ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แหกชะตา ผ่าทางรัก (Love Against All Fate)

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 7

    • อัปเดตล่าสุด 13 ธ.ค. 50


     ตอนที่ 7


    น่าคิด...
    "คุณเลือกสิ่งที่คุณรู้สึกกลัว มาเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักนี่นา" เขาหันมามองพลางกล่าวเป็นเชิงชวนให้คิด "ไม่สิ...ต้องบอกว่าคุณไปฝังใจกลัวกับสิ่งแทนความรักของคุณต่างหาก"
    "ก็ช่วยไม่ได้นี่" เธอบ่นอุบอิบ เขาอมยิ้ม...แต่ด้วยความหนักใจที่แฝงอยู่ แล้วจึงกล่าวขึ้นอีก
    "ถ้างั้น...ก็รู้ไว้เป็นอย่างแรกเลยนะว่า คุณนั่นแหละ กำลังทำตัวเองให้แยกห่างจากความรักของคุณอยู่"
    เธอนิ่งอึ้งไป พิจารณาถ้อยคำนั้นในการย่างเท้าลงไปข้างหน้าแต่ละก้าว ทั้งสองเว้นวรรคไม่พูดสิ่งใดกันชั่วครู่

    ใช่แล้ว
    ถ้าจะรัก...ต้องรู้จักปลดปล่อยความกลัวออกไป

    บรรยากาศรอบข้างที่หม่นสลัวอยู่แล้ว พลันแย่ลงอีกเมื่อลมแรงเป็นพายุพัดมา พาต้นไม้ข้างทางโอนเอนอย่างน่ากลัว เธอสะดุ้งเมื่อสัมผัสถึงความเย็นหยดเล็กๆ ที่พุ่งลงกระทบผิวกาย
    ฝนพร่างพรำเริ่มมากขึ้นจากเม็ดจนเป็นสายต่อเนื่อง กระหน่ำซ้ำด้วยสายลมพัดกรีดผ่านผิวกายเย็นเฉียบ

    "นี่" เธอหันมาหาผู้พิทักษ์ ด้วยความคิดที่ดูเหมือนจะดี "คุณช่วยพาฉันไปทางลับของคุณแบบตอนนั้นอีกทีได้มั๊ย"
    เขานิ่งอยู่ชั่วครู่แล้วก็ตกลงใจ "ก็ได้" แล้วจึงนำเธอให้เดินเข้าไปผ่านซอกซอยเล็กจนน่าสงสัยว่าจะผ่านไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่

    แต่หลังจากทางอันคดเคี้ยว ก็ทะลุออกมาถึงปากซอยอีกด้านหนึ่ง ทางขวาเป็นกำแพงปูนสูงใหญ่ ทางซ้ายเป็นพื้นหญ้าลาดชันลงไปอย่างน่าหวาดเสียว เขาจูงมือเธอค่อยๆ ลัดเลาะไต่ตามขอบ เหยียบไปบนดินนุ่มและผืนหญ้าลื่นชื้น ฝนเริ่มกระหน่ำหนักขึ้นใส่กำแพงปูนที่ไม่มีหลังคา ไม่มีกันสาด พื้นทางก็ไม่มีบาทวิถีให้เหยียบได้อย่างมั่นคง
    เฉกเช่นเดียวกับอาคารบ้านเรือนและถนนหนทางอีกจำนวนมากในเมืองอันศิวิไลซ์ ที่ดูจะไม่มีความเมตตาต่อบรรดาคนเดินถนนแม้แต่น้อยหนึ่งเลย

    และเพียงชั่วอึดใจเดียวที่เขาเผลอคิดไปเรื่อยเปื่อยนั้น ก็ทำให้ก้าวผิดจังหวะจนได้-
    "ระวัง!"
    เสียงหวีดร้องของเธอ เสียงอุทานสั้นๆ ของเขาด้วยความตระหนกระคนกับเสียงเท้าสองคู่ไถลดังพรืด แล้วทั้งสองก็ร่วงหล่นจมดิ่ง...สู่ความมืดมิดเบื้องล่างด้วยกัน

