คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : การเลือกตั้ง
วันพฤหัสที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2545
วันนี้จะเป็นวันดีเบตก่อนการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ หลังจากที่ฝ่ายของเอกประกาศว่ารุ่งเป็นสมาชิกพรรคฝ่ายอนุรักษ์ คะแนนนิยมอย่างไม่เป็นทางการของฝ่ายขวาก็ดูเหมือนจะเหนือกว่า โดยเฉพาะฝั่ง ม.ปลาย ที่จะต้องมีบทบาทในงานกิจกรรมต่าง ๆ ของโรงเรียน พวกเขาคิดว่าหากฝ่ายอนุรักษ์ชนะ เมื่อพวกเขาจัดกิจกรรมอะไร จะได้ใกล้ชิดกับสาว ม. 4 สุดสวยคนนั้น
พักกลางวัน วานิลลาถือชามก๋วยเตี๋ยวเดินคอตกมานั่งข้าง ๆ ไนท์ พักนี้รุ่งทำตัวเย็นชากับเธอ และไม่ได้กินข้าวด้วยกันมาเป็นอาทิตย์แล้ว
“ไม่ต้องมามองด้วยสายตาแบบนั้นเลย แม่เธอยังเกลียดฉันอยู่เลย ฉันช่วยอะไรไม่ได้หรอก”
ไนท์ชิงพูดเมื่อเห็นวานิลลามองมาด้วยสายตาเศร้า ๆ
“ทำไมอยู่ดี ๆ แม่ก็เย็นชาใส่หนูล่ะ เขาไม่พอใจอะไรหนูรึเปล่า?”
“คิดในแง่ดี อาจจะไม่มีอะไรก็ได้ ก็แค่เขาเลือกฝั่งทางการเมืองไปแล้ว และเห็นว่าเธออยู่คนละฝั่ง ก็เลยจำเป็นต้องออกห่างจากเธอ ถ้าคิดในแง่ร้าย คือเธอยัดเยียดให้เขาเข้าสังคมมากเกินไปจนเขาอึดอัด หรือรู้สึกแปลกแยก เลยไม่อยากยุ่งกับพวกเรา”
วานิลลาหน้าเสียเมื่อฟังถึงกรณีที่สอง
“ทำไงดีล่ะ ไม่อยากให้แม่เลิกคบหนูเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้เลย”
“เธอยังดีนี่แค่การเมืองในโรงเรียนมัธยม อนาคตการเมืองระดับชาติทำคนตัดแม่ ตัดลูก กันไม่รู้เท่าไหร่”
วานิลลาเริ่มค้อนใส่เมื่อไนท์เริ่มบ่นนอกเรื่องแบบลุงแก่ ๆ
ขณะนั้นเองที่พวกเขาสองคนเห็นรุ่งกินข้าวร่วมโต๊ะกับพวกเอกอีกฟากหนึ่ง ไนท์มองเอกอย่างไม่ละสายตาจนวานิลลาสังเกตเห็น
“ไนท์….ไนท์….ไนท์…!”
วานิลลาเรียกเขาอยู่สามสี่รอบกว่าจะรู้สึกตัว
“นายรู้จักพี่เอกรึเปล่า เขาเป็นคนดีไหม?”
ไนท์ไม่ตอบ สีหน้าเขาจริงจังขึ้น ตักทับทิมกรอบเม็ดสุดท้ายในชามหวานเย็นป้อนเข้าปากแล้วลุกขึ้น
“ฉันไปล่ะ”
“เดี๋ยวสิ จะทิ้งหนูไว้คนเดียวเหรอ?”
วานิลลาอ้อน
“คนกินมูมมามอย่างเธอกินก๋วยเตี๋ยวชามนั้นหมดภายใน 10 วิได้ด้วยซ้ำ แค่เธอเลิกแอ๊คสวย แล้วขึ้นห้องไปหาเพื่อนใหม่ซะ”
“ก็หนูอยากเป็นเพื่อนกับแม่คนเดียวนี่”
ไนท์กระดิกนิ้วเรียกให้เธอยื่นหน้าไปใกล้ ๆ จากนั้นเสยผมหน้าม้าของเธอจนเห็นหน้าผาก แล้วตบหน้าผากจนเกิดเสียงดัง แป๊ะ
“โอ๊ย ไอ้นี่นี่!”
