ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 9
ตอนที่ 9
ท่ามกลางสายหมอกหนา ร่างสองร่างปรากฎให้เห็นอยู่เป็นเงาขะมุกขมัว ร่างหนึ่งออกจะท้วมนั่งอยู่บนเก้าอี้ เบื้องหลังเป็นกำแพงในห้องโถงของสิ่งก่อสร้างคล้ายวิหารหลังนี้ อีกร่างหนึ่งคุกเข่าอยู่ต่อหน้าด้วยท่าทีนอบน้อมเคารพ
"แน่ใจหรือ...ว่าจะรับภารกิจนี้ได้ด้วยตัวคนเดียว?"
ผู้พยากรณ์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง ออกจะเคร่งขรึม
"ครับ" อีกฝ่ายพยักหน้าตอบรับ "ผมพร้อมแล้ว"
.....
และแล้ว เทศกาลแห่งความรัก ก็เวียนมาถึงอีกครั้งหนึ่งจนได้
ข้างนอกเต็มไปด้วยลูกโป่ง ดอกไม้ การประดับตกแต่งด้วยสีแดงและสีชมพู มีช็อคโกแล็ตเป็นแท่งและโกโก้ร้อนในถ้วย ที่ขายดีแบบถล่มทลายแข่งกับช่อดอกไม้และสินค้าสัญลักษณ์แทนความรักอื่นๆ
แต่เธอกำลังนั่งจุมปุ๊กอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ข้างหลังกำแพงที่มั่นอันแข็งแกร่ง ในห้องเล็กๆ ห้องนี้
...โลกที่เป็นส่วนตัวของเธอเอง
แต่เธอก็ไม่ได้คิดว่าเธออยู่โดดเดี่ยวตามลำพัง ตราบใดที่ยังคงเชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ก็เหมือนโลกทั้งโลกอยู่ตรงหน้า และในตอนนี้หญิงสาวก็เพลิดเพลินไปกับโปรแกรมพูดคุย สลับกับพิมพ์งาน และเข้าหน้าเว็บอื่นๆ ไปเรื่อยๆ
ทันใดนั้น หน้าจอโปรแกรมส่งข้อความขึ้นคำเตือนว่าเธอได้รับเมลใหม่ จากผู้พิทักษ์ชะตาของเธอคนนั้น
"คราวนี้จะมีอะไรอีกนะเนี่ย?" เธอนึกพิศวงสงสัยจนอดไม่ได้ที่จะคลิกเรียกหน้าจออ่านเมลขึ้นมาทันที
แต่เธอก็กลับพบว่า มันไม่มีอะไรมากไปกว่าเมลแบบที่ถูกส่งต่อๆ กันไปเรื่อยๆ หรือ ฟอร์เวิร์ดเมล
ซึ่งที่เขาส่งมาให้ ก็เป็นหนึ่งในประเภทยอดนิยมคือ "แบบสอบถาม" ที่ให้ตอบคำถามเกี่ยวกับตัวเอง แล้วส่งตอบกันไปตอบกันมาในวงผู้รับหลายๆ คน เพื่อจะให้รู้จักกันดีขึ้นนั่นเอง
เธอลองอ่านคำถามแต่ละข้อ ก็ดูปกติธรรมดาน่ารักคิกขุแบบขำๆ
ข้อ 1 เธอชื่ออะไร?
ข้อ 2 วัน เดือน ปีเกิด?
ข้อ 3 ชอบสีอะไรเอ่ย?
ข้อ 4 สัตว์เลี้ยงที่ชอบที่สุด?
ข้อ 5 ถ้าให้บรรยายหน้าตาตัวเองจะบรรยายยังไง?
ข้อ 6
...
จำนวนข้อมีไม่กี่สิบ น้อยกว่าที่เธอเคยได้รับมาทุกฉบับ จึงไม่รู้สึกลำบากใจนักที่จะพิมพ์เล่นๆ แล้วตอบไป
แล้วในเวลาไม่นาน เขาก็เชื่อมต่อเข้ามาในระบบของโปรแกรมสนทนา
เขา: ...
เขา: อยู่เปล่า
เธอ: อ้าวมาพอดี ฉันตอบเมลไปแล้วนะ
เขา: ดีแล้วๆ
เขา: อืมนี่ คุณลองอย่างที่ผมบอกนะ
เขา: ส่งเมลฉบับนี้ ต่อไปให้คนที่คุณรู้จักตอบให้เยอะที่สุด แล้วรวบรวมรายชื่อ กับคำตอบแต่ละข้อของแต่ละคนส่งมาให้ผม
เธอ: นี่คุณ จะเอาข้อมูลไปทำอะไรน่ะ - -^
เขา: ผมไม่เอาไปทำมิดีมิร้ายหรอกน่า จะช่วยคุณจัดแยกประเภทให้ไง
เธอ: แยกประเภทอะไร?
เขา: ลองส่งมาให้ผมก่อนสิ รายชื่อน่ะแต่ละคนจะเปลี่ยนให้เป็นชื่อสมมติก็ได้ จะลบข้อมูลติดต่อออกไปก็ดี แต่สำคัญที่คำตอบของคำถาม ตกลงนะ?
