ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หนุ่มขี้แพ้กับสาวนักท่องเวลา

    ลำดับตอนที่ #7 : ป้ายหาเสียง

    • อัปเดตล่าสุด 31 ส.ค. 67


    วันเสาร์ที่่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2545

    ไนท์กับแอนมาเจอกันที่โรงเรียนโดยใส่ชุดไปรเวท เขานำแบบร่างสามแบบมาให้เธอดู ทุกแบบมีแค่ 3 สี มีสีเหลืองที่เป็นสีประจำโรงเรียน, สีดำ. และสีเทา ทุกแบบไม่มีภาพผู้เข้าสมัคร มีแค่วิสัยทัศน์ และคำเชิญชวน

    “แบบมันก็สวยทันสมัยดีนะ แต่ถ้าพิมพ์แบบนี้น่าจะแพงรึเปล่า ?”

    แอนออกความเห็น ขณะกำลังเดินตามไนท์อยู่ใต้อาคาร 1 อาคารที่เก่าแก่ที่สุดในโรงเรียนนี้

    ไนท์มาหยุดที่หน้าประตูห้องปฏิบัติการทางศิลปะ แล้วเคาะประตูห้อง

    “ขอโทษครับ มีใครอยู่รึเปล่าครับ ?”

    มีเสียงเท้าวิ่งมาหยุดที่อีกฝั่งของประตูอย่างลุกลี้ลุกลน

    “ม….ม….ไม่มีใครอยู่.. นี่วันหยุด ห้องไม่เปิดค่ะ !”

    ไนท์กับแอนหัวเราะคิกให้ความซื่อบื้อของอีกฝ่าย ก่อนไนท์จะทำบางสิ่งที่ไม่คาดคิด

    เขาตบด้านบนของประตูอย่างแรงสองสามครั้ง ทั้งแอน และคนอีกฝั่งหลุดกรี๊ดด้วยความตกใจ กลไกกลอนด้านในตกลงมาทำให้ประตูเปิดออก

    “ผ….ผู้บุกรุก !”

    ผู้หญิงด้านในสาดน้ำมันสนที่ใช้ล้างพู่กันออกมา ไนท์เหมือนรู้ล่วงหน้าปิดประตูจังหวะนั้นพอดี ก่อนจะเปิดประตูอีกครั้ง

    “นั่นหลินนี่นา หลินนี่แอนนะ”

    “อ…แอน มาทำอะไรที่นี่ ?”

    “ฉันต่างหากต้องถามว่าเธอมาทำอะไรที่นี่”

    “ร…เรามาวาดรูป”

    หลินพาทั้งสองเดินเข้าห้องไปดูรูปที่กำลังวาด เป็นภาพหุ่นนิ่งสีน้ำมัน มีแจกันแก้วใส, ส้ม, องุ่่น, และผ้ายับ ๆ ตามอย่างภาพหุ่นนิ่งในอุดมคติ ตรงข้ามกับเฟรมผ้าใบมีสิ่งของที่เป็นต้นแบบของหุ่นนิ่งจัดวางอยู่

    “สวยมาก ! ไม่รู้เลยว่าหลินวาดรูปเก่งขนาดนี้ ในคลาสก็ไม่ได้วาดเก่งแบบนี้นี่”

    “ร…เราขี้เกียจวาดสวย ๆ ตอนเรียน เดี๋ยวจะโดนคนอื่นใช้ให้วาดให้ เราอยากแอบฝึกแบบนี้แล้วไปสอบเข้าศิลปากรทีเดียวเลยดีกว่า”

    หลินหายติดอ่าง ตาเป็นประกายเมื่อพูดถึงความฝันตัวเอง

    “ทำไมไนท์ถึงรู้ว่า หลินอยู่ในห้องศิลปะล่ะ ?”

