ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หนุ่มขี้แพ้กับสาวนักท่องเวลา

    ลำดับตอนที่ #10 : สุขสันต์วันเกิด

    • อัปเดตล่าสุด 20 ก.ย. 67


    วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2545 

    “วานิลลา ๆ ช่วยเขยิบไปทางขวาอีกนิดสิ”

    เพื่อนผู้ชายคนหนึ่งพูดขณะวานิลลากำลังทำเวรลบกระดาน

    “ตรงนี้ใช่ไหม ทำไมเหรอ?”

    “นั่นแหละ ๆ ทีนี้ใจเราก็จะได้ตรงกันแล้ว!”

    “ฮิ้ว!”

    พวกผู้ชายขานตบมุขเสี่ยวของเพื่อนคนนั้น

    “จะอ้วก!”

    วานิลลาพูด ขมวดคิ้วด้วยความสมเพช

    ผ่านมา 4 เดือนแล้วหลังจากเลือกตั้งประธานนักเรียน วานิลลาเริ่มรู้จักเพื่อนในห้องมากขึ้น ตรงข้ามกับรุ่งที่ไม่ค่อยสุงสิงกับใครนอกจากพวกรุ่นพี่ ม. 5 แม้ตอนนี้เธอจะร่วมกันทำเวรกับเพื่อน ๆ แต่ก็ไม่มีการคุยเล่นกับเพื่อนเลย หลังจากเธอกวาดพื้นเสร็จ เธอก็หิ้วกระเป๋าออกจากห้องเรียนทันที

    ชั่วโมงสุดท้ายก่อนกลับบ้านเป็นการประชุมสี ก่อนที่จะมีกิจกรรมกีฬาสีในช่วงปลายเดือนนี้

    สีต่าง ๆ จะประกอบไปด้วย สีแดง, สีส้ม, สีเขียว, สีฟ้า, และสีม่วง (ที่ไม่มีสีเหลือง เพราะสีเหลืองเป็นสีประจำโรงเรียน) นักเรียนแต่ละคนจะรู้ว่าตัวเองอยู่สีอะไร จากรหัสประจำตัวนักเรียน

    รุ่งได้อยู่สีฟ้าเช่นเดียวกับวานิลลา นอกจากนี้ก็ยังมีเอกที่อาสาเป็นประธานสีโดยไม่มีเสียงคัดค้าน

    หลังจากนั้นรุ่นพี่ ม. 5 ก็เป็นแกนนำหารายชื่อคนลงแข่งกีฬาประเภทต่าง ๆ ส่วนรุ่นพี่ ม. 6 มีหน้าที่สนับสนุนเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือให้คำปรึกษารุ่นน้อง

    คนที่ไม่มีความสามารถด้านกีฬาอย่างรุ่งได้แต่หลบคุดคู้ภาวนาว่าอย่าเอาเธอลงกีฬาอะไรเลย

    “น้องสนใจเป็นเชียร์ลีดเดอร์ไหมคะ ?”

    รุ่นพี่ผู้หญิง ม. 5 คนหนึ่งถามรุ่ง แต่เธอพยายามปฏิเสธโดยอ้างว่าเต้นไม่เป็น รุ่นพี่คนนั้นยังพยายามคะยั้นคะยอเพราะเสียดายความสวยของเธอ

    “ม. 4 ถ้าไม่ลงกีฬา ก็ต้องช่วยทำหน้าที่อะไรสักอย่างนะคะ เรา ม. ปลายแล้ว ควรหัดมีส่วนร่วมในกิจกรรมไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ”

    รุ่นพี่อีกคนประกาศเสียงดังให้ทุกคนได้ยิน กดดันให้เด็ก ม. 4 กระตือรือร้นในการลงกีฬาอะไรสักอย่าง เช่นเดียวกับรุ่งที่พยายามมองหากีฬาง่าย ๆ เพื่อให้ตัวเองไม่ต้องเป็นเชียร์ลีดเดอร์

    “พี่คะ หนูขอสมัครเป็นเชียร์ลีดเดอร์ค่ะ”