    เมื่อรู้สึกตัวอีกที ทั้งคู่ก็พบตัวเองนอนกองอยู่ในป่าแห่งหนึ่ง
    เธอผวาชิงลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาและเธอจะหันมองกราดไปรอบๆ นอกจากต้นไม้และสายฝนแล้ว ก็มีตัวอาคารไม้เก่าๆ ที่เห็นแต่ส่วนหน้าใกล้ประตู ไม่อาจกะขนาดที่แท้จริงได้ด้วยบรรยากาศทึมทึบที่ปิดล้อมอยู่รอบข้าง

    ฝนยิ่งตกกระหน่ำ ฟ้าคำรามดังเปรี้ยง เธอสะดุ้ง สรรพสำเนียงแปลกประหลาดรอบข้างดังเซ็งแซ่ใกล้เข้ามา ยิ่งเสริมบรรยากาศให้ชวนขนหัวลุก
    ...และก็คงไม่มีทางเลือกอื่นในเวลานี้ นอกจากเข้าไปหลบฝนในอาคารท่าทางไม่น่าไว้ใจหลังนั้นก่อน

    ประตูไม้ดังเอียดอาดเมื่อเปิดเข้าไป สิ่งแรกที่พบคือตู้และชั้นหนังสือหนาหนัก สูงเกือบจรดเพดาน จำนวนมากมายเรียงรายกันต่างกำแพง
    บนโต๊ะข้างๆ ประตูทางเข้า มีตะเกียงน้ำมันแบบพกพาอันหนึ่งวางอยู่ ใกล้กันนั้นเป็นชั้นวางรองเท้า มีรองเท้าเก่าโทรมจนหยากไย่เกาะวางระเกะระกะอยู่เจ็ดคู่ ถัดไปบนพื้นเป็นร่องรอยของวัตถุที่คาดเดาว่าน่าจะเป็นโต๊ะบรรณารักษ์ แต่ตัวโต๊ะไม่อยู่ที่นั่นเสียแล้ว
    เขาเดินนำไปหยิบตะเกียงนั้นขึ้น และหลังจากเปิดค้นในลิ้นชักโต๊ะอยู่ชั่วพัก ก็ได้ไม้ขีดมาจุดตะเกียงให้สว่างได้
    เมื่อปิดประตูลงบรรยากาศก็เกือบเงียบสงัด ถ้าไม่นับเสียงฝนซู่ๆ ที่ดังทะลุผนังเข้ามาจากด้านนอก และเสียงลมหวีดหวิวแผ่วเบาเป็นท่วงทำนองประหลาดล้ำสะท้อนก้องไปมาภายใน

    "ห้องสมุดร้าง...กลางป่าเนี่ยนะ?"
    "ยู้-อุ๊บ!" เขารีบปิดปากเธอไว้ก่อนที่จะได้ทันแหกปากตะโกนถามออกไปว่ามีใครอยู่บ้าง แล้วกระซิบบอกให้เดินไปค่อยๆ หาดูจะเข้าท่ากว่า
    "เดี๋ยว" เขาขัดจังหวะอีกครั้ง "เราเข้าไปใกล้ๆ แล้วลองย้อนกลับมาที่ประตูดูก่อน แล้วค่อยไปให้ไกลขึ้น"