    “ผมเห็นพี่เขาแอบอยู่ในห้องนี้ประจำตอนผมนัดกับเพื่อนมาทำการบ้านวันหยุดน่ะครับ บางทีก็เห็นหน้าต่างเปิด”

    ไนท์ไม่สามารถตอบตรง ๆ ได้ว่าเขาเคยอยู่ชมรมนี้และรู้จักพี่หลินดีในเส้นเวลาอื่น

    ขณะทั้งสามกำลังคุยกัน ก็มีหญิงสาวอีกคนมาสมทบ เป็นเด็ก ม. 4 ผิวขาวผ่อง ผมยาวประบ่า หอบสิ่งของมาพะรุงพะรัง

    “นี่ลุง..เอ้ยนาย ! ใช้ให้ฉันซื้อของแต่ไม่มารอรับกันเลยนะ"

    “อ๊ะ ! นี่วานิลลาเป็นเพื่อนผมที่อยู่ ม. 4 ครับ”

    ไนท์แนะนำวานิลลากับคนอื่น ๆ ขณะเดินไปรับของที่เธอถือมาให้ แล้วเข้าไปกระซิบกับเธอ

    “เธอแต่งตัวมาผิดยุครึเปล่า ?”

    ชุดที่เธอใส่เป็นชุดลำลองก็จริง แต่แต่งตามหลักการคอนทราสต์  หลวม / สั้น คือเสื้อแขนยาวโอเวอร์ไซส์ กับกางเกงขาสั้นที่เล็กและสั้นจนเห็นต้นขาที่ขาวเป็นหยวกกล้วย ซึ่งสไตล์การแต่งตัวนี้จะแพร่หลายในอีก 10 ปีข้างหน้า

    “น้องน่ารักจัง ! นี่คนที่มาจากกรุงเทพฯ ใช่ไหม ผิวสวยมาก ๆ”

    แอนชม แต่เมื่อหันกลับไปหาหลินเธอกลับไม่อยู่ที่ที่ควรอยู่ รู้สึกตัวอีกทีเธอก็ไปนั่งเอานิ้วแตะกับต้นขาวานิลลาหัวเราะเหอะ ๆ แบบโรคจิตไปเสียแล้ว

    “น….นู้ด ย..อยากวาด..ผ…ผู้หญิง ส…สวย น่ารัก เหอ ๆ ๆ ๆ”

    ไนท์ลืมไปเสียสนิทว่ายัยนี่อันตรายกว่าเฒ่าหัวงูเสียอีก เป็นเหตุผลที่เธอใช้ชีวิตกับผู้ชายล้วนในชมรมเป็นปกติ แต่กับผู้หญิงสวย ๆ เธอจะเก็บอารมณ์ไม่อยู่

    วานิลลาจำใจถอดเสื้อมาผูกแทนกระโปรงเพื่อปิดต้นขา โชคดีที่ข้างในเธอใส่ซับในสีดำมาพอดีจึงดูไม่โป๊มาก

    ส่วนไนท์พาหลินไปสงบสติอารมณ์อยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง เหมือนกับกำลังปฐมพยาบาลคนเป็นลม แต่ผู้ป่วยดันหัวเราะแบบหื่น ๆ ตลอดเวลา

    “หายใจด้วยจมูกลึก ๆ.. นั่นแหละ… หายใจเข้า… หายใจออก…”

    เมื่อหลินสงบสติอารมณ์ได้แล้ว ไนท์ก็มาตรวจดูอุปกรณ์ที่วานิลลาซื้อมา

    “เอาล่ะเนื่องจากเพื่อนผมวานิลลารวยอยู่แล้วผมจึงขอกู้และให้เธอซื้ออุปกรณ์พวกนี้มาให้เรา เพราะฉะนั้นเธอคือนายทุนใหญ่ของพรรคเราแล้วในตอนนี้”

    ทุกคนปรบมือพร้อมกล่าวคำขอบคุณ วานิลลายืนขึ้นถอนสายบัวเล่นเป็นบทคุณหญิง

    “เรื่องหนี้ของนายทุนผมจะเป็นคนชดใช้ให้เอง เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วง”

    “ไม่ได้ ๆ เดี๋ยวพี่ช่วยใช้ก็ได้”

    แอนกล่าวเสริมด้วยความเกรงใจ ไนท์ยกมือขึ้นปรามเป็นสัญญานว่าให้เก็บเรื่องนี้ไว้พูดทีหลัง ก่อนพูดต่อ

    “เรามีกระดาษโปสเตอร์สีเหลือง สีสเปรย์สีดำ, สีเงิน, สีขาว, กระดาษลอกลาย, และกระดาษแข็ง, ฟุตเหล็ก, และคัตเตอร์…”

    “นายจะทำ Stencil เหรอ ?”

