คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : จอมโจรรัตติกาล : เปิดตัวนักร้อง และ คืนเจ้าของ
จอมโจรรัตติกาล : เปิดตัวนักร้อง และ คืนเจ้าของ
“Merry Christmas! ค่ะ ทุกคน วันนี้โรงเรียนของเราก็ได้จัดงานอย่างอลังการเช่นเคยนะคะ...” เสียงของพิธีกรสาวพูดดำเนินรายการบนเวทีอย่างคล่องแคล่วราวกับว่าเป็นงานประจำของเธออยู่แล้วงั้นแหละ เธอกล่าวงานไปเรื่อยๆต่อหน้านักเรียนหลายคนที่นั่งอยู่หน้าเวที มีทั้งนักเรียนจากโรงเรียนอื่นและนักเรียนในโรงเรียนเอง เวทีถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ตระการตาอย่างไม่กลัวงบจะหมด ทั้งสำลีสีขาวที่ทำให้เวทีและบริเวณหน้าเวทีขาวโพลนเหมือนดั่งมีหิมะจริงๆ ตัวเวทีถูกประดับประดาไปด้วยไฟ มีตัวอักษรเขียนตัวใหญ่ด้านหลังว่า “Merry Christmas!” และต้นคริสต์มาสต้นไม่ใหญ่มากมาวางเป็นแบลคกาวน์พร้อมกล่องของขวัญมากมายเป็นฉาก อยู่ในโดมใสที่สามารถกระจายเสียงได้ทั่วโรงเรียน
รอบงานเต็มไปด้วยซุ้มของห้องทุกห้องตั้งแต่ระดับชั้น 4-6 ส่วนระดับชั้น 1-3 นั้นได้เดินชมงานอย่างสบายอารมณ์ และสิ่งที่ยิ่งใหญ่สะดุดตาที่สุดเห็นจะเป็นต้นคริสต์มาสขนาดมหึมาตั้งอยู่กลางโรงเรียนซึ่งทางโรงเรียนปลูกเอาไว้เพื่อจัดงานอย่างนี้อยู่แล้ว เพียงแต่วันนี้มันดูพิเศษกว่าวันอื่นเพราะถูกจัดตกแต่งอย่างสวยงามอลังการ ผู้คนที่เดินกันขวักไขว่ทำให้โรงเรียนใหญ่ดูเล็กลงไปถนัดตา เสียงของผู้คนปนกับเสียงดนตรีเบาๆ แข่งกับเสียงพิธีกรดังระงมไปทั่วงาน แต่ไม่ได้ทำให้บรรยากาศของงานดูน่าเบื่อลงเลยแม้แต่นิดเดียว
“เฮ้อ มาจนได้นะ แม่ตัวดี ครูล่ะลุ้นแทบแย่ว่าเธอจะมาทันไม่ทัน มีเวลาให้เธอพัก 30 วิ เตรียมตัวให้ดีล่ะ”ครูสาวพูดเตือนและพัชณาภรณ์ก็ดูออกว่าอาจารย์ตรงหน้าโล่งอกมากเพียงใดที่เธอมาทันเวลา แต่แล้วอาจารย์ก็หันไปบอกชายหนุ่มอีกคนที่มาทีหลังเธอให้เตรียมตัวบ้าง นั่นก็คือกฤษฎากรณ์นั่นเอง วันนี้เขาจะต้องเล่นดนตรีให้เธอพร้อมกับวงของเขา พัชยืดหลังขึ้นให้ตรง ปรับจังหวะการหายใจให้เข้าที่และ
“และวันนี้เรามีนักร้องเดี่ยวประจำโรงเรียนคนใหม่มารายงานตัวนะคะ ดิฉันขอบอกได้เลยว่าฝีมือของเธอไม่แพ้นักร้องเพลงมืออาชีพเลยแม้แต่น้อย และเหล่าชายหนุ่มที่มาเล่นดนตรีให้เธอนั้นก็หล่อบาดใจเสียด้วยสิ เอาล่ะค่ะพล่ามมากเสียเวลาเปล่า ขอเชิญพบกับพวกเขาและเธอได้เลยค่า!”
