ท่ามกลางท้องฟ้าที่ปกคลุมไปด้วยยามราตรีรัตติกาล เหนือปราสาทเคอริเบอร์รี่ ประหนึ่งลมหายใจของแวมไพร์ตนหนึ่งกำลังพ่นระบายความร้อนออกมาเพื่อดับความกระหายในรสเลือดอันหอมหวานที่ยากจะจินตนาการ อาเธอร์หยิบโคนแก้วไวน์ขึ้นมาพินิจพิศดูอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะมีแววตาสีแดงสดสะท้อนออกมาในเงามืด
"อาเธอร์หลานกำลังว่างอยู่หรือเปล่า"
"เท่าที่ดู คุณอาก็น่าจะทราบนี่ครับ ผมกำลังว่างอยู่พูดธุระมาเลยดีกว่า" อาเธอร์ว่าพลางหันไปสนใจแก้วไวน์ที่บรรจุของเหลวข้นสีแดงฉานอย่างสนใจแทน
"หึ มารยาทแย่ไม่เปลี่ยนเอาล่ะเข้าเรื่องเลยแล้วกัน หลานเองก็น่าจะพอรู้มาบ้างแล้วนะว่าตอนนี้ประชากรของแวมไพร์ในปีนี้ลดลงมาก. . ." ผู้เป็นอาได้แต่แผ่วเสียงลงก่อนจะเสตามองไปยังนอกหน้าต่าง
"ที่จะบอกผมก็คือ. . ."
อาเธอร์เค้นเสียงออกมาเบาๆ
พร้อมกับคำของอาที่พ่นออกมาทำเขาแทบจะกลั้นขำไม่อยู่
"หลานควรจะแต่งงาน คู่หมั้นก็มีแล้วยังจะกังวลอะไรอยู่อีก"
"แล้วทำไมคุณอาไม่แต่งเองเลยล่ะครับ ถ้าผมแต่งงานไปมีลูกก็คงไม่มากกว่าหนึ่งหรือสอง เพิ่มมาแค่นิดเดียวเอง"
"แต่ก็ยังมีเพียงพอเพื่อให้เหล่าแวมไพร์ใต้อาญัติของเราไว้เนื้อเชื่อใจได้บ้าง" คำสุดท้ายที่เปล่งออกมานั้นทำให้อาเธอร์ถึงกับกุมขมับกับคนประเภทหัวโบราณจริงๆ เอะอะก็จับหมั้นจับแต่งทำไมไม่เคยให้ชีวิตที่ได้เลือกคู่ครองเองบ้างนะ พลันเสียงๆหนึ่งก็ดังขึ้น
". . . ยังไงท่านต้องรีบแต่งงานนะคะ อย่างน้อยก็เพื่อช่วยท่านคาร์เรน" จู่ๆน้ำเสียงราบเรียบของหญิงสาวผู้มาเยือนใหม่ก็เรียกความสนใจจากอาเธอร์และละสายตามองมายังเธอ
"เกี่ยวอะไรกับคาร์เรน?"
"ท่านก็น่าจะทราบดี ว่าท่านคาร์เรนร่างกายไม่แข็งแรงไม่มีทางสืบทายาทหรือทำเพื่อเผ่าพันธุ์แวมไพร์ของเราได้" เมื่อชื่อของน้องชายอย่างคาร์เรนถูกเอ่ยออกมาเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจครั้งนี้ ทำให้เขาฉุกคิดข้อต่อรองขึ้นมาได้บ้าง. . . ถึงแม้อาจจะไม่สามารถขัดขืนไปได้ทุกข้อตกลงก็เถอะ
". . .ตกลงผมจะแต่งงาน แต่?"
"แต่อะไร. ." อาของเขาทำหน้าหงุดหงิดใจเมื่อหลานชายจอมเจ้าเล่ห์ต้องมีกลอุบายไม้ตายมาดักทางความคิดของเขาแน่นอน ทันทีที่อาเธอร์พูดจบทำให้ทั้งสองคนแทบล้มทั้งยืน
". . . แต่ผมจะเป็นคนเลือกเจ้าสาวของผมเอง"
"หลานพูดอะไรออกมา"
ผู้เป็นอาได้แต่ยืนกัดฟันกรอด!
"เอาเถอะในเมื่อท่านพูดมาแล้ว เราก็จะเชื่อในการตัดสินใจของท่าน. . ."