    หลินตัดบท ไนท์พยักหน้าตอบรับ ทำให้ตาของเธอเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น และเอื้อมไปหยิบเลย์เอาต์ที่ร่างไว้ออกมาดู

    “เดี่ยวนะ อะไรคือ Stencil ?”

    แอนถาม

    ไนท์เดินไปที่หน้ากระดานดำพร้อมกับอธิบาย

    “Stencil คือเทคนิคการพิมพ์แบบเก่า ด้วยวิธีบังส่วนที่ไม่ต้องการ แล้วพ่นสีลงไปตรง ๆ”

    ว่าแล้วเขาก็รูดผงชอล์กจากในราง วางมืออีกข้างบนกระดานดำ แล้วสาดผงชอล์กใส่มือนั้น เมื่อเอามือออก ส่วนที่ไม่โดนชอล์กก็ปรากฏเป็นรอยมือของเขา

    “ดูจากอาร์ตแล้ว นายต้องทำแม่พิมพ์ 3 สีเลยนะ จะไหวเหรอ ?”

    หลินเสริมด้วยน้ำเสียงจริงจัง

    “ผมคิดว่าไหว เลยอยากมายืมสถานที่สงบ ๆ ใช้ทำงาน ผมจะพยายามทำให้เสร็จในวันนี้”

    หลินรับรู้ถึงสายตากดดันอันหนักอึ้งที่เพื่อนร่วมชั้นเธอมองมา ความจริงเธอก็แอบปลื้มแอนอยู่ห่าง ๆ มานานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้คุยกันเลย นี่อาจเป็นโอกาสที่เธอจะได้มีเพื่อนนอกชมรม และเป็นการประกาศศักดาของชมรมจิตรกรรมให้คนในโรงเรียนได้เห็นบ้าง

    “ฉันจะช่วยนายด้วย”

    “จริงเหรอ ! ขอบคุณมากเลยนะหลิน”

    หลินถูกแอนโผเข้ากอด สัมผัสได้ถึงหน้าอกที่มาแนบสนิทตรงต้นแขนของเธอ

    “เหอะ ๆ รู้สึกดีจัง เหอะ ๆๆๆๆๆ”

    อาการหื่นของหลินกำเริบอีกครั้ง ไนท์จึงลากหลินไปปฐมพยาบาลที่มุมห้องอีกรอบ

    “หายใจ… นั่นแหละ เข้า…ออก…. หายใจ..”

    ไนท์เริ่มมอบหมายหน้าที่ แอนกับวานิลลาไปตัดแบ่งกระดาษโปสเตอร์ ไนท์กับหลินช่วยกันขยายแบบและลอกแม่พิมพ์ลงกระดาษลอกลาย

    “ตรงส่วนที่เป็นสีเงินนายต้องลอกใส่แม่พิมพ์สีขาวไปด้วยไหม ? สีเงินมันทึบแสงรึเปล่า ?”

    หลินเริ่มคุยเรื่องเทคนิค ทำให้ไนท์ต้องหยิบกระป๋องสีมาดูอีกรอบ

    “มันเขียนว่าทึบแสงอยู่นะ ไม่น่าจะต้องมีรองพื้น”

    “อืม..งั้นลองดู สีเมทาลิคน่าจะสะท้อนแสงได้เหมือนสีขาวนั่นแหละนะ”

    ถึงตอนเที่ยงแอนกับวานิลลาที่ตัดแบ่งกระดาษสีเรียบร้อยแล้วก็อาสาออกไปซื้อข้าวที่ร้านอาหารตามสั่งใกล้ ๆ โรงเรียน

    “ไนท์เนี่ยดูเป็นผู้ใหญ่จังเลยนะ”

    แอนพูดกับวานิลลาขณะรอแม่ค้าทำกับข้าว

    “ค่ะ หนูรู้..”