    เธอสงสัยในสิ่งที่เขาบอก แต่ก็จำต้องก้าวตามไปดุ่มๆ โดยมีแสงตะเกียงส่องให้เห็นทางข้างหน้าและข้างหลังเพียงไม่กี่ก้าว
    "คอยสังเกตดูชื่อหนังสือบนชั้นข้างๆ ตัวให้ดีด้วยนะ"
    แต่แล้วคำตอบก็มาถึงไวกว่าที่คาด เมื่อเขาพาเธอเดินหักเลี้ยวไปหัวมุมหนึ่ง แล้วก็หยุด ถอย เลี้ยวกลับมา
    แต่กลับไม่เจอประตูหน้าอยู่ที่เดิมเสียแล้ว มีเพียงตู้หนังสือเรียงรายขดตัวกันอยู่ท่ามกลางความสลัวราง และเมื่อกวาดสายตาดูสันปกหนังสือหลายๆ เล่มตรงนั้น
    ...มันก็กลับไม่เหมือนเดิมที่เธอจำได้ ประเภทและแนวคล้ายเดิม แต่เป็นคนละยุคสมัย ปกหุ้มหนังดูเก่าคร่ำคร่าลงอย่างเห็นได้ชัดถนัดตา หน้าหนังสือที่มีรอยไหม้หลายต่อหลายหน้าถูกฉีกออกมากองอยู่กับพื้น

    "นี่มันอะไรกัน?"
    ทั้งสองพยายามออกเดินหาหนทาง สายตาสอดส่ายรอบข้างอย่างไม่ไว้ใจสิ่งอื่นใดอีกแล้ว แต่ดูเหมือนว่ายิ่งพยายามเท่าไหร่ ก็ยิ่งหลงวนอยู่ในนี้
    ราวกับว่าเป็น...เขาวงกต

    "สวัสดีครับคุณผู้หญิง"
    เสียงนั้นพูดกับเธอลอดผ่านชั้นหนังสือมาจากอีกฟากหนึ่ง ทำเอาเธอถึงกับสะดุ้งโหยง แล้วต้องถามกลับไปด้วยอาการหวาดระแวง
    "ใครน่ะ!?"
    หนังสือเล่มหนึ่งร่วงปุลงมาจากชั้นกระแทกพื้นข้างๆ เธอ เปิดช่องให้เธอมองลอดไป เห็นนัยน์ตาคู่หนึ่งกับคิ้วดกหนา
    ...รู้ได้ว่าเป็นนัยน์ตาและใบหน้าที่เศร้ามาก แม้จะมองเห็นแค่ส่วนเดียว
    ความมืดฉาบทาอยู่ทั่วบนนั้น หม่นหมอง...จนน่าสะพรึงกลัว

    "คุณครับ พวกเราอยู่ที่นี่มานาน พวกเราไม่มีใครอื่น..."
    ชายลึกลับนั้นยังคงพูดอะไรที่ฟังดูไม่ค่อยได้ใจความและวกวนซ้ำซากอยู่อีกครู่หนึ่ง
    "อยู่กับพวกเราก่อนเถอะนะ...ได้โปรด...อย่าไปไหนนะ...นะ..."

    "เดี๋ยวสิ!" เธอผงะถอยกลับมาด้วยความหวาดหวั่นและรังเกียจ เมื่อมือผอมคล้ำยื่นทะลุช่องนั้นออกมาไขว่คว้า ส่งหนังสืออีก 2-3 เล่ม ให้ร่วงหล่นลงกองเบื้องหน้าเธอคล้ายกำแพงอิฐถูกทลาย ก่อนที่แขนข้างนั้นจะหดกลับไปอย่างเงื่องหงอย

    มันเรื่องอะไรกัน! ที่นี่ที่ไหน! พวกนี้เป็นใคร!?
    นี่ฉัน...จะถูกเหนี่ยวรั้งไว้ที่นี่ เพราะเรื่องอะไรที่ไม่ใช่เรื่อง ที่เธอก็ไม่รู้ กับใครไม่รู้ที่สติไม่ดีท่าทางอันตราย แล้วนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ งั้นหรือ?
    "ไม่ยอมง่ายๆ หรอก!" เธอหันไปมาก็มองเห็นเขา ผู้พิทักษ์ ก้าวมาหาเธอพอดีด้วยสีหน้าเป็นกังวล
    "ใช่ เราต้องไม่ยอม"
    ยังไม่ทันไร ก็มีเสียงเหมือนคร่ำครวญของบุคคลลึกลับอีกหลายเสียง ระงมมาแต่ไกลๆ รอบทิศ เธอก้าวถอยไป หันหลังเบียดชนหลังกับเขาโดยไม่รู้ตัว

