ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หนุ่มขี้แพ้กับสาวนักท่องเวลา

    ลำดับตอนที่ #8 : เลือกข้างทางการเมือง

    • อัปเดตล่าสุด 9 ก.ย. 67


    วันจันทร์ที่่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2545

    โปสเตอร์ที่หลินกับไนท์ทำ แอนได้นำไปติดแทนที่อันเก่า และมีการพิมพ์เพิ่มเติมกว่า 30 แผ่นในวันอาทิตย์ ทำให้ในวันจันทร์โปสเตอร์สีเหลืองก็ถูกแปะไปทั่วโรงเรียน ด้วยความโดดเด่นของป้ายหาเสียง ทำให้แกนนำฝ่ายขวาอย่าง เอก นักเรียนชายชั้น ม. 5 สายวิทย์-คณิต ถูกกดดันจากครูที่สนับสนุน ขณะเดียวกันฝ่ายครูหัวเก่าก็ประชุมกันอย่างลับ ๆ

    “โปสเตอร์ที่เด็กพวกนั้นทำมันใหญ่กว่า A4 เราน่าจะออกข้อบังคับใหม่ แล้วให้พวกเขาเอาออกซะ”

    อาจารย์สมหมาย ครูฝ่ายปกครองเสนอ

    “ดิฉันไม่คิดว่านั่นเป็นความคิดที่ดีนะคะ กฏที่อยู่ ๆ ก็บัญญัติขึ้นมาหลังจากที่เขาทำไปแล้ว นอกจากจะไม่ศักดิ์สิทธิ ยังเป็นประเด็นให้เด็กใช้โจมตีเรื่องความชอบธรรมได้อีก เขาจะโจมตีว่าเรากลั่นแกล้งพวกเขาได้”

    อาจารย์สมศรี ครูสอนภาษาไทยค้าน พร้อมกับมองลอดกรอบแว่นไปทางครูสมหมายด้วยสายตาดูแคลน

    “งั้นทำไมไม่ให้ครูศิลปะ ออกแบบโปสเตอร์อันใหม่ไปสู้ล่ะ ?”

    อาจารย์ทรงพล ครูวิทยาศาสตร์พูดพร้อมกับหันไปทาง อาจารย์สมาน ครูศิลปะวัยใกล้เกษียนที่นั่งกอดอกฟังเงียบ ๆ ตั้งแต่ต้น

    “คุณเพิ่งมาเห็นหัวผมเอาตอนนี้เนี่ยนะ แล้วโปสเตอร์แบบแรกคุณให้ใครออกแบบ ?”

    อาจารย์สมานพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

    “คุณอยากให้พวกเด็กนั้นได้อีกสมัยแล้วทำระบบกิจกรรมเละเทะเหมือนปีที่ผ่านมารึยังไง?”

    อาจารย์สมหมายถามกลับ

    “พวกคุณชนะไปก็ไม่ได้สนับสนุนชมรมของผมอยู่ดี พวกคุณเอาแต่สนับสนุนกีฬา สนับสนุนวิชาการ เพื่อเขียนรายงานส่งกระทรวงศึกษาฯ แค่นั้นแหละ เด็กผมที่เก่ง ๆ รุ่นแล้ว รุ่นเล่า จบไปได้แค่ทำงานที่นี่ ตายที่นี่ จนผมเลิกปั้นเด็กแล้วปล่อยให้มันตั้งชมรมกันเองแล้ว แล้วพอเด็กมันใช้ศิลปะแก้ปัญหาได้ พวกคุณก็ดันสติแตกขึ้นมา”

    อาจารย์สมานอธิบายรัวเป็นชุด ใส่อารมณ์อย่างเร่าร้อน

    “ก็ได้ ๆ หลังจากนี้เราจะพิจารณาเรื่องงบให้ภาควิชาจิตรกรรม ตกลงไหม ?”