เธอร้องลั่น พยายามจะตบไนท์คืน แต่ไม่ทัน
อีกฟากหนึ่งรุ่งที่เห็นไนท์หยอกล้อกับวานิลลาก็ได้แต่ปวดใจอยู่ลึกๆ
“เป็นอะไรรึเปล่ารุ่ง”
เอกถามแสดงความเป็นห่วง
“ม..ไม่มีอะไรค่ะ”
…..
ไนท์รู้สึกร้อนใจเมื่อเริ่มเห็นเค้าลางว่าประวัติศาสตร์เริ่มซ้ำรอย บางทีอาจแย่กว่าเดิมด้วยซ้ำ กลายเป็นว่ารุ่งเป็นฝ่ายเข้าหาหมอนั่นเร็วกว่าที่คิดไว้เสียอีก ตอนแรกเขาคิดว่าจะสนับสนุนฝ่ายซ้ายให้ชนะ เพื่อที่เอกจะได้ไม่ต้องขึ้นเป็นประธานนักเรียน แต่เห็นทีว่าต่อให้เขาทำสำเร็จก็อาจไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ในเมื่อตอนนี้ทั้งสองคนนั้นรู้จักกันแล้ว และเอกอาจกำลังเริ่มจีบรุ่งไปแล้ว
ลำพังร่างเด็กผู้ชาย ม. 2 ผอม ๆ อย่างเขาแทบไม่มีอะไรไปสู้ หนุ่ม ม. 5 หน้าตาหล่อเหลา เปี่ยมไปด้วยฮอร์โมนและแรงดึงดูดทางเพศแบบนั้นได้เลย
ไนท์เดินผ่านใต้ถุนอาคารสามซึ่งถูกออกแบบให้เป็นโถงโล่ง ๆ เขาก็เห็นหญิงสาว ม. 6 ในชุดพละโรงเรียน รวบผมแบบไซด์โพนี่เทล ยืนอยู่ตรงมุมตึกคนเดียว เขาเลยกระโดดออกไปอีกฟากเพื่อดูให้แน่ใจว่าใช่คนที่เขาคิดหรือไม่
“พี่แอน!”
เขาทักพร้อมกับเข้าไปจูงเธอไปที่ลับตาคน เพราะเห็นว่าแอนกำลังร้องไห้
“พี่เป็นแคนดิเดตประธานนักเรียนนะ มาร้องไห้ในที่แบบนี้ได้ไง”
“พี่ไม่ไหวแล้วอ่ะ พี่รับแรงกดดันไม่ไหว เย็นนี้มีดีเบตอีก พี่ไม่ชนะหรอก”
เธอพูดเสียงเครือสลับกับเสียงสูดน้ำมูก นั่งยองบนพื้นแล้วใช้หลังมือซับน้ำตาแบบเด็ก ๆ
“นี่พี่รู้รึเปล่าว่าพี่กำลังทำอะไรอยู่?”
ไนท์พูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“รู้สิ แต่พี่ทำไม่ได้”
“ไม่ พี่ไม่รู้ ถ้าพี่รู้ว่าตอนนี้กำลังทำอะไร ถ้าใจพี่แน่วแน่พอ พี่จะไม่มีวันอ่อนแอ ไม่มีทางมานั่งตั้งคำถามกับตัวเองอยู่แบบนี้หรอก”
แอนเริ่มได้สติ พยายามสงบสติอารมณ์
ไนท์พูดต่อ
“พี่สู้เพื่อให้อำนาจในการจัดกิจกรรมมาอยู่ในมือนักเรียนใช่ไหม? แล้วพวกพี่ทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร พี่อยากให้โรงเรียนนี้เป็นแบบไหน ส่วนตัวผมนะ ผมไม่อยากให้โรงเรียนเป็นแค่สถานที่ที่ไร้ซึ่งความทรงจำ ผมไม่อยากจบจากที่นี่ แล้วไม่อยากกลับมาอีกเหมือนกับโรงเรียนประถม ผมอยากใช้เวลากับเพื่อน ๆ อยากรู้จักรุ่นพี่ รุ่นน้อง ไม่ใช่แค่ในห้องตัวเอง พี่ไม่ได้สู้เพื่อเรื่องพวกนี้เหรอ หรือพี่สู้เพื่อพี่ภัทรคนเดียว?”
