ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นคุณหนูในต่างโลกไปซะแล้ว

    ลำดับตอนที่ #2 : เปลี่ยนไป

    • อัปเดตล่าสุด 26 เม.ย. 64


    พี่ครับ...”

    เด็กหนุ่มผมสีบลอนด์นั่งมองพี่สาวของตนที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงมาหนึ่งเดือน อย่างอดห่วงไม่ได้ มือเรียวยาว กุมมือของเด็กสาวที่ไม่ได้สติเอาไว้ เขาบีบมันเบาๆ ใบหน้าของเด็กหนุ่มค่อยๆ ร้อนผ่าวขึ้นอีกครั้ง น้ำสีใสหยดไหลลงมาอาบแก้มนั่นไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไหร่ของวัน

    ตื่นขึ้นมาเถอะครับ...ผมขอล่ะ...” เด็กหนุ่มบีบมือพี่สาวตัวเองอย่างเบามือ ก้มหน้าลงพยายามหยุดน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้มของตนเอง แต่เขาก็ไม่สามารถหยุดน้ำตาที่ไหลออกมาได้เลย

    ร่างของเด็กสาวที่นอนอยู่บนเตียงขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อจู่ ๆ รู้สึกได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นใกล้เธอ เสียงรบกวนอันแสนน่ารำคาญหูทำให้เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาดู สายตาของเธอมองขึ้นไปบนเพดานที่มีลวดลายบางอย่างที่ถูกสลักอย่างสวยงามสีทองดูหรูหรา

    อ่า...นี่โรงพยาบาลเหรอ...ยังดีที่ยัยพวกนั้นรับผิดชอบพาฉันส่งโรงพยาบาลนะเนี่ย...” เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมา เบิกตากว้างพร้อมกับลุกยืนขึ้นในทันทีที่เห็นพี่สาวของเขาฟื้นคืนสติขึ้นมา ส่วนเด็กสาวเมื่อลืมตาตื่นขึ้นที่ก็ค่อยๆ มองสำรวจห้องที่ตนเองนอนอยู่อย่างสนอกสนใจ

    พะ...พี่ครับ” เขาตัดสินใจเรียกพี่สาวตรงหน้าและมองอย่างไม่เชื่อสายตาของตนเองเมื่อเห็น พี่สาวของตนเองที่จู่ ๆ ก็ลืมตาตื่นขึ้นมา แถมยังดูเหมือนไม่มีอาการใดๆ เหมือนกับหนึ่งเดือนที่ผ่านมาสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นแค่ความฝัน

    นายเป็นใครเนี่ย!? แล้วเข้ามาในห้องของฉันได้ยังไงหา?!” เธอหันไปมองตามเสียงเรียกที่ดูไม่คุ้นหู ก่อนที่จะรีบเด้งตัวลุกขึ้นนั่งพร้อมกับชี้หน้าเด็กหนุ่มผมสีบลอนด์ตรงหน้าของเธอ

    ใบหน้าที่เรียวเล็ก ผิวขาวอมชมพู ดวงตาสีอำพันกลมโต ผมสีบลอนด์ทองและการแต่งตัวที่ดูมีฐานะเอามากๆ ทำเอาเธอตกใจไปชั่วขณะหนึ่ง หน้าตาของเขาหวานและน่ารักมาก เท่าที่จำได้คนในครอบครัวและเครือญาติของเธอไม่มีใครหน้าตาดูดีแบบนี้สักคน แถมการแต่งตัวที่ดูหรูหราหมาเห่านี่อีก

    ผมลูซไงครับ พี่ควีน” เด็กหนุ่มชี้ไปที่ตัวเองพร้อมกับทำหน้าตาที่พร้อมจะร้องไห้ได้ทุกเมื่อ ทำเอาเด็กหนุ่มทำหน้ากลืนไม่เข้าคายออกไม่ออกบอกไม่ถูกกับสิ่งที่เด็กน้อยตรงหน้าพูด

    ถึงจะไม่ค่อยชอบเด็กเท่าไหร่แต่หน้าตาแบบนี้จะพิจารณาเอาไว้เป็นพิเศษก็แล้วกัน คิดได้เช่นนั้นเธอก็ถอนหายใจแล้วมองไปที่เด็กหนุ่มหน้าหวานคนนั้น ใบหน้าเรียวเล็กกับหน้าหวานๆ นั่นทำให้เธอเองประทับใจไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว ไม่คิดว่าจะมีคนแบบนี้จริงๆ ไม่อยากจะเชื่อ แต่เธอก็ต้องเชื่อแล้วล่ะ

    ฉันว่านายจำผิดคนแล้วละนะ ฉันชื่อเบล”

    “....”