เธอ: ...ก็ได้ รอก่อนแล้วกัน อีกหลายๆ วันหน่อยจะส่งไปให้
เขา: อืม
จากนั้น เขาก็ยังไม่ได้ติดต่อมาอีก จนถึงวันสุดสัปดาห์ที่เธอว่างๆ และรวบรวมคำตอบจากคนรู้จักที่ส่งเมลไปให้แต่ละคนมาแล้ว จึงส่งกลับไปให้เขา
แล้วในเวลาไม่นาน ในช่วงค่ำที่เธอนั่งพิมพ์งานสลับกับคุยแช็ทอยู่เช่นเคย เขาก็ปรากฎตัวขึ้น และก็ไม่พูดพล่ามทำเพลง
เขา: ลองอ่านดูสิ
ว่าแล้วเขาก็ส่งไฟล์เอกสารอันหนึ่งมาให้ เธอเปิดดู เห็นรายชื่อของคนที่เธอรู้จักอยู่ในช่องตาราง และมีข้อมูลอะไรยิบย่อยมากมาย
เธอ: ตกลงจะบอกได้รึยังว่ามันคืออะไรน่ะ? -*-
เขา: หึๆๆ
เขา: ผมเอาคำตอบที่พวกเขาตอบแบบสอบถามจากเมลนั้นมาใส่โปรแกรมพิเศษ แล้วมันจะคำนวณออกมาว่า แต่ละคนมีความเข้ากันได้กับคุณมากแค่ไหน แล้วมีรูปแบบความสัมพันธ์ที่น่าจะพัฒนาไปเป็นแบบไหนถึงจะดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นแบบพี่น้อง เพื่อนสนิท คนคอยดูแล ที่ปรึกษา ครูอาจารย์ หรือ...คนที่อาจจะมาเป็นคู่รัก
เมื่อได้รู้เช่นนั้น เธอก็ไล่สายตาอ่านเอกสารด้วยใจระทึก...
แล้วก็แอบตระหนกอยู่เงียบๆ เมื่อหลายต่อหลายคนที่เธอมีความรู้สึกสนิทไปในทางใด หรือบางคนที่กำลังแอบปลื้มอยู่ไม่น้อย ก็ถูกชี้บอกในเอกสารนั้นไปในทางเดียวกัน และมีบางคนที่เธอไม่ได้ใส่ใจนักว่าจะเป็นอย่างไร แต่เมื่อลองนึกดูในตอนนี้ก็เริ่มเห็นภาพเค้าลางความสัมพันธ์ว่าดำเนินไปใน ทางนั้นจริงๆ โดยรวมถือว่าชี้ทางได้ถูกต้องแม่นยำ
ทั้งที่คนเหล่านั้น...ก็ไม่น่าจะรู้จักกับเขามาก่อนมากมายนัก ยิ่งมากกว่าครึ่งเป็นคนใหม่ๆ ที่เริ่มทำความรู้จักกันทางอินเตอร์เน็ตมาได้ไม่นาน หลังจากเธอเริ่มเปิดใจและตั้งใจออกก้าวเดินบนเส้นทางแห่งภารกิจตามล่าหารัก ครั้งนี้
เธอ: บอกตรงๆ นะ ฉันชักรู้สึกว่า...มันยุ่งยากแล้วก็น่ากลัวกว่าที่ควรจะเป็นแล้วสิ
เขา: แล้วไม่คิดมั่งเหรอ ว่า...ถ้าเราแก้ปริศนาลับสุดยอดในโลกแบบเรื่องนี้ได้ มันจะเป็นการเปิดทางให้คนอีกจำนวนมากได้มีโอกาสสมหวังไปด้วยน่ะ?
เธอ: นิดหน่อยมั๊ง แต่ฉันว่า... -.-
เขา: เคยเตรียมใจไว้รึเปล่าล่ะ? ถ้าหากว่าต้องข้ามฟ้าพลิกแผ่นดินกันจริงๆ เพื่อตามหาคนๆ นั้น? ถ้าต้องข้ามผ่านดินแดนลึกลับที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ไประหกระเหินอยู่ที่แล้วที่เล่านับไม่ถ้วน? หรือแม้แต่จะต้องตัดผ่านความมืดข้ามระยะทางเกือบสุดขอบจักรวาลไปให้ได้?
เขา: ทั้งหมดนี้...ผมไม่เชื่อว่าจะทำได้ด้วยการนั่งรำพึงรำพันกับดวงดาว พูดกับตัวเองว่า "ฉันจะไม่ท้อ ฉันจะตามหาคนๆ นั้นให้ได้แม้จะลำบากสักแค่ไหน" แล้วก็กลับไปนั่งใช้ชีวิตไปวันๆ สักแต่รอ นึกหวังให้อะไรสักอย่างเกิดขึ้น โดยไม่ทำอะไรให้สมกับที่ตั้งใจ สมกับที่พูดไว้หรอกนะ!
