ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หนุ่มขี้แพ้กับสาวนักท่องเวลา

    ลำดับตอนที่ #4 : ชื่อเล่น

    • อัปเดตล่าสุด 9 ส.ค. 67


    เด็กสาวผมสีน้ำตาลเข้มยาวประบ่า หน้าม้าเฉียงปิดคิ้ว ตากึ่งชั้นเดียว ผิวโทนสว่างแบบลูกคุณหนู สะพายเป้ ยืนอยู่ข้างครูประเสริฐอย่างเหนียมอาย

    “นี่เพื่อนใหม่พวกเรานะ มาจากกรุงเทพฯ เขามีปัญหาเรื่องหาที่เรียน แต่เรารับไว้น่ะ เอ้า..เธอแนะนำตัวหน่อยสิ”

    “สวัสดีค่ะ ชื่อ สนธยา พัฒนกุล ชื่อเล่น วานิลลา ฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ”

    วันอังคารที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2545

    รุ่งชอบตื่นตั้งแต่เช้า และใช้เวลาอาบน้ำหลายนาที...

    3 นาทีแรกเข้าไปนั่งทำใจอยู่บนชักโครกนิ่ง ๆ นาทีถัดมาพยายามสอบปากคำสิวเม็ดใหม่หาสาเหตุที่มันขึ้น ก่อนจะล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าอย่างพิถีพิถัน จากนั้นหยิบแชมพูกลิ่นใหม่ที่เธอเลือกในห้างด้วยตัวเองเป็นครั้งแรก เปิดฝาดม
    กลิ่นหอมนั้นจนเธออดใจไม่ไหวที่จะบีบออกมาสระทั้งที่เมื่อวานก็สระไปแล้ว

    ขณะที่สางผมอย่างสบายใจอยู่หน้ากระจก เพ่งพินิจหน้าตาของตัวเอง ซึ่งเธอรู้ตัวว่าตัวเองอาจจะสวยที่สุดในโรงเรียนที่เธอกำลังเรียนอยู่ตอนนี้

    แต่แล้วภาพของเด็กผู้ชาย ม. ต้น หัวเกรียนหน้าด้านคนนั้นก็แว่บเข้ามาในสมอง หน้าเธอแดงด้วยความอับอาย แล้วจากสระผมอย่างนุ่มนวลก็กลายเป็นขยี้อย่างแรง พร้อมกับกรีดร้องด้วยลมแบบคนที่ขยะแขยงบางอย่างแล้วสิ่งนั้นกระเด็นมาติดตัว จากนั้นก็สาดน้ำลงหัวด้วยน้ำเย็นจากโอ่ง แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่

    ‘เด็กแก่แดดนั่น ทำให้ฉันดูแย่ !’

    เธอคิดในใจแล้วอาบน้ำต่อไปด้วยอารมณ์หงุดหงิด

    “รุ่ง ป๊าไปก่อนนะลูก”

    พ่อของเธอตะโกนบอกขณะที่เธอยังอยู่ในห้องน้ำ

    “ค่าาา ขับรถดี ๆ ค่ะป๊า”

    พ่อ-ลูกทักทายกันตามความเคยชินเหมือนตอน ม. ต้น ที่รุ่งยังเรียนโรงเรียนในเมือง ที่พ่อเคยไปส่งรุ่งทุกครั้ง แต่เมื่อเขาจำได้ว่าไม่จำเป็นต้องไปส่งเธออีกแล้ว เขาจึงขับรถออกไป

    การที่โรงเรียนอยู่ใกล้บ้านไม่ได้ทำให้รุ่งไปโรงเรียนเร็วขึ้น ตรงข้ามเธอกลับทำทุกอย่างแบบชะล่าใจ

    “มัวแต่เอ้อระเหย เดี๋ยวก็ไม่ทันหรอกลูก!”