    วานิลลาเสนอตัวเองเพราะทนดูรุ่งถูกกดดันไม่ได้

    “โห ได้เลย น้องสวยมาก ขอโทษทีพี่ไม่ทันได้มอง”

    “น้องรุ่งเดี๋ยวให้เขาเป็นคนถือป้ายวันแข่งกรีธาดีกว่า น้องเขาเป็นคนขี้อาย ไม่กล้าเต้นหรอก”

    เอกที่ดูเหตการณ์อยู่นานแล้วเข้ามาช่วย พร้อมกับยิ้มให้รุ่ง

    เธอพยักหน้าเป็นเชิงขอบคุณ แล้วทำแบบเดียวกันกับวานิลลา แต่เธอยังคงไม่กล้าสบตากับหล่อน

     

    .....

     

    รุ่งกลับถึงบ้านทักทายแม่ตามมารยาท

    “รุ่ง แม่ทำข้าวเหนียวมะม่วงไว้นะลูก กินไหม?”

    แม่ถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง

    “หนูยังไม่หิว ขอนอนสักงีบนะคะ”

    รุ่งพูดเร็ว ๆ เหมือนอยากจะขึ้นห้องโดยเร็วที่สุด

    รุ่งเข้าห้องของตัวเองทิ้งตัวนอนคว่ำลงบนที่นอน แล้วหยิบหมอนใบหนึ่งมาและคว่ำหน้าไปบนหมอน เริ่มส่งเสียงสะอื้นไห้

    เธอเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่เลิกคบกับวานิลลา เจ็บปวดที่ยังแก้ปมในใจตอน ม. ต้น ไม่ได้ เธออยากมีเพื่อน อยากรู้จักคนในห้อง แต่ขณะเดียวกันเธอก็กลัวการทรยศแบบที่เธอเคยเจอตอน ม. 3 มันทำให้เธอไม่เชื่อใจเพื่อน ๆ รุ่นเดียวกัน

    “รุ่ง เพื่อนมาหาลูก!”

    แม่ของรุ่งตะโกนขึ้นมาจากชั้นล่าง รุ่งลุกขึ้นเช็ดน้ำตาแล้วรีบเดินลงไปดูว่าเป็นใคร

    “ป้าเคยเห็นหนูมาก่อนรึเปล่า ทำไมรู้สึกคุ้นหน้าจัง”

    “หนูเพิ่งมาจากกรุงเทพฯ น่ะค่ะ พักอยู่เซฟเฮาส์ของคุณพ่อในมหาชัย พ่อไม่อยากให้ใช้ชีวิตคนเดียวในกรุงเทพฯ เลยส่งมาเรียนนี่”

    “กรุงเทพฯ สบายกว่าที่นี่ตั้งเยอะ พ่อหนูก็แปลกคน”

    แม่กำลังคุยกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งตรงโต๊ะกินข้าว เป็นวานิลลานั่นเอง

    รุ่งยืนตกตะลึงอยู่ตรงราวบันได ไม่คิดว่าคนที่เธอไม่คุยด้วยกว่า 4 เดือนจะกล้าเข้ามาในบ้านของเธอ

    “นิ้นลา! เธอมาอยู่ที่นี่ ป่านนี้แล้วจะกลับบ้านยังไง? รถมันหมดแล้วนะ”

    รุ่งพูดหน้าตาตื่นพร้อมกับเดินเข้าไปหา

    “เราเอ้อระเหยเองแหละ เลยคิดไม่ออกว่าจะพึ่งใคร เลยมาพึ่งรุ่งไง”

    วานิลลาอ้าง พร้อมกับเกาหัวแก้เขิน

    “วันนี้พ่อจะกลับกี่ทุ่มคะ?”

    รุ่งหันไปถามแม่

    “น่าจะทำโอทีถึง 4 ทุ่มนู่นแหละ ให้เพื่อนพักที่นี่ไหม พรุ่งนี้วันเสาร์พอดี ค่อยกลับพรุ่งนี้ก็ได้”

    “ค่ะ ได้ค่ะ”

    วานิลลาตอบรับอย่างกระตือรือร้น

    “แม่มีข้าวเหนียวมะม่วง กินไหม?”