เขา: เพราะฉะนั้น เข้าใจไว้ซะ นี่ไม่ใช่ภารกิจที่สบายๆ ไร้กังวล
เขา: และเพราะยังงั้นแหละ ถ้าไม่เริ่มจากอะไรพื้นๆ ที่สุด อย่างวิธีคัดแยกข้อมูลจำนวนมากเท่านี้ ถ้าไม่มีวิธีเจาะทะลวงเข้าไปให้ถึงแก่นของแต่ละคน แต่ละสถานการณ์ ด้วยเวลาน้อยที่สุดล่ะก็ ...ถึงจะตายแล้วเกิดใหม่อีกซักสิบชาติ ก็คงยังไปไม่ถึงไหนหรอก
เธอ: แหม ทำเป็นพูดดี คุณเองก็เถอะ ยังเห็นติดค้างอยู่ตัวคนเดียวเหมือนกันไม่ใช่เหรอไง?
เขา: จะว่างั้นก็ได้...
เขา: ถ้าให้พูด พวกเรามันก็พวกต้องสาปเหมือนกัน
เขา: แต่ผมพยายามดิ้นรนสู้กับชะตา...โดยเฉพาะในเรื่องความรัก...ของตัวเองมาก่อนคุณ อย่างน้อยก็ในชีวิตนี้น่ะนะ
เขา: แล้วอีกอย่าง อย่าลืมว่าผมรู้เรื่องระหว่างเราที่ผ่านมาทุกอย่าง แต่คุณน่ะยังจำอะไรไม่ได้เลย
เธอ: แล้วเราคุยกันมาตั้งนาน คุณก็ไม่เคยเล่าให้ฉันฟังจริงๆ จังๆ ซักที
เขา: พอผมจะเล่าทีไร คุณก็ไม่เห็นเคยเต็มใจรับเลยนี่นา
เขา: เหมือนกับว่า คุณมีความเชื่อลึกๆ อยู่แล้วว่าเรื่องราวมันน่าจะเป็นอีกแบบนึงแน่ๆ ไม่ใช่อย่างที่ผมบอก
เธอ: ...
เขา: ...
ทั้งคู่เงียบไปพักใหญ่ๆ เหมือนพยายามสงบสติตัวเองก่อนที่จะบานปลาย แล้วเธอก็พยายามดึงกลับมาเข้าเรื่องเดิมที่ค้างไว้
เธอ: นี่ บางอารมณ์ฉันก็ชักจะรู้สึกปลงๆ เหมือนกันนะ คงเพราะไม่เคยคิดว่ากับเรื่องที่ดูธรรมดาๆ เหมือนที่เราเห็นคู่รักชายหญิงจับมือเดินควงแขนคลอเคลียกันเกลื่อนเมือง มันจะกลายเป็นอะไรที่ยุ่งยากซับซ้อนซ่อนเงื่อนไปได้ขนาดนี้
เธอ: จนบางทีแอบคิดว่า ถ้าหมดแรงเมื่อไหร่ฉันคงปล่อยให้มันเป็นไปตามอย่างที่มันเป็น ไม่อยากไปฝืนมันแล้ว จริงๆ นะ...
เขา: แต่...มันก็คุ้มค่าที่จะลองท้าทายดูไม่ใช่รึไง? ท้าทายสิ่งที่เรียกว่า...ชะตากรรม ไม่ว่ามันจะถูกกำหนดมาจากใครหรืออะไรก็ตาม!
เขา: เหมือนกับนกอินทรี ที่มันมีปีกที่บินขึ้นไปได้สูงและพุ่งทะยานในอากาศได้เร็วขนาดนั้น มีสายตามองเห็นไปได้เหมือนจะไกลสุดขอบฟ้าและเห็นแม้แต่เหยื่อตัวเล็กๆ ได้จากที่สูงขนาดนั้น มีกรงเล็บกับลีลาการจับเหยื่อที่ทรงอำนาจเด็ดขาดขนาดนั้น ก็เพราะแบบนั้นไม่ใช่เหรอ? ทำให้มันดูสง่างามและน่าเกรงขาม ถูกเรียกเป็นเจ้าเวหา เพราะมันทำในสิ่งที่หาสัตว์อื่นๆ เทียบได้ยากนั่นแหละ
เธอเริ่มนึกหมั่นไส้กับถ้อยคำบรรยายของเขาขึ้นมาตะหงิดๆ เลยพิมพ์สวนไป
เธอ: ค่าๆ พ่อคนเก่ง
ด้วยเหตุบางอย่าง ทำให้เขาชะงักงันไป เมื่อจับกระแสอารมณ์ในข้อความที่ส่งมา
เขา: นี่ เดี๋ยวผมจะไม่อยู่ซักหลายๆ วันนะ!
เธอ: หา - -^
เขา: ไม่ต้องไปตามหาด้วย -*-
เธอ: ฉันอุทาน ไม่ได้บอกว่าจะไปตามหา =*=
เขา: อ้าว
เธอ: คุณนั่นแหละ เป็นอะไรไปอีกล่ะ?