    แม่พูด ขณะเตรียมโจ๊ก และวางซอสปรุงรสบนโต๊ะกินข้าว

    รุ่งเหยาะซอสแล้วชิมอย่างใจเย็น

    “ต่อให้เพลงมาร์ชโรงเรียนขึ้นตอนนี้หนูก็วิ่งไปทันอยู่ดีค่ะ โรงเรียนใกล้ซะขนาดนี้”

    แล้วเพลงมาร์ชโรงเรียนก็ดังขึ้นทันใด รุ่งหันขวับมองหน้าแม่ที่ตอนนี้ยิ้มอย่างผู้ชนะ

    เธอรีบตักไข่ลวก และหมูสับในโจ๊กยัดใส่ปากจนแก้มป่อง ประนมมือพร้อมกล่าวคำทักทายที่ฟังไม่ได้ศัพท์กับแม่ ก่อนจะคว้ากระเป๋า Jacob แล้ววิ่งพรวดออกไป

    .....

    ไม้เรียวของครูเวรกั้นเธอไว้ที่หน้าทางเข้าพร้อมกับนักเรียนที่มาสายอีก 4-5 คน

    ครูสั่งให้ตั้งแถวร้องเพลงชาติอยู่หน้าทางเข้า ไม่เชิงลงโทษ แต่ธรรมชาติของวัยรุ่นจะแคร์สายตาคนอื่นๆ และไม่ชอบทำตัวแปลกแยกอยู่แล้ว เมื่อแยกมาเข้าแถวอยู่หน้าทางเข้า ในจุดที่เพื่อนที่อยู่ไกล ๆ เห็นต่างหากที่เป็นเรื่องน่าอายสำหรับพวกเขา

    เมื่อสวดมนต์นมัสการพระพุทธเจ้าไปได้ครึ่งบท ก็มีเด็กนักเรียนชาย ม. ต้น เข้ามาสมทบเป็นคนสุดท้าย เขาเข้ามายืนถัดจากรุ่ง เป็นไนท์นั่นเอง

    “อ้าวแฟนก็มาสายเหมือนกันด้วยเหรอ?”

    หนึ่งในแก๊ง ม. 6 กลุ่มที่กินไอติมเมื่อวานแซวเธอ

    รุ่งสะบัดหน้าหนีไม่อยากมองหน้าไนท์ ทำปากขมุบขมิบราวกับจะสาบแช่ง ครูเวรกำชับเมื่อเห็นว่าเสียงสวดเธอเงียบไป

    “สวดดังๆ”

    “สุปฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ พระผู้มีพระภาคเจ้า ปฏิบัติดีแล้ว...”

    รุ่งตะเบ็งเสียงประชดจนหน้าแดง

    …..

    โฮมรูม

    เป็นธรรมดาที่เด็ก ม. 4 ที่จบ ม. ต้น ที่นี่จะมีกลุ่มเพื่อนกันอยู่แล้ว พวกผู้ชายหลังห้องกำลังอวดว่าตัวเองใช้เยล และโรลออนยี่ห้ออะไร, พวกผู้หญิงกลุ่มใหญ่เกาะกลุ่มกันดูแคตตาล็อกของเจ้าแม่หัวการค้าที่จะรับหิ้วสินค้าจากห้างในเมืองเพราะครอบครัวไปห้างสรรพสินค้าทุกอาทิตย์, แก๊งเด็กเนิร์ดตรงฝั่งติดหน้าต่างนั่งเล่นการ์ดยูกิ บางคนก็นั่งอ่านหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น, แก๊งเด็กรวยกำลังอวดโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ที่เล่นเกม และแต่งริงโทนได้ รุ่งที่ย้ายมาจากโรงเรียนประจำจังหวัด จึงกลายเป็นคนแปลกแยกและเหินห่างจากคนอื่น ๆ ในห้อง โต๊ะข้าง ๆ เธอยังคงว่าง แม้เมื่อวานจะมีการสุ่มโต๊ะไปแล้ว

     อยู่ดี ๆ ก็มีบางอย่างดึงความสนใจพวกผู้ชายในห้อง มีคนสังเกตว่าด้านนอกมีนักเรียนหญิง ม. ปลายเพิ่งเข้ามาใหม่โดยการนั่งรถยนต์เข้ามา ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ไม่บ่อยนักในโรงเรียนชานเมือง

    รุ่งนึกอิจฉาในใจเพราะเธอคนนั้นไม่ต้องแหกปากสวดมนต์อยู่ข้างหน้าทางเข้าเหมือนเธอ

    ผ่านไปสักพักครูประเสริฐ ครูประจำชั้นก็เดินเข้ามาพร้อมกับเด็กสาวที่เพิ่งมาใหม่

    “นักเรียนทั้งหมดทำความเคารพ”