    วานิลลาแอบนึกขำในใจ คิดว่าแอนจะทำหน้ายังไงเมื่อรู้ว่าอายุจริงของผู้ชายคนนั้นคือ 31 คิดแล้วก็ทำให้เธอเผลอยิ้มออกมา

    “เข้าใจเลยว่าทำไมน้องเลือกเขาทั้ง ๆ ที่แก่กว่าตั้ง 2 ปี”

    “ม..ไม่ใช่นะคะ เราแค่เพื่อนสมัยเด็ก ไม่ได้คบกันแบบนั้น”

    “หืม ? งั้นพี่ขอนะ”

    แอนพูดพร้อมกับจ้องตาวานิลลาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์

    วานิลลารับรู้ได้ว่าไม่ควรหลบสายตาพร้อมกับตอบกลับไป

    “ตามใจค่ะ”

    “555 ล้อเล่นน่ะ พี่มีคนที่ชอบอยู่แล้วล่ะ คิดว่าวานิลลาแอบมีใจให้เขาซะอีก”

    “หนูแค่ติดหนี้บุญคุณเขาแค่นั้นแหละค่ะ”

    “เข้าใจละ เขาช่วยคนไปทั่วเลยสินะ”

    เมื่อสองสาวกลับมา ไนท์กับหลินก็ยังคงทำงานอย่างหน้าดำคร่ำเครียด

    “หยุดพักกินข้าวก่อนนะคะ หนุ่ม ๆ ”

    แอนเชิญชวนด้วยเสียงหวานจนทำให้หลินจากที่กำลังโฟกัสทิ้งงานทันทีอย่างว่าง่าย ตอนนี้เธอไม่รู้แล้วว่าเธอเพศอะไร เธอจะเป็น ‘หนุ่ม ๆ’ ให้พวกหล่อนก็ได้ ขอแค่พูดกับเธอด้วยเสียงแบบนั้นอีก ส่วนไนท์ยังคงไม่ผละออกมาจากโต๊ะ

    “ไนท์ หยุด - ทำ - งาน - ก่อน”

    วานิลลาพูดเน้นเป็นคำ ๆ แบบดุ ๆ ไนท์จึงจะผละออกจากงานได้

    “ดีแล้ว.. ซ้อมไว้ ๆ”

    แอนที่ดูเหตุการณ์อยู่พูดแซว ทำให้วานิลลาหันมามองค้อน แอนมองตอบด้วยสายตาเจ้าเล่ห์

    ทุกคนกินข้าวด้วยกันพร้อมกับคุยเรื่องสัพเพเหระไปด้วย เช่นเรื่องที่เด็ก ม. 4 รุ่นใหม่ ๆ ที่ถูกล๊อบบี้ไปฝั่งขวาแทบหมด วานิลลาสารภาพว่าเธอที่เพิ่งเข้า ม. 4 ที่นี่ไม่ได้สนใจการเมืองในโรงเรียนมากนัก เด็ก ม. ปลายส่วนมากก็อยากจะเรียนวิชาที่จำเป็นอย่างเดียวเพื่อจะเอาไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย ไนท์เสนอว่าควรพุ่งเป้าไปที่เด็ก ม. ต้น มากกว่า เพราะการเรียนยังไม่หนักมาก การทำกิจกรรมกับเพื่อนจึงน่าจะสำคัญกับพวกเขามากกว่า