    อาจารย์สมหมายเสนอ พลางมองหน้าทุกคนในห้องประชุมเพื่อขอความเห็น และทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย

    “สายไปแล้วล่ะครับ หนึ่ง คือผมไม่ลดตัวไปแข่งกับเด็ก และสอง ในเรื่องการมุ้งการเมืองไร้สาระนี่ผมไม่เข้าข้างใครอีกแล้ว ผมไม่ได้จบเพาะช่างมาเพื่อดับความฝันเด็ก ผมเข้าข้างศิลปะ !”

    เมื่ออาจารย์สมานพูดจบเขาก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องประชุม

    “เดี๋ยวอาจารย์สมาน.. อาจารย์สมาน !”

    อาจารย์สมหมายยังตะโกนตามหลัง จนประตูกระจกสีชาของห้องประชุมปิดลง

    ขณะเดียวกันนั้น เอกนักเรียนชาย ม.5 หน้าตาหล่อเหลาก็มายืนเคาะประตูกระจกเพื่อขออนุญาตเข้าห้องประชุม อาจารย์สมหมายกวักมืออนุญาต

    “มีอะไรว่ามา”

    “ผมคิดว่าเราไม่ต้องไปสู้เรื่องโปสเตอร์ก็ได้ครับ มันไม่ใช่ปัจจัยทั้งหมด ผมขอความร่วมมืออาจารย์ทุกคนหาเวลาให้ผมได้เข้าไปหาเสียงในห้องเรียนที่พวกท่านเป็นที่ปรึกษาด้วยก็พอครับ ส่วนงานดีเบตครั้งสุดท้ายตอนสิ้นเดือน ซึ่งผมมั่นใจว่าแอนไม่มีทางชนะ ยัยมืดมนนั่นพูดไม่เก่งเท่าผมหรอกครับ”

    เอกพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจแน่วแน่

    “ก็ควรจะเป็นอย่างนั้น ฉันหวังว่าคงไม่เสียแรงหรอกนะที่ส่งเธอไปประกวดโต้วาทีทุกปี ๆ”

    อาจารย์สมศรีเสริม ไม่ลืมที่จะมองลอดแว่นและยิ้มเยาะเย้ยอาจารย์คนอื่น

    “อีกเรื่องคือมีเด็กนักเรียน ม. 4 สองคนที่ถ้าผมได้มาเป็นพวก เรามีสิทธิชนะสูง”

    “ใครกัน ?”

    ครูในห้องประชุมแทบจะถามประสานเสียงกัน

    “เด็กนักเรียนหญิงที่ชื่อ รุ่งอรุณ กับ สนธยา”

    …..

    “นิ้นลาจะเลือกใครเป็นประธานนักเรียน ?”

    รุ่งแอบคุยกับวานิลลาขณะที่เอกกำลังปราศัยอยู่หน้ากระดานในคาบโฮมรูม

    “อาจจะเลือกเบอร์ 2 นะ เราเป็นนายทุนออกค่าป้ายให้เขาด้วยแหละ”

    “อะไรนะ !? งั้นนิ้นลาก็รู้สิว่าใครเป็นคนออกแบบ”

    “ไนท์ออกแบบ แล้วก็มีพี่หลินที่อยู่ ม. 5 ช่วยทำด้วยกัน”

    สีหน้ารุ่งเปลี่ยนทันทีที่เอ่ยถึงชื่อไนท์

    “ไม่ได้นะ นิ้นลาต้องเลือกจากนโยบายสิ จะเลือกเพียงเพราะได้ร่วมสังฆกรรมกับเขาไม่ได้”

    “แต่พวกพี่แอนเขาก็เป็นคนดีนะ ไนท์เองก็เป็นคนใจดี ตลก แค่เขาชอบทำตัวรั่วต่อหน้าแม่เฉยๆ ถ้าแม่เปิดใจอาจจะชอบเขาก็ได้”

    “ไม่! เราไม่มีทางชอบหมอนั่น !”

    รุ่งพูดใส่อารมณ์จนลืมกระซิบ

    “มีอะไรเหรอครับ ?”