    รุ่งลุกขึ้นพูดตามหน้าที่หัวหน้าห้องที่เพิ่งถูกยัดเยียดให้เมื่อวาน

    “สวัสดีครับ (ค่ะ) คุณครู”

    ทั้งห้องขานพร้อมกันยานๆ

    เด็กสาวผมสีน้ำตาลเข้มยาวประบ่า หน้าม้าเฉียงปิดคิ้ว ตากึ่งชั้นเดียว ผิวโทนสว่างแบบลูกคุณหนู สะพายเป้ ยืนอยู่ข้างครูประเสริฐอย่างเหนียมอาย

    “นี่เพื่อนใหม่พวกเรานะ มาจากกรุงเทพฯ เขามีปัญหาเรื่องหาที่เรียน แต่เรารับไว้น่ะ เอ้า..เธอแนะนำตัวหน่อยสิ”

    “สวัสดีค่ะ ชื่อ สนธยา พัฒนกุล ชื่อเล่น วานิลลา ฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ”

    พวกผู้ชายครางฮือด้วยความคลั่งไคล้ในน้ำเสียง และรูปลักษณ์

    ส่วนรุ่งจำได้ว่าเธอคือเด็กที่ยืนร้องไห้อยู่หน้าบ้านเมื่อวาน

    “เงียบ ๆ”

    ครูประเสริฐดุพวกผู้ชาย จากนั้นหันมาทางรุ่ง

    “รุ่งอรุณ ที่ข้าง ๆ เธอว่างอยู่ใช่ไหม?”

    “ค่ะ”

    รุ่งตอบ แววตาลุกวาว

    ครูผายมือให้วานิลลาไปนั่งที่ เธอก้มหน้าเดินอาย ๆ มาทางรุ่ง และพนมมือไหว้เธอเขิน ๆ

    “ไม่ต้องไหว้ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวอายุเราสั้น”

    “ค...ค่ะ จริงด้วย โทษที”

    “ใจเย็น ๆ ไม่ต้องเกร็งนะ”

    รุ่งคิดว่าเด็กกรุงเทพฯ เขาขี้อายขนาดนี้เลยเหรอ เธอดูทำอะไรเกร็ง ๆ ล่ก ๆ ไปหมด ตอนเธอหยิบกระเป๋าเครื่องเขียนของเธอออกมา ก็ทำปากกากระจายไปทั่ว แล้วก็พูด ขอโทษ ทุกครั้งที่ตัวเองทำพลาด หรือสัมผัสโดนตัวนิดหน่อย

    ตลอดช่วงเช้า รุ่งกับวานิลลาก็ยังไม่ได้คุยกันแบบเพื่อน รุ่งเป็นคนขี้อาย แต่วานิลลาดูหนักกว่าเธอ 2 เท่า เธอคิดว่าอาจเป็นเพราะวานิลลายังอายเรื่องเมื่อวานรึเปล่า ยิ่งคิดเธอยิ่งอึดอัด

    จนในที่สุดเสียงออดพักเที่ยงก็ดังขึ้น รุ่งรอให้วานิลลาเก็บของใส่กระเป๋าจนเรียบร้อยจึงเอ่ยชวน

    “ไปกินข้าวด้วยกันเถอะ”

    “ค่ะ !”

    วานิลลาพยักหน้ารับ ตาเป็นประกาย

    .....

    ที่โรงอาหาร รุ่งสั่งก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กน้ำใส เพราะไม่มีอะไรน่ากินที่ร้านข้าวแกง ส่วนวานิลลาก็เพลย์เซฟตามหลังเธอต้อย ๆ แล้วสั่งก๋วยเตี๋ยวตามเธอแต่เปลี่ยนเป็นเส้นหมี่

    เมื่อนั่งลงกินไปได้คำสองคำ รุ่งก็เริ่มผ่อนคลาย และเริ่มชวนคุย

    “ชอบกินเส้นหมี่เหรอ ?”