    เด็กชายตรงหน้าไม่ได้พูดอะไร แต่เขายังยืนรอเหมือนราวกับว่าต้องการฟังสิ่งที่เด็กสาวที่อยู่บนที่นอนนั่นพูดมันต่อ

    ฉันเป็นลูกคนเดียวแล้วจำไม่ได้ด้วยว่าญาติฝ่ายไหนของฉันจะมีลูกอายุน้อยกว่าฉัน” เด็กสาวตอบไปด้วยสีหน้าที่มาดมั่นของตนเอง แล้วหันไปสำรวจห้องต่อด้วยความสนอกสนใจ เพราะมันดูแตกต่างจากโรงพยาบาลทั่วไปที่เคยเห็นมา เหมือนกับโรงแรมสุดหรูหรืออย่างกับห้องนอนคุณหนูในละครหลังข่าวแบบนั้นเสียมากกว่าจะเป็นโรงพยาบาลซะอีก

    เด็กหนุ่มตรงหน้านิ่งเงียบไปสักพักใหญ่ๆ เขามีสีหน้าที่เคร่งเครียดเหมือนคิดอะไรสักอย่างแล้วเดินดุ่ม ๆ ออกไปหน้าห้องอย่างร้อนรน

    ปัง!!

    เด็กสาวสะดุ้งโหยงตกใจกับเสียงประตูที่ดังขึ้นอย่างกะทันหัน

    นี่เราไปทำให้เด็กหนุ่มหน้ามนโกรธเข้ารึเปล่านะ แต่มันไม่ใช่ความผิดของเธอนี่น่า..ก็เขาเข้ามาผิดห้องเอง ช่วยไม่ได้แหละนะ

    ว่าแต่นี่ไม่ใช่ฝันใช่มั้ยเนี่ย” เด็กสาวจับไปที่แขนข้างขวาของตนเองก่อนที่จะหยิกมันแรงๆ

    อ่ะ! เจ็บจริงแห๊ะ...”

    อืม...นอนในห้องหรูหราแบบนี้ ยัยพวกนั้นแสดงความรับผิดชอบได้ดีนะเนี่ย...” เธอค่อยๆ เดินลุกออกจากเตียงไปดูนอกระเบียงหน้าต่าง

     วิวทิวทัศน์ที่เห็นทำเอาเธอตกตะลึงถึงกับอ้าปากค้าง ทางเดินขนาดกว้างล้อมรอบไปด้วยสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ไกลสุดลูกหูลูกตา มองไปข้างซ้ายก็เห็นลานซ้อมอะไรสักอย่างขนาดใหญ่ มองไปทางด้านขวาก็เห็นเป็นตึกที่ออกแบบสไตล์ยุโรปสีขาว

    พอมองไปยังข้างล่างก็เห็นผู้คนที่แต่งตัวด้วยชุดสูทสีดำสนิทกำลังเดินกันเป็นกลุ่มๆ อย่างกับกำลังตรวจตราอยู่ พอมองดูแล้วอย่างกับหนังมาเฟียที่เธอเคยดูมาก่อน

    นั่นมันคุณหนูควีนนิ!”

    คุณหนูฟะ...ฟื้นแล้วเหรอ!”

    คุณหนูควีนครับ!” เด็กสาวมองไปที่บุรุษในชุดสูทสีดำที่โบกมือมาทางเธอด้วยความรู้สึกปลื้มปีติยินดี ทำเอาเธอที่ยืนอยู่หน้าระเบียงห้อง ได้แต่กะพริบตาปริบๆ ด้วยความรู้สึกงงงวยกับสิ่งที่พวกเขาทำ

    อะ...โอ้! ตั้งแต่ที่หัวกระแทกประตูฉันดังขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย” เธอได้แต่เก็บความสงสัยนั่นเอาไว้แล้วโบกมือกลับไปให้พวกหนุ่มๆ ในสูทสีดำ ก่อนที่พวกเขาก้มหัวโค้งให้แล้วเดินจากไปได้แต่มอบคำถามไว้ในหัวของเด็กสาวที่ยืนงงอยู่ตรงระเบียงห้องนอนของเธอ

    กลับมาทางด้านของเด็กชายที่เดินอย่างร้อนรนออกไปนอกห้องนอนด้วยความไม่สบายใจ เขารีบหันไปสั่งพ่อบ้านที่กำลังเดินตรงมาหาเขา

    พ่อบ้านวิลไปตามหมอมาด่วนเลยนะ ผมจะไปตามคุณพ่อกับคุณแม่เอง”

