ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มรสุมคนเถื่อน (YoongiBTS & Jimin15&)

    ลำดับตอนที่ #13 : อุบัติเหตุอันแสนเจ็บปวด 200%

    • อัปเดตล่าสุด 4 ก.ย. 60



       เป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือนที่จีมินยังคงทำหน้าที่ผู้จัดการ(ชั่วคราว)ให้ยุนกิ ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมานั้นอาจจะมีทะเลาะกันบ้าง พูดดีๆกันบ้าง  แต่แน่นอนว่าทุกอย่างดีขึ้นเมื่อคนสองคนหันหน้าเข้ามาคุยกันในเรื่องที่ไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน



    "คุณแน่ใจเหรอคะว่าจะให้ฉันทำจริงๆ?" เธอถามย้ำอีกครั้งเมื่อชายหนุ่มยังยืนคำเดิมให้เธอเป็นคนจัดการอาหารมื้อเย็นให้กับเขา ซึ่งยุนกิก็พยักหน้าก่อนจะเลื่อนเก้าอี้มานั่งอยู่ใกล้ๆ



    "แต่ฉันไม่มั่นใจว่ามันจะกินได้?"



    "ถึงจะเป็นอย่างนั้นฉันก็จะกิน"



    "ทำไมคุณไม่ออกไปทานข้างนอกหรือไม่ก็ซื้อเข้ามาทานเอง" 



    "เธอต้องให้ฉันอธิบายมั้ย? ฉันเคยบอกเธอไปแล้วว่าอยากกินฝีมือเธอ จบนะ" 



    "ค่ะ จบก็จบ" จีมินเลิกต่อปากต่อคำกับเขา เพราะไม่ว่าเธอจะพูดจะทำอะไรก็ไม่มีทางเอาชนะเขาได้ -.-



    "มีอะไรให้ฉันทำป่ะ?"



    "คุณพูดว่าอะไรนะคะ เมื่อกี้ฉันได้ยินไม่ผิดใช่มั้ย?"



    "หูเธอคงไม่หนวกหรอกมั้ง"



    "-.-" 



    "ตกลงมีอะไรให้ฉันช่วยทำมั้ย ถ้าเกิดเธอถามอีกรอบ คืนนี้เธอไม่รอดเงื้อมมือฉันแน่" เขาพูดพร้อมกับทำหน้ากรุ่มกริ่มที่สื่อความหมายเป็นนัยๆถึงสิ่งที่เธอก็รู้มันดี ตั้งแต่ที่แดกูวันนั้นเขาก็เพิ่มสกิลการกวนตีนและพูดจาลามกที่แอบแฝงไปด้วยความอ่อนหวาน(?) บางครั้งเธอก็ตามอารมณ์เขาไม่ทัน....



    "คุณไปล้างผักให้ฉันก็ได้ค่ะ"



    "โอเค....แล้วเธอจะทำเมนูอะไร" ยุนกิถามในขณะที่กำลังจัดการทำความสะอาดกับผักสีเขียวตรงหน้าอย่างพิถีพิถัน



    "ผัดไท ผัดผักรวมมิตร ต้มยำกุ้ง ปูผัดผงกระหรี่....."



    "อาหารไทย?"



    "ใช่ค่ะ :)" จีมินยิ้มหวานก่อนจะก้มลงไปดูหม้อที่กำลังเดือดปุดๆอีกทั้งยังส่งกลิ่นหอมรัญจวนไปทั่วอาณาบริเวณ



    "คิดยังไงถึงอยากทำอาหารไทยให้ฉันทาน"



    "ฉันคิดว่าอาหารไทยแต่ละอย่างล้วนแล้วมีเสน่ห์ที่แตกต่างกัน อย่างต้มยำกุ้งที่ฉันกำลังทำอยู่นี้เป็นอาหารประจำประเทศไทยค่ะ ผู้หญิงทุกคนที่ประเทศไทยสามารถทำได้ง่ายๆแค่มีวัตถุดิบพร้อม อีกอย่างรสชาติที่กลมกล่อมของกะทิผสมกับเครื่องต้มยำฉันรับรองว่าคุณต้องติดใจแน่นอน" เธอร่ายยาวในขณะที่สองมือยังคงวุ่นอยู่กับการปรุงอาหารตรงหน้าอย่างชำนาญ พร้อมกับร่างสูงข้างกายที่ยืนนิ่งตั้งใจฟังเธออธิบายอย่างตั้งอกตั้งใจรับความรู้ใหม่เข้าสมอง



    "เธอรู้เยอะเหมือนกันนะ เคยทำมาก่อนเหรอ?"



    "เคย แต่นานมาแล้วค่ะ สมัยที่ฉันยังอยู่ไทยเมื่อ....." เธอนับนิ้วก่อนจะต่อประโยคที่เว้นไว้ "10กว่าปีที่แล้ว"



    "10ปีที่แล้ว! เธอกำลังล้อเล่นอยู่ใช่มั้ย?"



