ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หนุ่มขี้แพ้กับสาวนักท่องเวลา

    ลำดับตอนที่ #12 : ราชพฤกษ์เกมส์

    • อัปเดตล่าสุด 4 ต.ค. 67


    วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2545

    เมื่อตั้งแถวแยกสีต่าง ๆ และเคารพธงชาติเหมือนเข้าแถวช่วงเช้าตามปกติ ประธานกล่าวเปิดพิธี แถวของทุกสีก็เริ่มเดินขบวนพาเหรด

    “เอ๊ะ!? สีแดงเขาให้เด็ก ม. ต้น ถือป้ายด้วยเหรอครับพี่เบ๊น”

    “นั่นประธาน แอน ของเราต่างหาก ไม่ใช่เด็ก ม. ต้น ที่ไหน เธอแค่เตี้ย”

    เดี่ยว เด็ก ม. 5 รับหน้าที่เป็นโฆษกคู่กับเบ๊น เด็ก ม. 6 กำลังแซวแอนอย่างสนุกสนาน

    “ไอ้บ้า!”

    แอนตะโกนเมื่อขบวนเข้าไปใกล้โพเดียมของคนพากษ์จนเสียงลอดเข้าไมค์ เรียกเสียงหัวเราะของคนในงาน

    “อ๊ะ! นั่น สีส้ม ให้น้องส้มถือป้าย ช่างถือเคล็ดอะไรขนาดนั้น”

    “ถือเคล็ดจริง ๆ ครับพี่เบ๊น ดูสิแบกส้มโอมาด้วยตั้งสองลูก ใครช่วยน้องถือหน่อย น่ากลัวจะหนัก”

    สาวถือป้ายสีส้มยิ้มแต่มองค้อนให้โฆษก เหมือนกับจะสื่อว่า ‘ฝากไว้ก่อนเถอะ เลิกแถวพวกนายโดนดีแน่!’

    “สีเขียวปีนี้มาในธีมแมลงทับครับ สร้างสรรค์มาก ๆ ผมนี่นึกถึงปราโมทย์ แมลงทับที่ผมเคยเลี้ยงไว้ในกล่องจิ๊กซอว์ตอนเด็ก ๆ”

    “นางไม้ครับคุณเดี่ยวครับ นี่ก็แซวซะเสียเลย”

    “ผมกำลังจะบอกว่าน้องน้ำเขาน่ารักน่าเลี้ยงดูเหมือนแมลงทับน่ะครับ”

    “ไม่ทันแล้วครับคุณเดี่ยว น้องเขามองตาเขียวปัดแล้ว”

    รุ่งเตรียมตัวตั้งรับที่จะถูกแซวเมื่อผ่านหน้าโพเดียม เธอปรายตาไปยังโฆษกทั้งสองด้วยสายตาเย็นชา แล้วมองไปข้างหน้าตามเดิมแบบนิ่ง ๆ ทั้ง ๆ ที่ในใจเขินอายแทบแย่

    ผิวสวยเนียนของรุ่งถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางและกากเพชรอันแวววับ ใบหน้าถูกแต้มไฮไลท์ สลับกับสีบลัชออนที่เข้มกว่าสีผิวเล็กน้อยที่ทำให้ใบหน้ามีมิติ คิ้ว, ขนตา, และริมฝีปาก ถูกขับเน้นความสวยงามตามธรรมชาติให้คมชัดมากขึ้นไปอีก  แถมไว้หน้าม้าปล่อยด้านข้างลงมาตรงแก้มดัดปลายเป็นลอนน่ารัก ด้านหลังรวบผมที่ปลายดัดเป็นลอนเช่นกัน เผยคองามระหงเหนือไหล่ที่เปลือยเปล่าเพราะอยู่ในชุดราตรีเปิดไหล่สีฟ้าสดใส

    ผู้บรรยายทั้งสองตกอยู่ในภวังค์จนลืมไปเลยว่าคิดจะแซวอะไร จนเบ๊นเริ่มกระแอม

    “... คนนี้พี่ขอ แซวไม่ออกจริง ๆ”

    “พี่หวังละสิ ไม่ได้นะ เราจะสองมาตรฐานไม่ได้นะพี่”