    "ห้องสมุด ก็ต้องมีบรรณารักษ์เป็นผู้ดูแล" เขากล่าวขึ้นด้วยอาการครุ่นคิด แล้วก็ตัดสินใจ "ตามผมมา เร็วเข้า!"
    เขาพาเธอออกวิ่งลึกเข้าไปเรื่อยๆ สู่ใจกลางห้องสมุดที่ดูจะกว้างใหญ่ไพศาลกว่าที่มันควรจะเป็นมาก
    แต่ในที่สุด...ทั้งสองก็มาถึงมุมหนึ่ง มีโต๊ะไม้ที่ดูเด่นเป็นสง่า กะขนาดคร่าวๆ พอจะทาบวัดได้กับร่องรอยบนพื้นที่เห็นอยู่ตอนเข้ามาทางประตูแรกสุดพอดี

    "ตำแหน่งบรรณารักษ์ว่างอยู่นี่นา"
    เขาหยุดนิ่งคิดอยู่ชั่วอึดใจ แล้วก็ต้อนเธอเข้าไปพลางลากเก้าอี้ออกมาตั้งให้เสร็จสรรพ
    "งั้น...คุณมานั่งตรงนี้"

    เขารื้อค้นบริเวณรอบๆ อยู่พักใหญ่ ก็ได้เชิงเทียนเจ็ดก้านมาตั้งไว้กลางโต๊ะบรรณารักษ์ และแกะเอาเทียนที่ยังอยู่ในสภาพดี แม้ฝุ่นจะเขรอะกระดาษห่อภายนอก มาจุดไฟด้วยตะเกียง แล้วเสียบลงในเชิงเทียนจนครบจำนวน โดยไม่ลืมที่จะหยดน้ำตาเทียนเพื่อตรึงฐานของเชิงเทียนไว้กับโต๊ะให้แน่นหนาเสียก่อน
    ต่อจากนั้นเขายังได้ผงแป้งหรือปูนไม่ทราบได้ออกมากระสอบย่อมๆ และบรรจงโรยมันลงบนพื้นเป็นเส้นอาณาเขตวงกลมโดยรอบโต๊ะนั้น

    เขาหันกลับมามองดูผลงานตนเอง ก่อนจะพูดกับหญิงสาวที่ยังนั่งกลอกตาไปมาอย่างทำอะไรไม่ถูกอีกครั้ง
    "คุณมีสมุดซักเล่มมั๊ย แล้วก็ปากกาหรือดินสอก็ได้ ขอยืมหน่อย"

    เมื่อได้ของที่ต้องการ โดยไม่ได้บอกว่าเอาไปทำอะไรแล้ว เขาก็ทำท่าจะผละจากไป เธอทำท่าจะร้องถาม
    "ถ้ามีใครจะเข้ามาที่นี่" พลันเขาหันกลับมาพูดเหมือนสั่ง และอยู่ๆ เธอเองก็รู้สึกว่าไม่กล้าที่จะโต้แย้งคำพูดนั้นได้เลย "ก็จงตั้งคำถาม...ยึดพื้นที่ตรงนี้ไว้ให้มั่นคง แล้วออกคำสั่งกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ให้กระทำสัตย์สาบาน ให้ยืนยันตัวเองด้วยชื่อหรืออะไรก็แล้วแต่ และถ้ายังไม่หายสงสัยจงถามอีก ทดสอบให้แน่ใจ แล้วถึงปล่อยให้เข้าไป เข้าใจนะ?"
    เธอพอจะเข้าใจข้อความนั้นได้ ถึงมันจะฟังดูแปลกประหลาดเข้าใจยากตามแบบฉบับของเขาก็ตามที อาจเป็นเพราะเริ่มคุ้นชินแล้วก็ได้ล่ะมั๊ง?

