ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : แสงดาวในแก้วกาแฟ
ตอน แสงดาวในแก้วกาแฟ
ณ ที่พักนักเดินทาง
บนสถานอันสล้างดังแดนสรวง
ฉ่ำหมอกไอน้ำค้างพร่างพรมพวง
พุ่มดอกใบพรรณไม้ในยามเช้า ฯ
"มองอะไร?"
เจ้าของสายตากลมโตคู่นั้นเอ่ยถามทำลายบรรยากาศสงัดเงียบ ที่เกือบจะมีเพียงเสียงหรีดหริ่งเรไรขึ้นมา
"ทำไมเหรอ?"
ผมเลิกคิ้วถามแบบเนิบๆ ในขณะที่ริมฝีปากยังแตะขอบแก้วกาแฟกระเบื้องเคลือบที่มีควันลอยกรุ่นอยู่
...ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกคุ้น...
"ถ้าเราเข้าใจผิดไปก็ขอโทษด้วย"
"แต่เราว่านายน่ะ...ก็แอบมองเราบ่อยอยู่นะ"
น้ำเสียงและแววตาของเธอบ่งบอกถึงความสงสัยเจือปนความซุกซน ไม่ผิดกับเด็กสาวที่กำลังจะไล่คว้าจับผีเสื้อได้สำเร็จ
"งั้นเหรอ?" ผมขยับตัวอย่างระแวดระวัง ในขณะที่เธอไม่ปล่อยทิ้งช่องว่าง ยังคงรุกตามมาติดๆ
"อย่าๆ เราเห็นนะ ไม่ต้องมาทำไม่รู้ไม่ชี้เลย"
ไม่น่าเชื่อ...ว่าในโลกนี้จะได้มาพบเจอ ได้มารู้จักกับคนที่ให้ความรู้สึกคล้ายๆ กันในเวลาติดๆ กันแบบนี้ได้อย่างเหมาะเจาะ
ถ้าบอกว่าเป็นพี่น้องที่พลัดพรากกันมานานนับสิบปี จะไม่แปลกใจเลย...
"ถ้าเธอบอกได้ว่าเรามองบ่อยๆ แบบนั้น" ในที่สุด หลังจากวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะชั่วคราว ผมก็ได้จังหวะตอบโต้กลับไปบ้าง ขณะที่สายตาจ้องตาเธอนิ่งแทบไม่กะพริบ "แปลว่าเธอก็ต้องมองมาที่เราบ่อยๆ อยู่เหมือนกันใช่มั๊ย?"
คำตอบนี้ทำเอาเธออึ้งไปชั่วขณะ
"คงงั้นแหละ"
"..."
"...."
"นี่คิดอะไรอยู่รึเปล่า?" แล้วเธอก็เป็นฝ่ายทนไม่ไหวต้องพูดทำลายความเงียบขึ้นมา หลังชั่วขณะที่ดูจะยาวนานผิดวิสัย
แน่นอน ทั้งแปลกใจ ทั้งแอบยินดีอยู่เงียบๆ แต่ลึกลงไปแล้ว...ก็ลำบากใจอยู่ดี
ถึงแม้จะเพิ่งได้มองดู ได้รู้จักกันอย่างผิวเผิน เมื่อไม่นานมานี้
แต่ทั้งกริยาท่าทาง รูปร่างหน้าตา รวมๆ แล้วมีส่วนคล้ายคลึง
กับเธอคนนั้น...
"แต่หุ่นอวบไปหน่อยแฮะ.." ผมเผลอหลุดปากเปรยออกมาในขณะที่สายตายังจดจ้องไปยังที่นั่งฝั่งตรงข้าม และใจกำลังนึกถึงภาพอีกคนหนึ่งเปรียบเทียบอยู่
"บ้า!!!"