    ครับคุณหนู” พ่อบ้านพยักหน้ารับคำสั่งแล้วรีบรุดเดินออกไป ตามที่เขาได้รับคำสั่งมาจากคุณหนูของเขา

    คุณหนูควีนเป็นอะไรไปคะ คุณหนูลูซ?” สาวรับใช้คนหนึ่ง เดินมาด้วยสีหน้ากังวลใจแล้วเอ่ยถามเด็กหนุ่มออกไป เมื่อสังเกตเห็นลูซที่เดินออกมานอกห้องด้วยสีหน้าที่ดูเป็นกังวล

    พี่ควีนฟื้นแล้วครับ แต่...เหมือนที่จะจำอะไรไม่ได้...”

    คุณหนูควีนของป้า....”

    ผมฝากดูแลเธอหน่อยนะครับ ผมจะไปตามคุณพ่อกับคุณแม่ก่อน” เด็กหนุ่มพูดเช่นนั้นก็รีบวิ่งตรงออกไปยังบริเวณโถงทางเดินอย่างเร่งรีบ

    ในใจของลูซตอนนี้ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย เขาร้อนรนไปหมด เมื่อเห็นการกระทำที่ดูแปลกประหลาด และคำพูดที่ดูเหมือนไม่ใช่พี่สาวของเขามันเหมือนกับว่าเธอคนนี้ไม่ใช่พี่สาวที่เขาเคยรู้จัก เขารู้สึกเจ็บใจเมื่อเห็นอาการของพี่สาวเป็นแบบนั้น ลูซกำหมัดนั่นด้วยความแค้นอยู่เต็มอกที่ทำอะไรกับคนที่ทำกับเธอแบบนี้ไม่ได้เลยสักนิด

    รอก่อนนะครับพี่...”

    สาวรับใช้รับคำสั่งเสร็จมือก็กุมไปที่อก  เพราะทั้งโล่งอกที่คุณหนูของเธอปลอดภัยและเริ่มกังวลใจเมื่อได้ยินคำพูดของลูซที่ดูร้อนรน เธอมองไปที่ประตูไม้บานใหญ่ จัดการเคาะมันแล้วค่อยๆ เปิดเข้าไปอย่างเงียบๆ

    โรงพยาบาลที่นี่ดูแปลกชะมัด แต่ก็ดูหรูไม่เบาค่ารักษาน่าจะแพงมากนะเนี่ย...” สาวรับใช้ตรงหน้าถึงชะงักข้างกับภาพที่เห็นตรงหน้า เธอถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเห็นเด็กสาวตรงหน้าเดินสำรวจห้อง

    คุณหนู...” คุณหนูที่เธอรักและห่วงใยตรงหน้าที่นอนหลับใหลไม่ได้สติมาเป็นหนึ่งเดือนเต็ม ไม่มีท่าทีที่จะฟื้น กลับตื่นขึ้นมาอยู่ตรงหน้าเธอ เหมือนว่าเรื่องก่อนหน้านี้ที่เธอป่วยนั้นไม่ใช่ความจริง

    เย้ยยยย! ...มาทำความสะอาดเหรอคะ?” เด็กสาวอุทานด้วยความตกใจเมื่อเห็นผู้หญิงอายุประมาณราว ๆ สี่สิบกว่าปี เดินเข้ามาในห้องของเธอ ก่อนจะตัดสินใจถามคำถามกับสาวรับใช้คนนั้นออกไปด้วยความสงสัย เพราะการแต่งตัวนั้นเหมือนอย่างกับชุดแม่บ้านสไตล์อังกฤษ ชุดกระโปรงสีดำยาว กับผ้ากันเปื้อนสีขาว

    ค่ะ! ฉันมาทำความสะอาดค่ะคุณหนู” สาวรับใช้ตอบด้วยสีหน้าที่ดูดีใจเอาเสียมากๆ จนน้ำตาของเธอไหลลงมาอาบบนแก้มของเธอเอง

    เด็กสาวมองภาพตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจสถานการณ์สักเท่าไหร่ เพราะเธอเองก็จำไม่ได้ว่าไปมีสาวใช้ตอนไหน แถมยังมาเรียกเธอว่า คุณหนูอีก

    โรงพยาบาลนี้...มีแต่คนปะ...แปลก...” ไม่ทันที่จะพูดจบประโยคเด็กสาวตรงหน้าก็สังเกตเห็นบางอย่างตรงมุมห้องที่ทำเอาเธอถึงกลับพูดไม่ออก