    เมื่อไนท์แกะแม่พิมพ์สีเงินเสร็จเขาก็ลองใช้งาน บนโต๊ะถูกปูด้วยกระดาษแข็งสีขาวแผ่นใหญ่ถูกทำเครื่องหมายเล็งไว้ทำเป็นแท่นพิมพ์ จากนั้นวางกระดาษโปสเตอร์สีเหลืองที่ตัดไว้วางให้ตรงเส้น วางแม่พิมพ์ทับแล้วแปะเทปกาวที่ด้านบน จากนั่นจึงพ่นสีเงินลงไป เปิดแม่พิมพ์ดูระหว่างพิมพ์เป็นระยะว่าเก็บขอบเรียบร้อยดีไหม

    หลังจากพิมพ์สีแรกเสร็จก็เอาไปแขวนกับลวดสลิงเพื่อผึ่งให้แห้ง

    “สีเงินโอเคใช่จริง ๆ ใช่ไหม ?”

    หลินหันไปถามขณะกำลังแกะแม่พิมพ์สีขาวซึ่งซับซ้อนกว่า

    “โอเคครับ ทับสีเหลืองได้หมด”

    หลังจากนั้นไนท์ก็เริ่มแกะแม่พิมพ์สีดำ ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นหลินก็แกะสีขาวเสร็จและเริ่มทดลองพิมพ์บ้าง โดยพิมพ์ทับกับโปสเตอร์ที่พักเอาไว้ ตอนนี้โปสเตอร์มีส่วนประกอบของทั้ง 2 สีแล้ว

    หลินผลัดกันแกะแม่พิมพ์สีดำกับไนท์เป็นพัก ๆ จนเสร็จก็เกือบบ่าย 3 แล้วจึงนำไปพิมพ์บนโปสเตอร์แผ่นเดิม จนได้ปรูฟแรก

    “มันก็แนวดีนะ แต่มันจะสู้กับโปสเตอร์ของเอกได้ยังไง ?”

    แอนออกความเห็น

    หลินเดินไปหยิบชีทกระดาษ A4 ออกมาเทียบกับโปสเตอร์ จึงเห็นว่าโปสเตอร์ที่เพิ่งทำมีขนาดใหญ่กว่า ก่อนจะอธิบาย

    “กระดาษสีเมื่อตัดแบ่งออกเป็นสี่ส่วนขนาดจะพอ ๆ กับกระดาษ B4 ซึ่งใหญ่กว่า และสีสันก็เด่นกว่าด้วย ลองคิดภาพว่าเราเอาไปติดเทียบกับกระดาษ A4 ธรรมดา ๆ ของหมอนั่นดูสิ และร้านถ่ายเอกสารทั่วไปในจังหวัดเราก็ไม่รับพิมพ์กระดาษไซส์นี้กันด้วย”

    “ตอนนี้เราสู้ได้ด้วยวิธีทำให้เด่นและแปลกกว่าเท่านั้นครับ”

    ไนท์กล่าวเสริม

    “ฉันขอโทษนะที่ออกแบบโปสเตอร์โดยไม่ปรึกษาพวกเธอก่อน ถ้าให้คนเก่งด้านนี้ทำ ตอนนี้ก็คงไม่ต้องมานั่งปวดหัว”

    แอนตัดพ้อตัวเองพร้อมกับยกมือไหว้หลินกับไนท์โดยไม่สนลำดับอาวุโส

    “ม…ไม่เป็นไรหรอก แอนก็ไม่รู้ว่าเราเก่งด้านนี้นี่เนอะ ค…คราวหน้ามีอะไรให้ช่วยก็บอก ชมรมเราเป็นหนี้พรรคฝ่ายซ้ายอยู่แล้ว”

    “ขอบคุณมากนะ ขอบคุณจริง ๆ”

    แอนพูดขอบคุณไม่หยุดปาก

    ขณะนั้นหลินก็หันไปกอดวานิลลาที่กำลังตั้งใจดูโปสเตอร์อยู่จากด้านหลัง แล้วไซ้จมูกไปมาบริเวณไหล่ของเธอ

    “พ…พี่เหนื่อยจังเลย จะไม่ไหวอยู่แล้ว… เหอะ ๆ หอมจัง”

    ไนท์บิดหูหลินไปที่มุมห้อง

    “ใช่ พี่นี่ไม่ไหวจริง ๆ นี่ถ้าเป็นผู้ชายผมแจ้งฝ่ายปกครองไปแล้ว!”