แล้วผู้ถูกเชื้อเชิญก็ก้าวขึ้นเวทีอย่างสง่างาม หญิงสาวในชุดซานต้าคลอสหญิงและชายหนุ่มทั้ง 5 ในชุดเสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์และทุกคนสวมเสื้อแขนยาวกำมะหยี่สีแดงสดตรงขอบมีขนนุ่มนิ่มสีขาว คนหนึ่งเป็นมือกลอง หนึ่งเป็นมือเบส หนึ่งเป็นมือขลุ่ยและอีกคน นายกฤษฎาภรณ์นั่นเป็นมือกีต้าร์ ทุกคนเข้าประจำที่และนักร้องสาวก็พร้อมแล้วเช่นกัน
เสียงอินโทรดังขึ้นมาเบาๆ มันเป็นอินโทรของเพลง Before I fall in love ของ
“My heart says we've got something real
Can I trust the way I feel
Cuz, my hearts been fooled before
Am I just seeing what I want to see
or is it true could you really be”
เสียงของเธอช่างเหมือนดั่งเสียงกระซิบที่ดังมาจากสายลม มันดูอ่อนโยน บางเบา แต่ก็มีแรงพลังพอที่จะแทรกผ่านตัวตนของผู้ฟังเข้าไปได้
ทุกอย่างภายในโรงเรียนต่างหยุดนิ่งเพื่อฟังเสียงของเธอและกล่าวชื่นชมในใจ มีทั้งคนยิ้มและบางคนก็
ร้องตามไปด้วย ท่วงท่าและเสียงร้องนั้นเหมือนไม่ใช่เธอคนเดิม คนที่มีมาดนิ่งครอบคลุมตัวเสมอ ช่างยากนักที่จะเข้าถึง เขาเพิ่งจะหลงใหลในตัวเธอก็เมื่ออาจารย์ได้พาเขาและพวกพ้องมาซ้อมเพลงกับเธอ ตอนที่เขาได้ยินเสียงเธอครั้งแรก เขาก็เหมือนดั่งต้องมนต์จนหยุดเล่นกีต้าร์ไปเสียเฉยๆ จนต้องมีคนสะกิดให้รู้ตัว
มือกีต้าร์ของวงมองเบื้องหลังของหญิงสาวอย่างชื่นชมและหลงใหล ถ้าเขาไม่ได้ซ้อมกับเธอมาได้ซักพักแล้ว เขาก็คงจะหยุดเล่นกีต้าร์ไปเหมือนวันแรกนั่น
สำลีชิ้นเล็กๆถูกโปรยลงมาจากข้างบนเพดานของเวทีเหมือนดั่งหิมะ พวกมันทำให้บรรยากาศดูสวยงามมากยิ่งขึ้นไปอีก...
“Someone to have and hold
with all my heart and soul
I need to know before I fall in love
someone who'll stay around
through all my up's and down's
Please tell me now before I fall in love
I'm at the point of no return
So afraid of getting burned
but I wanna take a chance
Oh, please give me a reason to believe
say you're the one
that you'll always be
Someone to have and hold
with all my heart and soul
I need to know before I fall in love
Someone who'll stay around
through all my up's and down's
Please tell me now before I fall in love
It's been so hard for me
to give my heart away
but I'd give my everything
Someone to have and hold
with all my heart and soul
I need to know before I fall in love
Someone who'll stay around
through all my up's and down's
Please tell me now before I fall in love”
เสียงเพลงยังคงบรรเลงต่อไปเรื่อยๆพร้อมกับเสียงของนักร้องสาวที่ทำให้ทุกคนคล้อยตาม ผู้คนหน้าเวทีต่างโยกตัวไปตามจังหวะของเพลงอย่างช้าๆ มันทำให้เธอและพวกเขาภาคภูมิใจยิ่งนัก โดยเฉพาะเธอ... เธอรักรอยยิ้มและเสียงของตัวเองที่ทำให้ผู้อื่นยิ้มได้ และแล้วเพลงก็มาถึงท่อนสุดท้าย
“...Before I fall in love...”เสียงดนตรีเบาลงและสิ้นสุดไปอย่างน่าประทับใจ...