แอนหยุดร้องไห้ คิดตาม
“ขอบใจที่เตือนสตินะไนท์ พี่ลืมเสียสนิทว่าพี่ต้องสู้เพื่อน้อง ๆ และ พี่ ๆ ทุกคน และพี่ควรจะมีหน้าที่เตือนสติพวกเขา”
“ใช่เลยครับ เรามีแต้มต่อตรงที่เราสู้เพื่อตัวเราเอง ในขณะที่อีกฝ่ายไม่ได้สู้เพื่ออะไรเลย เขาแค่เอาอำนาจกลับไปให้เหล่าคนที่ไม่อยากเปลี่ยนแปลงอะไรเลย”
แอนยิ้มได้ในที่สุด
“ไนท์น่าจะอยู่ ม. 5 นะ ถ้าไนท์เป็นแคนดิเดต เอก ก็เอกเถอะ แพ้ยับแน่ ๆ ความคิดไนท์เหมือนผู้ใหญ่อายุ 30 กว่าเลย”
ไนท์สำลัก
“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ผมแค่จำมาจากหนังสือของพ่อ”
“จ้า พ่อหนอนหนังสือ”
ออดเข้าเรียนคาบบ่ายดังขึ้น ทั้งสองจึงแยกย้ายกันไปเข้าเรียน
…..
คาบชมรมของอาทิตย์นี้ถูกงด แล้วแทนที่ด้วยกิจกรรมการดีเบตระหว่างแคนดิเดตทั้งสองฝ่าย นักเรียนทั้งหมดทั้ง ม.ต้น และ ม. ปลาย มารวมกันอยู่โถงใต้อาคาร 3
“ตลอดปีที่ผ่านมา เพื่อนๆ คงพบว่ากิจกรรมนอกห้องเรียนต่างๆ มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก หลายอย่างยุ่งยากซับซ้อน จนกลายเป็นรบกวนหน้าที่หลักของนักเรียนอย่างพวกเรา นั่นคือการเรียน…”
เอกยืนอยู่บนโพเดียม กำลังเปิดประเด็นโจมตีคณะกรรมการนักเรียนชุดปัจจุบัน
“..พี่-น้อง ม. 2, 3, 5, 6 และ ม. 4 ที่จบ ม. ต้น จากที่นี่จะเข้าใจดี ว่าเราไม่เคยต้องยุ่งยากกับกิจกรรมเท่ากับสมัยที่ผ่านมา ด้วยความเคารพ ผมคิดว่า ท่านประธานนักเรียน ธีรภัทร์ มีแนวคิดที่ดี ในการให้นักเรียนมัธยมอย่างเรารู้จักริเริ่ม สร้างสรรค์ แต่พวกเราบางคนไม่ได้มีเวลาว่างมากขนาดนั้น นักเรียนชั้น ม. 3 และ ม. 6 ก็ต้องคิดเรื่องเรียนต่อใช่หรือไม่…”
เอกทิ้งระยะ มีเสียงตอบรับด้วยความเห็นด้วยดังขึ้นเซ็งแซ่จากเหล่านักเรียน
“..เปรียบเทียบกับคณะกรรมการนักเรียน ปี 43 เรื่องกิจกรรมของนักเรียนง่ายกว่านี้มาก เพราะอาจารย์จัดการให้เราทั้งหมด ทำไมทุกวันนี้ต้องทำให้เป็นเรื่องยุ่งยาก? ห้องจะจัดกิจกรรมอะไรต้องไปขอความเห็น ขออนุญาตใช้พื้นที่กับคณะกรรมการ และอย่างกิจกรรมชมรมครั้งล่าสุดที่เพิ่งผ่านมา มีแต่ชมรมไร้สาระผุดขึ้นเต็มไปหมด บางชมรมมีแค่ 3 คน บางชมรมใช้โอกาสเป็นแหล่งมั่วสุม”
