คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 02 | อัปครบ
**คำเตือน**
นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหา คำพูด การกระทำ และฉากที่ไม่เหมาะสม
ไม่ควรลอกเลียนแบบ ตรรกะความคิดของตัวละครผิดเพี้ยนไปตามคาแรคเตอร์
ผู้อ่านควรมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
และผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ
| บทที่ 02 |
“มึงขับเร็วกว่านี้ได้มั้ย” ออกคำสั่งเพื่อให้คนอายุน้อยกว่าที่กำลังทำหน้าที่ขับรถได้เร่งเครื่องเร็วกว่านี้
“กูมีงานต้องไปทำต่อนะเนี่ย”
นี่ก็สามวันแล้วตั้งแต่ส่งงานไป
‘พี่ขอแก้บรีฟใหม่หมดเลยนะเข็ม น้องนักเขียนไม่ชอบปกนี้เลยค่ะ
คอมโพสที่เคยบรีฟไปมันยังไม่ปังเท่าไหร่ เขาอยากได้ปังกว่านี้
ถ้านักเขียนส่งบรีฟใหม่มาแล้วเดี๋ยวพี่ส่งต่อไปให้เข็มนะคะ’
นั่นคืออีเมลที่ผมได้รับจากพี่บ.ก.คนสวย
ตอนเปิดอ่านอยากจะวิ่งไปกรี๊ดที่สี่แยกเพื่อระบายอารมณ์เลยล่ะ
อุตส่าห์แพลนไว้แล้วว่าจะไม่ทำงานช่วงนี้ วันมะรืนจะเปิดเทอมอยู่รอมร่อ
ขอพักผ่อนสักหน่อยก็ไม่ได้
“มีงานแล้วมารับผมทำไมก่อน” เด็กตัวแสบย้อนกวน
ๆ
คนที่กำลังทำหน้าที่ขับรถให้ผมได้นอนเอนหลังสบาย ๆ อยู่ตอนนี้คือ ‘อี้ผิง’ แฟนไอ้เต้ยเพื่อนสนิทในกลุ่ม
ผมเพิ่งระเห็จไปรับน้องมันจากบ้านที่ชลบุรีเพราะไอ้เพื่อนตัวดีวานให้ทำ
จะเรียกว่าวานให้ทำก็ไม่ถูกเท่าไหร่…
“ไอ้เต้ยมันจ้าง” ผมตอบออกไปอย่างซื่อตรง
พอมีเงินทองเข้ามาเกี่ยวพันชลบุรีมันก็แค่ปากซอยแหละนะ
“พี่มันใช้เงินแก้ปัญหาอีกแล้วเหรอ”
“ก็มันรวย” แม่งรวยจริง ๆ
เพื่อนผมแต่ละคนฐานะทางบ้านดี ๆ ทั้งนั้น ส่วนบ้านผมน่ะเหรอ … ก็ฐานะค่อนข้างดีแหละ แต่นั่นเงินพ่อแม่ ไม่ใช่เงินผมสักหน่อย
“จริง ๆ ผมให้พ่อมาส่งก็ได้นะ”
“ก็ไอ้เต้ยมันอยากดูแลมึง” ผินมองรุ่นน้องที่กำลังตั้งใจขับรถพลางกว่าต่อ
“แต่มันเสือกติดธุระ ... ใครใช้ให้รถมึงส่งซ้อมล่ะ ไม่งั้นก็ไม่ต้องลำบากใครแล้ว”
“ก็มันชนอะ”
“มึงก็ชนบ่อยเนอะ”
“อุบัติเหตุน่ะ รู้จักมั้ย”
“จ้า ๆ” ผมตัดรำคาญด้วยการฉีกยิ้มหวานและเออออไปกับน้อง
ภายในรถเงียบไปไม่นานบทสนทนาใหม่ระหว่างเราก็เริ่มขึ้น
“ได้ข่าวว่ามีเด็กมาอยู่ด้วยเหรอ”
“ข่าวไวจังนะ”
“แน่นอนดิ ผมซะอย่าง”
“ขี้เสือกไม่เบาเลย” ผมพูดแดกดัน
นั่นทำให้อี้ผิงหันมาแว้ดใส่
“เดี๋ยวไม่ไปส่งที่หอซะหรอก!”