    เอกที่อยู่หน้าห้องถามรุ่งด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน

    “ม…ไม่มีอะไรค่ะ ขอโทษค่ะ”

    วานิลลาป้องปากกระซิบ

    “เราหมายถึงชอบแบบเพื่อน”

    เมื่อการปราศัยของเอกจบลงเขาก็เดินออกประตูหน้าห้องไปพร้อมเสียงกรี๊ดกร๊าดของพวกผู้หญิง แล้วอาจารย์ประเสริฐก็เข้ามาแทนที่

    “รุ่งอรุณ กับ สนธยา เอกชัยเขาขอคุยกับพวกเธอส่วนตัวที่หน้าห้องน่ะ”

    อาจารย์ประเสริฐประกาศ รุ่งกับวานิลลาจึงได้แต่เดินออกประตูหลังไปแบบงง ๆ

    “สวัสดีค่ะ”

    สองสาวไหว้ทักทายเอก

    “สวัสดีครับ นี่รุ่งอรุณ กับสนธยาใช่ไหม ?”

    “ค่ะ”

    “คือพี่อยากให้พวกเรามารับหน้าที่ช่วยงานกรรมการนักเรียนด้วยกันถ้าพี่ชนะ เผื่อจะสืบสานเจตนารมณ์พี่ในปีหน้า และพวกน้องก็ทำคะแนนสอบเข้าสูงสุดด้วย พรรคเราต้องการคนเก่ง ๆ มาทำงานน่ะ”

    เอกอธิบายพร้อมกับสบตาทั้งสองคนไปด้วย

    “ไม่รู้สิคะ คือหนูตั้งหน้าตั้งตาเรียนอย่างเดียวตั้งแต่ ม. ต้น แล้ว ถ้างานเอกสารอาจจะช่วยได้ แต่ออกไปพูดกับคนเยอะ ๆ หนูอาจจะไม่เก่งเท่าไหร่”

    รุ่งพูดเขิน ๆ และไม่กล้าสบตาเอกตรง ๆ

    เอกก้มมาอยู่ระดับเดียวกับสายตารุ่ง

    “พี่ดูเราตั้งแต่ตอนประกาศหาคนเข้าชมรมห้องสมุดแล้ว น้องรุ่งทำได้แน่”

    เอกพูดพร้อมกับมองตารุ่งอย่างแน่วแน่ในตำแหน่งที่เธอไม่สามารถหนีไปไหนได้ รุ่งเขินจนหน้าแดง

    จากนั้นเอกจึงหันไปพูดกับวานิลลา

    “ส่วนสนธยาน้องก็ทำข้อสอบแบบชิล ๆ ภายในไม่กี่นาทีด้วยไม่ใช่เหรอ แถมยังนั่งทำคนเดียวอีกต่างหาก”

    “ฟลุคน่ะค่ะ”

    วานิลลาตอบหน้าตาเฉย ในความคิดของเธอข้อสอบนั่นง่ายเสียจนเธอต้องจำใจกามั่วเพื่อเนิฟตัวเองไปบางข้อด้วยซ้ำ ไม่งั้นคงได้คะแนนเต็ม

    “ทั้งสองคนลองเก็บไปคิดดูนะ พี่ไปก่อนครับ”

    เอกบอกลา ขณะเดียวกันวานิลลาก็หันไปเห็นว่ารุ่งยังคงเหม่อมองตามเขาจนลับตา ใช้นิ้วชี้ม้วนปอยผมตัวเองเล่นวานิลลาเรียกรุ่งสามรอบเธอถึงจะสะดุ้งตื่นจากภวังค์

    …..

    เวลาพักเที่ยงรุ่งกับวานิลลาเลือกที่จะกินก๋วยเตี๋ยวเช่นเคย วานิลลายังกินเส้นหมี่ รุ่งกินเส้นเล็ก ซึ่งกลายเป็นเมนูสิ้นคิดของพวกเธอไปแล้ว

    แอนที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่กับหลินสังเกตุเห็นทั้งสองกำลังถือจานหาที่นั่งอยู่ก็โบกมือเรียกให้วานิลลาไปนั่งด้วย วานิลลาตอบรับอย่างร่าเริง

    “สวัสดีค่ะพี่แอน นี่เพื่อนหนูชื่อรุ่ง.. รุ่งนี่พี่แอนกับพี่หลินอยู่ ม. 5”

    รุ่งพนมมือไหว้แบบสงวนท่าที แล้วนั่งถัดจากวานิลลาเงียบ ๆ

    “น…น่ารักจัง !”