    มะ...ไม่จริง...นี่มัน...” เด็กสาวค่อยก้าวเท้าเดินตรงไปที่เงาสะท้อนของตนเองตรงมุมห้อง และแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็นจากเงาในกระจก

    คุณหนู?” เธอเดินผ่านสาวรับใช้ไป เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้ากระจกบานหนึ่งตรงมุมห้อง มือเรียวเล็กค่อยๆ จับไปที่บนหน้าของตนเอง อย่างไม่เชื่อสายตาที่เห็นในกระจก

    นี่...ไม่ใช่ร่างของฉัน” เธอพูดออกมาแทบไม่เชื่อสายตาตนเอง มือเล็กนั่นค่อยๆ กำมันอย่างสั่นๆ เธอไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้เห็นไปในกระจกนั่น แต่สิ่งนี้บ่งบอกได้ว่า ร่างของเบลนั้นได้ตายไปแล้ว ไม่สิ...เราอาจจะสลับร่างกับเด็กสาวคนนี้ก็ได้นี่นา

    คะ...ควีน...สินะ”

    คะ? คุณหนู?” สาวรับใช้เอ่ยถามคุณหนูตรงหน้าอีกครั้งเมื่อได้ยินคำพูดแปลกๆ มาจากคุณหนูของเธอ

    ตอนแรกก็คิดว่าฝันที่ได้เข้ามารักษาตัวอยู่ในห้องหรูหราแบบนี้เสีย แต่พอเห็นร่างที่ไม่ใช้ร่างตัวเองในกระจกแล้ว คงต้องทำใจในเรื่องนั้นไปก่อน...เราอาจจะยังไม่ตายแต่แค่มาอยู่ในร่างนี้ก็ได้ใครจะไปรู้กันล่ะ ตอนนี้คงต้องรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ก่อน

    เธอก็สำรวจร่างกายตัวเองในกระจกอย่าเงียบๆ สักพัก ส่วนสาวใช้ก็ได้แต่มองคุณหนูของตัวเองที่ดูทำตัวแปลกๆ ไปอย่างงงๆ

    แต่แหม่...ร่างนี้ก็เจ๋งดีนะเนี่ยสวยแบบไม่มีอะไรมากั้นซะจริง!” เธอโพสท่าอยู่ตรงหน้ากระจกเหมือนตัวเองเป็นนางแบบ ก่อนจะหมุนตัวซ้ายขวา บิดไปบิดมาในชุดกระโปรงสีขาว

    ผิวขาวอมชมพู ดวงตาที่ดูราวกับอัญมณีสีแดง ปากที่ดูอวบอิ่มกับแก้มสีชมพูที่ดูมีเลือดฝานนี่อีก ผมยาวตรงเงางามสีน้ำเงินเข้ม ดูไปอย่างกับพวกตัวเอกในนิยาย

    คุณป้าคะ...ตื่นมาแล้วฉันสวยขนาดนี้เลยเหรอคะ??” เธอชี้ไปที่ตัวเองแล้วหันตัวไปถามคุณป้าสาวใช้ที่อยู่อยู่ข้างหลังเธอ

    คุณหนูของป้าก็สวยทุกวันอยู่แล้วนะคะ” เด็กสาวพยักหน้ารับพร้อมส่งยิ้มให้ ถึงจะถามเพื่อความแน่ใจแต่พอโดนคนอื่นชมแบบนี้เธอเองก็รู้สึกแปลกๆ ไม่น้อย

    ปัง!!

    ควีนลูกพ่อ!!!” ประตูถูกเปิดออกอย่าแรงก่อนที่ร่างสูงโปร่งจะพุ่งตัวเข้ามากอดเธอ จนเด็กสาวที่ยืนส่องกระจกอยู่นั้นไม่ได้ตั้งตัว ควีนที่ถูกกอดให้กระชับแนบกับอ้อมอกทำเอาเธอหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อในทันที ทำเอาเธอทำตัวไม่ถูกเมื่อได้อยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อที่พึ่งเคยเจอกันในครั้งแรก

    ฮึก...ฮือออ ลูกรัก! ลูกจำน้องไม่งั้นเหรอ?

    “พ่อขอโทษที่ปกป้องลูกไม่ได้นะ...ฮึก...”