“หยอกจ้า” เมื่อเห็นว่าน้องขู่แบบนั้นเลยก็ได้แต่ยอมมันง่าย
ๆ
ไอ้เต้ยให้ผมขับรถมันไปรับอี้ผิงเพราะตัวผมเองไม่มีรถส่วนตัวขับ … จะว่าไม่มีรถใช้เลยก็ไม่ใช่ แค่ไม่อยากเอารถที่บ้านมาใช้ต่างหาก แม้ว่ารถพวกนั้นจะถูกจอดแช่ไว้เฉย
ๆ ก็เหอะ
อาศัยเพื่อนไปเรียนสบายใจกว่าเยอะ
ผมชอบนักแหละเกาะเพื่อนเนี่ย
“แล้วมึงถามถึงเด็กกูทำไม”
อี้ผิงเหลือบมามองครู่หนึ่งก่อนจะย้อนถาม
“ใช้คำว่าเด็กกูเลยเหรอ”
พอโดนทักท้วงผมถึงได้ตระหนักว่าใช้คำผิด
“น้องกู … เมื่อกี้จะพูดคำนี้”
“น้อง?”
“น้องเพื่อนอะ มันเอามาฝากเลี้ยง”
“นอกจากพวกพี่เต้ยมีคนคบพี่เป็นเพื่อนด้วยเหรอ”
“ต่อยกับกูเลยมั้ยอี้”
“ว่าไปอีกแหละ” อีกฝ่ายหัวเราะร่าจนตาเป็นสระอิก่อนจะกล่าวต่อ
“แต่ไม่เอาหรอก ผมกลัวชนะว่ะ”
“กูไม่แปลกใจที่มึงคบกับไอ้เต้ยได้”
คู่รักคู่นี้ฝีปากระดับพระกาฬจริง ๆ
ผมได้แต่ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ทว่ามุมปากกลับยกยิ้มอย่างเสียไม่ได้
แม้จะไม่ได้เอ็นดูแฟนไอ้เต้ยเท่าแฟน ‘ไอ้เหนือ’
แต่ก็ต้องยอมรับว่าผมยังนึกเอ็นดูน้องเสมอ เราสนิทกันมากในระดับหนึ่ง
อี้ผิงเป็นเหมือนเพื่อนอีกคนของผมด้วยซ้ำ เวลาเหงา ๆ ก็มีน้องมันคอยเล่นเกมด้วย
มิตรภาพแห่งเกม free fire
กูตายก่อนคนอื่นตลอด
ฝีมืออย่างกาก ฝีปากนัมเบอร์วัน!
ผมกับอี้ผิงคุยกันตลอดทางจนรถยนต์คันหรูเคลื่อนมาจอดเทียบทางเท้าตรงหน้าหอพัก
หลังจากโบกมือลารุ่นน้องเสร็จสรรพแล้วจึงเดินเอื่อย ๆ ขึ้นห้อง
เดินทางไปรับน้องมันตั้งแต่ตอนเย็น ๆ
กว่าจะกลับมาถึงห้องตอนนี้ก็เป็นเวลาเกือบสามทุ่มแล้ว
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เราจะผ่ามรสุมรถติดมาได้ง่าย ๆ
ติ๊ง!
ทันทีที่ลิฟต์เปิดออกยังชั้นสิบสองขายาวก็ก้าวเดินไปตามทาง พลันสายตาทอดไปกระทบสิ่งมีชีวิตเล็ก
ๆ ที่กำลังนั่งจุ้มปุ๊กอยู่หน้าห้อง ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ก็ยิ่งมองชัดว่าเป็นหวานใจ
“ไปไหนมา” เด็กตัวเล็กที่กำลังนั่งกินโรตีสายไหมสีสวยถามด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจ
“ไปรับแฟนเพื่อนที่ชลบุรี” ตอบออกไปอย่างซื่อตรง
“แล้วทำไมมานั่งตรงนี้”
“ก็เราไม่มีกุญแจเข้าห้อง”
เออว่ะ
ยังไม่ได้ไปปั๊มกุญแจห้องให้น้องเลย
“โทษที พี่ลืมเราอะ” ผมบอกอย่างรู้สึกผิดที่เผลอลืมว่ามีน้องอยู่ด้วย
“เดี๋ยวพรุ่งนี้รีบไปปั๊มกุญแจให้”
“อือ” หวานใจตอบนิ่ง ๆ ตามสไตล์
ก่อนจะม้วนสายไหมแล้วยัดเข้าปากทั้งชิ้นจนแก้มป่อง
“แล้วทำไมไม่โทรเร่งพี่” ถามขณะใช้กุญแจไขประตูไปพลาง
“แอดอด(แบตหมด)”
แม้ว่าปากจะเต็มไปด้วยขนมหวานทว่าคนตัวเล็กก็ยังพยายามตอบ
“หิวเหรอ”
“…” หวานใจพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น
“โทษทีนะ” ผมบอกย้ำอีกพร้อมกับส่งมือไปตรงหน้าน้อง
“…” หวานใจมองฝ่ามือผมอย่างชั่งใจก่อนจะเอื้อมมือมาจับมันไว้แน่น