    หลินชม มองรุ่งด้วยตาที่เป็นประกาย รุ่งยิ้มตอบ แต่เมื่อเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามจ้องตาไม่กะพริบ เธอจึงเริ่มรู้สึกประหม่า

    บรรยากาศในโรงอาหารเริ่มเปลี่ยนไป พวกผู้ชายเริ่มสะกิดกันดูโต๊ะของพวกแอน ซึ่งบัดนี้กลายเป็นโต๊ะรวมดาวโรงเรียนทั้ง 2 รุ่นไปแล้ว

    “น้องสองคนเป็นพี่น้องกันรึเปล่า ทำไมหน้าคล้าย ๆ กัน”

    แอนตั้งข้อสังเกต

    “มีคนทักอยู่บ่อย ๆ เหมือนกันค่ะ”

    วานิลลาตอบ ใบหน้าแดงเรื่อ เธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกชมว่าสวยเหมือนแม่ แบบที่เคยถูกทักบ่อย ๆ ตอนยังเป็นเด็ก

    “วานิลลาลองรวบผมดูสักแป๊บสิ”

    แอนขอร้อง วานิลลาจึงหันไปยืมยางรัดผมของรุ่งมาลองรวบผม และลองจัดทรงแบบเดียวกับรุ่งดู แอนกับหลินตบเข้าฉาด

    “เหมือนกันอย่างกับแกะ เชื่อแล้ว ๆ”

    แอนพูด แล้วทั้งสามคนก็หัวเราะร่า รุ่งที่ยังไม่สนิทได้แต่ยิ้มเกร็ง ๆ แม้จะรู้สึกตะลึงตอนที่วานิลลารวบผมอยู่เหมือนกัน

    หลังจากนั้นรุ่นพี่ทั้งสองก็หันไปคุยเรื่องธุระกันต่อ รุ่งจับใจความได้ว่าพวกเขาเริ่มหาเสียงในหมู่เด็ก ม. ต้น กันแล้ว

    เมื่อนั่งกินกันไปสักพัก แอนก็เรียกเด็กผู้ชาย ม. ต้น อีกสองคนมาสมทบ เป็นไนท์กับเพื่อนของเขาอีกคน

    “พี่แอนใช่ไหมครับ ผมฮอลล์นะครับ ปีนี้ผมเลือกพี่แน่นอนครับ ผมเป็นแฟนคลับพี่ตั้งแต่เข้า ม. 1 ปีที่แล้วที่พี่แต่งชุดไทยสวยมากเลยครับ”

    ฮอลล์เข้ามาทักก่อนด้วยความคลั่งไคล้ ทำให้ไนท์ไม่จำเป็นต้องแนะนำตัวอะไรอีก

    “ไนท์ขอบคุณสำหรับ เสาร์ อาทิตย์ ที่ผ่านมานะ”

    แอนขอบคุณเขาอีกครั้ง

    “ไม่เป็นไรครับ ผมว่าง ๆ อยากโชว์ความสามารถอยู่พอดี”

    ไนท์ตอบแบบเก๊กๆ นั่งลงและคนส่วนผสมในก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กน้ำใสของเขา ลืมสังเกตว่าเขากำลังนั่งตรงข้ามรุ่งอยู่พอดิบพอดี เมื่อเห็นว่าคนที่นั่งตรงข้ามกินแบบเดียวกัน เขาจึงเพิ่งจะเงยหน้าขึ้นมาเห็น

    “อุ้ย !”