“เสียงตบมือดังสนั่นเลยละ รู้มั้ย” เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นข้างตัวเมื่อเธอเดินออกมาจากห้องแต่งตัว เพื่อนสาวคนสนิทยืนรออยู่หน้าประตู นัยน์ตาสีฟ้าเป็นประกายแสดงความยินดีกับการขึ้นเวทีของเพื่อน ผมสีทองสไลด์ยาวถึงกลางหลัง ริมฝีปากบางกำลังยิ้มให้เธออยู่
“อืม ฉันรู้” พัชยิ้มตอบน้อยๆ ตอนนี้เธออยู่ในชุดสูตรของโรงเรียนดังเดิม มือซ้ายกำลังถือกระเป๋าเป้ใบกะทัดรัดอยู่
“แล้วแผนการของเธอสำเร็จไหมละ?” คนนัยน์ตาสีฟ้าเอ่ยถามอย่างอยากรู้ (ถึงจะเดาออกก็เถอะ) ผู้ถูกถามจึงล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อหยิบถุงผ้าสีดำออกมาแกว่งเล่นให้คำตอบพร้อมกับรอยยิ้มพราวบนใบหน้าหวาน รินลนีหัวเราะในลำคอก่อนจะพูดเบาๆ ให้ได้ยินเพียงสองคน
“หึหึ สมกับเป็นโจรสาว รู้มั้ยว่าเธอจะยิ้มเมื่อของที่หมายตาอยู่ในมือแล้วเท่านั้น” แล้วนัยน์ตาสีฟ้าก็ปะทะกับนัยน์ตาสีนิลอย่างลองเชิง
“ไม่ใช่หรอก ฉันจะยิ้มเวลาที่ทำอะไรสำเร็จและเวลามีคนยิ้มให้ต่างหาก” แล้วเธอก็ยิ้มแบบมิตรภาพเป็นรอยยิ้มที่รินผู้ที่เธอไว้วางใจได้รับคนเดียวเท่านั้น “แล้วก็เวลาเธอลองเชิงฉันน่ะสิ ไปได้แล้วล่ะมั้ง มีคนรอแหวนของเขาอยู่” แล้วทั้งคู่ก็เริ่มออกเดิน
เด็กนักเรียนทั้งของโรงเรียนเองและของโรงเรียนอื่นต่อแถวยาวเหยียดอยู่ตรงหน้าซุ้มร้านขายขนมปังที่ถูกขึ้นชื่อว่าอร่อยที่สุดในงาน ซึ่งเป็นฝีมือของห้อง 2A ชั้น ม.5 และก็คงจะเป็นสิ่งที่แย่นักถ้าไม่ได้แวะเวียนมาซื้อก่อนจากไป และด้วยความขึ้นชื่อนี้ทำให้แพ็คขนมปังที่วางขายถูกหยิบออกจากที่อย่างต่อเนื่องไม่ได้พัก ทำให้คนขายแทบลมจับในการทำขนมไม่ได้หยุดหย่อน
พัชณาภรณ์และรินลนีเดินเข้ามาภายในซุ้ม เมื่อเพื่อนคนหนึ่งที่กำลังสาละวนอยู่กับการนวดแป้งหันมาเจอกับทั้งสองก็ทักขึ้นอย่างเป็นมิตร
“อ้าว ริน พัช มากันแล้วเหรอ นี่พัชเธอร้องเพลงเพราะสุดยอดไปเลยทำให้พวกฉันได้พักไปตลอดทั้งเพลงเลยล่ะก็คนซื้อมัวแต่หันไปมองเธอบนเวที ขอบใจมากมาย ไม่งั้นพวกฉันตายแน่” เด็กสาวผมน้ำตาลยาวประไหล่มัดแกะสองข้าง ตาสีน้ำตาลอ่อนพูดขึ้น