    “ความทรงจำของลูกโถ่...ฮืออออ” เป็นพ่อพูดทั้งน้ำตา ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็สะอึกสะอื้นพูดไม่เป็นคำแต่ก็พ่นคำพูดที่อัดอั้นตันใจนั้นออกมาไม่หยุดเมื่อได้เห็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของตนเองฟื้นขึ้นมา

    ควีนได้แต่ฟังคำพูดกลับไปกลับมาของคุณพ่อ เธอควรจะตอบคำถามไหนก่อนดีล่ะหรือฟังคุณพ่อคนนี้เงียบๆในอ้อมกอดแสนจะอบอุ่นนี้ก่อนดีนะ

    ผู้เป็นแม่ที่ตามมาทีหลังก็ได้แต่ส่ายหัวอย่างเอือมระอากับสามีของตนเองที่ขี้แยอย่างกับเด็กน้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าลูกสาวของตนเอง สายตาของผู้เป็นแม่ที่ได้เห็นลูกสาวตื่นขึ้นมาก็รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกแต่ ก็ไม่อาจทำกิริยาเหมือนดั่งสามีที่ทำอยู่นั้นได้

    คงจะรู้สึกแย่สักหน่อยที่ควีนจำอะไรไม่ได้...แต่ก็ดีแล้วนะที่พี่เค้าฟื้นขึ้นมา” ผู้เป็นแม่หันไปพูดกับลูกชายที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอ ก่อนที่มือของผู้เป็นแม่จะวางอยู่บนหัวของลูกชายแล้วลูบหัวของเขา เหมือนเป็นการปลอบประโลม

    จากนี้ไปผมจะดูแลพี่ให้ดีที่สุดครับ” คุณนายโรสฮาร์ทที่ได้ยินเช่นนั้นรู้สึกตกใจกับสิ่งที่ลูกชายของตัวเองพูด

    หลังจากที่ลูซอายุได้ห้าขวบเธอและสามีนั้น ได้อุปการะควีนมากะทันหันเพราะเหตุจำเป็นบางอย่าง ลูซนั้นเขายอมรับได้ในเรื่องมีพี่สาว แต่เขานั้นก็เย็นชาและดูไม่ได้สนใจควีนเลยสักนิด...จนเกิดเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ขึ้นมาเขาก็เปลี่ยนไปจนเธอแปลกใจไม่น้อยเลยจริงๆ

    อ๊าก!!! ปล่อยนะคะ!!”

    โครม!

     เสียงที่ดังขึ้นทำเอาคุณนายโรสฮาร์ทและลูซหันไปมองเหตุการณ์ในห้องทันที สิ่งที่เธอเห็นทำเอาเธอตกใจมือข้างหนึ่งกุมไปที่หน้าอก

    ภาพที่เห็นคือสามีของตนนอนสลบกองอยู่กับพื้น ส่วนลูกสาวของตนได้แต่มองไปที่มือของตัวเองที่มีแสงอะไรสักอย่างสักอย่างส่องสว่างไปที่มือ  ถึงจะหน้าตกใจที่จู่ ๆ ลูกสาวของตัวเองก็มีพลังผลักสามีให้กระเด็นไปไกลขนาดนั้นได้ แต่นี่ก็ไม่ใช่เวลาที่เธอจะมองอยู่เฉยๆ

    พอคิดแบบนั้นคุณนายโรสฮาร์ทก็รีบวิ่งไปหาสามีของตนเองทันที

    ลูซที่มองดูการณ์นั้นก็เข้าใจสถานการณ์ก่อนหน้านี้ขึ้นมาทันที ไม่แปลกใจที่พ่อจะโดนผลักกระเด็นแบบนั้นถ้าเขาโดนพ่อตัวเองกอดแบบนั้นก็คงทำแบบพี่สาวของตัวเองเช่นกัน ลูซเดินเข้าไปอยู่ข้างๆ พี่สาวก่อนจะมองไปที่คุณพ่อที่นอนสลบไสลอยู่อย่างนั้น ก่อนจะหันไปมองควีนที่ดูทำหน้าอ้ำอึ้งกับสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไป

    ตายแล้ว!”

    คุณท่านคะ!!”

    จริงๆ แล้วพี่น่าจะปล่อยเวทใส่พ่อแบบนี้ตั้งนานแล้วนะ” ควีนที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งทำให้เธอผงะไปอีกหนึ่งวินาที เธอควรจะตกใจที่ตัวเองมีพลังเวทหรือตกใจที่เผลอปล่อยพลังเวทใส่พ่อบุญธรรมของตัวเองก่อนดีนะ

    คุณหมอมาแล้วครับคุณหนู...”

