ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บันทึกที่สาปสูญแห่งผู้พเนจรไร้นาม

    ลำดับตอนที่ #10 : แมวหง่าวหาบ้าน

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ย. 51


    ตอน แมวหง่าวหาบ้าน


    ก็แค่แมวตัวผู้ออกจะขี้เหร่
    ที่กำลังโซซัดโซเซ...หาบ้านใหม่ซุกหัว

    มันตื่นขึ้นมาในอาการหนาวสั่นในค่ำคืนหนึ่ง เมื่อผืนผ้าใหญ่ที่เคยคุ้มคลุมแทนหลังคาปลิวหายไปกับลมพายุ เหลือทิ้งไว้เพียงลังไม้ผุแหว่งที่ไม่สามารถกันฝนได้อีก

    หลังฝนซาในยามเช้า กลิ่นมูลนกพิราบเหม็นคละคลุ้งอยู่โดยรอบในซอกมุมนั้นของสวนสาธารณะ เป็นอีกแรงส่งให้มันตัดสินใจขั้นเด็ดขาดที่จะทิ้งรังเดิมแล้วไปตายเอาดาบ หน้าเสียที

    แบบนี้ล่ะดีแล้ว ลูกผู้ชายอยู่นิ่งกับที่นานๆ ดีซะที่ไหนกัน มันต้องออกไปผจญโลกกว้างอย่างท้าทายสิ!

    แต่ก็นานมากแล้วที่มันไม่มีบ้านจริงๆ ให้อยู่
    ตั้งแต่ถูกเฉดหัวออกมาจากบ้านหลังแรก และหลังเดียวที่เคยมีในชีวิต...

    ได้แต่ระหกระเหินไป ผ่านความลำบากและหิวโหย
    บางครั้งที่พักแรมของมัน ก็เป็นสวนสาธารณะที่นกพิราบชุกชุม
    บางครั้งก็กลายเป็นห้องแถวรกร้างที่ปิดทึบไม่ให้ใครเข้าไป เต็มไปด้วยเศษวัสดุ ซากเครื่องมือแปลกๆ หักพังกองอยู่เกลื่อน
    บางครั้งก็กลายเป็นแผงหนังสือที่เต็มไปด้วยสินค้าเก่าเก็บ ทั้งหนังสืออ่านเล่นและตำรับตำราสารพัด รวมถึงหนังสือที่มีสัญลักษณ์เร้นลับแปลกประหลาดอยู่บนหน้าปกจำนวนมาก
    บางครั้งก็กลายเป็นข้างกองขยะข้าวของที่ทิ้งสุมกันไว้รกเป็นภูเขา ไม่มีผู้ใดมาช่วยดูแลเก็บกวาด
    บางครั้งก็กลายเป็นศาลเจ้าที่มีเทวรูปและสิ่งเคารพอื่นๆ วางไว้บนแท่นบูชา มีกลิ่นธูปและกำยานจุดอยู่ทิ้งไออวลหอมฟุ้ง
    เวียนซ้ำๆ กันอยู่เท่านี้เป็นส่วนใหญ่ หากินพอให้รอดชีวิตไปวันหนึ่งๆ จนกระทั่งวันนี้...

    อากาศบ่ายนี้ยังสดใสดีกว่าสองสามวันก่อน ถึงแม้จะเริ่มเย็นลงตามฤดูกาล ฝุ่นละอองฟุ้งอยู่เหนือบาทวิถีในจุดที่การสัญจรพลุกพล่าน และใกล้กับสถานที่ก่อสร้าง
    มันเริ่มการแสวงหาอันยิ่งใหญ่อีกครั้ง ผู้คนเดินไปมาขวักไขว่สลับกับเบาบาง ตามทำเลของถนนและตรอกซอกซอยที่มันผ่านเข้าไป มีบ้างที่ได้พบปะกับแมวด้วยกัน ให้ได้ทักทายสื่อสารกันสั้นๆ ก่อนจะจากไป