    "ไม่ได้ล้อเล่นค่ะ ฉันพูดจริงๆ" 



    "ฉันชักไม่มั่นใจแล้วว่าอาหารที่เธอทำมันจะไม่ทำให้ฉันท้องเสีย"



    "งั้นคุณก็ไม่ต้องกินค่ะ! ฉันจะกินคนเดียว" จีมินตอบก่อนจะย่นจมูกอย่างไม่ชอบใจ



    "ฉันแค่พูดเล่นๆเองน่า~ เธอน่ะซีเรียสเกินไปแล้ว" กายแกร่งขยับเข้ามาสวมกอดจากทางด้านหลัง เอาคางเกยไหล่มนและค่อยๆซุกลงบนซอกคอขาว จนกระทั่งจมูกโด่งเป็นสันจะฝังลงบนลำคอในที่สุด เห็นมั้ย? ว่าเขาเป็นคนลามก ชอบฉวยโอกาส



    "ตกลงจะกินหรือไม่กิน?" 



    "อาหารน่ะเอาไว้ทีหลังเถอะ ฉันอยากกินเธอก่อน" พูดพร้อมดันคนเสียเปรียบชิดกับอ่างล้างมือ จนตัวของเขาแนบชิดกับหน้าอกอวบอิ่มของอีกฝ่าย



    "ทะลึ่งแล้วค่ะ! ปล่อยมือออกจากเอวฉันเลยนะ! แล้วก็เอาตัวคุณถอยออกไปด้วย!" 



    "ไม่! เพราะมันเป็นของฉัน"



    "คุณยุนกิ!"



    "ตรงนี้ก็ด้วย!"



    "นี่คุณ! นั่นมันหน้าอกฉันนะ!" เธอโวยวายพร้อมกับพยายามแงะมือปลาหมึกที่กอบกุมอยู่บนหน้าอกเธอออก แต่ไม่ว่าจะพยายามสักเท่าไหร่ก็ไม่มีทีท่าว่ามันจะหลุดออกไปง่ายๆ



    "ก็ทุกอย่างบนตัวเธอเป็นของฉัน เพราะฉะนั้นแล้วฉันจะทำอะไรก็ได้ ฉันมีสิทธิ์เท่าๆกับเธอ" 



    "แต่มันไม่เหมือนกันค่ะ! ไม่มีใครเป็นของใครทั้งนั้น" จีมินหลุบตาต่ำอย่างเขินอาย



    "เธอก็ลองมาเป็นของฉันอีกรอบสิ จะได้รู้สักทีว่าเธอเป็นของฉัน....และฉันก็เป็นของเธอ" เขาเชยคางมนให้สบตากับตัวเอง ก่อนจะเผยรอยยิ้มกว้างเมื่อเห็นใบหน้าหวานใสนั้นขึ้นสีแดงระเรื่อและพยายามเสมองไปทางอื่นเพื่อหลบตาเขา



    "ฉะ...ฉันจะทำอาหารต่อ เดี๋ยวมันจะไม่เสร็จ"



    "ฉันก็ยังไม่เสร็จนะ ทรมานมากเลย" เขาออดอ้อน



    "คุณยุนกิ!! ถ้าคุณยังพูดแต่เรื่องหื่นๆแบบนี้ ฉันกลับบ้านจริงๆนะคะ!"



    "ก็ได้....พอแล้วก็ได้" พูดจบก็คลายอ้อมกอดออกจากเอวบางก่อนจะเดินกระฟัด กระเฟียดออกไปจากในครัว งอน? เธอก็คิดว่ามันเป็นแบบนั้นเหมือนกัน แต่เธอก็ชินกับอาการแบบนี้ของเขาแล้วล่ะ เพราะแค่เธอขึ้นเสียงใส่นิดๆหน่อยๆพ่อคุณก็เบ้ปากเบ้คางใส่เกือบทุกที -.-










          อาหารทุกอย่างเรียงรายอยู่บนโต๊ะจนแทบไม่มีที่ว่าง แต่ละเมนูส่งกลิ่นหอมคละคลุ้งไปรอบๆ อีกทั้งหน้าตาก็ดูใช้ได้เลยทีเดียว แต่มันยังไม่พร่องไปครึ่งชามด้วยซ้ำเพราะชายหนุ่มเอาแต่นั่งมองเกือบสิบนาทีแล้วโดยไม่แตะต้องอะไรสักอย่างแม้แต่น้ำเปล่า



    "คุณยุนกิ....ตกลงคุณจะกินมั้ย? ถ้าไม่กินฉันจะได้เก็บ"



    "เชอะ!" เขาสะบัดหน้าไปอีกทางพร้อมกับส่งเสียงจิ๊จิ๊ในลำคอคล้ายกับไม่ชอบใจ



    "คุณเป็นอะไร? โกรธหรืองอน?"



    "ใครใช้ให้เธอมาพูดกับฉัน!"