“นั่นสิ แต่ไม่ยักรู้นะว่าเธอร้องเพลงได้เพราะขนาดนี้” เด็กสาวอีกคนพูดขึ้นมาอย่างชื่นชม หน้าตาของเธอเหมือนกับคนที่พูดคนแรกอย่างกับแกะ เพียงแต่ผมถูกมัดเป็นจุกสองข้าง เธอกำลังผสมแป้งอยู่
“มัวแต่พูดอยู่นั่น เร่งมือหน่อยสิเดี๋ยวก็ขายไม่ทันหรอก” ชายผมน้ำตาลนัยน์ตาสีทองเร่งมา เขากำลังหยิบของให้ลูกค้าไม่ได้หยุดหย่อน แม้กระทั่งเวลาพูดก็ยังหยิบขายได้อย่างคล่องแคล่ว แล้วตาของเขาก็หันมามองที่พัชบ้าง “ร้องเพลงเพราะดีนะ” แล้วเขาก็หันไปทำงานต่อ
รินยิ้มกว้างเห็นฟันขาวดีใจออกหน้าเพื่อนสาว ส่วนพัชเพียงกล่าวขอบคุณแล้วเอ่ยถาม “คนอื่นๆไปไหนกันหมดล่ะ”
“พวกผู้ชายพอจัดซุ้มเสร็จก็ไปเดินเที่ยว บางส่วนก็เป็นสวัสดิการไปซื้อของมาเพิ่มน่ะ” เด็กสาวที่นวดแป้งพูดตอบอย่างร่าเริงมือนวดแป้งด้วยแรงที่เหมาะสม
“ส่วนพวกผู้หญิงกลุ่มโอลีฟว์ไปเม้าท์กันบนห้อง คนอื่นๆก็ไปเดินเที่ยวแล้วก็แวะเวียนมาช่วยบ่อยๆ”เด็กสาวที่หน้าตาเหมือนอีกคนพูดด้วยท่าทางร่าเริงแบบเดียวกัน พัชพยักหน้าอย่างเข้าใจด้วยสีหน้าเรียบๆ
“งั้นฉันขอตัวก่อนนะ” แล้วเธอก็เดินจากไป
“พัชณาภรณ์ยังเหมือนเดิมเลยสิน่า”สองสาวฝาแฝดพูดขึ้นพร้อมกัน
“เขามีธุระจริงๆน่ะ มีอะไรให้ฉันช่วยหรือเปล่าจ๊ะ ดาร์ก(Dark)ไลท์(Light)”รินแก้ตัวให้เพื่อนสนิทแล้วถามหางานต่อเด็กสาวทั้งสอง
“ไปช่วยน้ำแข็งขายขนมปังแล้วกัน” ดาร์กและไลท์พูดขึ้นพร้อมกันอีกครั้ง
บนตึกอาคารเรียนไม่มีใครอยู่ แต่มีกลุ่มหนึ่งที่นั่งเม้าท์กันสนั่นห้องจนดังออกมาถึงข้างนอก หญิงสาวผมน้ำตาลเข้มยาวประบ่าถูกสไลด์หน้าม้าตามยุคตามสมัยนั่งคุยกับเพื่อนอีกสี่คนอยากออกจริตจกร้าน ดูท่าแล้วเธอคงจะเป็นคนที่เด่นและไฮโซสุดในกลุ่ม เพราะเพื่อนอีกสี่คนมีอุปกรณ์การแต่งตัวสู้เธอไม่ได้สักนิด
“นี่โอลีฟว์ แป้งนั่นน่ะซื้อใหม่ไม่ใช่เหรอ?” เด็กสาวที่ดูสาวเกินตัวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น นัยน์ตาสีม่วงด้วยคอนแทคเลนส์หันมามองอย่างภาคภูมิใจและวางมาด ตลับแป้งยี่ห้อดังถูกปิดด้วยมือข้างเดียวดังปึกก่อนเจ้าตัวจะเชิดหน้าขึ้น เผยอปากแดงด้วยลิปกลอสชั้นดีพูด