ดีที่เธอถูกเบี่ยงเบนความสนใจไปในเวลานั้น เพราะพรรคพวกที่มาด้วยกันเริ่มกดกล้องถ่ายรูปกันอีกระลอกอย่างสนุกสนาน ผมหันไปมองดูพวกเขา และกวาดสายตาเลยไปถึงรถของคณะเดินทาง แล้วก็ต้องถอนหายใจ แหงนหน้ามองพ้นขึ้นไปสู่ท้องฟ้าสีกำมะหยี่ยามเช้ามืด
ถึงยังไง เหตุผลที่ผมถูกดึงดูดให้แอบมองเธออย่างนี้ ก็ยังต้องถูกเก็บเป็นความลับ บอกใครๆ ที่นี่ให้รู้ไม่ได้สินะ
...บอกไป ก็ใช่ว่าจะได้อะไรขึ้นมา...
แต่ตอนนี้ผมเกิดสงสัยมากกว่าว่า
อะไรทำให้เรารู้สึกต้องตาต้องใจ? อะไรทำให้เรารู้สึกผูกพัน กับใครคนหนึ่ง?
ถ้าจะบอกว่า ความเป็นคนๆ หนึ่งเกิดจากนิสัย บุคลิก และรูปร่างหน้าตา ที่มารวมเป็นรูปแบบเฉพาะ แล้วล่ะก็...
ผมกำลังหวั่นไหวกับความเป็นตัวเธอเอง หรือเป็นแค่เพราะเธอคล้ายกับหญิงสาวอีกคนหนึ่งที่ผมเคยชอบ เท่านั้น??
และถ้าขุดให้ลึกลงไปกว่านั้น...
สิ่งที่คนเราเรียกกันว่า "ใช่" "ไม่ใช่" หรือ "คู่แท้" มันคืออะไรกันแน่หนอ?
ถ้ามีฝาแฝดคู่หนึ่ง ที่เหมือนกันอย่างที่สุด เท่าที่มนุษย์สองคนจะเหมือนกันได้ ตั้งแต่รูปร่างหน้าตา ไปจนถึงนิสัยส่วนลึก
เราจะรู้สึก "ใช่" รู้สึกผูกพันลึกซึ้งอย่างมากมายกับแฝดคนหนึ่ง
ในขณะที่กลับเฉยชา ไม่อาจรู้สึกอะไร ไม่อาจตอบรับไมตรีอันลึกซึ้งจากแฝดอีกคนหนึ่งเลย ได้หรือไม่?
แล้วคำว่า "ใช่" มันหมายถึงอะไร? สิ่งที่เราตามหากันนั้น มันเป็นอย่างไรกันแน่?
ยิ่งคิดก็ยิ่งวกวน...
หรือที่แท้ เราต่างก็ไล่ไขว่คว้าได้เพียงเงาที่หลอกหลอน ด้วยสายตาที่มองเห็นเพียงพร่าพราง ไม่อาจทะลุม่านหมอกหนาทึบของโลก เช่นที่ปกคลุมทับทัศนวิสัยรอบตัวเราในตอนนี้อยู่ไปได้?
ดุจแสงดาวเหนือขอบฟ้าก่อนอรุณรุ่ง ที่ฉายเงาสะท้อนลงในแก้วกาแฟ ที่อยู่เพียงในกำมือผมอย่างนี้...
บางคนอาจจะดื่มน้ำในแก้วเข้าไป แล้วก็พอใจใหลหลง รู้สึกเสมือนว่าตนได้สัมผัสและลิ้มรสดวงดาวอันสูงล้ำนั้นแล้ว
บางคนอาจบ้าพอที่จะเถียงกันว่า ดวงดาวที่อยู่ในแก้วน้ำคนอื่นเป็นของปลอม ของเขาสิของจริง
แต่มีสักกี่คนกัน? ที่จะกล้ายอมรับว่า...แสงดาวที่อยู่ในแก้ว และใต้ผืนน้ำทั้งมวลนั้น เป็นแค่ภาพมายา
และดวงดาวจริงนั้นส่องประกายจรัสอยู่บนฟากฟ้า สูงและไกลเกินกว่ามนุษย์เดินดินอย่างเราจะอาจเอื้อม?