    “พี่ไม่กล้าหวังหรอก ดูคู่แข่งแต่ละคน คนนึงก็ท็อปของ ม. 5 อีกคนก็เด็ก ม. 2 ใส่ชุดยูโดอยู่ข้างหลังนู่น”

    พวกชมรมยูโดมองกันเลิ่กลั่กจนในที่สุดก็พบว่ามีเด็กชาย ม. ต้น เพียงคนเดียวอยู่ในกลุ่ม เป็นไนท์ที่เพิ่งเรียนได้ 3 อาทิตย์นั่นเอง

    “สีม่วงนั่นใครครับ? หน้าไม่คุ้นเลย”

    “น... นั่นมันยัยหลิน เด็ก ม. 5 สุดมืดมนประจำชมรมจิตรกรรมนี่หว่า!”

    หลินที่ปกติจะไว้ผมสั้นถูกจับใส่วิกและแต่งสวยเพราะประธานสีบอกว่าเห็นแววความสวยจากเธอ เริ่มมีเสียงฮือฮาจากเพื่อน ม. 5 คนอื่น ทำให้หลินเหงื่อเริ่มออกมือ ตื่นเต้นจนหน้ามืด คล้ายจะเป็นลม จนเธอพลาดสะดุดก้อนหินในลู่วิ่ง เซถลาจนเกือบจะล้ม

    “ว้าว น่ารักเลยนะครับ ดูโก๊ะ ๆ ขี้อายด้วย คนนี้น่าจะพอมีหวังนะครับ”

    “น่าเสียดาย...”

    เบ๊นพูดเหมือนรำพึงกับตัวเองพร้อมจิ๊ปาก

    “น่าเสียดาย? เสียดายอะไรครับ?”

    เบ๊นกระซิบบอกเดี่ยวโดยไม่ให้เสียงเข้าไมค์ หลังจากนั้นพวกเขาทั้งสองก็ถอนหายใจใส่ไมค์พร้อมกัน

    หลังจากทุกสีเข้าไปบนสแตนด์เชียร์ครบแล้ว พวกชมรมยูโดก็ออกไปทำการแสดง ไนท์เองก็ร่วมแสดงด้วย แม้จะเป็นฝ่ายที่ต้องถูกนิ้งทุ่มอยู่ฝ่ายเดียวตลอดการแสดง

    หลังจุดคบเพลิงก็เป็นอันเสร็จสิ้นพิธีเปิด

    .....

    “ผมขอถ่ายภาพพี่รุ่งได้ไหมครับ?”

    ไนท์เข้าไปขอตรง ๆ ยังอยู่ในชุดยูโด

    “ไม่ให้ถ่าย!”

    รุ่งตอบอย่างเย็นชา ไม่แม้แต่จะมองหน้าเขาด้วยซ้ำ ซึ่งไม่ผิดคาดของไนท์

    เขาใช้กล้องฟิล์มแบบกะระยะซึ่งตกยุคไปนานแล้ว ดันก้านขึ้นฟิล์มไว้ และตอนนี้ก็ยืนห่างจากแบบ 1.5 เมตรพอดิบพอดีกับที่หมุนหน้ากล้องรอไว้ เขายกกล้องขึ้นเล็งและกดชัตเตอร์อย่างรวดเร็ว

    “นี่นาย... ลบรูปเดี๋ยวนี้นะ!”

    “ขอโทษครับ นี่กล้องฟิล์ม ลบไม่ได้ครับ”

    ว่าแล้วเขาก็รีบวิ่งหนีไป

    รุ่งทำท่าจะวิ่งตาม แต่พอนึกได้ว่ามีหน้าที่ต้องทำ เธอจึงปล่อยเลยตามเลย

    ไนท์วิ่งมาสวนกับเชียร์ลีดเดอร์สีฟ้าที่มีวานิลลาอยู่ด้วยพอดี

    “ลุง!”