    “กะ...เกิดเรื่องอะไรขึ้นครับเนี่ย?” พ่อบ้านที่ยืนอยู่ต้องหน้าห้องพร้อมกับคุณหมอที่ยืนอยู่ด้านหลังนั้นต่างทำสีหน้าตกใจกับภาพตรงหน้าที่เห็น

    พ่อทำตัวน่ารำคาญจนพี่ปล่อยพลังเวทใส่น่ะ เยี่ยมไปเลยใช่ไหมล่ะ” พ่อบ้านได้แต่อ้ำอึ้งเพราะไม่สามารถตอบสิ่งที่ลูซพูดเมื่อครู่ได้ ถ้ายังไม่อยากได้งานใหม่ในตอนนี้ก็ได้แต่ส่งยิ้มเจื่อนๆแทนคำพูดแทน

    พ่อบ้านวิล มาช่วยฉันพยุงคุณท่านที” เสียงสาวใช้เอ่ยเรียกคุณพ่อบ้านวิลก่อนที่คุณพ่อบ้านจะเดินผ่านหน้าควีนและลูซไปช่วยกันพยุงคุณท่านที่สลบไสลออกจากห้องไป

    ลูกทั้งสองคนพักผ่อนที่ที่ห้องไปก่อนนะ ถ้าหมอตรวจพ่อเสร็จเมื่อไหร่ เราจะได้ตรวจลูกกันว่าร่างกายเป็นอะไรมากหรือเปล่า” คุณนายโรสฮาร์ทพูดจบก็ลูบหัวเด็กๆ ทั้งสองคนแล้วเดินออกจากห้องนอนไป

    ควีนเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าโลกนี้มีเวทมนตร์จริงๆ ตั้งแต่เกิดมาเธอก็คิดว่ามันมีแค่ในนิยายซะอีกแต่มันมีจริงๆ โลกแห่งเวทมนตร์ มาอยู่ในร่างนี้ก็คงไม่ได้แย่อย่างที่คิดล่ะมั้งนะ อาจจะทำอะไรง่ายขึ้น แล้วเราอาจจะหาสาเหตุที่มาอยู่ในร่างเจอก็ได้

    ยังไงตอนนี้ตัวเธอเองก็ต้องรีบแก้สถานการณ์เสียก่อน ในเมื่อรู้แล้วว่าหญิงสาวที่เดินออกไปนั้นคือคุณแม่ และคนขี้แยหน้าตาดีที่ดูติดลูกสาวนั้นคือพ่อของเธอแล้ว ต่อจากนี้เธอเองคงต้องหาข้อมูลในหลายๆ เรื่องเพื่อใช้ชีวิตในร่างโดยที่คนอื่นจะไม่สงสัยให้ได้!

    เพราะเหตุการณ์หัวกระแทกขอบประตู ทำให้เด็กสาวอายุสิบแปดปี ตื่นขึ้นมาก็ได้มาใช้ชีวิตอยู่ในร่างของเด็กสาวอายุ 15 ปี ที่มีนามว่า ควีน โรสฮารท์ ลูกสาวบุญธรรมหัวแก้วหัวแหวนของตระกูลสุดร่ำรวยอันดับต้นๆ ในอาณาจักรที่ใครๆ ก็ต่างชื่นชมและเอ็นดู แถมยังมีเวทมนตร์ที่ในชีวิตไม่อยากจะเชื่อว่ามันมีอยู่จริงนั้น มันเกิดมีขึ้นมาจริงๆ และนี่ก็คือเรื่องราวการใช้ชีวิตต่างโลก และชื่อใหม่ของฉันก็คือ ควีน โรสฮารท์

     

    หลังจากนั้นหลายวันต่อมา ควีนจึงพยายามหาข้อมูลต่างๆ แต่ก็แทบไม่อยากจะเชื่อกับข้อมูลในหนังสือที่เธอนั้นได้อ่านมัน เพราะตั้งแต่ที่เธอเรียนมาและเติบโตมานั้นไม่เคยได้ยินชื่อประเทศ แอนนอทรีย์ อาณาจักรที่ปกครองโดย กษัตริย์ฟรีดราช่า คลาดิเบลล์ แอนนอทรีย์ เลยสักนิดเดียว แถมยังมีเรื่องเวทมนตร์ที่ดูเหมือนจะเป็นสิ่งสำคัญในการใช้ชีวิตอีก

    เวทมนตร์งั้นเหรอ...ฉันเองจะมีเวทมนตร์แบบไหนกันนะ” หญิงสาวมองไปยังทุ่งดอกไม้กว้างขนาดใหญ่ พลางวางหนังสือเล่มหนาปึกไว้ข้างกาย แล้วถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย

    ในตัวเราจะมีเวทมนตร์ประจำตัวของแต่ละคน...ซึ่งมันจะแตกต่างกัน เวทมนตร์ประจำตัวนั้นจะเริ่มแสดงพลังออกมาก็ตอนอายุ10 ปีและช้าที่สุดที่อายุ 15 ปี ซึ่งเราเองก็ลองเรียกเวทมนตร์ออกมาแล้วแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะอะไรออกมาเลยสักนิด

    พลังเวทของพี่อ่อนเกินไปจนไม่สามารถรู้ความสามารถของเวทมนตร์ประจำตัวได้เลยครับ” ควีนถึงกับสะดุ้งตกใจกับเสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหัน พอหันกลับไปทางต้นเสียงก็พบกับลูซที่นั่งห้อยหัวจากไม้กวาดคู่ใจของเขาอยู่ข้างๆ ตัวเธอ

    เย้ย! ตกใจหมดลูซ! มาแบบให้สุ้มให้เสียงหน่อยเถอะ!” ควีนหันไปดุน้องชายของตน ที่กำลังหัวเราะชอบใจก่อนจะกระโดดลงจากไม้กวาดแล้วเรียกให้มันกลับมาอยู่ในมือของเขาอย่างง่ายดาย

    ควีนที่มองท่าทางที่ดูคล่องแคล่วนั้นก็รู้สึกหมั่นไส้น้องชายของเขาแปลกๆ มันเท่เสียจนเธออยากลองทำแบบนั้นได้บ้างแต่พ่อกับแม่ไม่อนุญาตเพราะร่างกายของเธอนั้นพึ่งฟื้นตัว

    ได้แกล้งพี่สาวที่ไม่เคยแกล้งมันสนุกดีนะครับ ผมดีใจนะที่พี่เปลี่ยนไปนะครับ” ควีนที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่ส่งยิ้มเจื่อนๆ กลับไปให้ ถ้าเกิดควีนตัวจริงมาได้ยินเข้าจะคิดยังไงเนี่ย...ที่น้องชายตัวเองพูดแบบนี้ เธอไม่ชอบที่ต้องมาโกหกแบบนี้เลยจริงๆ มันทำให้เธอรู้สึกแย่เอามากๆ

    ไม่รู้สิครับ ตั้งแต่ที่โตด้วยกันมาพลังเวทพี่ก็โคตรอ่อนเลย” ควีนที่ได้ยินแบบนั้นก็อยากจะกระโดดกัดหูน้องชายของเขาสักทีส่วนลูซที่เห็นสีหน้าควีนที่ดูหน้าบึ้งไม่สบอารมณ์ แบบนั้นก็เดินมานั่งข้างพี่สาวของตนเอง

    นี่หลอกด่ารึไง” ควีนจ้องเขม็งไปที่น้องชาย ก่อนที่เขาจะโบกมือปัดๆ เพื่อเป็นการปฏิเสธ

    เปล่าสักหน่อย...แต่พลังเวทของพี่อ่อนจริงๆ นะ อ่อนจนขี่ไม้กวาดไม่ได้เลยด้วย แม้แต่ควบคุมใบไม้ใบเดียวก็ยังทำไม่ได้” ควีนที่ได้ยินแบบนั้นก็เท่าเอาหมดหวังที่จะรู้ความสามารถของตนเอง มาอยู่ในโลกที่มีเวทมนตร์แต่กลับมีพลังเวทอ่อนแบบนี้นี่นะ มันต่างกับคนธรรมดาตรงไหนกันเนี่ย

    ลูซที่สังเกตเห็นหน้าพี่สาวของตนที่ดูหงอยแบบนั้น ก็อดยิ้มอย่างเอ็นดูไม่ได้

    แต่หลังจากที่พี่ฟื้นขึ้นมาผมว่าพี่ขี่ไม้กวาดได้นะ” ลูซพูดเช่นนั้น ควีนก็หันขวับกลับมามองน้องชายของเขาอย่างสนอกสนใจ เท่าเอาลูซเองอมยิ้มที่เห็นพี่สาวตนเองเปลี่ยนไป

    เธอดูน่ารักขึ้นมากขนาดนี้ทำไมเขาถึงไม่รู้ตัวกันนะ ทั้งๆ ที่เขาก็อยู่กลับเธอมานานแท้ๆ

    จริงดิ?”

