คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทนำ
MorNingSTr ทัศนียภาพข้างทางดูคุ้นตา วังเวงจนน่าขนลุก เนินดินโผล่ผุดเป็นสุสานฝังศพไร้ญาติจำนวนมากมายละลานไปหมด ทอดเรียงเป็นทิวแถวในหุบตื้นๆ เบื้องล่างถัดไปจากคันดินสูงเทียมไหล่ที่คั่นขอบทางอยู่ ส่วนถนนเบื้องหน้านั้นทอดยาวลาดลู่ลงไปสู่อุโมงค์มืดลอดเนินเขา แล้วเขาก็มาเดินท่อมๆ อยู่แต่ลำพังในที่แบบนี้อีกแล้วหรือ? จะต้องเดินทางต่อไปอีกนานเท่าไรเล่า? ต้องมุ่งแสวงหาอีกเรื่อยไปบนเส้นทางที่วนเวียนซ้ำซากเช่นนี้...จนถึงไหนกันเล่า? แต่วัฏจักรย่อมเป็นไปเช่นนั้น เป็นกงล้อที่หมุนวนผันไปไร้ที่สิ้นสุด แต่ก็ด้วยความสมดุลและสอดคล้องต่อกัน และสิ่งใหม่ก็ย่อมเกิดขึ้นสืบเนื่องจากสิ่งเดิมที่เสื่อมสิ้น ดุจถุงน้ำคร่ำที่ต้องแตกออกเพื่อให้กำเนิดทารก ดุจลูกนกที่ต้องเจาะทำลายเปลือกไข่ ดุจงูที่ต้องฉีกทำลายคราบ ดุจผีเสื้อที่ต้องฉีกทำลายเปลือกดักแด้แลรังไหม เพื่อนำร่างกายภายในที่เติบโตขึ้นออกมา...และเริ่มมุ่งหน้าสู่ช่วงชีวิตใหม่ ทอดทิ้งเปลือกเดิมไว้เบื้องหลังเพียงเพื่อจะให้ถูกเลือนลบหายไปในกาลเวลาที่ไล่กลืนกิน... หรือมิใช่? จนท่ามกลางเสียงฝีเท้าบนพื้นดิน เสียงสายลมและสิ่งใดๆ ที่สายลมพัดปลิว เสียงใบไม้และต้นไม้ที่ขยับไหวดังแกรกกรากอยู่นั้น ก็พลันเกิดมีเสียงแปลกปลอมที่ไม่เสนาะหูเท่าไหร่นักดังแทรกขึ้นมา "เฮ้ย แกน่ะ!" เจ้าของเสียงเรียกเป็นบุรุษหัวโล้นหนวดเคราเฟิ้มรูปร่างล่ำสันในชุดเกราะดูน่าเกรงขาม ตามมาด้วยชายฉกรรจ์ในชุดแบบเดียวกันอีกนับสิบ ทุกคนมีอาวุธครบมือ สำหรับนักรบผู้นั้นถือง้าวใบกว้างที่ดูใหญ่และหนักตีจากเหล็กกล้าเนื้อเดียวกันทั้งเล่ม ส่วนคอมีโซ่ยาวติดอยู่ ปลายโซ่พันรัดรอบด้ามลงมาจนถึงลูกตุ้มรูปกรวยแหลมเล็กที่กวัดแกว่งอยู่เรี่ยดิน ดุจหางของวัวกระทิงที่กำลังจะพุ่งเข้าขวิดคู่ต่อสู้ บนใบง้าวส่วนโคนมีสัญลักษณ์วาดไว้สีแดงฉานเห็นเด่นชัด เป็นรูปวงกลมที่มีลูกศรชี้ออกพุ่งไปหาส่วนปลายคม และมีตัวอักขระเขียนกำกับอยู่ข้างล่างถัดลงมา ซึ่งข้อความที่เขียนก็คงเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากนามของเทพสงคราม เนอร์กัล นั่นเอง ผู้ที่ถูกเรียกหันกลับมาช้าๆ เผยให้เห็นใบหน้าภายใต้ชุดคลุมแบบนักเดินทางซอมซ่อ ท่าทีและแววตายังดูสงบนิ่ง ออกจะดูเฉื่อยเนือยเกินไปสักนิดสำหรับสถานการณ์ตอนนี้ "ผิดคาด...