คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : ต้องหาเงินให้มาก
หลายวันต่อมาเมื่ออาการบาดเจ็บหายดีแล้ว เวธิกาก็กลับไปทำงานตามปกติ วันนี้หลังเลิกจากงานประจำ หล่อนก็ลองมาหางานตามร้านอาหาร ยังมีอีกหลายร้านที่หล่อนยังไม่ได้ลองเข้าไปถามด้วยตัวเอง เวธิกาสะพายกระเป๋าเป้ประจำกายไว้ด้านหลัง ขึ้นรถมาลงถนนอีกสายตั้งใจว่าจะลองเดินเข้าไปมันทุกร้าน คงจะมีสักที่ที่ต้องการคนทำงานบ้างหรอกน่า
เดินวนไปวนมาอยู่นาน ก็ไม่มีร้านไหนต้องการคนทำงานในเวลานี้ พอมีร้านที่ต้องการก็อยากให้มาทำเต็มเวลา ซึ่งหล่อนก็ไม่สะดวกอีก หล่อนเดินกลับออกมาด้วยใบหน้าที่เศร้าๆ
อากาศมืดครึ้ม เสียงฟ้าร้องดังมาแต่ไกล เวธิกาหันมองไปยังท้องถนนก็เห็นรถโดยสารแล่นใกล้เข้ามา หล่อนยกมือขึ้นโบก รถยนต์โดยสารสภาพเก่าคันนั้นจอดเทียบใกล้ๆ หญิงสาวบอกจุดหมายปลายทางที่ต้องการจะไป เมื่อตกลงราคาค่าโดยสารเรียบร้อย หล่อนก็ก้าวขึ้นนั่ง ภายในรถมีเพียงหล่อน เวธิกาเอนกายพิงเบาะรถอย่างหมดแรง นั่งทอดถอนหายใจไปตลอดทาง
สักพักรถโดยสารคันนั้นก็จอดสนิทตรงหน้าตลาดแห่งหนึ่ง เวธิกาก้าวลงจากรถ เพราะหล่อนต้องแวะซื้อของสดเพื่อไปทำอาหารเย็น ก่อนกลับเข้าบ้านจึงต้องให้รถมาส่งที่ตลาดแห่งนี้
หญิงสาวเดินมายังด้านข้างของตัวรถ ล้วงหยิบกระเป๋าสตางค์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกง แต่กลับพบว่ามีแต่ความว่างเปล่า!
กระเป๋าตังค์หาย!! หล่อนจำได้ว่าได้ยัดมันไว้ในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาเดินหางานทำ แต่มันหายไปไหน? หญิงสาวควานหาในกระเป๋าเป้สะพาย เผื่อบางทีหล่อนอาจเผลอเก็บมันไว้ในนั้น ภาวนาขอให้เจอ ในนั้นมีเงินตั้งห้าร้อยแน่ะ หล่อนสามารถใช้ชีวิตกับเงินจำนวนนั้นได้หลายวันทีเดียว
“ว่าไงน้องยี่สิบบาทได้รึยัง? อย่าบอกนะว่าทำกระเป๋าตังค์หาย” พี่ชายคนขับรูปร่างสูง ผิวเข้ม หน้าตาดุดัน พูดขึ้น เวธิกาหน้าเสีย ก็หล่อนทำกระเป๋าเงินหายไปจริงๆ เงินค่าโดยสารก็ไม่มีจะจ่ายแล้ว
“ฉันทำกระเป๋าเงินหายจริงๆพี่ เอาอย่างนี้มั้ย? วันนี้ขอค้างไว้ก่อนแล้วพรุ่งนี้ฉันจะเอามาจ่ายคืนให้พี่ที่นี่”
“มุกนี้อีกแล้ว จะมาหลอกนั่งรถฟรีอย่างนี้ได้ยังไง? ค่าน้ำมันเดี๋ยวนี้มันแพงนะเว้ย! ไม่ไหวเลยคนสมัยนี้ หน้าตาก็ดีมาหลอกกันได้” เมื่อหล่อนไม่มีจะให้ก็ไม่รู้จะทำยังไง? และเพราะรถคันหลังบีบแตรเร่งมาแล้ว คนขับรถคันนั้นจึงขับออกไปอย่างหัวเสีย แต่ไม่วายหันมาตะโกนด่าหล่อนอีกรอบ เวธิกาได้แต่ยกมือไหว้ขอโทษขอโพย
ตลาดแห่งนี้อยู่ห่างจากบ้านหล่อนค่อนข้างมาก เมื่อไม่มีเงินสักบาท ก็ไม่ได้ซื้อกับข้าวกลับไป ทำไมถึงโชคไม่ดีอย่างนี้นะ? เวธิกาได้แต่กล่าวโทษตัวเองที่ไม่รู้จักระวังให้ดี ทำเงินหายซะได้ หล่อนเดินไปตามถนนที่ผู้คนพลุกพล่าน ห่างตลาดมาเรื่อยๆ