    “ค่ะ กินค่ะ ของโปรดหนูเลย”

    “แล้วรุ่งจะกินกับเพื่อนไหม”

    “หนูขอไปนอนต่อดีกว่าค่ะ รู้สึกเหนื่อย ๆ”

    รุ่งขึ้นไปห้องของตัวเองทั้งที่ยังงงงวยกับการกระทำของวานิลลา ทิ้งตัวลงนอนแล้วหลับไป

     

    .....

     

    แม่ปลุกรุ่งตอนกลางดึกและจูงมือเธอลงชั้นล่างทั้งที่ยังงัวเงีย ทั้งบ้านมืดแต่กลับไม่เปิดไฟ

    “ไฟดับหรือคะแม่?”

    แม่ไม่ตอบ แต่จูงเธอไปยังแหล่งของแสงสว่าง เป็นแสงเทียนที่ปักอยู่บนเค้ก ที่นั่นพ่อกับวานิลลารอเธออยู่ก่อนแล้ว

    ทุกคนร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ให้รุ่ง

    ครอบครัวไม่ได้จัดงานวันเกิดให้เธอแบบเป็นกิจจะลักษณะมา 5 ปีแล้ว หลังจากธุรกิจครอบครัวมีปัญหาตั้งแต่ปี 40 บวกกับความเครียดเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับเพื่อนที่โรงเรียน ความดีใจเอ่อล้นจนเธอร้องไห้ออกมาด้วยความตื้นตัน

    พ่อกับแม่ของเธอสวมกอดเธอพร้อมกันเพื่อปลอบลูกสาว

    “อธิษฐานแล้วเป่าเทียนก่อนนะลูก”

    วานิลลายกเค้กมาหาเธอ รุ่งเช็ดน้ำตาและยิ้มออกมาได้ในที่สุด หลับตาอธิษฐานขอให้ตัวเองมูฟออนจากปมในอดีต และรักษามิตรภาพของเพื่อนที่อยู่ตรงหน้าให้ดีที่สุด ก่อนเป่าเทียน 16 เล่มนั้นจนดับ ควันสีฟ้าลอยขึ้นดั่งส่งต่อคำอธิษฐานไปยังเบื้องบน

    พ่อเปิดไฟ และเชิญชวนทุกคนกินมื้อเย็นที่ตอนนี้กลายเป็นมื้อดึก

    รุ่งเพิ่งสังเกตว่าวานิลลาใส่เสื้อสีฟ้าตัวเก่งของเธอ ซึ่งดูเหมือนแม่ของเธอก็เพิ่งนึกขึ้นได้

    “อ๊ะ พอดีแม่เห็นเสื้อตัวนี้ตากอยู่ที่ราว เลยให้เพื่อนเราเปลี่ยนเป็นตัวนี้น่ะ เดี๋ยวแม่หาตัวอื่นให้ใส่นะ”

     “ไม่เป็นไรค่ะแม่ ให้เขาใส่ไปเถอะ”

    รุ่งปรามแม่ก่อนที่จะลุกขึ้นไปหาเสื้อ

     “เสื้อตัวนี้มันทำไมเหรอคะ?”

    วานิลลาสงสัย

    “ยัยรุ่งได้เสื้อตัวนี้ตั้งแต่งานวันเด็กตอน 9 ขวบ เหมือนไปเล่นเกมกับตัวการ์ตูนที่เขาชอบแล้วได้เสื้อตัวนั้นมา ตอนได้มาใหม่ ๆ ตัวหลวมโครกเลยนะ ก็ยังอุตส่าห์ใส่นอนทุกคืน”

    แม่เริ่มเมาท์

    “แม่!!”

    รุ่งหน้าแดง พยายามปิดปากแม่ไม่ให้พูดต่อ แต่เธอดิ้นจนหลุดแล้วพูดต่อ

    “เวลาเด็กคนนี้ไม่สบายใจ จะซักเสื้อตัวนั้นตอนเช้าแล้วก็ตากไว้ตัวเดียว เพื่อจะมีไว้ใส่นอนคืนนั้นด้วยล่ะจ่ะ”

    “แม่อ่ะ!!”