อย่างแกนี่น่ะนะ? จะมีค่าหัวสูงขนาดนี้" อีกฝ่ายโคลงศีรษะไปมาทำหน้าส่อแววดูถูก "แต่อย่าหวังว่าข้าจะประมาท หรืออ่อนข้อให้ล่ะ! รับมือ!" แล้วหัวหน้าหน่วยนักรบก็ย่างสามขุมออกมา พลางสูดหายใจอัดเข้าไปลึกๆ ทีหนึ่ง แล้วกระทืบเท้าเปล่งเสียงออกมากึกก้อง ชูง้าวขึ้นสูงเหนือศีรษะเหมือนจะประกาศศักดา "เนอ-ร์ร์ กัล-ลล!!!" ผ่านสายตาของเขา พรายแสงเรืองสีแดงจางๆ พลันแผ่ออกมาจากใบง้าวเหมือนเปลวไฟที่พลุ่งพล่าน พร้อมกันนั้นรอบกายของนักรบและอาวุธคู่มือก็เกิดร้อนขึ้นจนทุกคนรู้สึกได้ ข้างฝ่ายชายพเนจรก็ไม่รีรออีกต่อไป ชูแผ่นทองแดงขนาดพอเหมาะกับฝ่ามือที่สลักตราสัญลักษณ์บางอย่างขึ้นตรงหน้า แล้วจึงกล่าว "ออกมาเถิด อิชตาร์!" เกิดประกายแสงสุกสว่างวาบขึ้นจำนวนมากดูราวฝูงหิ่งห้อยนับร้อยพัน แล้วจึงลอยมาควบแน่นรวมกันเป็นร่างๆ หนึ่งในอากาศธาตุอย่างรวดเร็ว ณ ที่นั่น ทุกคนก็ได้เห็นหญิงสาวรูปร่างและใบหน้างามหมดจดแฝงไว้ด้วยมนต์ขลังทรงพลังอำนาจ ปล่อยผมสีดำยาวสยายลอยตัวนิ่งอยู่ ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจับจ้องไปยังหมู่คนแปลกหน้าด้วยแววสงบทว่าแฝงความดุดัน อย่างที่ข่มให้มนุษย์ทั่วๆ ไปต้องระย่อได้ในทันที นางสวมใส่ที่คาดหน้าผากและเกราะทำด้วยทองแดงมีลวดลายประณีต ประกอบกับผ้าคลุมสีฟ้าอ่อนสามผืนพลิ้วไหวอยู่ด้านหลังและรอบๆ เอว แขนซ้ายที่เท้าสะเอวติดโล่ทองแดงวาดสัญลักษณ์สีน้ำเงินเข้มรูปวงกลมติดกับกากบาทเล็กๆ มือขวาเกาะกุมเคล้าคลึงเล่นอยู่ตรงด้ามดาบที่สอดใส่ในฝักข้างลำตัว พวกนักรบพากันเงียบกริบทำท่าอึ้งไปชั่วขณะ "หืม?" เจ้าหมอนี่...มันเรียกออกมาได้เป็นรูปเป็นร่างขนาดนี้เชียวรึ? มิน่าล่ะถึงทำท่ามั่นใจนัก "พวกเจ้า จัดการต้านไว้!" หัวหน้านักรบหันไปสั่งลูกน้องของตน ซึ่งกรูกันขึ้นมาแนวหน้าอย่างไม่ค่อยจะฮึกเหิมนักผิดกันกับเมื่อครู่ พลันเงาพร่าเลือนสีฟ้าอมส้มก็ชิงพุ่งเข้าไปกลางกองทหารก่อนที่พวกเขาจะได้ทันตั้งตัวติด เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดและตกใจดังขึ้นแทรกสลับกับเสียงโลหะกระแทกกระทั้น รูปขบวนแตกฮือออกจากกันเหมือนรังผึ้งถูกก้อนหินขว้างใส่ ต่างคนต่างก็ฟาดอาวุธสะเปะสะปะไปเพื่อพยายามต้านทานคมดาบของนางให้ได้ แต่ในขณะเดียวกันนั้น ผู้เป็นหัวหน้าก็ฉวยโอกาสออกวิ่งพรวดพราดไปทางชายหนุ่ม พลางไต่ผนังคันดินข้างทางขึ้น จนเหลือระยะอีกไม่กี่ก้าวเขาก็เหยียบบนรากไม้ที่โผล่ออกมา เพื่อจะถีบทะยานเป็นครั้งสุดท้ายขึ้นไปในอากาศ ทั้งหมดนี้ภายในเวลาชั่วอึดใจเดียวเท่านั้น เขาก็มาหยุดลอยนิ่งอยู่เหนือศีรษะคู่ต่อสู้ ง้าวถูกเหวี่ยงไปข้างหลังพร้อมจู่โจมเต็มที่ รัศมีสีแดงที่เรืองอยู่รอบๆ ง้าวขยายออกไปกว้างกว่าเดิม และแผ่พุ่งเป็นสายลงมาตรึงบริเวณรอบกายเป้าหมายบนพื้นดินไว้คล้ายแมงมุมเข้าจับเหยื่อ พร้อมกับไอร้อนปะทุขึ้นอีกเข้มข้นรุนแรง "ฮ่าๆๆ แกพลาดแล้ว! ตายซะเถอะ!!!" ชายพเนจรกัดฟันแน่น กระแสคลื่นพลังที่กดดันถาโถมลงมาทำเอาเขาต้องทรุดย่อตัวลงด้วยท่อนขาสั่นระริกไม่อาจขยับหนี เหลือแต่มือทั้งสองกำไม้เท้านักเดินทางให้ตั้งตรงค้ำตนไว้ หัวไม้เท้าชี้ขึ้นไปหาร่างทะมึนที่เริ่มคล้อยตกลงมาจากจุดสูงสุด สายตาของเขายังเพ่งมองตามไปพยายามหาทางรับมือ ขณะที่ง้าวที่ดูราวจะอาบไปด้วยไฟแผดเผาถูกฟาดลงมาตรงๆ ด้วยความแรงและเร็ว- แล้วเมื่อนั้นเงาร่างเจิดจ้าก็พุ่งมาวูบใหญ่ ตามมาติดๆ ด้วยเสียงและประกายไฟจากการกระแทกกันของโลหะสองชนิด ร่างจำแลงของเทวี อิชตาร์ ใช้โล่กับแรงเพียงเล็กน้อยปัดวิถีของง้าวให้เบี่ยงออกไปพ้นจากเหยื่อของมันได้อย่างเฉียดฉิว พลังทำลายอันหนักหน่วงระเบิดออกบนพื้นดิน ทำให้เท้าและขาของชายหนุ่มถึงกับชาแปลบปนร้อนวูบ แต่แรงสะท้อนส่วนหนึ่งก็ย้อนตีกลับไปสู่ด้ามง้าวจนเนื้อเหล็กลั่นดังเปรี๊ยะเช่นกัน ในจังหวะนี้องค์เทวีก็ขยับกายพลิกไปเหมือนร่ายรำ ฟาดดาบลงตัดด้ามง้าวขาดสะบั้น ตามด้วยใช้โล่อัดกระแทกสวนเข้าใส่หน้าคู่ต่อสู้เต็มๆ จนหงายหลังล้มลง นางหมุนต่อไปอีกจังหวะหนึ่ง เพื่อที่จะจบกระบวนท่าด้วยการหยุดยืนถือดาบจ่อไปตรงคอของนักรบ ที่บัดนี้สิ้นความอหังการ์นั่งมึนงงเอามือยันพื้นคลุกฝุ่นอยู่ จมูกปากและคิ้วก็แตกมีเลือดไหลเป็นทาง "เจ้าแพ้แล้ว" น้ำเสียงกังวานใสหากแต่เฉียบขาดเปล่งออกมาเป็นครั้งแรก ประกาศชัยชนะอย่างที่อีกฝ่ายไม่อาจขัดขืน ดุลแห่งการต่อสู้ที่พลิกกลับข้างไปมาอย่างหนักหน่วงชวนให้ตระหนกมาตั้งแต่เมื่อครู่ก็ยุติการแกว่งลงได้อย่างเด็ดขาด ไม่ห่างออกไปนัก เหลือนักรบผู้ติดตามเพียงไม่กี่คนที่นอนดิ้นร้องโอดโอยหรือสลบอยู่ ที่เหลือแตกพ่ายหนีไปก่อนแล้ว ..... ต่อมา เมื่ออยู่เพียงลำพังในชายป่ารกร้าง เขานอนหงายหนุนแขนข้างหนึ่งบนพื้นหญ้าที่ลาดเอียง ตาเหม่อมองไปยังพระจันทร์เต็มดวง สลับกับมองแผ่นตราอัญเชิญในมืออีกข้าง เวลาแบบนี้ บรรยากาศแบบนี้ มันทำให้เขานึกถึงอดีต ...กว่าครึ่งปีมาแล้วสินะ ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้น... แล้วความทรงจำของเขาก็โลดแล่นไป สู่ห้วงเหตุการณ์อันแสนสับสนวุ่นวายในครั้งก่อน |
ความคิดเห็น