เริ่มมีเสียงคนโห่ไม่พอใจดังขึ้นเมื่อพูดถึงชมรม โดยเฉพาะจากชมรมเรื่องลี้ลับ กับจิตรกรรม ที่เหมือนจะตรงเงื่อนไขจากคำพูดของเอก
“คะแนนเสียงของ เพื่อน ๆ พี่-น้อง ในวันศุกร์นี้ จะเป็นตัวตัดสินว่าสรุปแล้ว นักเรียนโรงเรียนเราจะเล่นสนุกไปวัน ๆ หรือจะกลับมาตั้งใจเรียนตามหน้าที่จริง ๆ ของพวกเรา ที่ผมจะกล่าวมีเพียงเท่านี้… ขอบคุณครับ”
เหล่านักเรียนปรบมือ เอกลงจากโพเดียม แล้วคำนับให้ทุกคนที่ด้านข้างก่อนเดินออกไปจากเวที ยิ้มเย้ยให้แอนระหว่างที่เธอกำลังเดินสวนขึ้นไป
แอนสูงแค่ 155 ซม. จึงต้องพยายามปรับไมค์ใหม่ แต่กลับเกิดเสียงหอน จนฝ่ายเทคนิคต้องขึ้นมาแก้ปัญหาให้
“ขออภัยค่ะ”
เธอพูดหลังจากแก้ปัญหาได้แล้ว
“ดิฉัน นางสาว อนัญญา วิชญาณี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ี 5 แคนดิเดตจากพรรคฝ่ายซ้าย ก่อนอื่นดิฉันขอแสดงความไม่เห็นด้วยกับคำพูดของนายเอกชัยเมื่อครู่ที่ว่า ‘บางชมรมนั้นไร้สาระ’ ในความคิดของดิฉันไม่มีการรวมกลุ่มใดที่ไร้สาระค่ะ…”
มีเสียงเชียร์จากผู้สนับสนุนปนกับเสียงโห่ของอีกฝ่าย
“..การที่มีคนที่สนใจเหมือนกันได้รวมกลุ่มกัน คือสิ่งที่แม้แต่ผู้ใหญ่เองก็ได้แต่ฝันถึง แต่หลายคนไม่มีโอกาส ในเมื่อโรงเรียนเป็นแหล่งรวมของเด็ก ๆ นับพัน ทำไมถึงไม่ให้พวกเขาได้มีเครือข่ายทางสังคมตั้งแต่ตอนนี้ล่ะ? อนาคตเราจะสนับสนุนให้เพื่อน ๆ ได้ริเริ่มชมรมที่หลากหลายรองรับความชอบของแต่ละบุคคลให้มากกว่านี้…”
เหล่านักเรียนเริ่มคุยกันหลังจากแอนเปิดประเด็น จนทำให้อาจารย์คนหนึ่งต้องปรามให้นักเรียนเงียบเสียงลง
“..ส่วนเรื่องหน้าที่ของนักเรียน ดิฉันเห็นด้วยว่าอันดับหนึ่งคือการเรียน แต่กิจกรรมก็สำคัญในแง่ของสังคม เราอยู่ตัวคนเดียวในสังคมไม่ได้ ตอนทำงานก็น่าจะต้องทำงานเป็นทีม เหมือนกับตอนกีฬาสีปีที่แล้ว หรือจัดงานปีใหม่ หรือโชว์ผลงานกิจกรรมชมรม ที่พวกเราทำทั้งหมดด้วยตัวคนเดียวไม่ได้ ต้องมีการขอความร่วมมือจากคนหลาย ๆ คน งานถึงจะสำเร็จ…”
“เธอก็พูดได้สิ เธอเรียนสายศิลป์-สังคม ลองมาเรียน วิทย์-คณิต ดูไหม?”