    รุ่งเขินสุด ๆ จนฟุบหน้าลงบนโต๊ะ

    วานิลลาเคยเกลียดเสื้อตัวนี้ สีฟ้าสดใสกับตัวการ์ตูนสาวน้อยตรงกลางเสื้อที่เหมือนยิ้มให้ช่วงเวลาที่มีความสุขอย่างเปี่ยมล้นในตอนนี้ ในขณะที่ตัวที่เธอใส่ในปี 63 ซีดหมองและมองไม่เห็นหน้า หรือรอยยิ้มของตัวการ์ตูนอีกแล้ว เมื่อได้รู้ว่าเสื้อตัวนี้มีความเป็นมาอย่างไร เธอจึงคิดถึงยายในเส้นเวลาของเธอขึ้นมา ยายที่เมาเหล้าแต่กลับซื้อเค้กมาให้กินทุกวันที่ 8 พฤศจิกายน ของทุกปี โดยไม่เคยบอกเหตุผลอะไรกับเธอ

    วานิลลาร้องไห้ท่ามกลางความงุนงงของทุกคน

    “หนูเป็นอะไรลูก?”

    แม่ของรุ่งลุกขึ้นไปหาวานิลลา พยายามปลอบโดยการบีบไหล่เธออย่างอ่อนโยน แต่วานิลลากลับหันไปกอดเธอ โดยที่ทุกคนก็คาดไม่ถึง

    “หนูคิดถึงยาย”

    แม่ลูบหัวเธออย่างโอนโยน ก่อนที่เธอจะผละจากอ้อมกอด หลุบตาลงต่ำด้วยความเขินอาย ไม่มีใครถามหาเหตผลที่เธอทำแบบนั้น ได้แต่เดาในใจว่าเธอคงรักยายที่อาจจะเสียไปแล้ว

    “หนูวานิลลาเป็นต้นคิดที่จะเซอร์ไพรซ์วันเกิดแบบนี้นะ”

    พ่อเปลี่ยนเรื่อง เพื่อพยายามลดความตึงเครียด

    “จริงเหรอ นิ้นลา”

    รุ่งหันไปถาม วานิลลาพยักหน้าตอบ

    “ขอบคุณนะ เราดีใจมากๆ”

    “เอ่อคือ เรามีของขวัญมาให้ด้วย”

    วานิลลาหยิบกล่องของขวัญแบนๆ ที่ห่อด้วยกระดาษสี กับริบบิ้นสีสันสดใสออกมา ทำเอารุ่งแปลกใจ

    “นิ้นลารู้วันเกิดเราอยู่แล้วด้วยเหรอ!?”

    “เคยเห็นเวลาไปช่วยอาจารย์จัดเอกสารน่ะ ขอโทษที่ละลาบละล้วงนะ”

    เธอโกหก ความเป็นจริงเธอพอจะเดาวันเกิด ได้จากการเห็นยายฉลองวันเกิดปริศนามาโดยตลอด การบุกมาบ้านรุ่งในวันนี้จึงเป็นเหมือนการเสี่ยงทาย และเพื่อหาทางคืนดีกับรุ่งด้วย

    “ไม่เป็นไรๆ”

    รุ่งพูดพร้อมกับแกะห่อของขวัญไปด้วย

    ของขวัญเป็นกรอบรูป ภายในเป็นรูปวาดของเธอในขนาด A4

    “สวยมากกกก.. วาดเองเหรอ?”