    "ฉันไม่รู้ว่าฉันทำอะไรผิด เพราะฉะนั้นขอโทษนะคะฉันจะไม่ง้อคุณ" พูดจบก็เตรียมจะลุกออกไป แต่ทว่ามือหนากลับคว้าเอวบางให้กลับมาหาตัวเอง จนหญิงสาวถลาอยู่ในอ้อมกอดแกร่งเข้าพอดี



    "ฉันแค่อยากแกล้งเธอเล่นๆ จำเป็นต้องโกรธฉันขนาดนี้เลยรึไง" 



    "แกล้งเล่นๆ? คุณคงสนุกอยู่คนเดียวสินะ ทั้งๆที่ฉันไม่ได้สนุกกับคุณด้วย"



    "จีมินอ่า......" เขาเรียกเธอเสียงเบาราวกับจะสำนึกผิดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายผละตัวห่างจากเขาไปหลายเมตร



    "เล่นกับความรู้สึกของฉัน คุณคงสนุกน่าดู ใช่มั้ย?" 



    "มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ เธอเข้าใจผิด"



    "เหรอคะ?" 



    "ขอโทษ...ฉันขอโทษ..." 



    "แค่คำขอโทษคุณคิดว่ามันพอเหรอ? ไม่คิดว่ามันจะน้อยไปหน่อยเหรอคะ?" ชายหนุ่มขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างงุนงงกับกิริยาท่าทางที่เปลี่ยนไปของหญิงสาวตรงหน้า ใบหน้าดูเรียบตึงและเย็นชาต่างจากคนเดิมเมื่อสองชั่วโมงที่แล้วอย่างสิ้นเชิง ในขณะที่อีกคนใจหล่นวูบแต่กลับมีอีกคนที่แอบกระตุกยิ้มอย่างชอบใจ



    "แล้วเธอจะให้ฉันทำอะไร เธอถึงคิดว่ามันมากพอกว่าคำขอโทษ"



    "แล้วถ้าฉันบอกไป คุณก็คงไม่ยอมทำตาม ยังไงมันก็เปล่าประโยชน์ ขอตัวนะคะ"



    "เดี๋ยว! เธออยากให้ฉันทำอะไรว่ามาเลย ฉันทำให้เธอทุกอย่างถ้ามันทำให้เธอยกโทษให้" ประโยคอันแน่วแน่หลุดออกมาจากปากของเขาจนได้ เธอรอคำนี้มานานแล้ว หญิงสาวหันกลับมาสบตากับชายหนุ่มอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์



    "คุณพูดจริง?"



    "ใช่! ฉันพูดจริง เธอเห็นฉันเป็นคนไม่รักษาคำพูดรึไง?" 



    "ใช่ไงคะ คุณไม่ค่อยรักษาคำพูดที่เคยให้ไว้กับฉันสักเท่าไหร่ อย่างที่ฉันเคยบอกให้คุณใจเย็นแต่คุณก็ทำไม่ได้...."



    "แค่บางครั้งเอง! ใช่ว่าฉันจะใจร้อนทุกครั้งเสียหน่อย"



    ".........."



    "จีมินอ่า~ หายโกรธเถอะนะ" คนตัวโตทำท่าทางงอแงเหมือนเด็กๆก่อนจะมีสีหน้าคล้ายจะร้องไห้อยู่เต็มที แต่พอเห็นเธอไม่ตอบโต้กลับเขาก็สวมกอดร่างอวบไว้แน่น



    "........."



    "ได้โปรด....."



    "ถ้าคุณอยากให้ฉันหายโกรธจริงๆ คุณต้องทำตามที่ฉันสั่งอย่างนึงก่อน"



    "อะไร?"  จีมินยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ดูไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย.....










    ห้าชั่วโมงต่อมา....



    "ฉันไม่เข้าไป ยังไงก็ไม่เด็ดขาด! ไม่มีทาง!" ยุนกิยืนยันเสียงแข็ง หลังจากที่เขาตอบตกลงว่าจะยอมทำทุกอย่างที่เธอสั่งแต่กลับกลายเป็นว่าเธอพาเขามาหาแม่ของเขาที่บ้าน! ให้ตาย! เธอหักหลังเขา T.T



    "ไหนคุณบอกว่าจะยอมทำตามที่ฉันสั่ง! คุณมันไม่รักษาคำพูด!"



    "ก็ใช่ฉันเป็นคนพูด แต่เธอพาฉันมาที่นี่ไม่ได้!"



    "ทำไมจะมาไม่ได้!"



    "เธอนี่มัน....."