“แน่สิยะ ตลับนั้นชั้นให้ยัยจิ๊บไปแล้ว เห็นว่าอยากได้นักอยากได้หนามองอยู่ได้เวลาชั้นทาหน้า ก็เลยให้ๆไป” คนฟังทำตาลุกวาวก่อนจะพูดอย่างออกท่าออกทาง
“ต๊าย จริงเหรอ แหม อันนั้นชั้นก็เล็งๆไว้อยู่เหมือนกันนะ เสียดายนังจิ๊บมันเอาไปเสียก่อน”
“เฮอะ เศษเงินแค่นั้นชั้นไม่สนหรอกย่ะ”
ฟิ้ววว~
สายลมพัดผ่านเข้ามาในห้องมากกว่าปกติ โอลีฟว์รีบหันไปที่หน้าต่างบ้านใหญ่ที่เปิดอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เธอขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด หันหน้าจะสั่งให้เพื่อนที่นั่งอยู่ด้วยกันไปปิดให้ แต่สายตาก็พลันไปเห็นชายผ้าสีดำของใครบางคนเสียก่อน พลันนัยน์ตาก็เบิกกว้างทุกคนในห้องไม่ขยับตัว เพียงแต่จ้องใบหน้าขาวที่ถูกปกปิดไว้ด้วยหน้ากากแฟนซีขนนกสีดำอันใหญ่
ร่างสูงผอมยืนยิ้มกอดอกอยู่ข้างนอกหน้าต่างนั่นสายลมที่อยู่คู่กับเขาพัดให้ชุดและผมสั้นลองทรงสีดำสนิทราวค่ำคืนพลิ้วไหวไปตามแรงลม เขาสวมชุดสีดำทั้งชุดดังที่เขาล่ำรือ
“หน้ากากขนนก ชุดสีดำ และเสื้อคลุมราวเจ้าชายแห่งความมืดนั่น”โอลีฟว์พูดพึมพำกับตัวเองแล้วเว้นวรรคเหมือนลังเลที่จะพูดชื่อของเขาออกมา แต่เธอก็ตัดสินใจได้ “...จอมโจรรัตติกาล!”
สายลมยังคงพัดเข้ามาอย่างต่อเนื่องเหมือนเป็นการต้อนรับเขา เด็กสาวในห้องเผลอหน้าแดงออกมาอย่างไม่รู้ตัวเมื่อริมฝีปากชมพูอ่อนของเขาเผยรอยยิ้มที่สุภาพที่สุดเท่าที่พวกเธอเคยเห็นออกมา
“ผมมาส่งของครับ” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยออกมาจากรอยยิ้มนั้น พวกเธอแทบไม่ได้ยินเสียงของเขา แล้วมือที่กอดอกก็สะบัดออกมาทางข้างหน้าพร้อมถุงผ้ากำมะหยี่สีดำให้มาตกที่เท้าของโอลีฟว์ เธอตะลึงไปชั่วครู่แล้วสายตาของเธอก็หันลงมาสนใจที่ถุงผ้า และเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง บานหน้าต่างปิดสนิท สายลมหายไปและมีเพียงความว่างเปล่าอยู่ข้างนอกนั่น...พวกเธอเกือบคิดว่ามันเป็นความฝันถ้าไม่ได้จับแก้มแดงๆของพวกเธอเอง...
ความคิดเห็น