เขาไม่ตอบ แต่ส่งเครื่องหมายรูปภาพคนโบกมือลามาให้ แล้วตัดตัวเองออกไปจากเครือข่ายสนทนาโดยฉับพลัน
เกือบไปแล้ว...
ชายหนุ่มฟุบหน้าลงกับฝ่ามือบนโต๊ะหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ พลางถอนหายใจยาวๆ เฮือกหนึ่ง เหมือนเหนื่อยล้ากับอะไรบางอย่าง
คนเรา พลาดแล้วต้องรู้จักจำ ยิ่งต้องเรียนรู้จากความผิดพลาดที่ผ่านมาของตนเอง
ถ้าไม่อย่างนั้น ที่อุตส่าห์ล้มลุกคลุกคลานมาตามทางทั้งหมดนี่ ที่พลาดพลั้งทำร้ายทั้งตนเองและคนอื่นๆ ไปก็ไม่ใช่น้อยๆ มันจะได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา?
เขา...ยังมีอะไรอีกมากมายที่จะบอกกับเธอ อยากจะขอโทษกับหลายๆ สิ่ง...
แต่ถ้าพูดออกไปตอนนี้ มันก็คงไม่ทำให้เธอเข้าใจเรื่องราวอะไรขึ้นมาได้ มีแต่จะระแวงเขามากขึ้น และทำให้งานของเขายากขึ้นเท่านั้นเอง
คำพูดคำหนึ่งเมื่อนานมาแล้วลอยผ่านเข้ามาในห้วงความคิด ด้วยแรงกระแทกให้สะเทือนไปถึงใจลึกๆ อีกครั้ง
"นี่จะบีบบังคับกันใช่มั๊ย?!?"
ใช่...คงเป็นเพราะอย่างนี้ล่ะมั๊ง คงเพราะเขารู้ข้อมูลของเธอดีกว่าที่เธอรู้จักเขามาแต่แรก รู้ว่าเธอเป็นคนอย่างไร และเส้นทางของเธออยู่บนอุดมคติแบบใด
แท้จริงแล้วอิสรภาพและระยะห่าง เป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับเธอ
แต่เขาก็ยังตกหลุม ติดกับดักง่ายๆ ตื้นๆ แล้วกลายเป็นผู้ใช้ความรู้ของเขาชักนำบงการเธอโดยไม่รู้ตัว
ในขณะที่จากฝั่งของเธอ...มันคงเป็นความสัมพันธ์ที่ผิดที่ผิดทาง ไม่ใช่อย่างที่ควรจะเป็นมาตั้งแต่แรก
เอาเถอะ...
เขาค่อยแหงนหน้าลุกขึ้นมานั่งตรงๆ อีกครั้ง พลางสูดหายใจเข้าลึกและยาว
ถึงอย่างไรการยอมแพ้ การถอยหนีไปจากเส้นทางที่เป็นอยู่ ก็ไม่ทำให้อะไรๆ ดีขึ้น
เมื่อได้รับโอกาสให้พิสูจน์อีกครั้ง ก็หวังเป็นที่สุดว่า...เขาจะไม่ทำผิดซ้ำซากในคราวนี้อีก
.....
ทางด้านหญิงสาวผู้ยังสับสน แสวงหาที่ทางของตนเอง ก็กลับไปสนใจแต่เรื่องงานที่กำลังเร่งเร้า และต้องออกต่างจังหวัดอีกแล้ว
จะว่าไปตั้งแต่ช่วงที่เธอมาถึงที่ทำงานใหม่ หัวหน้าและพี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆ ที่ทำงานก็พากันเดินทางไปโน่นมานี่บ่อยมาก จนเธอชักสงสัยว่าจะเปลี่ยนไปทำกิจการท่องเที่ยวกันแทนแล้วหรืออย่างไร
และก็ให้บังเอิญว่า ในขณะที่เธอกำลังมองทิวทัศน์ที่ห่างไกลความเจริญข้างทางเพลินๆ อยู่บนรถไฟ และมีอีกขบวนหนึ่งแล่นสวนมา
เธอก็สังเกตเห็นในชั่วแวบ ว่าชายที่นั่งริมหน้าต่างเหม่อมองมาทางขบวนนี้ แถมยังใส่เสื้อสีเหมือนกัน ...ไม่ใช่ใครอื่นเลย
และเขาก็สังเกตเห็นเธอเช่นกัน
ขบวนที่เธอกำลังนั่งอยู่ วิ่งขึ้นไปทางเหนือ ส่วนอีกขบวนวิ่งลงไปสู่ทิศใต้
"...ไหน!?" เขาโบกไม้โบกมือตะโกนถามทันควัน ในจังหวะเพียงชั่ววินาที
เธอกำลังจะตอบ แต่ช้าเกินไป เมื่อตู้รถที่เขานั่งอยู่ แล่นผ่านหน้าต่างลับหายไปไกลจากเธอเสียแล้ว
ทิ้งคำถามไว้เป็นทางยาวพอๆ กับขบวนรถไฟว่า...เขาจะไปไหนกันแน่ ถึงได้รีบร้อนขนาดนั้น?