ส่วนหญิงสาวในเงามืดคนนั้นกลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามเธอแอบระบายยิ้มออกมาเล็กน้อยกับความหัวดื้อของผู้เป็นนายตรงหน้า
"หลานไม่คิดว่าพ่อของหลานที่จากไปจะเสียใจกับคำตอบนี้บ้างหรือไง?"
"ผมตัดสินใจเพื่อความสุขของตัวผมเองครับ คุณอา" ร่างสูงโปร่งที่ได้เชื้อทางสายเลือดว่าเป็นอาแท้ๆของอาเธอร์พลันเดินหายลับไปท่ามกล่างความมืดมิด เพราะเขาไม่พอใจกับการตัดสินใจที่เห็นแก่ตัวของหลานชายที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กเลยแม้แต่น้อย
"ขอบคุณ คุณคาร่านะครับ. . .ที่ทำให้ผมมีทางออก"
"หึหึ พูดอะไรแบบนั้นกันล่ะคะ? ดิฉันเองก็ไม่ได้ชอบการบังคับหรือบงการอะไรใครมากหรอก เอาจริงๆฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณท่านอาเธอร์ที่ยอมทำแบบนั้นเพื่อช่วยท่านคาร์เรน" ดวงตาเรียวคมตวัดมองคาร่าอย่างสงสัยก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาจะหันกลับมาสนใจที่แก้วไวน์ดังเดิม รอยยิ้มหยักขึ้นที่มุมปากดูไม่มีพิษภัย จนคาร่าเองก็ทันสังเกตุปฏิกิริยานั้นจนยิ้มออกมาจากนนั้นก็โค้งให้กับอาเธอร์
". . .ผมไม่ได้ทำเพื่อคาร์เรนครับ ผมทำเพื่อตัวเอง"
"ปากไม่ตรงกับใจเลยนะคะ เอาเป็นว่าดิฉันขอตัวก่อน"
ณ ห้องมืดลึกลับอับแสงทว่าภายในนั้นกว้างพอๆกับบ้านหลังนึงเลยก็ว่าได้ ร่างโปร่งบางของเด็กหนุ่มผิวพรรณขาวเกลี้ยงเกลากำลังนั่งบรรเลงเพลงอยู่อย่างเงียบงันท่ามกลางห้องที่เงียบสงัด นิ้วเรียวสวยบรรจงกดไปยังแป้นคีย์บอร์ดสีดำสลับขาวแซมกัน ยามใดที่นิ้วและมือทั้งสองจรดลงไปยังเครื่องดนตรีนั้นก็จะเกิดขึ้นเป็นเสียงอันไพเราะจากเปียโนเครื่องใหญ่ ผู้คนหลากหลายคนที่พากันทำงานรับใช้กันอย่างเป็นระเบียบกลับไม่มีใครกล้าแม้แต่จะเฉียดใกล้ห้องนั้นเลยแม้แต่น้อย. . .
ร่างสูงโปร่งของอาเธอร์บัดนี้ได้ก้าวขึ้นไปยังบันไดที่มีราวจับสีทองมันวาวสวยงามสมราคาทำให้ร่างสูงในชุดสูทสีดำสนิทย่างกรายเข้าไปยังห้องนั้น
มือเรียวเคาะประตูอยู่สองสามครั้งก่อนที่คนภายในจะบิดลูกบิดออกมาเผยให้เห็นของร่างเด็กหนุ่มผิวขาวซีดเซียวทว่าโครงหน้านั้นดูดีราวกับรูปสลัก
". . .ไม่เจอกันนานนะคาร์เรนขังตัวเองมากี่ปีแล้วล่ะ"
คนเป็นพี่ได้แต่เอ่ยทักขึ้น
"ท่านอาเธอร์. . . ได้โปรดรีบออกไปก่อนที่อาการของผมจะกำเริบเถอะนะครับ"
แต่คาร์เรนกับมีสีหน้าที่ร้อนรนกว่าเดิม เม็ดเหงื่อมากมายผุดพรายขึ้นมายังใบหน้าเนียนราวกลับว่ากำลังจะทำให้บุคคลเบื้องหน้านั้นเดือดร้อน
"อาการนั้นมันคงจะหายได้แล้วมั้ง ฉันต้องคุยกับนายก่อน แล้วก็นะตอนนี้เราอยู่กันสองคนไม่จำเป็นต้องเรียกท่าน"