    มันรู้จักแมวจรจัดหลายตัวและหลายกลุ่ม มันได้ยินได้รู้เรื่องราวต่างๆ มากมายจากเพื่อนแมวเหล่านั้น แต่ก็ยังไม่นึกสนใจที่จะลงหลักปักฐานอยู่กับกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดอย่างถาวร
    เพราะมันชอบมีอาณาเขตส่วนตัว และสิ่งที่อยู่ในใจมันเสมอมาคือที่ที่จะเรียกได้ว่าบ้าน ที่มันยังคงไม่ลืมที่จะออกตามหา
    ...เป็นเส้นทางยาวไกลที่ไม่มีแมวอื่นไหนอยากจะติดตามไปด้วยตลอด

    สำหรับแมวตัวหนึ่ง ก็นับว่ามันเคยได้เดินสำรวจเมืองนี้ไปมากพอดู มันเคยได้เห็นตั้งแต่ถนนโลกีย์ที่เต็มไปด้วยแสงสีตลอดวันและคืน ไปจนถึงสวนที่ดูคล้ายป่าใจกลางเมืองรกครึ้มเงียบสงบ ตั้งแต่ย่านชุมชนแออัดที่ผู้คนเบียดเสียดกันอยู่อย่างไม่เห็นอนาคตเหนือ น้ำครำ ไปจนถึงย่านธุรกิจที่มีตึกสูงสะท้อนแดดเป็นเงาวับ ผู้คนแต่งตัวดูมีสง่าราศี

    มันรู้จักว่าการเลือกที่อยู่แต่ละที่ สภาพแวดล้อมรอบๆ มีความสำคัญมาก
    ใกล้ถนนใหญ่ ทางรถไฟและทางด่วน มักมีเสียงหนวกหูอยู่เกือบตลอดเวลายกเว้นดึกมากๆ ใกล้สนามแข่งขันกีฬาบางชนิดที่เป็นที่นิยมของพวกมนุษย์นักพนัน ก็เต็มไปด้วยเสียงเอะอะน่ารำคาญ และผู้คนท่าทางไม่น่าไว้ใจเข้าๆ ออกๆ อยู่พลุกพล่าน ในตรอกซอยที่แคบลึก อับทึบและเปลี่ยวจนเกินไป ก็มักจะมีหมาหรือแมวจรจัดที่ดุร้าย หรือแม้แต่ฝูงหนูในท่อที่ตัวโตเกือบเท่าลูกแมวรุ่นๆ ที่อาจโผล่ออกมาวิ่งไล่มันให้ต้องเผ่นหนีแบบหมดรูป และบรรยากาศชวนให้หวาดระแวงจนแทบนอนไม่หลับก็แทรกซึมอยู่ในอณูอากาศ

    มันยังคงย่างเหยาะด้วยขาทั้งสี่ลัดเลาะผ่านบาทวิถีด้วยความอดทนไม่ลดละ แข่งกับการเคลื่อนไปของดวงตะวัน
    ไปจนถึงหน้าวัดแห่งหนึ่ง ก็หยุดชะงักเหมือนถูกดึงดูดให้หันไปมองอยู่ชั่วอึดใจ
    แล้วมันก็ตัดสินใจนั่ง และหมอบลงนอนพักหลบมุมข้างเสาไฟฟ้า หันมองผู้คนและรถหลากชนิดเข้าออกซุ้มประตูใหญ่ทางเข้าวัดนั้น
    ทั้งบรรยากาศของสถานที่ และทั้งกลุ่มคนพวกนี้ ก็ให้ความรู้สึกสงบและสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
    เพราะแบบนี้แหละ...ที่ใกล้ศาสนสถานต่างๆ จึงเป็นหนึ่งในที่โปรดปรานที่สุดของมัน ด้วยรู้สึกถึงความอบอุ่นและปลอดภัยกว่าที่อื่นๆ ทั้งหมด
    แต่เป็นบรรยากาศอีกแบบหนึ่ง ที่แตกต่างออกไปจาก...บ้าน

    เมืองนี้เปลี่ยนโฉมหน้าไปมากในระยะเวลากี่ปีแล้วก็ไม่สนใจจะนับ แต่สิ่งที่มันได้พบเจอก็ยังคงดูซ้ำซากอยู่ในวังวนเดิม
    ...ชีวิตก็คงเป็นเช่นนี้