    "งั้นเดี๋ยวผมกลับมา ดูแลตัวเองด้วย"
    เขาหันหลังกลับไป มือข้างหนึ่งจับหิ้วตะเกียงอย่างระวัง มืออีกข้างเหน็บปากกาไว้ในกระเป๋าเสื้อแล้วถือสมุดบันทึกเล่มน้อยนั้นไว้ เธอไม่อาจเห็นสีหน้าของเขาแต่เดาได้จากน้ำเสียงว่าคงหนักใจอยู่มาก
    ...ต้องทำงานสกปรกอีกแล้วสิเรา

    เวลาผ่านไปอีกพักใหญ่ๆ...
    ในความสลัว เธอได้ยินเสียงแว่วมา เหมือนเสียงเอะอะโวยวายและเสียงของตกหล่น
    ลมพัดมา เปลวเทียนทั้งเจ็ดเล่มนั้นหวั่นไหวริบหรี่ ก่อนที่เปลวหนึ่งตรงริมสุดจะดับวูบลง

    อีกชั่วครู่ที่ดูยาวนานมาก...สำหรับผู้ที่นั่งรออยู่ตรงนั้นโดยไม่รู้อะไรเลย...
    ลมแบบเดียวกันนั้นพัดมาอีกวูบหนึ่ง เปลวเทียนที่อยู่ริมอีกฟากก็ดับลงอีกหนึ่ง

    และเหตุการณ์เช่นนี้ก็เกิดขึ้นต่อไป ทิ้งช่วงบางทีก็ยาวนาน บางทีก็ติดต่อกัน พร้อมกับแว่วเสียงตะคอกขู่เข็ญ เสียงหนังสือตกหล่น พร้อมเปลวเทียนที่ดับลงทีละดวงไล่เข้าไปหาเทียนเล่มกลาง

    เธอรอคอย เฝ้าดูมันอยู่ด้วยใจระทึก จนกระทั่ง...
    เปลวเทียนเล่มที่เจ็ดดับลงในสายลมประหลาด ทิ้งเธอไว้ในความมืดอันน่าอึดอัด น่าสะพรึงกลัวแต่ลำพัง
    เสียงฝีเท้าที่ได้ยินเคลื่อนไหวไปมาเป็นจังหวะสม่ำเสมอตั้งแต่แรกหยุดชะงักลง เหลือเพียงเสียงหัวใจที่เต้นรัวของเธอเท่านั้น

    และต่อมา เสียงฝีเท้าก็กลับดังขึ้นอีก ดังขึ้นเรื่อยๆ ...เปลี่ยนทิศทางแต่รับรู้ได้ว่ากำลังใกล้เข้ามา เห็นแสงตะเกียงลอยมาตามทางเดินมืดๆ จนได้ระยะพอเหมาะ ก็มีเสียงลอยแหวกอากาศล่วงหน้ามาก่อน

