ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    MORNINGSTAR มอร์นิ่งสตาร์ ภาค เพลงแห่งผู้พลัดพราก

    ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 1 คืนฟ้าถล่ม (ส่วนที่ 3)

    • อัปเดตล่าสุด 30 ก.ย. 50



    (ส่วนที่ 3)


    ทุกอย่างงวดเข้ามาใกล้จะถึงบทสรุป ใกล้ถึงโมงยามสุดท้ายแล้ว
    "อย่าถอย! ต้านมันไว้ให้ได้!" ที่ริมกำแพงพระราชวัง แนวตั้งรับสุดท้ายกำลังพยายามอย่างสิ้นหวัง เหล่าขุนพลในหน่วยราชองครักษ์ชั้นเอกย่อมมีฝีมือเหนือกว่าพลทหารธรรมดาอย่างเทียบกันไม่ได้ แต่กำลังพลที่ท่วมท้นรวมกับพลังความเกรี้ยวกราดของอีกฝ่ายหนึ่ง...ก็เกินกว่าจะรับไหวจริงๆ
    ถนนกว้างปูลาดหินอ่อนที่ทอดเป็นทางเข้าเขตพระราชฐานเคยงดงามบัดนี้เปรอะไปด้วยคราบเลือด และซากของการต่อสู้ นกน้อยครอบครัวหนึ่งอยู่ในรังบนต้นไม้ใกล้ๆ ด้วยร่างกายที่เล็กจ้อยกะทัดรัดของมัน จึงได้แต่ร้องระงมเรียกหากันไปมา ขณะที่ต้นไม้สั่นโคลงไปตามแรงปะทะรอบข้างและความสั่นของพื้นดิน พ่อแม่นกก็ได้แต่กางปีกป้องลูกน้อยในรัง ในขณะที่พายุแห่งความตายหมุนพัดกัดกินโลกอยู่โดยรอบ หยดเลือดหยาดแล้วหยาดเล่าสาดกระเซ็นเฉียดไปมาไม่ต่างอะไรกับเม็ดฝนที่เพิ่งเริ่มพร่างพรมก่อนจะกระหน่ำสาดเทลงทั้งฟ้า
    ผู้นำของหน่วยราชองครักษ์ที่เพิ่งจะเสียม้าคู่ชีพไปสังเวยให้กับคมอาวุธของอีกฝ่ายหนึ่งในพริบตา กระเด็นถอยหลังลงไปกระแทกต้นไม้นั้นไหวสะเทือนเอนไปทั้งต้น ไข่และลูกนกตัวแดงๆ กระเด็นออกจากรัง ฟองไข่แตกแหลกเหลวทันทีที่ลงถึงพื้น ส่วนลูกนกพยายามคลานกระเสือกกระสนต่อไปพลางร้องหาแม่ของมันด้วยเสียงอันเบายิ่งนักเทียบกับสำเนียงแห่งการสัประยุทธ์ของพวกมนุษย์
    จังหวะนั้นศัตรูของเขาวิ่งเข้ามาเหวี่ยงอาวุธใส่ล่อให้เขาฟาดอาวุธปัดออกไปด้วยสัญชาตญาณ ก่อนจะถีบซ้ำเข้าตรงหน้าท้องอย่างรุนแรง เขาชะงัก ท่าทางเหมือนร่างกายหยุดตอบสนองชั่วขณะ เข่าทั้งสองอ่อนเปลี้ยสิ้นแรงจนร่างทรุดฮวบลงในท่ากึ่งหมอบกับพื้น หมวกเกราะที่ปิดคลุมอยู่เลื่อนหลุดออกไปพอดี เผยให้เห็นใบหน้างามภายในนั้นพร้อมปล่อยเส้นผมยาวชุ่มเหงื่อให้คลี่สยายออกมาสะเปะสะปะ
    นี่มัน...
    ข้าผู้ดิ้นรนต่อสู้ด้วยตนเองมาตลอด จนได้รับเกียรติและความไว้วางใจสูงสุดในฐานะราชองครักษ์ ข้าแม่ทัพหญิงผู้เกรียงไกร จะต้องมาจบสิ้นลงที่นี่รึ?
    ไม่นะ...
    "ไม่-!!!"
    ขุนพลฝ่ายกบฏเหวี่ยงค้อนศึกพุ่งลงทุบกระแทกกลางกระหม่อมสุดแรง ราชองครักษ์ส่งเสียงร้องออกมาได้อีกเพียงแอะเดียวก่อนจะล้มลงทอดร่างแน่นิ่งตลอดกาลท่ามกลางสายตาทุกคู่ที่นั่น ศีรษะของเธอพาดลงตรงขอบสระน้ำเล็กๆ ริมถนนนั้น เทเลือดไหลโกรกลงเป็นทางอาบย้อมดอกบัวตูมดอกหนึ่งในสระเป็นสีแดงฉาน
    ขณะที่ส้นเท้าอีกข้างของผู้พิชิตก็เหยียบกระทืบพื้นลงไปตามจังหวะอาวุธ บดขยี้ลงสู่ตัวแม่นกที่บินลงไปหาลูกนกที่เหลือ จนร่างแหลกเหลวในทันทีเกือบพร้อมกัน
    ...โดยไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น
    "วังแตกแล้ว พวกเรา บุกเข้าไป! มันใกล้จะจบแล้ว! เราชนะแล้ว!!!"
    แม้ปราการที่ดูเหมือนแข็งแกร่งที่สุดก็มีวันล่มสลาย แม้แต่พระราชวังที่ดูเหมือนอบอุ่นปลอดภัยราวเป็นใจกลางสวนสวรรค์ ก็ยังมีวันเช่นนี้ ผู้ที่ดูเหมือนแตะต้องไม่ได้...ในที่สุดก็ไม่อาจรอดพ้นจาก...ชะตากรรม...