    ถึงกับผลักพ่อกระเด็นขนาดนั้นได้...ผมว่ามันก็ไม่แน่หรอกนะครับ”

    หยุดพูดจากวนประสาทจะได้มั้ยห้ะ? สรุปมันได้หรือไม่ได้กันแน่ควีนทำหน้ามุ่ยอีกครั้งเมื่อได้ยินสิ่งที่น้องชายของเธอพูด มือเล็กๆ ก็ดึงไปที่หูของลูซอย่างหมั่นไส้

    โอ้ยๆ เจ็บนะครับ!” ลูซรีบแกะมือขอพี่สาวตนเองที่ดึงหูของเขาอยู่ ก่อนที่ควีนจะพึงพอใจกับสีหน้าเหยเกของลูซแล้วปล่อยเจ้าหูเล็กๆ ของลูซให้เป็นอิสระ

    “ได้ครับได้!...เจ็บชะมัด”

    ปกติคนพูดจากวนประสาทแค่ไหนพี่ไม่เห็นจะใช้กำลังเลยนิครับ” ลูซพูดพลางลูบไปที่หูของตัวเองบรรเทาความเจ็บปวดจากสิ่งที่พี่สาวประทานให้มาเมื่อสักครู่

    ตื่นมาแล้วกลายเป็นคุณหนูสาวสวยสุดแซ่บน่ะ จนกลายเป็นแบบนี้ไง?” พูดจบควีนก็ลุกขึ้นโพสท่าอย่างกับนางแบบ ทำเอาลูซมองมาที่เธออย่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูกกับสิ่งที่พี่สาวตัวเองทำ

    สิ่งที่เคยเห็นเมื่อก่อนคือเขาแค่ฝันไปหรือยังไงกันนะ พี่สาวเขาเมื่อก่อนน่ะเป็นคนที่อ่อนโยน สุภาพ เรียบร้อย ใจดีเป็นมิตรกับทุกคน เชื่อฟังคุณพ่อกับคุณแม่แถมยังเรียนเก่งสุดๆ แต่สิ่งที่เห็นตรงหน้านี้ มันราวกับคนล่ะคนอย่างนั้นแหละ...

    สาวสุดเตี้ยเถอะครับ 158 ไม่ใช่ส่วนสูงของนางแบบนะครับ 170 ต่างหากล่ะ” ลูซส่ายหัวเอือมๆ กับสิ่งที่พี่สาวตัวเองทำ ก่อนที่เธอจะยืนเท้าเอวแล้วมองไปที่ลูซ

    ถ้าฉันควบคุมเวทมนตร์ได้ตอนนี้ นายจะได้ลงไปนอนกับพื้นอยู่ตรงนั้นแน่ ๆ” พูดจบเธอก็ชี้ไปตรงทุ่งดอกไม้ที่ห่างจากตรงนี้ไปสิบกว่าเมตรได้

    ควีนคิ้วกระตุกเมื่อได้ยินเรื่องส่วนสูงที่ลูซเปรียบเทียบขึ้น ทำเอาเธออยากจะตะบันหน้าน้องชายคนนี้เสียจริง เรื่องอื่นมันพูดได้ยกเว้นเรื่องส่วนสูงและน้ำหนักของผู้หญิงนะ!

    ก่อนที่พี่จะตะบันหน้าผมด้วยเวท...พี่ต้องรู้เวทประจำตัวพี่ก่อนนะครับ” ลูซพูดจบก็ลุกขึ้นยืนพลางจับไม้กวาดตัวเองวางไว้เป็นทางแนวราบ ก่อนที่เขาจะขึ้นควบไม้กวาดของตนเองด้วยท่าทางคล่องตัว จนควีนเห็นกี่ครั้งก็อดอิจฉาไม่ได้เลย

    พอสังเกตลูซดูจริงจังแล้วเขาก็หน้าตาดีไม่น้อยเลยล่ะ ร่างสูงโปร่ง ประมาณ 180 แถมกล้ามเนื้อใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตานั่นอีก น้องชายคนนี้คงฮ็อตในหมู่สาวๆ ไม่น้อยเลยแน่ ๆ

    ขึ้นมาสิครับ” ควีนที่กำลังมองน้องชายของตัวเองด้วยความรู้สึกปลื้มใจ ก่อนต้องสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์ความคิดของตัวเอง ก่อนที่จะเดินเข้าไปใกล้น้องชายของตัวเอง

    แล้วเราจะไปไหนกันเหรอ?”

    วิหารเทพธิดาแห่งแสงครับ”

    และด้วยเหตุนั้นลูซและควีน พี่น้องของตระกูลโรสฮาร์ทจึงได้ออกเดินทางมุ่งหน้าไปยัง วิหารเทพธิดาแห่งแสง เพื่อคลายความสงสัยเรื่องเวทมนตร์ประจำตัวของควีนนั่นเอง

     

     

     

     

    -To be continue

     

     

     

     

     

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×