น้องใช้อีกมือรวบถุงขนมและกระเป๋าเป้เอาไว้แล้วยันตัวลุกขึ้นยืนโดยมีผมคอยออกแรงฉุดรั้ง
แม้ว่าหวานใจจะไม่หือไม่อืออะไรกับการหายไปของผม
ทว่าสีหน้าแสนเหนื่อยอ่อนของน้องก็ทำให้ผมรู้สึกผิดอยู่ไม่ละ
วันนี้คนตัวเล็กทำกิจกรรมรับน้องวันสุดท้าย ตลอดสองวันที่ผ่านมาน้องด่ารุ่นพี่ให้ฟังทุกเย็น
บ่นงุ้งงิ้งว่าเหนื่อยนั่นนี่ตลอด วันนี้น้องก็คงเหนื่อยมากเช่นเดิม สีหน้าคนตัวเล็กบอกชัดว่าเหนื่อยขนาดไหน
ผมเอื้อมมือไปปัดเศษสายไหมสีหวานที่ติดอยู่ริมฝีปากอิ่มออกให้
ขณะเดียวกันก็เอ่ยถาม
“จะกินอะไร เดี๋ยวพี่สั่งแกร็บฟู้ดให้”
“...ง่วง”
“หึ” ผมหลุดหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่ได้
หวานใจดูอ่อนเพลียจริง ๆ “งั้นเข้าห้องก่อน เดี๋ยวค่อยเลือก”
ถือวิวาวะเอื้อมมือไปขยี้เรือนผมสีน้ำตาลเข้มเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู
จากนั้นก็ผลักประตูให้เปิดออกแล้วดันหลังน้องให้เดินเข้าห้อง ดูเหมือนหวานใจจะหมดแรงจริง
ๆ
เหนื่อยจากมหา’ลัยแล้วยังมาเหนื่อยนั่งรอผมอีก
ตอนนี้หวานใจเหมือนตุ๊กตาถ่านอ่อนเลยล่ะ
พอน้องไม่มีแรงมาพูดกวนตีนแล้วน่ารักฉิบหายเลย
☽☽☽
ปึก ๆ ๆ
ผมจำต้องใช้มือตบโต๊ะกินข้าวเสียงดังเพื่อเรียกสติเด็กตัวเล็กที่เกือบจะหลับคาชามก๋วยเตี๋ยวต้มยำที่เพิ่งกินไปได้เพียงสองสามคำ
หลังจากเข้ามาในห้องผมก็สั่งของกินให้หวานใจ ระหว่างนั้นคนตัวเล็กก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ามานั่งรอ
ทว่าพอของกินมาถึงและเพิ่งจะกินไปได้ไม่เยอะก็ส่อแววจะหลับ
“วันนี้เหนื่อยจัง” หวานใจพูดด้วยเสียงเนือย
ๆ ตาปรือคู่นั้นจวนจะปิดอยู่รอมร่อ
“ก็รีบกินรีบไปนอนพักผ่อน”
“นายจะทำงานอีกเหรอวันนี้”
“อือ ... ยังไม่เสร็จเลย”
หวานใจพยักหน้าเข้าใจก่อนจะพยักพเยิดหน้าไปยังถุงขนมหวานที่ยังเหลืออยู่เกือบเต็มถุง
“สายไหมนั่นกินได้นะ”
“ขอบใจ … ซื้อมาจากไหนอะ”
“รุ่นพี่ซื้อมาให้” คนตัวเล็กตอบแบบไม่ยี่หระก่อนจะคีบเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ย
ๆ
“รุ่นพี่ไหน”
“เห็นป้ายห้อยคอชื่อแบร์”
“ผู้ชายเหรอ”
“อือ”
“โดนจีบปะเนี่ย” ผมแซวไปตามประสา
“เราไม่ได้ฮอตขนาดนั้นเปล่า ยังไม่ทันเปิดเรียนเลยนะ”
“…” สงสัยคงไม่รู้ว่าตัวเองน่ารักขนาดไหนถึงได้พูดประโยคแบบนั้นออกมา
“อย่าเพิ่งมาจีบกันเลย ผิดจุดประสงค์ในการเข้ามหา’ลัยมาก เราขอเรียนก่อน”
คำพูดของน้องทำให้ผมหัวเราะอยู่ในใจ … น้องน่ารักขนาดนี้ใครเห็นก็ต้องเอ็นดูเป็นธรรมดานั่นแหละ อยู่ที่ว่าจะเอ็นดูแบบไหน
แบบน้องชายหรือแบบอื่น
“พี่ปีไหน”
ผมถามอย่างนึกสนใจขึ้นมา
“ปีสองมั้ง” หวานใจตอบด้วยเสียงเรียบเฉย
“เราไม่ได้สนใจ เขาให้ก็รับมาเฉย ๆ มันน่าอร่อยดี”
“เห็นแก่กินเฉยเลย”
“ก็ส่วนหนึ่ง จริง ๆ เราไม่อยากให้เขาเสียน้ำใจน่ะ
อุตส่าห์เอามาให้”
“อือ ดีแล้ว” ไม่ได้สนใจน่ะดีแล้ว...