    อีกด้านหนึ่งไม่ไกลจากนั้น...
    เจ้าหญิงจันทรา กำลังตกอยู่ในอันตราย
    การป้องกันที่เธอมีเหลืออยู่สำหรับตนเอง คือเกราะอ่อนทำด้วยโซ่เงินถักประกอบกับแผ่นเกราะเงินตรงคอ ไหล่ หน้าอก กับท้องน้อย แผ่นเกราะตรงท้องมีตราของ นานนา เทวีแห่งจันทราสลักอยู่ มงกุฎของเธอเป็นแถบสวมศีรษะวงหนึ่งประกอบกับแผ่นเงินรูปจันทร์เสี้ยวหงายขึ้นที่ดูคล้ายเขาสองข้าง

    เจ้าหญิงถือคู่ใบมีดโค้งรูปพระจันทร์เสี้ยว ในท่วงท่าเหมือนลูกปูตัวน้อยกำลังชูสองก้ามขึ้นขู่ท่ามกลางฝูงเหยี่ยวและการายล้อม องครักษ์ที่มีเหลืออยู่ไม่กี่คนเพิ่งจะล้มลงแน่นิ่งไปสิ้นแล้ว
    "อย่าเข้ามาใกล้ข้า" เธอออกคำสั่งอย่างเกรี้ยวกราด เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอำนาจ "ถอยออกไป! เดี๋ยวนี้!"
    ดูเหมือนพวกหน่วยรบชุดดำจะได้รู้ฤทธิ์ของเจ้าหญิงองค์นี้แล้ว เลือดหยดลงมาเป็นทางจากบาดแผลหลายแห่งตามแขนและลำตัวของพวกที่ล้อมอยู่ใกล้สุด และก็ยังไม่มีใครสามารถเข้าใกล้เพื่อจับกุมเธอได้
    แต่ก็เป็นอย่างนั้นอยู่ได้ไม่นาน เมื่ออีกฝ่ายหนึ่งมีกำลังมาสมทบ พวกที่อยู่แถวหน้าจึงถอยกลับออกไป ในขณะที่พวกมาใหม่แทรกสลับวงล้อมเข้ามาด้วยยุทโธปกรณ์ที่ครบเครื่องยิ่งกว่าชุดแรก แล้วเริ่มเปิดฉากจู่โจมอย่างกระชั้นแทบไม่ยอมให้เธอมีจังหวะพักหายใจเลย
    โซ่ถูกเหวี่ยงกวาดออกไปเหนือศีรษะและระดับข้อเท้าให้เจ้าหญิงต้องคอยหลบอย่างน่าหวาดเสียว พลองยาวทำจากเหล็กที่ปลายทั้งสองด้านเป็นน้ำหนักถ่วงและมีหนามแหลมยื่นออกมา ถูกใช้กันการโจมตีของเจ้าหญิง พร้อมกับไล่ต้อนและบีบให้เธอต้องร่นถอยไปจนหลังใกล้จะติดกำแพง

    ในที่สุดเจ้าหญิงก็เพลี่ยงพล้ำ เมื่อมือข้างหนึ่งในถุงมือหนังแข็งกระด้างพุ่งเข้ามาคว้าจับตรงลำคอแล้วยกร่างบอบบางขึ้นด้วยกำลังแขนที่แข็งแกร่ง เจ้าหญิงพยายามดิ้นรน แต่ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าพลังชีวิตของเธอถูกสูบหายไปในความเย็นเยียบที่เกาะกุมอยู่ จากลำคอไล่ไปตามแขนจนถึงปลายมือทั้งสองเริ่มมีอาการชา อ่อนแรงและคลายออกจนปล่อยมีดคู่ให้ร่วงลงไปนิ่งสงบอยู่บนพื้นในที่สุด
    หม้อดินใบหนึ่งถูกนำมา ภายในนั้นบรรจุน้ำมันดินผสมผงถ่าน พวกหน่วยชุดดำควักมันขึ้นมาป้ายไปที่หน้าผากและโหนกแก้มทั้งสองของเจ้าหญิงเป็นการทำเครื่องหมาย
    เธอถูกจับกุมได้แล้ว ถูกปลดชุดเกราะ ยึดใบมีดคู่ ยึดมงกุฎ แล้วควบคุมเดินกลับไปตามทางสู่พระราชวัง ไม่มีขบวนรถแห่แหน ไม่มีดนตรีประโคม มีแต่เหล่าบุคคลแปลกหน้าที่ประกบอยู่รายรอบ