ท่ามกลางสายหมอกหนา ร่างสองร่างปรากฎให้เห็นอยู่เป็นเงาขะมุกขมัว ร่างหนึ่งออกจะท้วมนั่งอยู่บนเก้าอี้ เบื้องหลังเป็นกำแพงในห้องโถงของสิ่งก่อสร้างคล้ายวิหารหลังนี้ อีกร่างหนึ่งคุกเข่าอยู่ต่อหน้าด้วยท่าทีนอบน้อมเคารพ
"แน่ใจหรือ...ว่าจะรับภารกิจนี้ได้ด้วยตัวคนเดียว?"
ผู้พยากรณ์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง ออกจะเคร่งขรึม
"ครับ" อีกฝ่ายพยักหน้าตอบรับ "ผมพร้อมแล้ว"
.....
และแล้ว เทศกาลแห่งความรัก ก็เวียนมาถึงอีกครั้งหนึ่งจนได้
ข้างนอกเต็มไปด้วยลูกโป่ง ดอกไม้ การประดับตกแต่งด้วยสีแดงและสีชมพู มีช็อคโกแล็ตเป็นแท่งและโกโก้ร้อนในถ้วย ที่ขายดีแบบถล่มทลายแข่งกับช่อดอกไม้และสินค้าสัญลักษณ์แทนความรักอื่นๆ
แต่เธอกำลังนั่งจุมปุ๊กอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ข้างหลังกำแพงที่มั่นอันแข็งแกร่ง ในห้องเล็กๆ ห้องนี้
...โลกที่เป็นส่วนตัวของเธอเอง
แต่เธอก็ไม่ได้คิดว่าเธออยู่โดดเดี่ยวตามลำพัง ตราบใดที่ยังคงเชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ก็เหมือนโลกทั้งโลกอยู่ตรงหน้า และในตอนนี้หญิงสาวก็เพลิดเพลินไปกับโปรแกรมพูดคุย สลับกับพิมพ์งาน และเข้าหน้าเว็บอื่นๆ ไปเรื่อยๆ
ทันใดนั้น หน้าจอโปรแกรมส่งข้อความขึ้นคำเตือนว่าเธอได้รับเมลใหม่ จากผู้พิทักษ์ชะตาของเธอคนนั้น
"คราวนี้จะมีอะไรอีกนะเนี่ย?" เธอนึกพิศวงสงสัยจนอดไม่ได้ที่จะคลิกเรียกหน้าจออ่านเมลขึ้นมาทันที
แต่เธอก็กลับพบว่า มันไม่มีอะไรมากไปกว่าเมลแบบที่ถูกส่งต่อๆ กันไปเรื่อยๆ หรือ ฟอร์เวิร์ดเมล
ซึ่งที่เขาส่งมาให้ ก็เป็นหนึ่งในประเภทยอดนิยมคือ "แบบสอบถาม" ที่ให้ตอบคำถามเกี่ยวกับตัวเอง แล้วส่งตอบกันไปตอบกันมาในวงผู้รับหลายๆ คน เพื่อจะให้รู้จักกันดีขึ้นนั่นเอง
เธอลองอ่านคำถามแต่ละข้อ ก็ดูปกติธรรมดาน่ารักคิกขุแบบขำๆ
ข้อ 1 เธอชื่ออะไร?
ข้อ 2 วัน เดือน ปีเกิด?
ข้อ 3 ชอบสีอะไรเอ่ย?
ข้อ 4 สัตว์เลี้ยงที่ชอบที่สุด?
ข้อ 5 ถ้าให้บรรยายหน้าตาตัวเองจะบรรยายยังไง?
ข้อ 6
...
จำนวนข้อมีไม่กี่สิบ น้อยกว่าที่เธอเคยได้รับมาทุกฉบับ จึงไม่รู้สึกลำบากใจนักที่จะพิมพ์เล่นๆ แล้วตอบไป
แล้วในเวลาไม่นาน เขาก็เชื่อมต่อเข้ามาในระบบของโปรแกรมสนทนา
เขา: ...
เขา: อยู่เปล่า
เธอ: อ้าวมาพอดี ฉันตอบเมลไปแล้วนะ
เขา: ดีแล้วๆ
เขา: อืมนี่ คุณลองอย่างที่ผมบอกนะ
เขา: ส่งเมลฉบับนี้ ต่อไปให้คนที่คุณรู้จักตอบให้เยอะที่สุด แล้วรวบรวมรายชื่อ กับคำตอบแต่ละข้อของแต่ละคนส่งมาให้ผม
เธอ: นี่คุณ จะเอาข้อมูลไปทำอะไรน่ะ - -^
เขา: ผมไม่เอาไปทำมิดีมิร้ายหรอกน่า จะช่วยคุณจัดแยกประเภทให้ไง
เธอ: แยกประเภทอะไร?
เขา: ลองส่งมาให้ผมก่อนสิ รายชื่อน่ะแต่ละคนจะเปลี่ยนให้เป็นชื่อสมมติก็ได้ จะลบข้อมูลติดต่อออกไปก็ดี แต่สำคัญที่คำตอบของคำถาม ตกลงนะ?