    "ผมเอง"
    ถึงแม้จะได้ยินดังนั้น ถึงแม้ความรู้สึกโล่งใจและอุ่นใจจะเต็มขึ้นมาจากไหนก็ไม่อาจรู้ แต่เธอก็ยังจำได้ไม่ลืมถึงสิ่งที่เขาบอกไว้ก่อนหน้า
    "บอกมา ยืนยันตัวเองสิว่าคุณเป็นใคร!?"
    เขาบอกชื่อที่เธอฟังแล้วรู้สึกคุ้นอย่างประหลาด และปิดท้ายด้วย
    "...ผู้พิทักษ์ชะตากรรมของคุณ"
    เธอกล่าวคำอนุญาตเบาๆ ให้เขาเข้ามาได้
    ชายลึกลับก้าวผ่านเขตวงกลมบนพื้น มาหยุดอยู่หน้า ใบหน้าของเขาภายใต้แสงตะเกียงเปื้อนหมึกเป็นทางๆ เหมือนเด็กที่เพิ่งเอาพู่กันหรือปากกาไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงเล่นเขียนหน้ากันเอง
    "ฮะๆ ดูหน้าคุณสิ" ภาพนั้นทำเอาเธออดที่จะขำไม่ได้ถึงแม้จะกำลังตกอยู่สถานการณ์ไม่ดีนักในที่พรรค์นี้ก็ตาม
    "ตลกมากรึไง" เขาตอบปนยิ้มๆ อย่างอ่อนแรง ฟังดูรู้ว่าไม่ได้โกรธเลย

    และในที่สุดเขาก็นำเธอกลับออกมาถึงประตูห้องสมุดจนได้ บรรยากาศหลังฝนซาแม้ยังเป็นยามราตรีมัวซัว แต่ก็รู้สึกสดชื่นชวนสบายกว่าในตอนแรกมากนัก
    "นี่" เธอเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นระหว่างเดินย่ำบนพื้นหญ้าเลอะเลนไปด้วยกัน "คุณทำยังไงน่ะ แล้วต้องเอาสมุดกับปากกาไปด้วย ...อย่าบอกนะว่าไปไล่ขอลายเซ็น?"
    "ก็ไม่เชิง" เขายักไหล่ "แต่ผมก็รู้ชื่อพวกนั้นหมดแล้วแหละ"

    "เหรอ" เธอหันไปมองด้วยตาเป็นประกายแจ่มแจ้ง แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง กลับถูกขัดขวางเสียก่อน
    "อย่ารู้เลย"
    "ไม่อยากเจอกันอีกแล้วไม่ใช่เหรอ?"

    และแล้วความเงียบก็กลับเข้าครอบคลุมอีกครั้ง เป็นความเงียบที่คุกรุ่นไปด้วยนานากระแสความคิดวกวนจากภายในใจของทั้งสอง
    บางที...วิธีการแบบนี้ของเขาก็น่าประทับใจอยู่ ถึงแม้เธอจะไม่รู้เลยว่าเขากำลังคิดและทำอะไรอยู่บ้างก็เถอะ

    "ตอนนี้ผมอยากจะบอกอะไรอย่างนึง แต่ไม่รู้จะบอกดีรึเปล่า"
    เธอหันไปมองอย่างสนเท่ห์ รอฟังว่าเขาจะพูดอะไรออกมา

    "เอ๊ะ คิดดูอีกที ไม่บอกดีกว่า"
    "นี่!" ไม้นี้ทำเอาเธอถึงกับเผลอสติหลุดไปชั่วขณะ "เวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน อย่ามาทำกวนประสาทกันนะ!"
    "ก็แค่หลอกล่อให้อยากรู้หน่อยเดียวเอง โวยวายไปได้"

    "คือที่คุณหยิบส่งมาให้น่ะ ไม่ใช่สมุดเปล่า" ว่าแล้วก็ส่งสมุดเล่มน้อยที่มีที่คั่นหนังสือแปลกปลอมอันหนึ่งเสียบคาอยู่กลับมาให้ "มันเป็นบันทึกของคุณ"
    เธอแทบสะดุดพื้นเรียบหัวทิ่มเอาตรงนั้น แต่ก็กลั้นใจคว้าสมุดหมับ ดึงกลับมาถือไว้ด้วยอาการหวง แล้วหันไปเปิดดูหน้าที่คั่นไว้ภายใต้แสงสลัว ขณะที่ขาก็ยังจ้ำเดินไปไม่หยุด ในหัวข้อของบันทึกแต่ละบทนั้นดูคลับคล้ายคลับคลา