ก่อนจะนั่งลงบนฟุตบาธใกล้กับร้านชำที่ตั้งอยู่ข้างทางร้านหนึ่งที่ขายสินค้าแทบจะทุกอย่างในนั้น ฝนกำลังจะตกแล้ว อีกไม่นานฝนคงจะตกหนัก หล่อนคงต้องหาที่หลบฝนก่อน แต่ไม่ทันจะได้ลุกไปไหน ฝนเจ้ากรรมก็เทลงมาซะก่อน หล่อนไม่ได้เตรียมร่มมา แค่เวลาไม่นานหล่อนก็เปียกปอนไปทั้งตัว ไหนๆก็เปียกแล้ว ก็เดินตากฝนมันซะเลย ช่างมัน! หล่อนจึงต้องเดินไปเรื่อยๆทั้งอย่างนั้น
รถยนต์คันหนึ่งขับผ่านเลยไป และเหมือนจะหยุดรอ ก่อนที่หญิงสาวคนหนึ่งจะเปิดประตูก้าวลงมาจากรถ ไม่ลืมที่จะหยิบร่มติดมือมาด้วย
“น้องน่ะเอง! ทำไมมาเดินตากฝนอยู่แถวนี้ล่ะคะ? ไปขึ้นรถก่อนค่ะ จะไปไหน? เดี๋ยวพี่ไปส่ง” เวธิกามองผ่านน้ำฝนที่เทลงมา ก็จำได้ ว่าเป็นพี่สาวที่เปิดร้านพิซซ่าใหม่ที่หล่อนเพิ่งไปกินมาเมื่อหลายวันก่อนนั่นเอง
หล่อนปฎิเสธอีกฝ่ายไป เพราะกลัวว่าจะทำให้เบาะที่นั่งภายในรถยนต์ของอีกฝ่ายจะเปียกและสกปรกไปด้วย
“ไม่เป็นไร เกรงใจพี่เปล่าๆ เดี๋ยวรถโดยสารก็จะผ่านมาแล้ว ขอบคุณพี่มากค่ะ” หล่อนพูดไปแบบนั้นเพราะไม่อยากรบกวนอีกฝ่าย
“เกรงใจอะไรกันคะ? ถนนสายนี้ปกติก็มีรถโดยสารน้อยอยู่แล้ว ยิ่งฝนตกหนักอย่างนี้อีก ถ้าน้องจะรอคงต้องรอไปอีกนาน เผลอๆวันนี้อาจจะไม่มีรถโดยสารผ่านมาอีกแล้ว ไปค่ะ ขึ้นรถก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากัน” เวธิกาทนอีกฝ่ายคะยั้นคะยอไม่ไหว จึงยอมขึ้นรถมากับพี่สาวใจดีจนได้
เพราะเสื้อผ้าเปียกที่หล่อนสวมใส่อยู่กับความเย็นของเครื่องปรับอากาศภายในรถทำให้เวธิกาจามออกมาติดต่อกันอยู่หลายครั้ง เจ้าของร้านพิซซ่าใจดีจึงพาหญิงสาวมาแวะที่ร้านก่อน เพราะต้องเอาของสดที่เพิ่งซื้อมาเก็บไว้ในตู้แช่เย็นไว้ก่อน
“เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ ใส่ของพี่ไปก่อน เดี๋ยวจะไม่สบาย” พี่สาวใจดีที่หล่อนยังไม่มีโอกาสถามชื่อ อุตส่าห์ไปเอาเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยน เวธิการู้สึกเกรงใจมากจนไม่รู้จะตอบแทนอย่างไร เพราะฝนยังคงตกหนักอย่างไม่ลืมหูลืมตา หลังจากหล่อนเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ก็รู้สึกดีขึ้นมาก
“ทำไมถึงไปเดินตากฝนอยู่ข้างถนนตอนเย็นๆจนใกล้จะมืดอย่างนั้นล่ะคะ? มันอันตรายรู้มั้ย?” หญิงสาวอีกคนชวนคุย ขณะที่สองมือกำลังแยกของสดเพื่อนำไปเก็บไว้ในตู้แช่แข็ง เวธิกาเห็นอย่างนั้นก็รีบช่วยอีกฝ่าย
“พอดีหนูมาหางานทำแถวนั้นน่ะคะ กำลังจะกลับแล้ว แต่ฝนก็ดันตกลงมาพอดี”
“มาหางานทำเหรอคะ? แล้วได้รึเปล่า?” หล่อนส่ายหน้า แถมยังเผลอทำหน้าเศร้า อีกฝ่ายเห็นแล้วก็ยิ่งสงสาร
“เอาอย่างนี้มั๊ยคะ? พี่กำลังหาคนช่วยในร้านเพิ่มอยู่พอดี สนใจมาทำงานด้วยกันมั๊ย?” อีกฝ่ายชวน เมื่อนึกขึ้นได้ และหล่อนก็อยากช่วยหญิงสาวคนนี้ด้วย อาจเพราะถูกชะตากับอีกฝ่ายอยู่แล้ว
เวธิกาได้ยินดังนั้นก็ตาโต รีบพยักหน้าตอบตกลงทันที ทั้งสองจึงคุยรายละเอียดกันต่ออีกสักพัก ก่อนที่เจ้าของร้านสาวจะพาหล่อนไปส่งที่บ้าน เมื่อเห็นว่าฝนเริ่มซา และเลยเวลาไปมากแล้ว
ความคิดเห็น