นักเรียนหญิง ม. 5 คนหนึ่งตะโกนขัดจังหวะ
“ดิฉันคิดว่านั่นเป็นการอ้างอิงนอกบริบท การเลือกสายของพวกเรานักเรียนมัธยมปลายเราเลือกด้วยตัวเอง มันป่วยการที่จะมาเถียงข่มหรือเหยียดสาขาวิชากัน และนักเรียนวิทย์ - คณิต ทุกคนไม่อยากทำกิจกรรมหรือรู้จัก รุ่นพี่ รุ่นน้อง ห้องอื่นเลยเหรอคะ?”
“อ๋อ นั่นสินะประเด็น อยากรู้จักรุ่นพี่ รุ่นน้อง เธอเลยเสนอตัวไปเป็นสมาชิกกรรมการนักเรียน เพื่อให้ได้ใกล้กับคนที่เธอชอบสินะ!”
เกิดเสียงฮือฮาจนยากจะควบคุม อาจารย์สมานตะคอกเสียงดังเพื่อให้หญิงสาวคนนั้นหยุด พร้อมกับเดินเข้าไปหา
“คนในห้องเขาดูออกกันทั้งนั้นว่าเธอชอบพี่ภัทร์”
เธอพูดขณะโดนอาจารย์สมานลากตัวออกจากโถงใต้อาคาร
“..แล้วตอนนี้ก็ยังไปคบกับเด็ก ม. 2 อีกคน! ฉันเห็นที่ตลาดนัดเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว แรดอย่างเธอไม่เหมาะสมกับตำแหน่งประธานนักเรียน!”
เธอยังคงตะโกนกลับเข้ามาด้วยความโกรธเกรี้ยวเหมือนอัดอั้นมานาน น่าจะเคยเป็นแฟนคลับของภัทร และอิจฉาแอนเป็นทุนเดิม
แอนก้มหน้าเหมือนกำลังคิดบางอย่าง เธอไม่กล้าหันไปมองภัทร์ ที่นั่งเยื้องอยู่ด้านหลังเวที เธอต้องเงยหน้าขึ้นมาสู้กับความจริง
ที่หัวแถวของ ม. 2 เธอสบตาเข้ากับไนท์ที่กำลังส่งสายตาและพยักหน้าเป็นสัญญานให้เธอลุยต่อไป
"ด้วยความสัตย์จริง ดิฉันไม่ได้มีเรื่องชู้สาวกับท่านประธานนักเรียน หรือกับรุ่นน้องตามที่มีการกล่าวอ้างเมื่อครู่..."
แอนก้มหน้าอีกครั้ง สูดหายใจลึก และเงยหน้าขึ้นมาใหม่ด้วยสีหน้าแน่วแน่
"..แต่ถึงแม้มันเป็นจริง ฉันก็มีสิทธิที่จะมีความรัก หรือชอบใครสักคน!"
หลังจากพูดประโยคนั้น เสียงนักเรียนเฮลั่น มีเสียงปรบมือ ผิวปาก ชอบใจจากเหล่านักเรียนอื้ออึง
"พวกเรามีเวลาอยู่ในโรงเรียนนี้ 6 ปี.. แค่ 6 ปีที่เราอาจได้ใช้ชีวิตวัยรุ่น ที่ไม่ควรจะต้องกังวลถึงการเอาตัวรอดในสังคมจริง ๆ 6 ปีนี้ เราจะมีเพื่อนโดยไม่ต้องฝืนไปนั่งในร้านเหล้า.. 6 ปีนี้ เราอาจได้เจอเพื่อนที่ไม่คาดหวังอะไรจากเรา 6 ปีนี้ ที่เราได้คบกันโดยไม่เปรียบเทียบสถานะทางสังคม หรือน้อยเนื้อต่ำใจที่ชีวิตไม่ประสบความสำเร็จเท่าเพื่อนคนอื่น นี่ยังไม่นับน้อง ๆ ม. ต้น ที่ไปเรียนต่อที่อื่น ที่อาจรู้สึกแปลกแยกจนไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีก... และใช่! 6 ปีนี้เราก็มีสิทธิที่จะชอบ, แอบปลื้ม, หรือได้รักใครสักคน โดยไม่ต้องคิดถึงสถานะทางสังคมด้วย ทำไมแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ แค่นี้พวกผู้ใหญ่ถึงไม่อนุญาตให้เราได้ใช้? หรือจะให้เราโต และแก่ตัวไปด้วยความเสียดายที่ไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่า ไม่ได้รัก ไม่ได้ทำความรู้จักกับคนที่ชอบ ไม่ได้บอกรัก..."
