คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : จอมโจรรัตติกาล : คำล่ำลือ
จอมโจรรัตติกาล : คำล่ำลือ
เสียงผู้คนดังระงมไปทั่วบริเวณโรงเรียน ส่วนมากเป็นเหล่านักเรียนหญิงที่จับกลุ่มคุยกัน แต่ก็มีนักเรียนชายอีกหลายคนที่กล่าวถึงเรื่องเดียวกัน และเรื่องที่ผู้คนต่างก็แลกเปลี่ยนความเห็นกันนั้นก็คือเรื่องของบุรุษชุดดำที่มาปรากฏตัวต่อหน้ากลุ่มเด็กสาวเกินตัว... กลุ่มโอลีฟว์นั่นเอง
“เขาน่ะนะ ทั้งเท่ห์ทั้งหล่อ เสียงก็ชวนฝัน ฉันล่ะเห็นกับตา รอยยิ้มนั่นอย่างกับเทวดาแน่ะ กริ๊ด >0<”เสียงแหลมๆอย่างออกจริตดังมาจากริมฝีปากของสาวนัยน์ตาสีม่วง เธอเล่าเรื่องเกี่ยวกับเขาไม่หยุดตั้งแต่ก้าวเข้ามาในโรงเรียน และก็มีเด็กสาวอีกมากมายที่อยากจะฟังเรื่องของเธอกับกลุ่มที่ได้เจอกับจอมโจรรัติกาลตัวต่อตัว
ถึงเรื่องราวของจอมโจรรัตติกาลจะดังไปทั่วจนหลายคนให้ความสนใจ แต่เจ้าตัวที่เป็นผู้ถูกกล่าวขานกลับหัวเราะเอาเป็นเอาตายเมื่อได้ยินเรื่องที่คนอื่นพูดอย่างผิดเพี้ยนไปจากความจริง บ้างก็ว่าเขามีปีกบินไปไหนมาไหนก็ได้ดั่งใจอยาก บ้างก็ว่าเขาเป็นจ้าววายุสั่งลมให้ทำตามได้เหมือนลูกน้อง ทั้งที่ความจริงมันไม่ใช่อย่างนั้นสักนิด
แต่มันก็น่าอยู่หรอกนะ เธอคิด
“และรู้หรือเปล่าว่าเขามีเวทมนต์ที่สามารถทำให้ทุกคนหลงเสน่ห์ได้ด้วยล่ะ” สิ้นคำพูดด้วยท่าทางเพ้อฝันของโอลีฟว์ พัชก็ปล่อยก๊ากพรวดยาวออกมาจนโอลีฟว์ต้องหันมาค้อน
“นี่เธอหัวเราะอะไรน่ะ” คิ้วเรียวของคนพูดขมวดเข้าหากัน
“อ๋อ เปล่าๆ พอดีหนังสือเล่มนี้หน้าปกมันตลกดีน่ะ” แก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ โอลีฟว์ก้มหน้าลงมามองหน้าปกหนังสือที่พัชถือแล้วก็ต้องขมวดคิ้วเข้าไปอีกเพราะหน้าปกมันเป็นหนังสือคณิตศาสตร์ที่มีเพียงสามเหลี่ยมและวงกลมซ้อนกันไปมา แต่เจ้าของหนังสือก็ยังยิ้มแป้นทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“ท่าจะบ้า” โอลีฟว์พูด ก่อนจะหันไปเล่าเรื่องของจอมโจรรัตติกาลต่อ
เธอน่ะสิบ้า พัชต่อในใจด้วยใบหน้าขบขัน
ร่างสูงก้าวเข้ามาในโรงเรียนเหมือนอย่างวันอื่น แต่ปกติมันต้องมีคนดักรอเขาอยู่แล้วไม่ใช่หรือนี่? หรือวันนี้มันวันหยุดรัชกาลของพวกผู้หญิงนั่น
อิสระสักทีตู เขาคิด นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มฉายแววพึงพอใจ เดินตรงมุ่งหน้าไปที่ตึกเรียน