    "มันอะไรคะ ถ้าแน่จริงพูดให้จบประโยคสิ" 



    "มัน....น่ารักสุดๆไง เธอคิดว่าฉันจะด่าเธอรึไง" เขากัดฟันพูดพร้อมกับรอยยิ้มที่ฝืนสุดๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิกแก้มนุ่มนิ่มนั้นอย่างหมั่นเขี้ยว ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าเธอมีอำนาจเหนือกว่าเขาทุกอย่างไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม แต่ยกเว้นอยู่เรื่องเดียว....เรื่องบนเตียง >○<



    "แล้วไป"



    "ฉันไม่เข้าไปไม่ได้เหรอ" เขาทำตาปริบๆ



    "ดูปากฉันนะคะ บอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้! และถ้าคุณขัดอีกคำเดียว คุณก็น่าจะรู้ดีว่ามันจะเป็นยังไง"



    "เชอะ!" ชายหนุ่มสะบัดหน้าไปอีกทางแต่ถึงกระนั้นก็ยอมเดินตามจีมินเข้าไปในตัวบ้านแต่โดยดี เขาสำรวจรอบๆด้วยสายตาก่อนจะยิ้มนิดๆเมื่อเห็นว่ารูปของเขาเด่นหราอยู่บนตู้โชว์ 



    "สวัสดีค่ะ ขอโทษที่ต้องมารบกวนนะคะ"



    "ไม่เป็นไรจ้ะ นั่งก่อนสิ" หญิงวัยกลางคนซึ่งเป็นแม่แท้ๆของยุนกิเอ่ยอย่างเป็นมิตรก่อนจะเหลือบไปมองลูกชายของตนที่แทบจะไม่หันมามองหน้าเธอเลย



    "คุณยุนกิคะ สวัสดีท่านสิ ยืนบื้อทำอะไรเนี่ย" เธอกระซิบบอกเขาเบาๆพร้อมส่งสายตาพยักเพยิด



    "เธอให้เวลาฉันทำใจหน่อยไม่ได้เหรอห๊ะ"



    "ฉันให้คุณทำใจมานานมากแล้วค่ะ"



    "อืม" 



    "อืม? พูดแค่นี้เหรอคะ?"



    "หวัดดี...." ชายหนุ่มตั้งใจว่าจะพูดแค่นั้นแต่เมื่อเห็นสายตาคนข้างๆเขาก็ต่อท้ายประโยคเมื่อกี้ทันที  "ครับ...." 



    "หวัดดีจ้ะ ไม่เจอกันนานเลยนะ ลูกสบายดีนะ?"



    "ลูกเหรอ? เหอะ!" เขาสบถเบาๆ



    "อ่ะแฮ่ม" จีมินแกล้งกระแอมไอเบาๆเพื่อเตือนชายหนุ่มข้างๆที่เริ่มทำหน้าไม่สบอารมณ์เข้าทุกทีๆ



    "ก็ดี....ครับ..."



    "ในที่สุดก็ยอมกลับมาเยี่ยมบ้านนะ พ่อบ่นถึงตลอดเลย" 



    "........"



    "ทานข้าวกันมารึยังล่ะ?"



    "ทานมาแล้วค่ะ แต่ดูเหมือนว่าคุณยุนกิจะยังไม่อิ่ม ระหว่างทางเขาบอกว่าอยากมาทานที่บ้านด้วย จริงมั้ยคะ?" 



    "อืม....ครับ" อ่า!...ให้ตายเถอะ! เธอหาเรื่องให้เขาอีกแล้ว ไม่ทราบว่าเขาพูดตอนไหน เออเองทั้งนั้น ไม่รู้ว่าเธอวางแผนจะทำอะไรกันแน่ เขาไม่อยากเดา! เพราะเดาไปก็ไม่เคยถูก!



    "งั้นเดี๋ยวน้าให้แม่บ้านทำอาหารเย็นรอ อีกสักพักพ่อเขาก็คงกลับมาจะได้ทานด้วยกัน"



    "ดีเลยค่ะ คุณยุนกิเขารอวันนี้มานานแล้ว ใช่มั้ยคะ?"



    "ครับ...ใช่ครับ-.-" จีมินยิ้มชอบใจเมื่อเห็นว่าตัวเองสามารถออกคำสั่งเขาได้ ถึงแม้จะมีสายตาคาดโทษของชายหนุ่มกลับมาแต่สำหรับใครบางคนแล้ว นี่ถือว่าเป็นภาพบรรยากาศที่ดีสุดๆเลยล่ะ



    "งั้นเดี๋ยวรอแป๊บนึงนะจ๊ะ... ยุนกิ ถ้าลูกอยากนอนที่นี่....ก็ได้นะ"  
    เขาพยักหน้าเพราะไม่รู้ว่าจะตอบกลับเช่นไร ก่อนจะถอนหายใจยาวเมื่อแม่ของตนเดินหายเข้าไปในครัว จากนั้นก็หันกลับมาตวัดสายตาคาดโทษใส่จีมิน



    "เธอมัดมือชกฉัน! ร้ายนักนะ!"



    "ก็ถ้าไม่ทำแบบนี้ คุณจะยอมพูดกับแม่คุณรึเปล่าล่ะคะ?"



    "ไม่! แต่เธอทำเกินไป"



    "ไม่หรอกค่ะ คุณไม่เห็นสีหน้าของท่านตอนที่คุณยอมพูดครับกับท่านเหรอคะ ใบหน้าที่ไม่ค่อยยิ้มมานานหลายปี แต่พอคุณก้าวเท้าเข้ามา ท่านดูดีใจมาก....."