    “ฮึ ! ทีตัวเองทำมากกว่าเขาอีกทำเป็นพูดดี”

    วานิลลาหลุดปาก แอนหันมาทำตาลุกวาว

    “ไนท์เคยทำอะไรวานิลลาเหรอ ?”

    ไนท์ตั้งท่าจุ๊ปากแต่ไม่ทันการ แอนมองด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ แม้แต่หลินก็หันมามองเป็นนัยว่า ‘ไอ้ขี้โกง’

    “แหม ๆ ๆ คู่นี้มันยังไงกันนะ”

    แอนพูดแล้วก็หัวเราะร่าอย่างสบายใจ

    หลังจากนั้นทุกคนก็ช่วยกันพิมพ์ จนถึง 5 โมงเย็น ก็พิมพ์ไปได้ประมาณ 10 แผ่น จนโปสเตอร์ถูกแขวนเต็มราว จึงแยกย้ายกันกลับบ้าน

     

    ไนท์เดินไปส่งวานิลลาที่ท่ารถตามคำแนะนำของแอน ระหว่างนั่งรอรถเขาจึงเริ่มถาม

    “ปกติเธอแต่งตัวแบบนี้เหรอ ?”

    “อื้ม มันผิดขนาดนั้นเลยเหรอคะ”

    “ตอนนั้นเธอยังใส่เสื้อหลวม ๆ เชย ๆ อยู่เลย”

    “อ…อ๋อ ตอนนั้นหนูไม่ได้แต่งแบบที่อยากจะแต่งหรอก แล้วก็ไม่มีเงินซื้อเสื้อเองอยู่ดี ตอนนี้พอมีเงินจากศูนย์วิจัยสนับสนุนก็เลยฟุ่มเฟือยได้นิดหน่อย”

    เธอพูดพร้อมกับหมุนตัวอวดเรือนร่างกับชุดของเธอ

    “น่ารักดี”

    คำพูดของไนท์ทำให้เธอชะงัก

    “ลุงจะจีบหนูเหรอ ขยะแขยง !”

    “แต่ตอนนี้ลุงอายุ 13 นะ”

    “หนูจะแจ้งตำรวจว่าจริง ๆ ลุงอายุ 31”

    “ถ้าตำรวจไม่เชื่อ ?”

    “ก็แจ้ง FBI”

    “เธอมีเบอร์ FBI เหรอ”

    “ยังไงก็ไม่เอาอ่ะ เหม็นกลิ่นคนแก่”

    “อ้าวยัยนี่ เหยียดคนแก่เหรอ ! นี่ดมกลิ่นคนแก่ซะ”

    ไนท์พยายามกดหัววานิลลาให้ดมกลิ่นตัวของเขาเอง แต่เธอหลบและวิ่งหนีไปรอบ ๆ ท่ารถ

    “เด็กหนุ่มสาวนี่ดีจังเลยนะ”

    หญิงชราคนหนึ่งที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ รำพึงรำพันพร้อมส่งยิ้มให้ด้วยความเอ็นดู ทั้งสองเลยเลิกเล่นแล้วพยักหน้าให้เธอเป็นเชิงขอโทษ

    เมื่อรถเมล์มาถึง วานิลลาเดินขึ้นรถและโบกมือให้ไนท์

    “วันนี้ขอบคุณมากนะ”

    ไนท์พูด พร้อมกับโบกมือตอบแบบเขิน ๆ ปกติเขาไม่ค่อยร่ำลากันด้วยการโบกมือแบบผู้หญิง

    “ยินดีค่ะ เจอกันวันจันทร์”

    วานิลลาโบกมือลา ยิ้มให้เขาด้วยรอยยิ้มสดใส


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×