    หลังจุดยุทธศาสตร์ต่างๆ ถูกยึดได้เป็นที่เรียบร้อย พาเคียและผู้ติดตามส่วนหนึ่งก็เคลื่อนพลมุ่งหน้าไปยังพระราชวัง ที่ตกอยู่ใต้การควบคุมโดยทหารของจิเฮ็ก
    ภายในท้องพระโรงเพดานสูงที่เคยโอ่อ่าไม่ว่ายามใด เคยเข้มขลังในยามสงบ เคยคึกคักในยามมีงานรื่นเริงต่างๆ ขณะนี้ตกอยู่ใต้บรรยากาศกดดันตึงเครียด และเศร้าสร้อยของวันสุดท้าย...ก่อนที่ทุกอย่างจะไม่อาจเป็นเหมือนที่เคยเป็นมา ณ ที่แห่งนี้อีกต่อไป รอบท้องพระโรงเต็มไปด้วยกำลังทหารล้อมอยู่ ตื่นตัวพร้อมตลอดเวลา บริเวณตรงกลางมีกลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ใต้เงาของธงผืนใหญ่สีดำมีสัญลักษณ์แห่งเทวีเอเร็ชคิกาล
    บีนูล ภรรยาของจิเฮ็ก เป็นผู้นำหน่วยเพชฌฆาต หน่วยเดียวที่มีสิทธิ์ประหารเชื้อพระวงศ์และคนของศาสนจักรได้ รวมถึงหน่วยลอบสังหาร และพวกอื่นๆ ที่แทรกซึมอยู่ในเมืองมาตั้งแต่ก่อนหน้าการบุกจะเริ่มขึ้น และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้นครหลวงถูกเจาะทะลวงและถูกพิชิตลงได้ราบคาบอย่างง่ายดายกว่าที่ควรจะเป็น

    ประตูเปิดออกอีกครั้งแล้ว ทุกสายตาหันไปมองอย่างช้าๆ ขณะที่เจ้าหญิงถูกควบคุมตัวบังคับให้เดินเข้ามา
    "ท่านแม่! ท่านแม่!!!" เธอพยายามร่ำร้อง ด้วยอาการอ่อนล้าเต็มที หากแต่ผู้ที่เธอเรียกไม่อาจได้ยินเสียงเรียกนั้นอีกต่อไปแล้ว

    ที่หัวแถวของเหล่าสมาชิกราชวงศ์ผู้ไม่มีลมหายใจอยู่อีก อดีตราชินีผู้ปกครองสูงสุดแห่งอาณาจักรนอนทอดร่างแข็งอยู่ตรงนั้นด้วยสภาพน่าอเนจอนาถยิ่งนัก พระพักตร์ของนางถูกป้ายด้วยน้ำมันดินและผงถ่านเป็นสีดำเช่นเดียวกับผู้ถูกพิพากษาคนอื่นๆ แต่ละศพล้วนแต่มีริมฝีปากเขียวคล้ำ เห็นคราบเลือด น้ำตาและน้ำลายไหลเปรอะเปื้อนใบหน้าที่บิดเบี้ยว บ่งบอกถึงความทรมานที่ได้รับในวาระสุดท้ายอย่างชัดเจน
    ที่นอนกองระเกะระกะถัดจากนั้นไปคือหน่วยราชมัล หรือเพชฌฆาตหลวงของอาณาจักรเอง ซึ่งถูกกองทหารของจิเฮ็กฟาดฟันจนดับดิ้นไปก่อนแล้ว
    ดูเหมือนว่ามีบุคคลในระดับสูงเพียงไม่กี่คนที่ยังรอดจากการจู่โจมไปได้ ซึ่งก็พากันแตกหนีกระจายไปตามหัวเมืองต่างๆ รอบทิศ นอกจากนั้น ก็เหลือเพียงเจ้าหญิงองค์เดียวที่จะรอรับชะตากรรมเป็นรายต่อไป

    เจ้าหญิงถูกคุมตัวไปนั่งบนเก้าอี้หน้ากระจกมรณะที่ถูกวางไว้บนแท่นวางในระดับพอดีสายตา ถ้วยบรรจุผงสีเหลืองท่าทางไม่เป็นมิตรถูกยัดเยียดเข้าไปในมืออ่อนนุ่ม
    ผงเกลือแห่งความตาย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×