอย่าพึ่งนับศพทหาร คอยดูตอนจบเกมดีกว่า ว่าใครแพ้ใครจะชนะ" ยุนกิเถียงคืนก่อนจะกระดกเหล้าเข้าปากรวดเดียวหมดราวกับดื่มน้ำเปล่า จนกระทั่งท้ายที่สุดทั้งคู่ต่างเมาแอ๋แทบไปไม่เป็น สภาพแทบไม่ต่างจากหมาข้างถนน พวกเขาจึงตัดสินใจพาทั้งคู่ขึ้นมาพักบนห้องที่เอาไว้ใช้รับแขกซึ่งมีอยู่ห้องเดียว....







    รุ่งเช้า.....



    จีมินยืนสงบสติอารมณ์อยู่บริเวณหน้าต่าง มองท้องฟ้าที่โล่งปลอดโปร่งนั้นอย่างคิดไม่ตก หลังจากที่เธอตื่นนอนด้วยสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ยแทบทั้งตัว ไม่ใช่แค่เธอ เขาก็ด้วย เธอไม่รู้หรอกว่ามันเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืน เพราะเธอเองก็เมามายไม่ได้สติ แต่สภาพเปลือยเปล่าแบบนี้ไม่บอกก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง....




    "มันอาจจะไม่ใช่แบบนั้นก็ได้" หญิงสาวปลอบใจตัวเองโดยการคิดในแง่บวก พลันสายตาเหลือบไปเห็นร่างสูงกำลังขยับกายลุกขึ้น



    "เธอ...มายืนนี่ตั้งแต่เมื่อไหร่" 




    "ฉันเพิ่งเข้ามาค่ะ เห็นว่าคุณหลับอยู่เลยไม่อยากปลุก" จีมินเลือกที่จะโกหกออกไป เธอไม่อยากผูกมัดเขาด้วยการยกเหตุผลข้อนั้นขึ้นมาอ้าง




    "แล้วเมื่อคืนเธอนอนไหน"




    "โซฟาตรงนั้นค่ะ" ว่าพร้อมกับชี้ไปที่โซฟาที่ตั้งอยู่กลางห้อง




    "ตกลงเมื่อคืนใครชนะ"



    "ฉันไม่รู้ค่ะ ฉันเองก็เมาไม่ต่างจากคุณ" เธอตอบก่อนจะเดินมาหยิบเสื้อฮู้ตที่วางอยู่บนพื้นข้างๆเตียง โดยในขณะนั้นก็มีสายตาของยุนกิตามมาไม่ห่าง



    "วันนี้ฉันขอลาหยุดหนึ่งวันนะคะ"




    "ทำไม?"




    "ฉันปวดหัว เมื่อคืนดื่มเยอะไปหน่อย" เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มพยักหน้าอนุญาต หญิงสาวจึงเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ถ้ายังเห็นหน้าเขาอยู่อย่างนี้มีหวังเธอต้องร้องไห้แน่ๆ




    "เชี้ย!" ยุนกิอุทานเสียงดัง หลังจากเปิดผ้าห่มออก บนตัวเขาไม่มีอะไรเหลืออยู่เลยนอกจากบ็อกเซอร์เพียงตัวเดียว




    "เดี๋ยวจีมิน! หยุด! หยุดเดินก่อน! ฉันบอกให้เธอหยุด!" ร่างอวบเอาแต่เดินฉับๆโดยไม่หันกลับมาตามเสียงเรียก นั่นทำให้เขาคว้าเข้าที่แขนบาง และมันได้ผล เธอหยุด




    "ตกลงเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นระหว่างฉันกับเธอ"




    "......."




    "เราสองคน....ถึงขั้นนั้นกันแล้วใช่มั้ย"




    "........"




    "ตอบดิ!"




    "........"




    "อย่าเอาแต่เงียบดิวะ! แม่ง! ตอบฉันสิ!" เธอยืนนิ่ง สีหน้าท่าทางไม่ได้ดูร้อนรนเหมือนเขา ความรู้สึกเหมือนมีแค่เขาฝ่ายเดียวที่กังวลจนหัวแทบระเบิด




    "ลืมมันไปเถอะค่ะ ถือสะว่ามันไม่เคยเกิดอะไรขึ้น"




    "ลืม? เธอทำได้เหรอ?"




    "ถึงทำไม่ได้ก็จะพยายามค่ะ แล้วถ้าเรามีอะไรกันจริงๆ แล้วไงคะ? คุณจะทำอะไรต่อไป" 




    "........" เขาไม่รู้หรอกว่าจะทำอย่างไรต่อไป รู้แค่ว่าระหว่างเธอกับเขามันต้องอึดอัดขึ้นแน่ๆ



    "ฉันหวังว่าเรื่องนี้คุณจะเหยียบไว้ให้ถึงที่สุดนะคะ" พูดจบ หญิงสาวก็เดินขึ้นรถแท็ก ซี่ที่เรียกมาก่อนหน้านี้ ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้สึกอะไร แต่แค่ตอนนี้เธอยังไม่พร้อมที่จะพูดคุยหรือออกมาเจอโลกภายนอก ให้เวลาทำใจอีกสักพักก็คงจะดีขึ้น สิ่งที่มันเสียไปแล้วแน่นอนว่ามันเอากลับคืนมาไม่ได้ เส้นใยบางๆที่เฝ้ารักษามาเกือบ10ปีขาดสะบั้นลงเพียงเพราะฤทธิ์แอลกอร์ฮอลล์ บทเรียนครั้งนี้เธอจะจดจำไว้เป็นบทเรียนในครั้งต่อๆไป...และเธอจะไม่มีทางให้มีนเกิดขึ้นอีก













    มาอัพให้ตามสัญญาแล้ววววว ฝากเมนท์เป็นกำลังใจให้ด้วยนะ




    { Winter Dark Theme }
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×