    วานิลลาเรียกเขาพร้อมกับจับจีบกระโปรงเรียกให้เขาดูชุดของเธอ

    วันนี้เธอรวบผมดูทะมัดทะแมง แต่งหน้าจนคมเข้ม แต่ด้วยผิวที่ขาวผ่องของเธอทำให้แทบไม่ต้องเสริมอะไรอีกนอกจากปัดแก้มเป็นสีชมพูเรื่อ ประดับไปด้วยกากเพชรระยิบระยับ กระโปรงก็สั้นจนน่าใจหายเวลาถูกลมพัด

    ไนท์ตกอยู่ในภวังค์ครู่หนึ่งก่อนจะหลุดปากชมเธอ

    “วันนี้เธอสวยมากเลย...”

    วานิลลาเห็นหน้าตอนที่ไนท์ชมก็รับรู้ได้ว่าเขาไม่ได้ชมตามมารยาท เห็นได้ชัดว่าเขามองเธอแบบผู้หญิงคนหนึ่ง เธอเริ่มรู้สึกกระอักกระอ่วน และเริ่มเขินขึ้นมาจริง ๆ

    “ล....ลุงจะถ่ายรูปไหม?”

    เธอเปลี่ยนเรื่อง

    “อ...เอาสิ ดีเลย เดี๋ยวล้างเสร็จเอามาให้ดูนะ”

    ไนท์ถ่ายรูปเธอได้จำนวนหนึ่ง ท่ามกลางความรู้สึกกระอักกระอ่วน ของทั้งสอง จนในที่สุดวานิลลาก็ทนบรรยากาศไม่ไหว

    “ลุงจะชอบแม่ หรือชอบหนูกันแน่?”

    “หา!?”

    วานิลลาฝืนจ้องตาเขาเขม็ง ใบหน้าแดงก่ำทะลุบลัชออนจนหน้าแดงขึ้นกว่าเดิม

    “มันเป็นไปไม่ได้ อย่าลืมสิว่าเราอายุห่างกันเป็นสิบปีเลยนะ”

    ไนท์พูดขึ้นในที่สุด

    “แต่ถ้าพวกเราอยู่ที่นี่ตลอดไปเรื่องนั้นก็ไม่สำคัญใช่ไหมล่ะ?”

    หลังจากวานิลลาพูดคำนั้นเธอก็รู้สึกอายกับสิ่งที่ตัวเองเพิ่งพูดออกมา จนต้องเดินหนีไปหลบอยู่ที่ลับตาคนมุมหนึ่ง แล้วเอาฝ่ามือจับใบหน้าตัวเองราวกับมันจะช่วยระบายความร้อนจากใบหน้าของเธอที่ตื่นเต้นจนร้อนผ่าว

     

    .....

     

    เชียร์ลีดเดอร์ออกมาครั้งแรกช่วงสายราว ๆ 9 โมงเช้า รุ่งเปลี่ยนเสื้อผ้ามานั่งอยู่กับกองเชียร์เรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกับไนท์ที่มานั่งอยู่ที่นั่งด้านหลังของเธอพอดี แต่รุ่งก็ขอแลกที่กับคนข้าง ๆ เพื่อให้ห่างเขามากขึ้นอีกนิดเพื่อความสบายใจ

    เพลงเชียร์มีเพลงอะไรบ้างไนท์ไม่ได้ใส่ใจนัก เขาตั้งใจมองวานิลลาเป็นพิเศษเพราะเธอเป็นเพื่อนของเขา เธอช่างน่ารักสดใสจนคิดไม่ถึงว่าเธอจะทำเรื่องพวกนี้ได้ แต่แว่บนึงความเป็นจริงที่ว่าเธอเป็นเด็กรุ่นลูกก็เข้ามาในหัว ทำให้เขาหลบตาลงมามองรุ่งที่อยู่ใกล้ ๆ ซึ่งก็กำลังสนุกสนานไปกับการส่งกำลังใจไปให้เพื่อนของเธอเช่นกัน

    อีกด้านหนึ่งวานิลลาที่กำลังเต้นเชียร์ก็ส่งสายตาและยิ้มให้ทั้งรุ่ง และไนท์ จนกระทั่งเธอสังเกตุเห็นจังหวะที่ไนท์ก้มไปมองรุ่ง นั่นทำให้เธอไม่สบอารมณ์ และเริ่มหุบยิ้ม

    รุ่งเมื่อเห็นว่าสีหน้าของวานิลลาบึ้งตึง ก็หันไปสบตาเข้ากับไนท์

    “นี่นาย! ฉันเห็นแก่นิ้นลาหรอกนะ มองเธอหน่อย อย่ามามองฉันตอนนี้”