    “ก็ไม่ชอบเป็นพิเศษหรอกค่ะ แค่รู้สึกว่าเส้นหมี่มันรสชาติเข้มข้นกว่า”

    “น่ารักจัง” 

    วานิลลาคีบลูกชิ้นพลาดตกลงไปในซุปก๋วยเตี๋ยว น้ำซุปกระเซ็นจนเลอะเสื้อของตัวเอง 

    “ไม่ๆ เราหมายถึงเธอพูดจามีหางเสียง คะ ขา แทบทุกคำเลยคิดว่าน่ารักดี”

    รุ่งรีบแก้ตัว เพราะกลัววานิลลาจะเข้าใจเธอผิด

    วานิลลายิ้มตอบเขิน ๆ 

    “เสื้อเธอเลอะนี่”

    รุ่งเพิ่งเห็น พร้อมกับเอื้อมไปจับตรงสาบเสื้อใกล้หน้าอกตรงที่เลอะ แล้วใช้อีกมือหยิบผ้าเช็ดหน้าทำท่าจะเช็ดให้ ก่อนวานิลลายกมือขึ้นปราม

    “ไม่ต้องเช็ดตอนนี้ก็ได้ เดี๋ยวเราไปเช็ดในห้องน้ำหลังกินข้าวเสร็จก็ได้ค่ะ”

    “อ๊ะ.... นั่นสินะ กินกันก่อนเถอะ”

    เมื่อทั้งสองกินเสร็จก็เก็บชามไปไว้ที่จุดคืนจาน แล้วแวะเข้าไปเช็ดรอยเปื้อนบนเสื้อของวานิลลาในห้องน้ำ รอยเปื้อนจางลงบ้าง

    ยังเหลือเวลาอีกหลายนาทีจะถึงคาบต่อไป รุ่งเลยพาวานิลลาไปห้องสมุด แวะคุยกับบรรณารักษ์เรื่องสมัครสมาชิกเพื่อที่จะสามารถยืมหนังสือกลับบ้านได้ หลังจากนั้นจึงหาหนังสืออ่าน แล้วหยิบได้ แฮร์รี่ พ็อตเตอร์ กับถ้วยอัคนี

    “รุ่งอ่านหนังสือเล่มหนาจังเลยค่ะ”

    วานิลลาทัก

    “ก็ปกสวยดี เห็นว่าเอาไปสร้างเป็นหนังแล้วด้วย เลยอยากลองอ่านดูน่ะ”

    วานิลลาเลิ่กลั่กเพราะลึกๆ เธอรู้ว่าเล่มที่รุ่งหยิบมาไม่ใช่ภาคแรกสุด แต่เธอคิดว่าเดี๋ยวรุ่งคงรู้ตัวถ้าอ่านไปสักพัก เลยไม่ได้พูดอะไรต่อ

    ทันใดนั้นวานิลลาเห็นไนท์เดินเข้ามา เธอจึงฟุบหน้าลงกับโต๊ะเพราะไม่อยากให้เขาเห็น

    “พี่เป็นแฟนแฮร์รี่ พอตเตอร์เหมือนกันเหรอ ? คงอ่านเล่มอื่นตั้งแต่ ม. ต้น แล้วใช่ไหมครับ”

    ไนท์ทักรุ่ง

    “หา ?”

    เธองง พลิกดูตัวเล่มเพื่อหาว่านี่ภาคอะไรกันแน่ แต่เธอนึกขึ้นได้ว่าเกลียดขี้หน้าเขา

    “ฉันจะอ่านอะไรมันก็เรื่องของฉัน ไม่ต้องมายุ่ง !”

    รุ่งวางมาดเย่อหยิ่ง

    ไนท์เพิ่งเห็นสาวอีกคนที่ฟุบอยู่ใกล้ ๆ รู้สึกคุ้นเคยแปลกๆ แต่เขาก็ทำทีลุกไปอีกฝั่ง

    จนกระทั่งเห็นนาฬิกาข้อมือรูปทรงแปลกประหลาดที่แขนซ้ายของเธอ

    “ว๊าย !”