เธอ: ...ก็ได้ รอก่อนแล้วกัน อีกหลายๆ วันหน่อยจะส่งไปให้
เขา: อืม
จากนั้น เขาก็ยังไม่ได้ติดต่อมาอีก จนถึงวันสุดสัปดาห์ที่เธอว่างๆ และรวบรวมคำตอบจากคนรู้จักที่ส่งเมลไปให้แต่ละคนมาแล้ว จึงส่งกลับไปให้เขา
แล้วในเวลาไม่นาน ในช่วงค่ำที่เธอนั่งพิมพ์งานสลับกับคุยแช็ทอยู่เช่นเคย เขาก็ปรากฎตัวขึ้น และก็ไม่พูดพล่ามทำเพลง
เขา: ลองอ่านดูสิ
ว่าแล้วเขาก็ส่งไฟล์เอกสารอันหนึ่งมาให้ เธอเปิดดู เห็นรายชื่อของคนที่เธอรู้จักอยู่ในช่องตาราง และมีข้อมูลอะไรยิบย่อยมากมาย
เธอ: ตกลงจะบอกได้รึยังว่ามันคืออะไรน่ะ? -*-
เขา: หึๆๆ
เขา: ผมเอาคำตอบที่พวกเขาตอบแบบสอบถามจากเมลนั้นมาใส่โปรแกรมพิเศษ แล้วมันจะคำนวณออกมาว่า แต่ละคนมีความเข้ากันได้กับคุณมากแค่ไหน แล้วมีรูปแบบความสัมพันธ์ที่น่าจะพัฒนาไปเป็นแบบไหนถึงจะดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นแบบพี่น้อง เพื่อนสนิท คนคอยดูแล ที่ปรึกษา ครูอาจารย์ หรือ...คนที่อาจจะมาเป็นคู่รัก
เมื่อได้รู้เช่นนั้น เธอก็ไล่สายตาอ่านเอกสารด้วยใจระทึก...
แล้วก็แอบตระหนกอยู่เงียบๆ เมื่อหลายต่อหลายคนที่เธอมีความรู้สึกสนิทไปในทางใด หรือบางคนที่กำลังแอบปลื้มอยู่ไม่น้อย ก็ถูกชี้บอกในเอกสารนั้นไปในทางเดียวกัน และมีบางคนที่เธอไม่ได้ใส่ใจนักว่าจะเป็นอย่างไร แต่เมื่อลองนึกดูในตอนนี้ก็เริ่มเห็นภาพเค้าลางความสัมพันธ์ว่าดำเนินไปใน ทางนั้นจริงๆ โดยรวมถือว่าชี้ทางได้ถูกต้องแม่นยำ
ทั้งที่คนเหล่านั้น...ก็ไม่น่าจะรู้จักกับเขามาก่อนมากมายนัก ยิ่งมากกว่าครึ่งเป็นคนใหม่ๆ ที่เริ่มทำความรู้จักกันทางอินเตอร์เน็ตมาได้ไม่นาน หลังจากเธอเริ่มเปิดใจและตั้งใจออกก้าวเดินบนเส้นทางแห่งภารกิจตามล่าหารัก ครั้งนี้
เธอ: บอกตรงๆ นะ ฉันชักรู้สึกว่า...มันยุ่งยากแล้วก็น่ากลัวกว่าที่ควรจะเป็นแล้วสิ
เขา: แล้วไม่คิดมั่งเหรอ ว่า...ถ้าเราแก้ปริศนาลับสุดยอดในโลกแบบเรื่องนี้ได้ มันจะเป็นการเปิดทางให้คนอีกจำนวนมากได้มีโอกาสสมหวังไปด้วยน่ะ?
เธอ: นิดหน่อยมั๊ง แต่ฉันว่า... -.-
เขา: เคยเตรียมใจไว้รึเปล่าล่ะ? ถ้าหากว่าต้องข้ามฟ้าพลิกแผ่นดินกันจริงๆ เพื่อตามหาคนๆ นั้น? ถ้าต้องข้ามผ่านดินแดนลึกลับที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ไประหกระเหินอยู่ที่แล้วที่เล่านับไม่ถ้วน? หรือแม้แต่จะต้องตัดผ่านความมืดข้ามระยะทางเกือบสุดขอบจักรวาลไปให้ได้?
เขา: ทั้งหมดนี้...ผมไม่เชื่อว่าจะทำได้ด้วยการนั่งรำพึงรำพันกับดวงดาว พูดกับตัวเองว่า "ฉันจะไม่ท้อ ฉันจะตามหาคนๆ นั้นให้ได้แม้จะลำบากสักแค่ไหน" แล้วก็กลับไปนั่งใช้ชีวิตไปวันๆ สักแต่รอ นึกหวังให้อะไรสักอย่างเกิดขึ้น โดยไม่ทำอะไรให้สมกับที่ตั้งใจ สมกับที่พูดไว้หรอกนะ!