“ฉันน่ะได้ยินมาว่าจอมโจรรัตติกาลเอาแหวนทองวงละหมื่นไปคืนยายโอลีฟว์ด้วยล่ะ”
กึก
ฝีเท้าหยุดชะงัก เมื่อได้ยินประโยคนั้นจากกลุ่มหญิงสาวที่ยืนคุยกันอยู่ พลันสมองก็นึกถึงแหวนสีทองวาววับในมือของตนเมื่อวานที่หลังจากกลับบ้านไปหวังจะหยิบขึ้นมาดูเสียหน่อยแต่เจอเพียงความว่างเปล่าในกระเป๋ากางเกงยีนส์ เขาตกใจแทบบ้าคิดแต่ว่ามันหายไปได้อย่างไร ที่แท้ไอ้โจรนั่นนี่เอง
ขโมยไปตอนไหนวะเนี่ย
“แกได้ยินข่าวนั้นมั้ยไอ้กฤษฎ์”เพื่อนคนหนึ่งวิ่งเค้ามาถามเขาด้วยสีหน้าร้อนรนเมื่อเขาวางกระเป๋าลงบนเก้าอี้แล้ว ผมสีแดงแสบทรวงยังสร้างความซ่าให้เจ้าของเสมอ
“เต็มสองหูเลยว่ะ” กฤษฎากรณ์เงยหน้าขึ้นมองเพื่อนพร้อมคำตอบ
“ฉันว่าแกคงต้องไปเอาแหวนคืนจากโอลีฟว์ตรงๆแล้วล่ะ” เพื่อนอีกคนผมดำลองทรง ตาสีดำสวมแว่นเอ่ยแนะนำข้างตัว
“แล้วถ้าโอลีฟว์ไม่คืนให้มันล่ะ” ชายร่างสูงกว่าเพื่อน ผมสีน้ำตาลเป็นทรงตั้งขึ้นเพราะเยลเอ่ยถามคนสวมแว่น กฤษฎ์เพิ่งรู้ตัวว่าเขานั่งอยู่กลางเพื่อนทั้งสามตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่โอลีฟว์จะคืนไม่คืนหรอก ไอ้กลอง” กฤษฎ์พูด “ฉันติดใจตรงที่จอมโจรนั่นมันขโมยแหวนฉันไปตอนไหนต่างหาก เพราะตั้งแต่งานเริ่มจนถึงงานเลิกและฉันกลับบ้านยังไม่ได้หยิบแหวนออกมาจากกระเป๋าเลยแม้แต่ครั้งเดียว” สิ้นคำของเขา ทุกคนก็เงียบอย่างใช้ความคิด ไม่นานนักเพื่อนที่สวมแว่นก็เอ่ยแนะนำ
“ฉันว่านายไปเอาแหวนของนายคืนมาจากโอลีฟว์ดีกว่านะ ไม่แน่โอลีฟว์อาจจะแต่งเรื่องจอมโจรก็ได้จริงๆแล้วเธออาจจะยังไม่ได้แหวนคืน แล้วนายก็ทำแหวนหายไปพอดี” กฤษฎ์นิ่งไปอย่างครุ่นคิด
“ฉันว่าที่ไอ้เปลี่ยนมันพูดก็เป็นไปได้นะ” ชายผมแดงพูดสนับสนุน
“ฉันเห็นด้วยกับไอ้กรมัน” ชายร่างสูงที่ชื่อกลองพูดเสริมอีกคน
“งั้นก็ได้ แต่ฉันไม่อยากจะใช้ไม้นั้นซ้ำสองสักเท่าไหร่เลย” เขาตอบ
แสงแดดเริ่มจัดขึ้นในเวลาเที่ยงวัน นักเรียนชายหลายคนกำลังเล่นกีฬาอย่างสนุกสนานอยู่ในโรงยิมและสนามกลางแจ้ง มีเพียงบางส่วนเล็กๆที่เป็นนักเรียนหญิง ชายผมและนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มเดินผ่านทางเชื่อมตึกมุ่งหน้าไปยังห้องของเป้าหมาย เพื่อนสนิทสามคนยืนยันว่าจะมาด้วยแต่เขาก็ห้ามทัพเอาไว้เพราะเขาอยากมาเพียงคนเดียว
เมื่อมาถึงหน้าห้องเรียนที่มีป้ายเขียนไว้ว่า 5-2C เขาก็เลื่อนประตูออกด้วยสีหน้าจริงจัง
กึก