    ไนท์พยักหน้าอย่างเข้าใจ แล้วหันไปตั้งใจดูวานิลลา จนทำให้เธอกลับมายิ้มได้อีกครั้ง

    พักกลางวันมีเลี้ยงข้าวกล่องกับขนม ไนท์ตั้งใจจะเข้าไปทักทายวานิลลาแบบที่เคยทำ ทว่าเธอกลับทำตัวเหินห่างและหันไปกินข้าวกับรุ่ง ความสัมพันธ์ของทั้งคู่กลายเป็นความกระอักกระอ่วน ซึ่งเขาไม่กล้าแม้แต่จะเคยคิดว่าเด็กคนนั้นจะแง่งอนเขา ตกลงแล้วเธอมองเขาในฐานะอะไรกันแน่

    การแข่งวิ่งผลัดถือเป็นไฮไลท์ของกีฬาสี เพราะเป็นกีฬาที่พลิกผันได้ตลอดเวลา ไนท์ซึ่งลง 4 x 400 ม. ชายระดับ ม. ต้น ต้องรอแข่งช่วงบ่าย 2 ระหว่างนี้เขาจึงอยู่กับกองเชียร์ ไม่ก็แวะไปเยี่ยมเพื่อนร่วมห้องที่กระจายอยู่ตามสีอื่นบ้าง ฮอลล์อิจฉาเขามากที่ได้อยู่สีเดียวกับ ‘ดาวคู่แฝด’

    พอถึงบ่ายโมงครึ่ง แต่ละสีเอาเชียร์ลีดเดอร์ออกมาเชียร์อีกครั้ง แต่ไม่ทันไรก็มีเชียร์ลีดเดอร์คนหนึ่งของสีฟ้าเป็นลม

    “ตัวร้อนจี๋เลย ยัยแต้วไม่สบายเหรอ ทำไมไม่มีใครบอก?”

    ประธานเชียร์ถามหัวหน้าเชียร์ลีดเดอร์ขณะกำลังพยายามปฐมพยาบาลเบื้องต้น

    สักพักเอกก็มาอุ้มแต้วไปห้องพยาบาล เหล่าเชียร์ลีดเดอร์เริ่มขวัญเสียที่ขาดคนไปหนึ่งคน

    “เหลือแค่นี้ยังพอเต้นกันได้ไหม?”

    เอกที่เพิ่งกลับมาถาม

    “ตอนโชว์จริง ๆ มันมีท่าโพสที่ต้องมีคนครบ 5 คนด้วยนี่สิ”

    หัวหน้าเชียร์ลีดเดอร์ตอบ มือเท้าเอวพยายามคิดหาทางแก้

    “เราไม่มีตัวสำรองเลยเหรอ?”

    ประธานเชียร์ถาม

    “สีเรามีแต่สาวขี้อาย กว่าจะได้มาแต่ละคนไม่ง่ายนะ”

    หัวหน้าเชียร์ตัดพ้อ พลางสบตากับรุ่ง บีบให้เธอรู้สึกผิดขึ้นมาทันที

    “รุ่งก็เต้นได้นะคะ หนูเคยให้เขาเป็นคู่ซ้อมกับหนูที่บ้าน”

    วานิลลาเสนอ โดยไม่สนรุ่งที่กำลังจะยกมือปราม

    “จริงรึเปล่ารุ่ง งั้นก็เยี่ยมไปเลยสิ”

    เอกพูด

    “งั้นตกลงตามนี้ เดี๋ยวฉันไปเอาชุดยัยแต้วที่ห้องพยาบาล เธอพารุ่งไปแต่งหน้าทำผมแล้วซ้อมคิวตอนโชว์จริงให้เรียบร้อย แล้วเดี๋ยวตอนบ่ายสองเอาออกมาซ้อมข้างหน้าดูอีกรอบ โอเคไหม?”

    ประธานเชียร์สั่งหัวหน้าเชียร์

    “แล้วน้องเขาจะใส่ชุดยัยแต้วได้เหรอ?”