เขา: เพราะฉะนั้น เข้าใจไว้ซะ นี่ไม่ใช่ภารกิจที่สบายๆ ไร้กังวล
เขา: และเพราะยังงั้นแหละ ถ้าไม่เริ่มจากอะไรพื้นๆ ที่สุด อย่างวิธีคัดแยกข้อมูลจำนวนมากเท่านี้ ถ้าไม่มีวิธีเจาะทะลวงเข้าไปให้ถึงแก่นของแต่ละคน แต่ละสถานการณ์ ด้วยเวลาน้อยที่สุดล่ะก็ ...ถึงจะตายแล้วเกิดใหม่อีกซักสิบชาติ ก็คงยังไปไม่ถึงไหนหรอก
เธอ: แหม ทำเป็นพูดดี คุณเองก็เถอะ ยังเห็นติดค้างอยู่ตัวคนเดียวเหมือนกันไม่ใช่เหรอไง?
เขา: จะว่างั้นก็ได้...
เขา: ถ้าให้พูด พวกเรามันก็พวกต้องสาปเหมือนกัน
เขา: แต่ผมพยายามดิ้นรนสู้กับชะตา...โดยเฉพาะในเรื่องความรัก...ของตัวเองมาก่อนคุณ อย่างน้อยก็ในชีวิตนี้น่ะนะ
เขา: แล้วอีกอย่าง อย่าลืมว่าผมรู้เรื่องระหว่างเราที่ผ่านมาทุกอย่าง แต่คุณน่ะยังจำอะไรไม่ได้เลย
เธอ: แล้วเราคุยกันมาตั้งนาน คุณก็ไม่เคยเล่าให้ฉันฟังจริงๆ จังๆ ซักที
เขา: พอผมจะเล่าทีไร คุณก็ไม่เห็นเคยเต็มใจรับเลยนี่นา
เขา: เหมือนกับว่า คุณมีความเชื่อลึกๆ อยู่แล้วว่าเรื่องราวมันน่าจะเป็นอีกแบบนึงแน่ๆ ไม่ใช่อย่างที่ผมบอก
เธอ: ...
เขา: ...
ทั้งคู่เงียบไปพักใหญ่ๆ เหมือนพยายามสงบสติตัวเองก่อนที่จะบานปลาย แล้วเธอก็พยายามดึงกลับมาเข้าเรื่องเดิมที่ค้างไว้
เธอ: นี่ บางอารมณ์ฉันก็ชักจะรู้สึกปลงๆ เหมือนกันนะ คงเพราะไม่เคยคิดว่ากับเรื่องที่ดูธรรมดาๆ เหมือนที่เราเห็นคู่รักชายหญิงจับมือเดินควงแขนคลอเคลียกันเกลื่อนเมือง มันจะกลายเป็นอะไรที่ยุ่งยากซับซ้อนซ่อนเงื่อนไปได้ขนาดนี้
เธอ: จนบางทีแอบคิดว่า ถ้าหมดแรงเมื่อไหร่ฉันคงปล่อยให้มันเป็นไปตามอย่างที่มันเป็น ไม่อยากไปฝืนมันแล้ว จริงๆ นะ...
เขา: แต่...มันก็คุ้มค่าที่จะลองท้าทายดูไม่ใช่รึไง? ท้าทายสิ่งที่เรียกว่า...ชะตากรรม ไม่ว่ามันจะถูกกำหนดมาจากใครหรืออะไรก็ตาม!
เขา: เหมือนกับนกอินทรี ที่มันมีปีกที่บินขึ้นไปได้สูงและพุ่งทะยานในอากาศได้เร็วขนาดนั้น มีสายตามองเห็นไปได้เหมือนจะไกลสุดขอบฟ้าและเห็นแม้แต่เหยื่อตัวเล็กๆ ได้จากที่สูงขนาดนั้น มีกรงเล็บกับลีลาการจับเหยื่อที่ทรงอำนาจเด็ดขาดขนาดนั้น ก็เพราะแบบนั้นไม่ใช่เหรอ? ทำให้มันดูสง่างามและน่าเกรงขาม ถูกเรียกเป็นเจ้าเวหา เพราะมันทำในสิ่งที่หาสัตว์อื่นๆ เทียบได้ยากนั่นแหละ
เธอเริ่มนึกหมั่นไส้กับถ้อยคำบรรยายของเขาขึ้นมาตะหงิดๆ เลยพิมพ์สวนไป
เธอ: ค่าๆ พ่อคนเก่ง
ด้วยเหตุบางอย่าง ทำให้เขาชะงักงันไป เมื่อจับกระแสอารมณ์ในข้อความที่ส่งมา
เขา: นี่ เดี๋ยวผมจะไม่อยู่ซักหลายๆ วันนะ!
เธอ: หา - -^
เขา: ไม่ต้องไปตามหาด้วย -*-
เธอ: ฉันอุทาน ไม่ได้บอกว่าจะไปตามหา =*=
เขา: อ้าว
เธอ: คุณนั่นแหละ เป็นอะไรไปอีกล่ะ?