    วานิลลาร้องลั่นเมื่อถูกไนท์ดึงไหล่เธอขึ้นมา

    เมื่อเห็นว่ากลายเป็นจุดสนใจของคนในห้องสมุด ไนท์จึงกระซิบบางอย่างกับเธอ แล้วเดินมุ่งไปที่ท้ายห้องหลบมุมตรงชั้นหนังสือชั้นสุดท้าย จากนั้นวานิลลาก็เดินตามเขาไป

    รุ่งดูเหตุการณ์นั้นด้วยความประหลาดใจ เริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวในจินตนาการ ทำไมสองคนนั้นรู้จักกัน ? ทำไมวานิลลาที่แก่กว่าเด็กคนนั้นต้องเชื่อฟังเขาด้วย ?

    แล้วเธอก็นึกบางอย่างขึ้นได้

    ‘ใช่แล้ว ! เมื่อวานนี้เราเห็นเธอร้องไห้ แต่นั่นไม่ใช่ครั้งแรกที่เราเจอกัน เราเจอกันครั้งแรกที่ไหนนะ?’

    เธอรวบรวมความทรงจำ...

    ‘เดี๋ยวนะ! เมื่อวานตอนหมอนั่นมาขอเบอร์ เราวิ่งไปชนกับเด็กผู้หญิงนี่ ถ้าเธอเห็นตอนที่เจ้านั่นขอเบอร์เรา แล้วถ้าสองคนนั้นคบกันอยู่ เธอเห็นเข้าเลยเสียใจ แล้วก็ร้องไห้วันนั้น ใช่แน่ ๆ !’

    อีกด้านหนึ่ง ไนท์กำลังคุยกับวานิลลา เขาพูดโดยใช้ลมแทนการเปล่งเสียงเพื่อไม่ให้คนอื่นได้ยิน ทั้งที่อยากจะตะโกนใส่เธอดัง ๆ

    “ทำไมเธอยังไม่กลับไปอีก เธอมีธุระอะไรในเส้นเวลานี้อีกรึไง?”

    “ก็หนูอยากเจอแม่”

    วานิลลาก้มหน้าตอบเสียงอ่อน

    “แล้วนี่พักอยู่ที่ไหน ใครเป็นคนฝากเรียน แล้วเธอทำได้ไง ? เธอไม่มีประวัติอะไรในโลกนี้นี่”

    “ตอนนี้หนูได้สิทธิเป็นนักสำรวจในโครงการนี้ต่อแล้ว เบื้องบนเห็นว่าเคสนี้เป็นเคสที่น่าสนใจ เลยช่วยสร้างประวัติหนูในโลกนี้ขึ้นมา นี่มันเป็นโครงการระดับชาติไปแล้ว เขาทำกันเป็นขบวนการ หนูมีสูติบัตร ทะเบียนบ้าน ไม่ได้เป็นคนเถื่อนแต่อย่างใด”

    วานิลลาอธิบายด้วยความภูมิใจ

    ทันใดนั้นรุ่งก็เข้ามาฉุดวานิลลาออกห่างจากไนท์ แล้วกันไม่ให้เขาเข้าใกล้

    “นายต้องการอะไรจากเธอ !”

    ไม่รอฟังคำอธิบาย รุ่งจูงวานิลลาหนีไปโดยไม่ลืมที่จะเอาทั้งกระเป๋าทั้งของเธอ และของวานิลลาไปด้วย

    เมื่อออกจากห้องสมุด ทั้งสองคนก็มุ่งหน้าไปห้องที่จะเรียนในคาบถัดไปก่อนเวลา พวกเธอจึงได้คุยกัน

    “เด็กนั่นมีดีอะไร? ถึงได้ไปคบกับมัน”

    “คะ ?”

    วานิลลาขมวดคิ้ว

    “วานิลลาไปให้ค่ามันแน่เลย มันถึงมั่นหน้ามาขอเบอร์เราเมื่อวาน แต่เราไม่เล่นด้วยหรอก”

    วานิลลารู้ว่ารุ่งเข้าใจผิด แต่เธอก็ชอบที่ได้ถูกปกป้อง เลยไม่รู้ว่าจะอธิบายให้รุ่งไม่รู้สึกหน้าแตกได้ยังไง

    .....