"เฮ้ย ตรงนั้นน่ะ เราจะออกรถกันต่อ เตรียมตัวได้แล้ว"
ผมยกแก้วกาแฟสดจากไร่ขึ้นซดรวดเดียวหมดแก้ว และลุกขึ้น
พร้อมที่จะก้าวสู่จุดหมายปลายทางต่อไป
ณ ที่พักนักเดินทาง
บนสถานอันสล้างดังแดนสรวง
ฉ่ำหมอกไอน้ำค้างพร่างพรมพวง
พุ่มดอกใบพรรณไม้ในยามเช้า ฯ
"มองอะไร?"
เจ้าของสายตากลมโตคู่นั้นเอ่ยถามทำลายบรรยากาศสงัดเงียบ ที่เกือบจะมีเพียงเสียงหรีดหริ่งเรไรขึ้นมา
"ทำไมเหรอ?"
ผมเลิกคิ้วถามแบบเนิบๆ ในขณะที่ริมฝีปากยังแตะขอบแก้วกาแฟกระเบื้องเคลือบที่มีควันลอยกรุ่นอยู่
...ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกคุ้น...
"ถ้าเราเข้าใจผิดไปก็ขอโทษด้วย"
"แต่เราว่านายน่ะ...ก็แอบมองเราบ่อยอยู่นะ"
น้ำเสียงและแววตาของเธอบ่งบอกถึงความสงสัยเจือปนความซุกซน ไม่ผิดกับเด็กสาวที่กำลังจะไล่คว้าจับผีเสื้อได้สำเร็จ
"งั้นเหรอ?" ผมขยับตัวอย่างระแวดระวัง ในขณะที่เธอไม่ปล่อยทิ้งช่องว่าง ยังคงรุกตามมาติดๆ
"อย่าๆ เราเห็นนะ ไม่ต้องมาทำไม่รู้ไม่ชี้เลย"
ไม่น่าเชื่อ...ว่าในโลกนี้จะได้มาพบเจอ ได้มารู้จักกับคนที่ให้ความรู้สึกคล้ายๆ กันในเวลาติดๆ กันแบบนี้ได้อย่างเหมาะเจาะ
ถ้าบอกว่าเป็นพี่น้องที่พลัดพรากกันมานานนับสิบปี จะไม่แปลกใจเลย...
"ถ้าเธอบอกได้ว่าเรามองบ่อยๆ แบบนั้น" ในที่สุด หลังจากวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะชั่วคราว ผมก็ได้จังหวะตอบโต้กลับไปบ้าง ขณะที่สายตาจ้องตาเธอนิ่งแทบไม่กะพริบ "แปลว่าเธอก็ต้องมองมาที่เราบ่อยๆ อยู่เหมือนกันใช่มั๊ย?"
คำตอบนี้ทำเอาเธออึ้งไปชั่วขณะ
"คงงั้นแหละ"
"..."
"...."
"นี่คิดอะไรอยู่รึเปล่า?" แล้วเธอก็เป็นฝ่ายทนไม่ไหวต้องพูดทำลายความเงียบขึ้นมา หลังชั่วขณะที่ดูจะยาวนานผิดวิสัย
แน่นอน ทั้งแปลกใจ ทั้งแอบยินดีอยู่เงียบๆ แต่ลึกลงไปแล้ว...ก็ลำบากใจอยู่ดี
ถึงแม้จะเพิ่งได้มองดู ได้รู้จักกันอย่างผิวเผิน เมื่อไม่นานมานี้
แต่ทั้งกริยาท่าทาง รูปร่างหน้าตา รวมๆ แล้วมีส่วนคล้ายคลึง
กับเธอคนนั้น...
"แต่หุ่นอวบไปหน่อยแฮะ.." ผมเผลอหลุดปากเปรยออกมาในขณะที่สายตายังจดจ้องไปยังที่นั่งฝั่งตรงข้าม และใจกำลังนึกถึงภาพอีกคนหนึ่งเปรียบเทียบอยู่
"บ้า!!!"