เขาไม่ตอบ แต่ส่งเครื่องหมายรูปภาพคนโบกมือลามาให้ แล้วตัดตัวเองออกไปจากเครือข่ายสนทนาโดยฉับพลัน
เกือบไปแล้ว...
ชายหนุ่มฟุบหน้าลงกับฝ่ามือบนโต๊ะหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ พลางถอนหายใจยาวๆ เฮือกหนึ่ง เหมือนเหนื่อยล้ากับอะไรบางอย่าง
คนเรา พลาดแล้วต้องรู้จักจำ ยิ่งต้องเรียนรู้จากความผิดพลาดที่ผ่านมาของตนเอง
ถ้าไม่อย่างนั้น ที่อุตส่าห์ล้มลุกคลุกคลานมาตามทางทั้งหมดนี่ ที่พลาดพลั้งทำร้ายทั้งตนเองและคนอื่นๆ ไปก็ไม่ใช่น้อยๆ มันจะได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา?
เขา...ยังมีอะไรอีกมากมายที่จะบอกกับเธอ อยากจะขอโทษกับหลายๆ สิ่ง...
แต่ถ้าพูดออกไปตอนนี้ มันก็คงไม่ทำให้เธอเข้าใจเรื่องราวอะไรขึ้นมาได้ มีแต่จะระแวงเขามากขึ้น และทำให้งานของเขายากขึ้นเท่านั้นเอง
คำพูดคำหนึ่งเมื่อนานมาแล้วลอยผ่านเข้ามาในห้วงความคิด ด้วยแรงกระแทกให้สะเทือนไปถึงใจลึกๆ อีกครั้ง
"นี่จะบีบบังคับกันใช่มั๊ย?!?"
ใช่...คงเป็นเพราะอย่างนี้ล่ะมั๊ง คงเพราะเขารู้ข้อมูลของเธอดีกว่าที่เธอรู้จักเขามาแต่แรก รู้ว่าเธอเป็นคนอย่างไร และเส้นทางของเธออยู่บนอุดมคติแบบใด
แท้จริงแล้วอิสรภาพและระยะห่าง เป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับเธอ
แต่เขาก็ยังตกหลุม ติดกับดักง่ายๆ ตื้นๆ แล้วกลายเป็นผู้ใช้ความรู้ของเขาชักนำบงการเธอโดยไม่รู้ตัว
ในขณะที่จากฝั่งของเธอ...มันคงเป็นความสัมพันธ์ที่ผิดที่ผิดทาง ไม่ใช่อย่างที่ควรจะเป็นมาตั้งแต่แรก
เอาเถอะ...
เขาค่อยแหงนหน้าลุกขึ้นมานั่งตรงๆ อีกครั้ง พลางสูดหายใจเข้าลึกและยาว
ถึงอย่างไรการยอมแพ้ การถอยหนีไปจากเส้นทางที่เป็นอยู่ ก็ไม่ทำให้อะไรๆ ดีขึ้น
เมื่อได้รับโอกาสให้พิสูจน์อีกครั้ง ก็หวังเป็นที่สุดว่า...เขาจะไม่ทำผิดซ้ำซากในคราวนี้อีก
.....
ทางด้านหญิงสาวผู้ยังสับสน แสวงหาที่ทางของตนเอง ก็กลับไปสนใจแต่เรื่องงานที่กำลังเร่งเร้า และต้องออกต่างจังหวัดอีกแล้ว
จะว่าไปตั้งแต่ช่วงที่เธอมาถึงที่ทำงานใหม่ หัวหน้าและพี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆ ที่ทำงานก็พากันเดินทางไปโน่นมานี่บ่อยมาก จนเธอชักสงสัยว่าจะเปลี่ยนไปทำกิจการท่องเที่ยวกันแทนแล้วหรืออย่างไร
และก็ให้บังเอิญว่า ในขณะที่เธอกำลังมองทิวทัศน์ที่ห่างไกลความเจริญข้างทางเพลินๆ อยู่บนรถไฟ และมีอีกขบวนหนึ่งแล่นสวนมา
เธอก็สังเกตเห็นในชั่วแวบ ว่าชายที่นั่งริมหน้าต่างเหม่อมองมาทางขบวนนี้ แถมยังใส่เสื้อสีเหมือนกัน ...ไม่ใช่ใครอื่นเลย
และเขาก็สังเกตเห็นเธอเช่นกัน
ขบวนที่เธอกำลังนั่งอยู่ วิ่งขึ้นไปทางเหนือ ส่วนอีกขบวนวิ่งลงไปสู่ทิศใต้
"...ไหน!?" เขาโบกไม้โบกมือตะโกนถามทันควัน ในจังหวะเพียงชั่ววินาที
เธอกำลังจะตอบ แต่ช้าเกินไป เมื่อตู้รถที่เขานั่งอยู่ แล่นผ่านหน้าต่างลับหายไปไกลจากเธอเสียแล้ว
ทิ้งคำถามไว้เป็นทางยาวพอๆ กับขบวนรถไฟว่า...เขาจะไปไหนกันแน่ ถึงได้รีบร้อนขนาดนั้น?
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น