อาเธอร์ว่าพลางเปรยยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับน้องชายในขณะที่คาร์เรนเองก็มีความลำบากใจไม่น้อยที่จะตีตนเสมอเขา
". . .ครับพี่"
"เอาล่ะถอยไป ขอฉันเข้าไปนั่งในห้องของนายหน่อย" คาร์เรนหลบทางให้ผู้เป็นพี่ก่อนที่จะปิดบานประตูไม้สลักลวดลายงดงามแล้วนั่งลงบนโซฟาขนสัตว์ อาเธอร์เองก็ดูจะไม่ได้เข้ามาในห้องของน้องชายนานแล้วเหมือนกันเขาเผลอหยิบโน่นจับนี่จนชินมือ ถึงกระนั้นคาร์เรนเองก็อดที่จะแอบขำไม่ได้
"พี่ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเมื่อตอนเด็กๆเลยนะครับ"
"นี่ ฉันโตแล้วนะ ว่าแต่กุหลาบพวกนี้นายเป็นคนปลูกมันเองทั้งหมดเลยเหรอ" นิ้วเรียวแตะลงบนกลีบกุหลาบนุ่มลื่นก่อนที่จะเด็ดก้านของมันออกมาแล้วพิศมองไปยังดอกไม้สีแดงฉานปานสีเลือดขึ้นมาเชยชม สันจมูกโด่งสูดดมกลิ่นหอมละมุนนั้นอย่างผ่อนคลาย เท่าที่ดูคนปลูกคงจะดูแลมันเป็นอย่างดี
"ผมเป็นคนปลูกเองทั้งหมดครับพอดีว่างๆ ไม่ได้ทำอะไรถูกสั่งห้ามไม่ให้ไปไหน ไม่รู้จะทำอะไรก็คงจะมีแต่งานเล็กๆน้อยๆพวกนี้ที่พอจะแก้เบื่อได้บ้าง"
เด็กหนุ่มเอ่ยราวกลับตัดพ้อในชีวิตที่ไร้ความเป็นอิสระของตนพลางหลุบตาต่ำลง
"อย่าพูดอะไรแบบนั้นสิ. . . นี่น่ะขอสักดอกแล้วกัน. . "
ว่าแล้วก็ถือกุหลาบงามดอกนั้นติดมือมาด้วย
"เด็ดมาขนาดนี้ยังจะขออีกเหรอครับ" คาร์เรนก็คงได้แต่ยินยอมยกให้แต่โดยดี
". . .คาร์เรน ฉันกำลังจะแต่งงานนายคิดว่าไง"
จู่ๆอาเธอร์ก็พูดขึ้นมาลอยๆ ทำให้คาร์เรนที่กำลังนั่งทำหน้าขุ่นมัวอยู่ถึงกับเลิกคิ้วสูงอย่างสงสัย
"ผมก็ยินดีด้วยน่ะสิ ว่าแต่ แต่งกับใครเหรอครับ"
". . .ฉันเองก็ไม่รู้"
"อ่าว -_-" สีหน้าของคาร์เรนดูผิดหวังเล็กน้อยก่อนจะพูดออกไปว่า
". . .ผมไม่อยากให้พี่แต่งงานกับจูเลียร์"
"แน่นอนเรื่องนั้นฉันรู้ นายชอบจูเลียร์ แถมฉันก็เกลียดจูเลียร์"
"แต่พ่อได้หมั้นพี่กับจูเลียร์ไว้แล้วนี่ครับ" เมื่อคำถามที่ยากจะตอบถูกเอ่ยผ่านริมฝีปากบางที่พ่นออกมา เขาก็ทำได้แค่เพียงวางมือหนาของตนไปสัมผัสกับหัวของน้องชายเบาๆแต่ก็ยีให้ยุ่งเหยิงจนเจ้าตัวต้องรีบค้อนตาใส่
"ฉันจะแต่งกับคนอื่นที่ไม่ใช่จูเลียร์. . .วางใจเถอะ"
ร่างสูงสมส่วนก้าวเดินออกมาจากห้องของน้องชายด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยทว่าดูน่าเกรงขามและสุขุมมากสำหรับแวมไพร์มาดเท่ คาร์เรนลอบมองตามแผ่นหลังที่สง่างามนั้นก่อนที่จะมาตัดพ้อกับตัวเอง บางทีเขาก็อยากจะดูลึกลับและดูมีเสน่ห์แบบอาเธอร์บ้างจัง หากแต่วันนั้นสำหรับเขาก็คงไม่มีวันเป็นไปได้. . .
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _
ความคิดเห็น