ดีที่เธอถูกเบี่ยงเบนความสนใจไปในเวลานั้น เพราะพรรคพวกที่มาด้วยกันเริ่มกดกล้องถ่ายรูปกันอีกระลอกอย่างสนุกสนาน ผมหันไปมองดูพวกเขา และกวาดสายตาเลยไปถึงรถของคณะเดินทาง แล้วก็ต้องถอนหายใจ แหงนหน้ามองพ้นขึ้นไปสู่ท้องฟ้าสีกำมะหยี่ยามเช้ามืด
ถึงยังไง เหตุผลที่ผมถูกดึงดูดให้แอบมองเธออย่างนี้ ก็ยังต้องถูกเก็บเป็นความลับ บอกใครๆ ที่นี่ให้รู้ไม่ได้สินะ
...บอกไป ก็ใช่ว่าจะได้อะไรขึ้นมา...
แต่ตอนนี้ผมเกิดสงสัยมากกว่าว่า
อะไรทำให้เรารู้สึกต้องตาต้องใจ? อะไรทำให้เรารู้สึกผูกพัน กับใครคนหนึ่ง?
ถ้าจะบอกว่า ความเป็นคนๆ หนึ่งเกิดจากนิสัย บุคลิก และรูปร่างหน้าตา ที่มารวมเป็นรูปแบบเฉพาะ แล้วล่ะก็...
ผมกำลังหวั่นไหวกับความเป็นตัวเธอเอง หรือเป็นแค่เพราะเธอคล้ายกับหญิงสาวอีกคนหนึ่งที่ผมเคยชอบ เท่านั้น??
และถ้าขุดให้ลึกลงไปกว่านั้น...
สิ่งที่คนเราเรียกกันว่า "ใช่" "ไม่ใช่" หรือ "คู่แท้" มันคืออะไรกันแน่หนอ?
ถ้ามีฝาแฝดคู่หนึ่ง ที่เหมือนกันอย่างที่สุด เท่าที่มนุษย์สองคนจะเหมือนกันได้ ตั้งแต่รูปร่างหน้าตา ไปจนถึงนิสัยส่วนลึก
เราจะรู้สึก "ใช่" รู้สึกผูกพันลึกซึ้งอย่างมากมายกับแฝดคนหนึ่ง
ในขณะที่กลับเฉยชา ไม่อาจรู้สึกอะไร ไม่อาจตอบรับไมตรีอันลึกซึ้งจากแฝดอีกคนหนึ่งเลย ได้หรือไม่?
แล้วคำว่า "ใช่" มันหมายถึงอะไร? สิ่งที่เราตามหากันนั้น มันเป็นอย่างไรกันแน่?
ยิ่งคิดก็ยิ่งวกวน...
หรือที่แท้ เราต่างก็ไล่ไขว่คว้าได้เพียงเงาที่หลอกหลอน ด้วยสายตาที่มองเห็นเพียงพร่าพราง ไม่อาจทะลุม่านหมอกหนาทึบของโลก เช่นที่ปกคลุมทับทัศนวิสัยรอบตัวเราในตอนนี้อยู่ไปได้?
ดุจแสงดาวเหนือขอบฟ้าก่อนอรุณรุ่ง ที่ฉายเงาสะท้อนลงในแก้วกาแฟ ที่อยู่เพียงในกำมือผมอย่างนี้...
บางคนอาจจะดื่มน้ำในแก้วเข้าไป แล้วก็พอใจใหลหลง รู้สึกเสมือนว่าตนได้สัมผัสและลิ้มรสดวงดาวอันสูงล้ำนั้นแล้ว
บางคนอาจบ้าพอที่จะเถียงกันว่า ดวงดาวที่อยู่ในแก้วน้ำคนอื่นเป็นของปลอม ของเขาสิของจริง
แต่มีสักกี่คนกัน? ที่จะกล้ายอมรับว่า...แสงดาวที่อยู่ในแก้ว และใต้ผืนน้ำทั้งมวลนั้น เป็นแค่ภาพมายา
และดวงดาวจริงนั้นส่องประกายจรัสอยู่บนฟากฟ้า สูงและไกลเกินกว่ามนุษย์เดินดินอย่างเราจะอาจเอื้อม?
"เฮ้ย ตรงนั้นน่ะ เราจะออกรถกันต่อ เตรียมตัวได้แล้ว"
ผมยกแก้วกาแฟสดจากไร่ขึ้นซดรวดเดียวหมดแก้ว และลุกขึ้น
พร้อมที่จะก้าวสู่จุดหมายปลายทางต่อไป
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น