    ในขณะที่กำลังเดินย้อนกลับจากก้นซอยแห่งหนึ่งไปทางปากซอย มันลองเดินเลี้ยวซ้ายตัดเข้าอีกซอยหนึ่ง และเลี้ยวขวาออกซอยถัดไป ที่ดูเหมือนจะนำไปออกถนนเส้นเดิมได้
    อีกนิดเดียวแท้ๆ มองเห็นรถราและสะพานลอยของถนนใหญ่อยู่ข้างหน้าแล้ว แต่ซอยกลับสิ้นสุดลงกะทันหันต่อหน้า เลยไปจากนั้นมีรั้วมากั้นขวาง หนวดมันกระดิกไปพร้อมกับริมฝีปากที่ขมุบขมิบเหมือนจะบ่นด้วยความหงุดหงิด ส่วนหูและหางก็ลู่ตกลงอย่างผิดหวัง

    ทำไมพวกมนุษย์ไม่ทำตรอกซอยให้มันทะลุถึงๆ กันหน่อยก็ไม่รู้ ชอบทำให้เข้าไปติดตันอย่างกับเป็นทางวงกตเสียอย่างนั้น

    อันที่จริงสำหรับร่างกายของแมวอย่างมัน รั้วแค่นี้ไม่ใช่ปัญหาเลยแม้แต่น้อย แต่ประสบการณ์ที่โชกโชนในการใช้ชีวิตเตร็ดเตร่ตามท้องถนน ก็สอนมันให้ระมัดระวังไม่บุกเข้าไปในอาณาเขตส่วนตัวของใครที่มันไม่รู้จัก ถ้าไม่ใช่คราวจำเป็นจริงๆ

    มันจึงจำใจต้องหันกลับไปอีกตามทางเดินเป็นระยะทางยาวไกล ตั้งแต่เริ่มเข้าซอยมาจากถนนใหญ่ตอนแรกแล้วเลี้ยวไปมาทางไหน ก็ต้องย้อนกลับไปทางนั้น

    พระอาทิตย์ลับหายไปแล้วหลังหมู่ตึกระฟ้าระเกะระกะ และตึกแถวที่เบียดเสียดเรียงกันแน่นทึบ
    ฟ้าเริ่มมืดลงเรื่อยๆ อย่างรวดเร็ว ลมพัดวูบพาอากาศเย็นมาอีกระลอก และอีกระลอกส่งเสียงหวีดหวิว...

    มันเหลียวมองไปมาด้วยความอ่อนล้า ก็พอดีไปเห็นซอกมุมในเขตรั้วเตี้ยๆ หน้าตึกแถวร้างแห่งหนึ่งเข้า
    ซอกมุมนั้นมีเศษแผ่นกระดาษลังและแผ่นไม้ผุพังกองกันอยู่พอเป็นที่กำบัง ตัวได้ มีป้ายไม้ที่ดูใหม่ที่สุดแผ่นหนึ่งขนาดเกือบเท่าตัวคนวางพาดเอียงๆ อยู่บนกอง ดูสะดุดตาด้วยรูปชายหญิงคู่หนึ่งแต่งชุดสวยงาม กำลังนั่งเคียงแนบชิดกันริมน้ำที่มีภาพจันทร์เต็มดวงสะท้อนอยู่ ในมือสองคู่ช่วยกันประคองอะไรสักอย่าง รูปร่างคล้ายชามหรือถ้วยที่มันเคยได้ดื่มกินนมอุ่นๆ จนเต็มอิ่มเกือบทุกวัน เมื่อครั้งที่มันยังมีบ้านให้อยู่
    เจ้าแมวหง่าวเผลอแลบลิ้นเลียริมฝีปากขณะจ้องมองภาพนั้น มันคิดถึงนม...ที่ไม่ได้ลิ้มรสมานานมากแล้ว
    ...สายลมเย็นเยือกพัดมาอีกวูบ กระตุกเตือนให้มันกลับมาสู่ปัจจุบันขณะ

    ช่วยไม่ได้ คืนนี้คงต้องพักตรงนี้แหละ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×