    หัวหน้าเชียร์ยังข้องใจ ทำให้ประธานเชียร์ต้องกลับมาสังเกตดูรูปร่างของรุ่งอีกครั้ง

    “น้องเขาน่าจะผอมกว่ายัยแต้วอยู่นะ เรื่องตัวสูงกว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร ฉันเชื่อว่าเธอแก้ปัญหาได้นะ”

    “โอเค ๆ ฉันจะทำให้ได้ ไม่มีทางเลือกแล้ว”

    ในขณะทีมงานกำลังแก้ปัญหา รุ่งก็ลากวานิลลาไปด้านหลังสแตนด์เชียร์

    “เราทำไม่ได้หรอก”

    รุ่งพูดพร้อมกับส่ายหน้า

    “ฟังนะแม่ ลองคิดแบบนี้นะ ภาพที่เราได้เป็นเชียร์ลีดเดอร์ด้วยกันจะอยู่ในหนังสือรุ่น อยู่ในเว็บไซต์โรงเรียน อยู่ในอัลบั้มรวมศิษย์เก่าไปอีกเป็นสิบ ๆ ปี ม. 5 ม. 6 ก็ไม่รู้ว่าเราจะได้มีโอกาสใส่ชุดเชียร์ลีดเดอร์อีกไหม จากนี้เมื่อเราคิดถึงวันเก่า ๆ เราจะเจอภาพของตัวเองอยู่ในสโมสรศิษย์เก่า แม่ไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเหรอ?”

    “เราไม่คิดถึงขั้นนั้นหรอก เราอาย เราขี้อายมาตลอด”

    “แม่แค่เชื่อว่าตัวเองเป็นแบบนั้น ตอนแม่เต้น แค่สนุกกับหนูเหมือนที่เต้นที่บ้านก็พอ ตัดสายตาคนอื่นทิ้งให้หมด เชื่อหนูสิ แม่ทำได้!”

     

    ....

     

    บ่าย 2 รุ่งแต่งตัวเสร็จ และซ้อมเต้นข้างหลังมาบ้างแล้ว มีการแก้ชุดให้กระชับขึ้นเพราะเธอผอมกว่าเชียร์ลีดเดอร์คนก่อน แต่ก่อนที่จะเริ่มซ้อมใหญ่ การแข่งขั้นวิ่งผลัด 4 x 400 ชาย ม. ต้น ก็ถึงไม้สำคัญพอดี

    ไม้สุดท้ายของสีฟ้าคือไนท์ ซึ่งกว่าเขาจะได้ไม้ ทีมเขาก็กลายเป็นที่โหล่ไปซะแล้ว

    เขาพยายามวิ่งไล่หลังอย่างเอาไปเอาตาย แต่เมื่อถึง 200 เมตรสุดท้ายเขาก็เริ่มถอดใจ จนกระทั่งเขาเห็นสาวเชียร์ลีดเดอร์สีฟ้าคนหนึ่งวิ่งออกจากสแตนด์เชียร์ผ่านสนามหญ้าข้างสนามมาจนติดลู่วิ่ง พร้อมกับเพื่อนเชียร์ลีดเดอร์อีกคน

    “ไนท์ สู้ ๆ นายทำได้ วิ่งแซงไปให้หมดเลย !”

    วานิลลาพยายามตะโกนสุดเสียง จนเสียงหลง

    รุ่งที่ดูอยู่เริ่มรู้สึกหงุดหงิดจึงอยากเชียร์บ้าง

    “ถ้านายแพ้ฉันจะเรียกนายว่าไอ้ขี้แพ้ แต่ถ้านายชนะฉันจะให้เบอร์นาย!”

    รุ่งตะโกนด้วยเสียงอันดัง ด้วยความที่เธอตัวสูง และเสียงห้าวอยู่แล้ว ก็ยิ่งทำให้เสียงดังจนทุกคนได้ยินกันหมด

    พวกแก๊งไอติม ม. 6, ภัทร์, แอน, ฮอลล์ รวมทั้งคนอื่น ๆ ที่รู้จักไนท์ที่แทรกซึมตามสีต่าง ๆ เริ่มไม่เชียร์สีตัวเอง แต่หันมาเชียร์ไนท์แทน

    “ไนท์สู้ ๆ ไนท์สู้ตาย ไนท์ไว้ลาย ไม่ได้เบอร์สาว ถ้าไม่สู้”