    "ที่เธอพาฉันมาที่นี่เพราะอยากให้ฉันยอมพูดกับแม่?" 



    "ก็ใช่ค่ะแต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่ฉันพาคุณมาที่นี่"



    "อย่าอ้อมค้อมพูดมาเถอะ"



    "ฉันอยากให้คุณปรับความเข้าใจกับท่านถึงเหตุการณ์วันนั้น...."



    "เหอะ! ฉันไม่ทำ!" ยุนกิตัดบท ก่อนจะเดินออกไปดื้อๆ โดยมีจีมินวิ่งตามหลังไปติดๆซึ่งภาพเหตุการณ์ทั้งหมดกระทบถึงจิตใจของหญิงวัยกลางคนไม่น้อย



    "คุณยุนกิ! ฟังฉันก่อนค่ะ!"



    "........."



    "อย่าเพิ่งไปนะคะ! นี่คุณ!" ไม่ว่าจะเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นก็ไม่สามารถตามร่างสูงได้ทันเลย เสียงของเธอไม่ส่งผลให้เขาหยุดเดินแต่กลับสาวเท้าให้เร็วขึ้นๆ ก่อนรถคันหรูจะแล่นออกไปในที่สุด.....



    "คุณมันดื้อดึงจริงๆนะคะ" เธอผ่อนลมหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะตัดสินใจโบกแท็กซี่ให้ตามรถเขาไปติดๆ ขณะที่มือก็กดโทรออกหาเขาไปด้วย และแน่นอนว่าปลายสายไม่รับโทรศัพท์เธอ



    "ระ...รถเป็นอะไรคะคุณลุง!?" 



    "ลุงก็ไม่รู้ อยู่ๆเบรคก็ติด พวงมาลัยก็เหมือนจะบังคับไม่ได้ด้วย!" พอได้ยินแบบนั้น สองมือก็อ่อนปวกเปียกไปดื้อๆ เหงื่อเม็ดเล็กไหลอาบใบหน้า ก่อนจะตั้งสติกดโทรหาชายหนุ่มอีกครั้ง ผลที่ได้คือเขาไม่รับ!



    "ยัยหนูๆ! โดดลงจากรถ ทำได้มั้ย!?"



    "ดะ...โดดเหรอคะ!?"



    "ใช่! ตอนนี้เราทำอะไรไม่ได้ ถ้าไม่โดด ตายสถานเดียว!"



    "แต่ว่า....คุณลุงคะข้างหน้า!..."





    เอี๊ยด!~ ปัง!~ โครม!~



    สิ้นเสียงของจีมินไม่ถึงสองวิฯ เสียงกระแทกของสิ่งของหลายๆอย่างก็โครมครามดังขึ้น ได้สติอีกทีก็ตอนที่รู้สึกคล้ายกับมีอะไรหนักๆมาทับร่าง เพ่งมองดีๆคือซากต้นไม้ที่พุ่งชนเข้ามาตอนเกิดอุบัติเหตุ มือบางสั่นเทาเล็กน้อยแต่ก็ออกแรงดันตัวเองออกมาจากรถได้ในที่สุด



    "เจ็บ....." เธอโอดครวญพร้อมกับกุมแขนข้างซ้ายที่มีแผลลึกจากกระจกบาด น้ำตาเริ่มซึมด้วยความเจ็บปวดและหวาดกลัว แต่ก็ยังตั้งสติไปช่วยเหลือคนขับที่ยังติดอยู่ในรถออกมา



    "คะ...คุณลุงคะ ไหวมั้ย?"



    "อะ...อืม....นะ...หนูล่ะ?" หญิงสาวพยักหน้ารับส่งๆ ทั้งๆที่ความเป็นจริงเธอแทบทนพิษบาดแผลพวกนี้ไม่ไหวด้วยซ้ำ



    "โอ๊ย!" ร่างอวบนั้นทรุดลงเมื่ออดรนทนกลั้นกับความเจ็บปวดไม่ได้ สองมือกุมบาดแผลที่มีเลือดไหลออกมาไม่หยุดเอาไว้ เธอเจ็บเหลือเกิน เจ็บเหมือนถูกหั่นออกเป็นชิ้นๆ ตอนนี้เธออยากให้เขาอยู่ตรงนี้และพาเธอออกไปจากความเจ็บปวดพวกนี้เร็วๆ....
    เขาอยู่ไหนกันนะ....จะรู้มั้ยว่าเธอรอเขาอยู่



    "ยะ...ยัยหนู ใจแข็งไว้นะ!" จีมินพยายามฝืนตอบคุณลุงคนขับว่าเธอโอเค แต่ทำไม่ได้ ตอนนี้สติเริ่มเลือนลางเข้าไปทุกทีๆ แต่ก็คอยบอกตัวเองว่าห้ามหลับเด็ดขาด เพราะเธอกลัว...กลัวว่าถ้าหลับแล้วเธอจะไม่ตื่นขึ้นมาอีก....