    “เอ่อ...เราจ้างนักวาดที่กรุงเทพฯ วาดช่วงปิดเทอมน่ะ”

    วานิลลาอ้ำอึ้ง

    “แล้วเขาดูแบบจากไหน นิ้นลาไม่มีรูปเราจริง ๆ นี่”

    “ก...ก็อธิบายให้เขาวาดตามคำบอกเล่าไปน่ะ”

    “โห คงเป็นนักวาดที่เก่งมาก ๆ วาดเหมือนมากๆ”

    ความจริงคือไนท์เป็นคนวาด หมอนั่นวาดภาพรุ่งจากจินตนาการด้วยความคลั่งไคล้จนหมดสมุดวาดเขียนไปสามสี่เล่มแล้ว ไม่แปลกที่จะวาดสวยขนาดนั้น หากบอกความจริงไป รุ่งคงร่อนภาพนี้ทิ้งลงคลองแน่ ๆ

    “แล้วป๊าล่ะ มีอะไรให้หนูมั้ย?”

    พ่อของรุ่งเลิ่กลั่ก

    “ปีหน้านะลูกนะ ปีนี้พ่อหมดไปกับของกินน่ะ”

    “แบบนี้ประจำเลยอ่ะ”

    รุ่งกระทืบเท้า ทำหน้าบึ้งแสดงอาการงอน แต่ก็ไม่ได้น้อยใจอะไรมากมาย

     

    .....

     

    รุ่งหอบผ้านวมมาให้วานิลลานอนในห้องกับเธอ เมื่อวานิลลาปูที่นอนบนพื้นเสร็จ รุ่งก็ปิดไฟเตรียมตัวนอน แต่วานิลลานอนไม่หลับ เธอเหลือบตามองเพดานห้องที่เธอเองก็คุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะนี่ก็เคยเป็นห้องนอนของเธอเช่นกัน และมันแทบไม่ต่างจากยุคที่เธอได้ใช้ห้องนี้เลยแม้แต่น้อย การตกแต่งที่ยายของเธอเคยสั่งห้ามไม่ให้ย้ายหรือเปลี่ยนแปลงใดๆ ถึงขนาดเคยโดนยายตีเพียงเพราะเอาสติ๊กเกอร์ไปติดทับโปสเตอร์ของเดิมในห้องอีกด้วย

    ทำไมรุ่งหรือแม่ถึงได้ทิ้งยายไป ทำไมยายถึงตกอยู่ในสภาพนั้น จากที่เคยเป็นคนที่อ่อนโยน และใจดีในเส้นเวลานี้ ยิ่งคิดวานิลลายิ่งไม่เข้าใจ

    “นิ้นลา หลับหรือยัง?”

    “ยังค่ะแม่”

    วานิลลากล้าใช้ชื่อเฉพาะอีกครั้ง เมื่ออยู่กับรุ่งสองต่อสอง

    “4 เดือนที่ผ่านมา เราขอโทษนะ เราก็ไม่รู้ว่าเราเป็นอะไรอ่ะ”

    “ไม่เป็นไรค่ะ หนูผิดเองที่ยัดเยียดให้แม่ไปรู้จักกับสังคมที่แม่ไม่สะดวกใจ”

    รุ่งลุกขึ้นนั่ง หันมาพูดต่อ

    “ไม่ใช่แบบนั้นหรอก อาจจะผิดที่ตัวเราเอง คือตอน ม. 3 อยู่ดีๆ เพื่อนทั้งห้องก็แบนเรา คือมันมีเด็กผู้ชายในห้องมาชอบเรา แต่ตอนนั้นเรายังไม่ได้สนใจเรื่องแบบนั้น และรู้มาด้วยว่าเพื่อนผู้ชายคนนั้นก็มีเพื่อนเราอีกคนที่ชอบอยู่ เราเลยปฏิเสธ รู้ตัวอีกทีก็ไม่มีใครคุยกับเราอีกเลย แม้แต่เพื่อนที่คิดว่าสนิทเขาก็ไม่คุยกับเรา”

    วานิลลาลุกขึ้นฟังอย่างตั้งใจจนจบ แล้วจึงเริ่มพูดขึ้นบ้าง

    “แม่ไม่จำเป็นต้องเก็บเรื่องพวกนั้นมาเป็นปมเลย ตามความเห็นหนูนะ แม่ไม่ได้ผิดอะไรเลย พวกเพื่อนเก่าแม่ต่างหากที่นิสัยเด็กน้อย พวกนั้นต่างหากที่ควรจะมีปม และมาขอโทษแม่”