    เบ๊นที่เป็นผู้บรรยายแปลงเพลงเพื่อไนท์โดยเฉพาะ แล้วเพลงนั้นก็ฮิตและร้องกันดังกระหึ่มภายในไม่กี่วินาที

    ส่วนรุ่งอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี

    ‘ตายเป็นตายวะ!’ ไนท์พูดกับตัวเองในใจ พลังใจกลับมาเต็มร้อย กัดฟันวิ่งจนแซงรวดเดียว 4 คน เข้าเส้นชัยเป็นที่ 1 ก่อนจะวิ่งเลยแล้วไปล้มหมดแรงตรงสนามหญ้าฝั่งอาคาร 3

     

    .....

     

    เชียร์ลีดเดอร์กลับมาซ้อมจริงอีกครั้งหน้าสแตนด์ รุ่งถูกวางตำแหน่งไว้ตรงมุมที่ไม่โดดเด่น การเพ่งความสนใจไปที่วานิลลาช่วยได้มาก พวกเธอซ้อมจนแน่ใจว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาด

    เมื่อถึงเวลาโชว์จริง กรรมการก็ให้แต่ละสีโชว์กองเชียร์และโชว์เชียร์ลีดเดอร์ไปตามลำดับ จนมาถึงสีฟ้า

    หัวใจของรุ่งเต้นโครมคราม แต่เมื่อหันไปสบตากับวานิลลาซึ่งเชื่อมั่นในตัวเธอ ทำให้รุ่งรู้สึกว่าจะทำให้เธอผิดหวังไม่ได้

    สิ้นเสียง ‘วี้ด บูม’ ของกองเชียร์ รุ่งก็เปลี่ยนเป็นคนละคน เธอใส่ท่วงท่าเต็มที่จนแทบจะแข่งกันเด่นกับวานิลลา

    “นี่แหละดาวคู่แฝดของแท้”

    หนุ่ม ม. 6 คนหนึ่งรำพึงขึ้นมา ในขณะเด็กผู้ชายใกล้ ๆ และภายในสแตนด์ของสีฟ้าเองกำลังตกอยู่ในภวังค์

    สองสาวยังคงสดใส แม้หยาดเหงื่อเริ่มใหลรินจนบางจังหวะกระเซ็นสะท้อนกับแดดยามบ่ายจนเห็นเป็นประกาย ท่วงท่าที่ออกไม่ขาดไม่เกิน ดูน่ารักสมวัยทุกอิริยาบถจนดูเหมือนเธอสองคนกำลังเล่นสนุก แม้แต่ตอนที่เต้นผิดเธอก็ยังหัวเราะให้กันเหมือนกับว่าการพลาดนั้นเป็นส่วนหนึ่งของโชว์

    เมื่อถึงท่าจบรุ่งกับวานิลลาโพสท่าแม้หอบหายใจจนร่างไหว เธอก็ยังหันมายิ้มให้ความสำเร็จของพวกเธอที่ไม่มีอะไรค้างคาอีกต่อไป

    ก่อนพิธีปิดก็มีการมอบเหรียญนักกีฬา จากนั้นก็ประกาศว่าสีใดเป็นเจ้าเหรียญทอง ซึ่งตกเป็นของสีแดง ที่มีภัทร์เป็นประธานสี และเป็น ม. 6 คนเดียวที่ขอทำหน้าที่เป็นประธานสีตลอด 3 ปี เพราะเขาชอบกีฬา

    รางวัลความสร้างสรรค์ของขบวนพาเหรดตกเป็นของสีส้ม ความสวยงามของสแตนด์เชียร์เป็นของสีเขียว

    เหลือแค่รางวัลเดียวที่สีฟ้าพอจะลุ้นได้คือ กองเชียร์และเชียร์ลีดเดอร์

    “รางวัลกองเชียร์ และเชียร์ลีดเดอร์สร้างสรรค์ ตกเป็นของ...”

    เชียร์ลีดเดอร์สีฟ้าทั้ง 5 คนจับมือกันเป็นวงกลม ก้มหน้ารอฟังผล แต้วเชียร์ลีดเดอร์ที่เป็นลมก็ออกมาตรงระเบียงหน้าห้องพยาบาลพร้อมกับภาวนา

    “สีฟ้า!”