    "นี่มันอะไรกัน! บ้าเอ๊ย!" ยุนกิสบถและอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ทุกอย่าง หัวใจเขาแตกสลายทันทีที่รู้ว่ารถคันนี้เป็นคันที่จีมินนั่ง ก่อนร่างสูงจะถลาลงไปประคองร่างอวบไว้ในอ้อมกอด ตบใบหน้าหวานที่มีแต่คราบเลือดเพื่อเรียกสติ 



    "จะ...จีมินอ่า! ไม่เป็นไรใช่มั้ย!?"



    "........."



    "ตอบฉันที.... เธอไม่เป็นไรใช่มั้ย!?"



    "........." ร่างนั้นยังแน่นิ่งไม่มีเสียงใดตอบกลับมานั่นยิ่งทำให้หัวใจแกร่งบีบรัดแน่นจนปวดหนึบ 



    "ได้โปรด.....ฉันขอโทษ....ขอโทษจริงๆ" เสียงอ้อนวอนและเศร้าโศกปะปนกันจนแทบแยกไม่ออกพร้อมกับกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นไปอีก ก่อนจะรีบบึ่งรถพาเธอไปโรงพยาบาลใกล้ๆโดยไม่สนใจเสียงนักกู้ภัยว่าให้เธอปฐมพยาบาลก่อน.....










    สามชั่วโมงผ่านไป....



      นับตั้งแต่ที่ถึงโรงพยาบาล ป่านนี้หมอก็ยังไม่ออกมา เขาเดินวนเวียนอยู่หน้าห้องฉุกเฉินมาหลายชั่วโมง เขาไม่มีกะจิตกะใจนั่งถ้าหมอยังไม่ออกมา 



    "ฉันขอโทษ......" ชายหนุ่มพึมพำพร้อมกับทึ้งหัวตัวเองอย่างหงุดหงิด เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะเขา เป็นเพราะความเอาแต่ใจของเขาที่ทำให้เธอประสบพบเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ ถ้าเขาไม่ขับรถออกมาตั้งแต่แรก ป่านนี้เธอก็คงยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว....คิดแล้วก็อดโทษตัวเองไม่ได้จริงๆ



    "ญาติคนไข้ใช่มั้ยครับ"



    "ครับผมเอง"



    "ตอนนี้เธอปลอดภัยแล้ว หมอให้นอนโรงพยบาลอีกสี่ห้าวัน เพราะกลัวว่าแผลจะติดเชื้อ....เชิญคุณมากรอกประวัติให้คนไข้ด้วยนะครับ"



    "ครับ....." รู้สึกโล่งอกทันทีแต่ก็ยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ตราบใดที่เธอยังไม่พ้นขีดอันตรายจริงๆ ชายหนุ่มหลับตาพร้อมกับถอนหายใจก่อนจะเดินไปกรอกประวัติโดยไม่ลืมส่องผ่านกระจกที่มีร่างอวบนอนอยู่บนเตียงคนไข้ มีเครื่องช่วยหายใจและสายน้ำเกลือ เขารู้สึกขอบคุณพระเจ้าจริงๆที่ยังให้เธออยู่กับเขาเหมือนเดิม....









    สามวันผ่านไป....

    จีมินหลับใหลไปสามวันเต็มๆ จนป่านนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นมา ตลอดระยะเวลาที่อยู่โรงพยาบาลมีชายหนุ่มที่คอยดูแลอยู่ไม่ห่าง  เขาเป็นห่วงเธอมากกว่าตัวเองที่กินอะไรไม่ลงมาสามวันติดๆเช่นกัน



    "นะ...น้ำ" เสียงแผ่วเบาเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากซีดเผือดของคนไข้บนเตียงส่งผลให้ยุนกิที่ฟุบหน้านอนพักสายตาเงยขึ้นมามองอย่างตกใจ ก่อนจะลุกลี้ลุกลนยื่นน้ำให้หญิงสาวดื่ม



    "ไม่เป็นไรแล้วใช่มั้ย?"



    "อื้อ" 



    "เจ็บตรงไหนรึเปล่า"



    "นิดหน่อย....."



    "รออยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวฉันไปตามหมอก่อน" เมื่อเห็นว่าเธอพยักหน้าเขาจึงรีบวิ่งออกไปจากห้อง ผ่านไปไม่ถึงห้านาทีก็กลับเข้ามาพร้อมกับหมอและพยาบาล



    "ตอนนี้อาการน่าจะพ้นขีดอันตรายแล้วครับ แต่ก็ยังวางใจไม่ได้เรื่องแผลติดเชื้อ หมอแนะนำให้นอนโรงพยาบาลต่ออีกสักคืนสองคืนก็น่าจะออกไปพักผ่อนที่บ้านได้แล้วล่ะครับ"



    "ขอบคุณครับ" ยุนกิโค้งหัวเล็กน้อย จากนั้นก็พาตัวเองมานั่งข้างๆเตียงคนไข้



    "ขอโทษนะ...." เขากล่าวเสียงเศร้าพร้อมกับกุมมือบางไว้ในอุ้งมือตัวเองเบาๆ



    "เรื่องอะไรคะ?"