    "ไม่ต้องห่วงน่า" เขากล่าวขึ้นอีก คราวนี้เหมือนพยายามจะปลอบ "ผมเห็นหัวข้อกับวันที่แล้วก็จำได้...ว่าเคยอ่านมาหมดแล้ว ตอนคุณเอาลงในเว็บส่วนตัวเมื่อก่อนโน้น"
    คราวนี้เธอหวิดลื่นตะครุบกบอย่างสวยงามกว่าเมื่อครู่

    "ไม่รู้เหมือนกันว่าใครคิดที่คั่นหนังสือเป็นคนแรก แต่มันเป็นของที่น่าทึ่งเหมือนกันนะ" แล้วยังไม่ทันไร เขาก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนเรื่องไปเปิดประเด็นใหม่อีกรอบ
    "ถ้าเราอ่านเรื่องราวค้างไว้หน้าไหน แค่เอาเสียบไว้...ก็กลับมาสานต่อจากหน้านั้นได้เลย ไม่ต้องมางมเปิดหาดูอีกรอบ"
    "อืม..." เธอไม่รู้จะตอบอะไรที่ดีไปกว่านั้น เขากำข้อมือเธอแน่น อีกมือหนึ่งหยิบ "หนังสือเดินทาง" ออกมา ก่อนจะพาเธอก้าวเข้าไปในอีกซอกซอยหนึ่ง

    .....

    ทั้งสองไปถึงท่ารถใกล้เวลาออกอย่างน่าใจหายใจคว่ำ เขายืนยันจะตามไปส่งเธอด้วยเมื่อดูจากสภาพในตอนนี้ จึงได้นั่งคู่กันแถวท้ายรถ
    เธอเอนหลังลงกับเบาะด้วยความเหนื่อยอ่อน ในเวลาไม่ช้าก็หลับปุ๋ยดูน่าเอ็นดูราวกับเด็กเล็กๆ
    เขากำลังนั่งมองดู พลางใช้มือเล่นกับปอยผมของเธออย่างช้าๆ และทะนุถนอม แสงไฟจากข้างทางที่ส่องผ่านช่องหน้าต่างเลื่อนไหล ทาบทับไปเป็นจังหวะบนใบหน้านั้น ห่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ จนมืดเกือบสนิทเมื่อออกพ้นเขตเมืองแล้ว

    แม่สาวน้อย...
    ต้องสารภาพว่ากาลเวลาที่ผ่านเลย ไม่ได้ทำให้เข้าใจเธอดีขึ้นสักเท่าไหร่เลย
    แม้จะทำเป็นเก่ง บอกว่ารู้จักเธอมากกว่าที่เธอคิดก็เถอะ...
    แต่เมื่อไหร่ที่เข้ามาอยู่ใกล้มากเกินไป ก็ยากจะมองเห็นสิ่งนั้นๆ ได้อย่างครบถ้วนตามความเป็นจริงสินะ?

    ที่จริงแล้วเธอ...เป็นใครกันแน่หนอ?
    ยิ่งได้อ่านในหลายๆ สิ่งที่เธอเขียนนั้น ที่ผ่านมาตั้งแต่ก่อนจนถึงทุกวันนี้ ยิ่งชวนให้สับสน
    ภายใต้โฉมหน้านั้น เธอวางหัวใจอันแท้จริงไว้ที่ไหนกัน?

    ระหว่างสิ่งที่แสดงออกกับเขา ระหว่างสิ่งที่แสดงออกต่อโลก
    บางคราวก็ทำเหมือนจะให้มีความหวัง แต่อีกหลายๆ ครั้งก็เหมือนสร้างกำแพงกั้น ชวนให้ท้อใจ

    เธอมองหาใคร รอคอยผู้ใด หรือเงาของใครอยู่...กันแน่?

    นี่...ยังเป็นความเร้นลับอันยิ่งใหญ่แม้สำหรับเขาอยู่ดี
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×