    เด็กสีฟ้ากระโดดเฮลั่น แม้รางวัลจะเป็นแค่ขนมปี๊บปี๊บเดียวกับถ้วยรางวัลก็ตาม

    ไนท์ยกกล้องจับภาพตอนที่วานิลลาและรุ่งจับมือกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจเอาไว้ได้ เขาถ่ายโดยที่พวกเธอไม่รู้ตัว

    “น้องรุ่งเต้นซะพี่ตกใจหมดเลย นึกว่าจะเป็นคนขี้อายซะอีก”

    เอกพูด

    “ปีหน้าขอเป็นอีกนะคะ!”

    รุ่งพูดหน้าระรื่น

    “ก่อนหน้านี้ยังไม่อยากเป็นอยู่เลย”

    หัวหน้าเชียร์แซว

    พวกเชียร์ลีดเดอร์ และพวก ม. ปลาย ในสีล้อมวงแสดงความยินดี ส่วนไนท์เก็บกล้องและสัมภาระเงียบ ๆ ข้างหลังสแตนด์

    “ขอตัวแป๊บนึงนะคะ”

    รุ่งพูดก่อนแยกตัวออกมาจากพวกเอก และเดินมาทางไนท์ ยื่นกระดาษเล็ก ๆ ให้

    “อะไรเหรอครับ?”

    “ก็เบอร์โทรฉันไงล่ะ อยากได้ไม่ใช่เรอะ”

    ไนท์ยิ้มหน้าบาน

    “แต่เป็นเบอร์บ้านนะ ฉันไม่มีมือถือหรอก และห้ามโทรมาหลัง 4 ทุ่มด้วย ฉันจะนอน”

    ไนท์พยักหน้ารับปาก

    รุ่งหยุดมองไนท์อยู่ครู่หนึ่งก่อนพูดขึ้นว่า

    “ทำตัวนิ่ง ๆ เงียบ ๆ แบบนี้ค่อยดูน่ารักขึ้นมาหน่อย”

    คำพูดแค่นั้นทำเอาไนท์ยิ้มไม่หุบไปจนพีธีปิดกีฬาสีสิ้นสุด

    นักเรียนทุกคนใช้เวลาไม่กี่นาทีช่วยกันรื้อสแตนด์ไปเก็บในโกดังของโรงเรียน จากนั้นจึงแยกย้ายกันกลับบ้าน

    ระหว่างที่ไนท์เดินกลับจากโกดังคนเดียว วานิลลาที่เปลี่ยนมาใส่ชุดลำลองแล้วก็โผล่มาแล้วจูงเขาไปที่ลับตาคน จากนั้นก็กอดเขาแน่นจนแทบหายใจไม่ออก

    “...ท...ทำอะไรของเธอเนี่ย!”

    “หนูก็ไม่รู้ว่าหนูเป็นอะไร”

    จังหวะนั้นเอกก็เดินมาเห็นเข้าพอดี

    ไนท์ที่ไม่ต้องการให้รู้ว่าคนที่กอดคือวานิลลาก็จับหัวเธอซบบนไหล่ของเขาเพื่อไม่ให้เอกเห็นหน้าเธอ

    “อยู่แบบนี้ก่อนนะ”

    ไนท์กระซิบบอกวานิลลา

    เอกผิวปากแซว และเหล่ตาให้ไนท์ก่อนเดินจากไป

    “มีอะไรเหรอ?”

    วานิลลาถาม แต่ไนท์ยังไม่ทันได้ตอบ รุ่งก็ปรากฏตัว

    “นิ้นลา อยู่นี่เอง หาตั้งนาน”

    ทั้งสองผละออกจากกันก่อนที่รุ่งจะทันได้เห็นว่าเพิ่งกอดกัน

    “วันนี้นอนบ้านเรานะ ค่อยกลับพรุ่งนี้โอเคไหม?”

    รุ่งชวน

    วานิลลาโบกมือลาไนท์ แต่ไม่กล้าสบตาเขา

    รุ่งก็โบกมือลาให้เขาเช่นกัน แม้สีหน้าจะเรียบเฉย เย็นชาเช่นเคย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×