    “ไม่รู้สิ มันเลยทำให้เราไม่กล้าไว้ใจใครอีกแล้ว โดยเฉพาะเพื่อนในห้อง ไม่รู้ว่าถ้าเกิดเรื่องแบบนั้นอีก จะถูกแบนอีกไหม”

    “พวกเรา ม. ปลาย อายุ 15 16 กันแล้ว ถ้ามีใครสักคนมาสารภาพรัก แล้วเกิดเรื่องทำนองนั้นอีก หนูว่าพวกเพื่อนๆ แยกแยะกันได้แหละ พวกเราโตๆ กันแล้ว เดี๋ยวหนูค่อยๆ แนะนำแม่ให้เพื่อนคนอื่นรู้จักนะ”

    รุ่งยิ้มให้วานิลลาเงียบๆ ในความมืดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถามขึ้น

    “ทำไมวันนี้เรียกแทนตัวเองว่า ‘หนู’ บ่อยจัง”

    วานิลลาเลิ่กลั่ก

    “อ...เอ่อ ร..เราน่าจะติดตั้งแต่คุยกับแม่รุ่งล่ะมั้ง ฮะๆๆๆ”

    “แปลกคนจริง... ขึ้นมานอนบนเตียงเถอะ ไม่ต้องเกรงใจหรอก”

    “ด...ได้เหรอ จะดีเหรอ!”

    “ได้สิ ก็ผู้หญิงด้วยกัน ไม่อยากนอนบนเตียงสบาย ๆ เหรอ”

    วานิลลากระโดดขึ้นเตียงด้วยความร่าเริง ฝันที่จะได้นอนกับแม่เป็นจริงแล้ว

    “วันเกิดนิ้นลาวันที่เท่าไหร่เหรอ?”

    รุ่งถาม

    “14 ธันวา”

    “เราจะจดไว้นะ”

    ทั้งสองนอนตะแคงหันหน้าเข้าหากัน มองกันเงียบ ๆ อยู่ครู่หนึ่ง

    “ขอกอดหน่อยสิ”

    วานิลลาพูด

    รุ่งเขยิบเข้าไปให้วานิลลากอดอย่างเขิน ๆ คิดในใจว่าหรือจริง ๆ แล้วเธอจะมีรสนิยมแบบนี้ ระหว่างที่กำลังสับสน วานิลลาก็จับหน้าอกของรุ่งเต็มมือ

    “นี่แน่ะ นมเธอมันชี้หน้ายั่วฉันตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้ว”

    วานิลลาดัดเสียงเป็นผู้ชายโรคจิต ทำให้บรรยากาศกลายเป็นขบขัน แทนที่จะเกิดอารมณ์อย่างว่า กลายเป็นจั๊กจี้จนรุ่งขำออกมา และดิ้นพล่านบนเตียง

    เมื่อสลัดหลุด รุ่งจึงจับหน้าอกของวานิลลาดูบ้าง แต่ไซส์หน้าอกของเธอที่เล็กกว่า A คัพ ทำให้ทั้งคู่ตกอยู่ในสถานการณ์กระอักกระอ่วน

    แม่เคาะประตูจากด้านนอก

    “เลิกเล่นแล้วนอนได้แล้วนะเด็ก ๆ ดึกแล้ว”

    “เราว่าเรานอนกันเถอะ”

    รุ่งเสนอ

    “ใช่นอนกันเถอะ”

    วานิลลาพูด แต่กลับไม่ล้มตัวลงนอน ยังคงทำมือตามขนาดหน้าอกของรุ่ง แล้ววัดกับของตัวเอง สลับกับมองหน้าอกของรุ่งด้วยสีหน้าเซ็งๆ รุ่งนึกขำจนต้องดึงแขนให้เธอลงมานอนด้วยกัน

    “โอ๋ๆ เดี๋ยวโตขึ้นก็ใหญ่เองแหละน่า”

    รุ่งปลอบ

    วานิลลาคิดในใจ แต่ตอนนี้แม่อายุเท่าหนูนะ มันควรจะขนาดพอๆ กันสิ!


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×