    เลิกเรียนรุ่งอาสาเดินไปส่งวานิลล่าที่ท่ารถเมล์ที่อยู่อีกฝั่งของคลองด้านหน้าโรงเรียน

    รู้สึกตัวอีกทีรุ่งก็สนิทกับวานิลลาจนแตะเนื้อต้องตัวกันได้ ตอนที่ปล่อยจากแถว เธอจับไหล่ทั้งสองข้างของวานิลลาอย่างร่าเริงแบบที่เด็กอนุบาลชอบทำกันเวลาเดินแถว เริ่มนินทาผู้ชายขี้เก๊กที่ไม่รู้ตัวว่าซิปแตก แนะนำแชมพูกลิ่นที่ชอบ คุยเรื่องละครที่ดูเมื่อคืนวาน

    “วานิลลาผิวสวยแล้วก็น่ารักกว่าเราอีก อย่าลดตัวไปคบกับเด็กเกรียนนั่นเลยนะ หาผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่ พึ่งพาได้ดีกว่า”

    “เอ่อ คือว่า...”

    วานิลลาพยายามอธิบายแต่ถูกรุ่งตัดบท

    “เราอยากเรียกชื่อเธอสั้นๆ อ่ะ ปกติเพื่อนเก่าเธอเรียกว่าอะไรเหรอ?”

    “ส่วนมากเรียก ลา บางคนก็เรียก วา แต่เราไม่ชอบมันเหมือนชื่อผู้ชาย”

    “อืมม ไม่ได้อ่ะ ชื่อลาไม่น่ารักเลย มันนึกถึง ลาอียอ ที่เฉื่อย ๆ อ่ะ”

    รุ่งคิดอยู่สักพักก็นึกออก

    “เอางี้ เราเรียก นิ้นลาได้ไหม มันเรียกง่ายแล้วก็ฟังดูน่ารักดี”

    “อือ ก็ได้นะ แต่เราต้องมีชื่อเฉพาะไว้เรียกเธอเหมือนกัน”

    “เอาสิๆ จะเรียกเราว่าอะไรเหรอ?”

    “แม่”

    วานิลลาหลบสายตา นึกอายที่ขออะไรที่อาจทำให้รุ่งคิดว่าเธอเป็นคนประหลาด

    “เอาสิ ! ตลกดี แต่แม่คนนี้หวงลูกสาวนะ ไม่ให้ใครมาจีบเธอง่ายๆ หรอก”

    รุ่งพูดพร้อมกับลูบหัววานิลลา ทำให้เธอหน้าแดง เพราะรู้สึกดี

    เมื่อรถเมล์มาถึง วานิลลาเดินขึ้นไปนั่งบนรถ แล้วเลือกนั่งฝั่งที่ยังเห็นรุ่ง รุ่งโบกมือให้เธออย่างเริงร่า

    “พรุ่งนี้เจอกันนะ นิ้นลา !”

    “ค่ะ...”

    วานิลลาโบกมือตอบ แล้วพูดอีกคำกับตัวเองเบาๆ “..แม่”

    แล้วรถเมล์ก็แล่นจากไป

    .....

    ที่ห้องของวานิลลา หลังจากที่เขียนรายงาน ทำธุระส่วนตัวทุกอย่างเสร็จแล้วก็เตรียมตัวเข้านอน เธอกำลังหวีผม ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่หน้ากระจก

    “นิ้นลา”

    เธอเรียกชื่อตัวเองที่รุ่งตั้งให้อย่างภูมิใจ จากนั้นล้มตัวลงไปคว่ำหน้าแล้วกรี๊ดใส่หมอน เหมือนหญิงสาวที่กำลังคลั่งรัก แต่ในกรณีของเธอไม่ใช่ในเชิงชู้สาว เธอหลงรักแบบที่ลูกจะรักแม่


    ความสัมพันธ์แม่ลูกนี่น่ารักจังเลยนะ…..

    จะพยายามเขียนตอนใหม่ลงทุกวันศุกร์ 5 โมงเย็น และอย่าแปลกใจถ้าผู้เขียนจะเข้ามารีไรท์หรือแก้ไขสำนวน คำผิด อยู่เรื่อย ๆ บางทีแวะมาอ่านทวนแล้วยังไม่พอใจ ผู้อ่านสามารถคอมเม้นติชมได้นะ

    ติดตามความเคลื่อนไหวนิยาย และวาดภาพประกอบใน Jay the Less Facebook Page

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×