ทั้งโถงประชุมเงียบกริบ แอนไม่เข้าใจว่าเธอพูดทั้งหมดนั้นมาได้ยังไง มันเหมือนความรู้สึกพรั่งพรูออกมาเอง หน้าเธอแดงก่ำ และมีน้ำตาไหลจากหางตาร่วงผ่านแก้ม และหยดไปที่ปลายคาง
"..วันหนึ่งเมื่อเราเรียนจบกันไป ดิฉันอยากมีความทรงจำดีๆ หลงเหลืออยู่ที่นี่ ดิฉันไม่อยากเดินจากไปเฉยๆ และไม่กลับมาอีก ที่ดิฉันจะพูดก็มีเท่านี้... ขอบคุณค่ะ"
เสียงปรบมือดังกึกก้องยาวนาน เหล่านักเรียนซาบซึ้งจนไม่กล้าส่งเสียงอย่างอื่นขึ้นมาปะปน
หลังจากนั้นมีกระทู้ถาม-ตอบ เรื่องทั่วไปซึ่งเป็นหน้าที่ของเลขานุการพรรค ซึ่งไม่มีไฮไลท์อะไรสำคัญ จนเริ่มมีนักเรียนบางคนหลับ
.....
หลังจากเลิกประชุมแอนก็หายตัวไป ไนท์กับภัทร์จึงต้องออกตามหา จนพบว่าเธอกำลังสควอทอยู่ในยิมของชมรม
"วันนี้แอนไม่ต้องเข้าชมรมก็ได้นะ เหนื่อยมามากแล้ว พักผ่อนสักวันเถอะ"
ภัทร์พูด แต่เขาไม่กล้าสบตาเธอ
แอนหน้าแดงก่ำ ไม่รู้ว่ากำลังอาย หรือเพราะกำลังสควอท
"หนูอยากทำขึ้นมาเฉยๆ น่ะค่ะ อยากลืมตอนที่พูดอะไรเอาแต่ใจตัวเองตอนที่อยู่บนเวที"
"แต่..เป็นปาฐกถาที่ดีนะ พี่แทบจะร้องไห้เลย"
ภัทรพูดกล้าสบตาเธอในที่สุด แอนมองตอบ ตาเป็นประกาย
"แต่หนูไม่ได้พูดตามโพยที่เตรียมมาเลย"
"พี่ว่านั่นจริงใจกว่าโพยเยอะเลยล่ะ"
ภัทร์พูด แล้วทั้งสองก็ชะงักมองกันและกันเงียบ ๆ อยู่ครู่ใหญ่
ไนท์รู้สึกโล่งใจที่เด็กสองคนนี้เริ่มจีบกันได้สักที แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน ไม่น่ามาด้วยน่าจะดีกว่านี้
"งั้นพวกเราออกกำลังกายเป็นเพื่อนนะ"
ภัทร์เสนอ น่าจะเป็นการแก้เขินอย่างหนึ่งของเขา ส่วนไนท์มีแต่ต้องทำตามน้ำไปแบบงง ๆ
ทั้งสามคนสควอทจนหมดแรง ก่อนจะแยกย้ายกลับบ้าน
.....
วันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2545
การเลือกตั้งถูกจัดขึ้นตอนพักกลางวัน และปิดคูหาเมื่อออดพักเที่ยงดังขึ้น หีบเลือกตั้งถูกปิดผนึกด้วยเทปกาวสีเหลืองพันแบบสุ่ม เก็บไว้ในห้องกระจกห้องหนึ่งที่อยู่ในจุดที่มีคนเดินผ่านตลอด และถูกล็อกอีกชั้นด้วยแม่กุญแจสองอัน กุญแจดอกหนึ่งเก็บไว้กับคณะกรรมการชุดเก่า อีกดอกเก็บไว้กับสมาชิกพรรคฝ่ายขวา ม. 6 โดยมีตัวแทนทั้งสองฝ่ายเป็นสักขีพยานขั้นตอนทั้งหมด จากนั้นจึงแยกย้ายกันไปเข้าเรียน
หีบเลือกตั้งถูกนำออกมาในคาบเรียนสุดท้ายซึ่งปกติเป็นคาบกิจกรรมชมรม มีสักขีพยานเฝ้าดูขั้นตอนทั้งหมดตั้งแต่ตัวแทนทั้งสองฝ่ายไขแม่กุญแจ ตรวจผนึกหีบเลือกตั้ง ไปจนถึงนำไปยังจุดนับคะแนน
แอนไม่กล้าไปดูการนับคะแนน เธอเดินไปเดินมาอยู่ในห้องเรียนเพียงลำพัง จนเธอเมื่อยจึงนั่งลงที่โต๊ะของเธอที่อยู่ริมหน้าต่าง และมองสิ่งของรอบตัวเพื่อฆ่าเวลา
“อยู่นี่เอง พี่หาตั้งนาน”
จู่ ๆ ภัทร์ก็โผล่พรวดจากข้างนอกหน้าต่าง จากนั้นปีนหน้าต่างเข้ามาในห้อง
“พี่ภัทร! ประตูก็มี”
“ขี้เกียจเดินอ้อมน่ะ”
ภัทร์นั่งคร่อมเก้าอี้หน้าโต๊ะที่แอนนั่ง มองตาเธอ
“ตื่นเต้นรึเปล่า?”
แอนพยักหน้า เพิ่งสังเกตว่ามือตัวเองสั่น จึงคว่่ำมือไว้กับโต๊ะ พยายามสงบจิตใจ
ภัทร์กุมมือที่กำลังสั่นนั้นไว้ด้วยมือที่ใหญ่กว่า ราวกับกำลังห่มคลุมมือบองบางของหญิงสาวเพื่อให้หายหนาวสั่น
น่าแปลกที่แอนไม่รู้สึกประหม่าเหมือนกับตอนที่เขาเคยสัมผัสตัวเธอบ่อย ๆ เธอกลับรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย และเมื่อมองเข้าไปในดวงตาของเขา ก็เหมือนกับได้ยินเสียงของเขาในใจว่า ‘ไม่ต้องกลัวนะ พี่จะอยู่กับเธอตรงนี้’
ทั้งสองโน้มตัวเข้าหากันโดยอัตโนมัติ จนหน้าอยู่ห่างกันไม่ถึง 20 เซนติเมตร ทั้งคู่เริ่มรู้สึกว่าหนังตาของตัวเองเริ่มหนักจนลืมตาลำบาก เสียงหายใจไม่เป็นจังหวะ แอนเห็นสายตาของภัทร์หลุกหลิกลอบมองลงไปที่ริมฝีปากเธอแล้วกลับมามองตาของเธอใหม่ เหมือนเขาขออนุญาตเธอด้วยสายตา แล้วจากนั้นเธอก็หลับตาลง โน้มตัวไปใกล้ ๆ …
“แอน! เราชนะ! เราชนะแล้ว!”
หลินตะโกนลั่นก่อนที่ตัวเธอจะวิ่งมาเกาะขอบประตูห้องด้วยสภาพหอบเหนื่อย
แอนกับภัทร์ต้องรีบผละตัวออกจากกัน แอนนั่งหลังติดพนักพิงพร้อมกับถีบตัวออกห่างจากโต๊ะจนเกิดเสียงดัง ส่วนภัทร์ถีบตัวลุกขึ้นยืนข้าง ๆ เก้าอี้
หลังจากนั้นแอนก็เดินมาทางหลิน และค้อนให้เธอ
“อะไร? ฉันทำอะไรผิด?”