    เขาโพร่งออกมาพร้อมกับทำช้อนในมือร่วง เพราะสบตาเข้ากับหน้าบูดบึ้งของรุ่ง หลังจากนั้นจึงพยักหน้าทักทายเธอ แต่เธอไม่พยักหน้าตอบ กลับก้มหน้าก้มตาลงไปกินก๋วยเตี๋ยวของเธอต่อ

    “สองคนนั้นเขาไม่ถูกกันเหรอ ?”

    แอนแอบกระซิบถามวานิลลา

    “พอดีไนท์เขาชอบทำตัวเป็นอาหวังใส่รุ่งน่ะค่ะ รุ่งเขาเลยขยะแขยงตั้งแต่แรกเลย”

    วานิลลาแกล้งพูดออกมาดัง ๆ

    ไนท์สำลัก

    “อะไรคืออาหวัง ?”

    แอนสงสัย หลินที่รู้ความหมายเลยกระซิบบอกเธอ  ทำให้เธอขำจนต้องเอามือกุมท้อง

    ไนท์ทักวานิลลา เพื่อพยายามเปลี่ยนเรื่อง

    “เธอกินเส้นหมี่เหรอ ?”

    “ก็รสชาติมันเข้มข้นกว่า”

    “มันข้นเพราะแป้งในเส้นมันละลายต่างหาก อยากได้รสน้ำซุปแท้ ๆ ยังไงก็ต้องเส้นเล็ก จริงไหมครับพี่รุ่ง”

    รุ่งทำเป็นหูทวนลม รู้สึกอยากเปลี่ยนเส้นก๋วยเตี๋ยวเป็นเส้นอื่นเสียเดี๋ยวนั้นถ้าทำได้

    แอนที่ดูเหตุการณ์และเห็นความพยายามของไนท์ในการเข้าหารุ่งก็รู้สึกตลก

    “เดี๋ยวเถอะ มีวานิลลาอยู่แล้วยังไปจีบผู้หญิงอื่นอีก”

    “ไม่ใช่นะครับ(คะ)!”

    ไนท์, วานิลลา, และรุ่ง พูดแทบจะประสานเสียงกัน จากนั้นบรรยากาศก็เริ่มตึงเครียด

    “ล้อเล่นจ้า กินข้าวกันต่อเถอะ”

    หลังจากนั้นพวกเขาก็คุยเรื่องทั่วไป วานิลลาเข้ากับคนอื่นได้เป็นอย่างดี

    ในขณะที่รุ่งรู้สึกเหมือนเป็นคนนอก เริ่มรู้สึกว่าวานิลลาไม่ใช่คนขี้อายแบบเดียวกับเธอ และรู้สึกว่าเธอกำลังถูกพรากเพื่อนเพียงคนเดียวของเธอไป

    ฮอลล์มองดูเหตุการณ์อยู่เงียบ ๆ ด้วยความเพลิดเพลิน รู้สึกเหมือนดูเหล่านางฟ้ากำลังหยอกล้อกัน

    …..

    บ่าย 3 โมงครึ่ง

    หลังจากรุ่งเดินไปส่งวานิลลาขึ้นรถ มีบางสิ่งรบกวนจิตใจเธอ เธอเริ่มรู้สึกไม่มั่นคง เธอเคยถูกเพื่อนสมัย ม. ต้น ทิ้งมาก่อน เคยโดดเดี่ยวมาตลอดจนไม่อยากเรียนต่อที่โรงเรียนเก่า ตั้งแต่นั้นเธอก็สัญญากับตัวเองว่าจะไม่ยอมยึดติดกับเพื่อนคนใดคนหนึ่งอีกต่อไป

    คิดได้ดังนั้นเธอจึงวิ่งกลับเข้าไปในโรงเรียน มุ่งหน้าไปที่ห้องของนักเรียน ม. 6 ซึ่งเอกยังอยู่ที่นั่นกับพรรคพวกในพรรคฝ่ายขวาอยู่พอดี

    รุ่งพูดทั้งที่ยังหอบ

    “หนูคิดได้แล้วค่ะ หนูจะร่วมด้วย”


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×