    "ทุกเรื่องเลย...ฉันขอโทษจริงๆ" 



    "เปลี่ยนจากคำขอโทษเป็นอย่างอื่นได้มั้ยคะ?"



    "?"



    "ฉันอยากให้คุณปรับความเข้าใจกับแม่ของคุณ ก่อนที่มันจะสายเกินไป"



    "ทำไมเธอถึงห่วงแต่เรื่องของคนอื่น เอาเรื่องของตัวเองให้รอดก่อนเถอะ" เขาชักหงุดหงิด



    "ฉันไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ....."



    "........."



    "ว่ายังไงคะ?"



    "ก็ได้ๆ ฉันทำตามที่เธอบอกก็ได้ แต่เธอต้องสัญญากับฉันก่อนว่าต่อจากนี้จะไม่เป็นอะไรให้ฉันเป็นห่วงอีก"



    "ฉันจะพยายามนะคะ" จีมินอมยิ้มกับคำสัญญาที่ดูเหมือนคำสั่งเสียมากกว่าของชายหนุ่ม...



    "ไม่พยายาม! เธอต้องทำให้ได้!"



    "ฮ่าๆ ดูสิเนี่ย หน้าคุณตอบลงไปเยอะเลย ไม่เอาแบบนี้นะคะ เดี๋ยวไม่มีหน้าหล่อๆไปให้แฟนคลับดูนะ" จีมินพูดแซวขำๆพร้อมกับเลื่อนมือบางมาประคองใบหน้าหล่อใสของชายหนุ่มไว้ในมือ ก่อนจะถูกอีกฝ่ายคว้าเอาไว้แล้วดึงมือบางมาจูบเบาๆ



    "ก็เพราะเธอนั่นแหละทำให้ฉันกินอะไรไม่ได้มาตั้งสามวัน! เพราะฉะนั้นถ้าเธอหายดีแล้ว เธอต้องรับผิดชอบ"



    "แน่นอนอยู่แล้วค่ะ แต่ตอนนี้คุณต้องรับผิดชอบคำพูดเมื่อกี้ก่อนนะคะ"



    "?"



    "หืม?" 



    "อ่า! ตกลงจะให้ฉันไปเคลียร์กับแม่วันนี้เลยเหรอ ขอเวลาเตรียมใจอีกวันนึงได้มั้ย"



    "อย่าผลัดวันประกันพรุ่งเลยค่ะ ฉันจะรออยู่ที่นี่ สิ่งที่ฉันอยากให้คุณทำคือพูดครับและไม่แสดงมารยาทที่ไม่ดีกับท่าน คุณทำได้มั้ยคะ?"  ตอนแรกก็จะบอกว่าเขาทำไม่ได้ แต่พอเห็นมือบางที่ถูกสายน้ำเกลือและสายต่างๆนาๆเจาะเข้าไปในเส้นเลือดก็ทำให้เขาใจอ่อนยวบลงทันที ยังไงเธอก็เจ็บกว่าเขามาก แน่นอนว่าเขาไม่ยอมให้เธอเจ็บไปกว่านี้แน่....



    "งั้นเธอรออยู่นี่ เดี๋ยวฉันมา" เธอพยักหน้ารับยิ้มๆเมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ขัดคำสั่งของเธอเหมือนที่ผ่านๆมา หวังว่าเขาจะเข้าใจถึงความหวังดีของเธอนะ....







     
           ยุนกิยืนชั่งใจอยู่หน้าบ้านก็นานมากโข ก่อนจะสูดลมหายใจเฮือกใหญ่เพื่อเรียกความมั่นใจให้ตัวเอง ยังไงปัญหาทุกอย่างก็จะต้องจบวันนี้! เขาจะไม่ปล่อยให้มันยืดเยื้ออีกต่อไปแล้ว



    "อ้าว ยุนกิ หนูจีมินเป็นยังไงบ้าง ปลอดภัยดีมั้ย?"



    "เธอเพิ่งฟื้นวันนี้ครับ"



    "โล่งอกไปที....แล้วทำไมลูกไม่อยู่เฝ้าเธอล่ะ?"



    "ผมมีเรื่องจะคุยกับ.....แม่"  แค่คำว่า 'แม่' หลุดออกมาจากปากเขา ก็ทำให้หัวใจหล่อนกลับมามีชีวิตขึ้นอีกครั้ง นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้ยินคำๆนี้ออกมาจากปากลูกชาย



    "เรื่องอะไรเหรอจ๊ะ?"