หลินพูดเพราะรู้สึกว่านั่นคือสายตาที่กำลังตำหนิบางอย่าง
สมาชิกพรรคมารอแสดงความยินดีอยู่หน้าห้อง แอนออกมาไหว้ขอบคุณทุกคนรวมทั้งอาจารย์ที่ปรึกษาพรรค ถัดไปไกล ๆ เธอเห็นไนท์กำลังเดินกลับบ้านพร้อมกับเพื่อนสนิท แอนพยักหน้าให้เขา และไนท์พยักหน้าตอบ แอนระลึกได้ว่าหากไม่มีเด็กชาย ม. 2 คนนั้นคอยช่วยเหลือ และเตือนสติ เธอคงไม่ชนะ เขาช่วยเหลือโดยที่ไม่ได้ประโยชน์อะไรเพราะเขายังอยู่แค่ ม. ต้น เขาจะไม่ได้ตำแหน่งอะไรทั้งนั้น เพราะในกฏหมายคณะกรรมการนักเรียนไม่มีตำแหน่งที่เด็ก ม. ต้นสามารถทำงานได้
…..
ระหว่างทางกลับบ้าน ไนท์แยกกับฮอลล์และเดิมมาถึงศาลาหน้าซอยทางไปบ้านของเขา ที่นั่นเอก ชายหนุ่ม ม.5 หน้าตาหล่อเหลายืนรอเขาอยู่
“ไนท์ใช่ไหม จำพี่ได้ไหม พี่เคยเรียนโรงเรียนประถมเดียวกับนายนะ”
ไนท์จำไม่ได้ ความทรงจำช่วงประถมสำหรับเขามันไกลเกินไป
“พี่มีอะไรรึเปล่า?”
“พี่รู้มาว่าเธอก็เป็นคนเก่งคนหนึ่ง เคยเป็นแชมป์สารานุกรมประจำกลุ่มโรงเรียน 3 ปีซ้อน แต่ไม่ยักรู้ว่าน้องจะเก่งศิลปะ กับการเมืองด้วย ทำยังไงถึงทำให้ยัยแอนชนะได้กันนะ”
ไนท์เกือบลืมว่าเขาเคยประกวดเรื่องพวกนั้นด้วย
“ผมไม่ได้ช่วยอะไรนอกจากออกแบบโปสเตอร์หรอกครับ เด็ก ม. 2 จะเอาความรู้เรื่องการเมือง การโต้วาทีมาจากไหนได้ล่ะ”
เอกส่งเสียงจิ๊ปาก ก่อนพูดด้วยท่าทีที่เปลี่ยนไป
“วันนี้มึงอาจเยาะเย้ยกูในใจที่เอาชนะกูได้ แต่มีเรื่องหนึ่งที่มึงไม่มีทางชนะกูหรอก”
“พี่พูดเรื่องอะไร?”
เอกกระซิบใกล้ๆ หูไนท์
“ทางเดียวที่มึงจะจีบรุ่งติด คือรอยัยนั่นกลายเป็นของหลุดจากกู!”
“ไอ้สัตว์!”
ไนท์บันดาลโทสะชกเข้าไปที่แก้มเอก แต่แรงของเขาน้อยเกินไป เอกจึงสบโอกาสต่อยสวนเข้าที่หน้าของเขาจนล้มลงไปบนพื้น
“ถึงวันนั้นก็เตรียมมุขไว้ปลอบใจเธอดี ๆ ล่ะ แต่นานหน่อยนะกว่ากูจะเบื่อ”
ไนท์เลือดขึ้นหน้า แต่เขาลุกไม่ไหว เขายังมึนกับหมัดเมื่อครู่ เลยได้แต่มองเอกเดินจากไป
ที่เขารู้จากเส้นเวลาเดิมคือหมอนั่นเป็นคนเจ้าชู้ แต่ไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันจะเลวบริสุทธิ์ได้ขนาดนั้น
ความคิดเห็น