ใบหน้าจริงจังกลับกลายเป็นตะลึงงันเมื่อพบภาพเบื้องหน้า หญิงสาวผมยาวสลวยเจ้าของนัยน์ตาสีนิลราวราตรีกาลกำลังจ้องตากับเขาอย่างจัง การที่อยู่ห่างกันแค่คืบเดียวทำให้เขาหัวใจเต้นแรงจนกลัวว่าเธอจะได้ยิน แต่คนเบื้องหน้ากลับผงะเล็กน้อยเมื่อเปิดประตูมาเจอเขา แต่ใบหน้านั้นก็ยังคงเรียบเฉยกับทุกสถานการณ์
“หลีกทางหน่อยค่ะ” น้ำเสียงของเธอปลุกให้เขาตื่นจากภวังค์ กฤษฎ์รีบหลีกทางให้พร้อมเอ่ยคำขอโทษอย่างร้อนรน สาวเจ้าเดินออกมาพร้อมกับเพื่อนสนิทผมสีทองที่ไปไหนด้วยกันประจำ กฤษฎ์มองเบื้องหลังของเธอไปจนลับสายตา เขายิ้มเล็กน้อยแล้วเดินเข้าไปในห้องเรียน
ภายในห้องมีผู้หญิงเพียงสองสามคนซึ่งดูก็รู้ได้เลยว่าเป็นพรรคพวกของโอลีฟว์เพราะดูจากการแต่งหน้าและแต่งตัว
“กฤษฎ์นี่นา มาหาโอลีฟว์ถึงนี่เลยหรือคะ? คิดถึงขนาดนั้นเชียว?” ไม่ทันที่เขาจะเอ่ยปากพูดอะไรสายตาสีม่วงของหล่อนก็หันมาสบตาแล้วพูดจาชวนขนลุก เมื่อพูดจบเธอก็รีบเข้ามายืนอยู่ตรงส่งสายตาหวานเชื่อมทันที่
“ฉันมาถามเรื่องแหวน” จากคนที่ดูสุภาพกร้าวขึ้นมาทันที น้ำเสียงเย็นเยือกถูกส่งผ่านของมาจากริมฝีปาก
“อย่าทำสายตาอย่างนั้นก็โอลีฟว์สิค้า เรื่องแหวนน่ะ ไม่เห็นต้องขโมยกันเลย”
“เธอรู้ได้ยังไง?” สีหน้ายังคงกร้าวดังเดิม ภายในดวงตาฉายแววสงสัย หญิงสาวช้อนตาคู่นั้นขึ้นมามองอย่างออดอ้อน
“จอมโจรรัตติกาล” โอลีฟว์มองท้าทายเขาด้วยสายตาของผู้มีชัย แล้วเธอก็เริ่มพูดต่อ “ใครจะไปรู้ว่าในถุงสีดำกำมะหยีที่เขาเอามาโอลีฟว์จะมีจดหมายใส่ไว้ด้วย” เธอเดินออกจากตัวเขาแล้วยิ้มอย่างถือดี กอดอก
“ ‘คนที่ขโมยไม่ใช่ผม’ ลีฟว์ก็เลยคิดว่าคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเจ้าของจะมาเอาของคืน” ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบและเธอหวังว่าจะได้เห็นการเสียหน้าของผู้ชายที่ชื่อกฤษฎ์
“รู้แล้วก็ดี ผมขอแหวนคืน” แล้วนิ้วสองนิ้วก็คีบแหวนทองวาวขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่หาดูได้ยากจากเขา โอลีฟว์ตะลึงงันรีบหาแหวนในกระเป๋าแต่ที่พบคือเครื่องสำอางต่างๆของเธอเท่านั้น เธอมองเขาด้วยสายตาอาฆาตกัดฟันกรอด
“ไอ้ขี้ขโมย”
“จะเป็นไรไปเล่าถ้าใช้การขโมยกับคนที่ขโมยแหวนของผมมาก่อนอย่างคุณ ของๆผม ผม-ขอ-คืน”
แล้วเขาก็เดินออกไปจากห้อง...แวบหนึ่งเท่านั้นที่ทุกคนเห็นเขาเป็นหัวขโมยที่แตกต่างกับจอมโจรรัตติกาลโดยสิ้นเชิง...เป็นขโมยที่เจ้าเล่ห์กว่าเป็นไหนๆ
ความคิดเห็น