    "เหตุการณ์วันนั้น....วันที่แม่กับชายผู้นั้นทำเรื่องบาดสีกันในรถ....ลับหลังพ่อและต่อหน้าผม" เขากำหมัดแน่นและยับยั้งอารมณ์ไว้ให้ถึงที่สุด



    "แม่ขอโทษ"



    "แค่คำขอโทษมันลบล้างความผิดได้เหรอ? ผมอยากให้แม่พูดคำอื่นที่ไม่ใช่คำขอโทษ! ผมเบื่อที่ต้องทนฟังคำพวกนี้แล้ว!"



    "ยุนกิ...."



    "อธิบายมาถ้าผมยังอารมณ์ดีๆอยู่!" หล่อนถอนหายใจยาวหลับตาลงชั่วครู่ก่อนจะเริ่มอธิบายทุกอย่างให้ชายหนุ่มฟัง



    "ลูกจำคิมฮีชานเพื่อนของพ่อได้มั้ย?" ยุนกิพยักหน้า 
    "ตอนนั้นครอบครัวเราติดหนี้เขาอยู่หลายสิบล้านจนบริษัทของพ่อเกือบล้มละลาย พ่อบอกกับแม่ว่าทุกอย่างมันจะผ่านไปด้วยดี แต่แม่อยากช่วยพ่อเขา....เลยไปคุยกับฮีชานด้วยตัวเอง....จนกระทั่งเขายื่นข้อเสนอให้แม่...."



    "ข้อเสนออะไร?"



    "แม่ต้องร่วมหลับนอนกับเขาจนกว่าหนี้จะหมดโดยไม่บอกพ่อ...."



    "ให้ตาย! ผมล่ะเชื่อแม่เลยจริงๆ คิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงขายบริการรึไงถึงได้ทำแบบนั้น!" 



    "ถ้าไม่ถึงทางตันแม่ก็คงไม่เลือกทำแบบนี้ตั้งแต่แรกหรอก"



    "แล้วพ่อรู้เรื่องตอนไหน"



    "ตอนที่แม่กำลังจะออกไปหาฮีชาน พ่อเขาเลยสอบสวนแม่ไปยกใหญ่ จนในที่สุดแม่ก็ต้องสารภาพกับพ่อเขาไป"



    "บอกพ่อแต่ไม่บอกผม! คิดว่าผมไม่สำคัญเหรอ!?"



    "ไม่ใช่อย่างนั้นนะยุนกิ ที่แม่ไม่บอกเพราะตอนนั้นลูกยังเด็กแถมยังเรียนหนังสือหนัก แม่ไม่อยากให้ลูกเอาเรื่องครอบครัวไปมีผลต่อการใช้ชีวิตของลูก...."



    "........"



    "เพราะอย่างนี้แม่จึงยอมให้ยุนกิคิดว่าแม่มีชู้ต่อไป....."




    "เหอะ!" เขาส่งเสียงในลำคอเพื่อประชดประชันอีกฝ่าย ถ้ายอมบอกเหตุผลเขาตั้งแต่แรก ป่านนี้เรื่องมันก็คงไม่ยาวยืดเยื้อมาหลายปีหรอก!



    "แม่ขอโทษนะยุนกิที่ไม่ได้บอกลูก แม่พยายามจะอธิบายอยู่หลายครั้งแต่ลูกไม่ยอมฟังแม่...."



    "ช่างเถอะ! ถือว่าเรื่องนี้แม่ผิดผมเองก็ผิด เราผิดกันทั้งสองฝ่าย เพราะฉะนั้น...เรื่องมันจบแล้ว"



    "หมายความว่า?...."



    "ผมเลิกโกรธแม่แล้ว เราไม่มีอะไรบาดหมางกันอีกต่อไป เรื่องอดีตผมจะทิ้งให้มันอยู่ที่นี่ แล้วเราจะเริ่มต้นกันใหม่"



    "ละ...ลูกพูดจริงใช่มั้ย"



    "อืม" หล่อนถลาเข้ามากอดลูกชายหัวแก้วหัวแหวนด้วยความดีใจซึ่งเขาก็กอดตอบเช่นเดียวกัน เธอไม่เคยคิดว่าจะได้อ้อมกอดของลูกชายกลับมา ไม่เคยคิดว่าเขาจะยอมเรียกตัวเองว่าแม่อีกครั้ง แค่สองสิ่งนี้ก็เปรียบเสมือนของขวัญที่พิเศษที่สุดในชีวิตของคนเป็นแม่อย่างเธอแล้วล่ะ



    "พี่ยุนกิคะ" เสียงหวานใสของใครคนหนึ่งส่งผลให้คู่แม่ลูกต้องผละออกจากกัน ก่อนชายหนุ่มจะหันไปมองต้นตอของเสียง พบว่าหญิงสาวร่างบางในชุดเดรสหวานสีชมพูยืนส่งยิ้มหวานมาให้ ถึงให้มองแค่ด้านข้างเขาก็จำได้ดีว่าเธอเป็นใคร....



    "นาอึนอ่า....."






















    มาอัพแล้วน้า! ขอโทษที่มาช้านะคะ ฝากเม้นท์เป็นกำลังใจด้วยเด้อ!



























    { Winter Dark Theme }
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×