ประโยคหลังผมเก็บงำเอาไว้ ไม่ได้พูดออกไปให้อีกฝ่ายรับรู้
ถุงสายไหมถูกฉวยมาวางตรงกลางระหว่างเรา
ผมหยิบแผ่นแป้งหอมกรุ่นออกมาม้วนสายไหมสีสวยแล้วยื่นให้เด็กตรงหน้า
หวานใจรับมันไปแล้วกัดคำโต
“อินใอ้อดอะ(กินให้หมดนะ)”
“เคี้ยวให้หมดก่อนค่อยพูดเหอะเราน่ะ” ผมยิ้มขำใส่เด็กตัวเล็ก
ขณะเดียวกันก็ม้วนสายไหมแล้วยัดมันเข้าปากตัวเองบ้าง
“เราจะไปนอนแล้ว”
“อิ่มแล้วเหรอ”
“อือ” หวานใจยันตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงที่สูงเพียงน้อยนิด
“วันนี้ฝากเก็บชามด้วยนะ”
“อือ ... ไปนอนเหอะ”
“…”
“แต่ไปแปรงฟันก่อน”
กึก!
ฝีเท้าของคนตัวเล็กชะงักลงเมื่อผมพูดจบประโยค
“เราแปรงไปแล้วตอนอาบน้ำ”
“แต่เพิ่งกินเสร็—”
ตึก ๆ ๆ
ไม่รอให้พูดจบหวานใจก็สาวเท้าเดินอาด ๆ
ไปยังห้องนอนโดยไม่หันกลับมาสนใจอะไรอีกเลยสักนิด
ประตูบานใหญ่ปิดสนิททันทีที่น้องยัดตัวเองเข้าห้อง
ไม่ฟังกูเลย!
Rrrrrr
ก่อนที่จะได้ก่นด่ารูมเมทตัวจิ๋วในใจไปมากกว่านั้นโทรศัพท์มือถือเครื่องบางก็สั่นครืด
ๆ ขึ้นมาพร้อมกับเสียงริงโทนเพลงเกาหลีที่มีท่อนร้องว่า You
got me feeling like a psycho.
ใช่ครับ … ผมชอบ red velvet
เคยเปิดเพลง psycho ของไอดอลวงนี้กรอกหูไอ้เต้ยเช้าเย็นจนมันร้องตามได้เลยล่ะ
“ว่า” ผมกดรับแล้วกรอกเสียงติดรำคาญใส่ปลายสายอย่างไม่ยี่หระเพราะเห็นว่าเป็นเบอร์ของหวานเจี๊ยบ
[ไงมึง]
“ไงมึงอะไร”
[น้องกูอะ เป็นไง]
“พอ ๆ กับพวกมึงอะไอ้เหี้ย ไหนบอกเรียบร้อยมาก
เป็นเด็กพูดน้อย กิริยามารยาทเหมือนผ้าพับไว้ ไอ้สัสเอ๊ย!
เหมือนผ้าขาวยับ ๆ แล้วพับไว้ลวก ๆ อะดิ โฆษณาเกินจริงมาก เดี๋ยวกูจะฟ้องสคบ.”
[ฮ่า ๆ ๆ] ปลายสายหัวเราะลั่นทันทีที่ได้ยินประโยคระบายแสนยาวเหยียด
หวานใจไม่เฉียดคำว่าเรียบร้อยเลยนะ พูดน้อยก็จริงแต่ติดพูดกวนตีน
ได้พี่มันมาแหละ
ลืมไปเลยว่าพี่ชายหวานใจคือไอ้แฝดที่ได้ฉายาว่าแฝดนรก
“เหมือนมึงแกล้งกูอะแฝด” อดไม่ได้ที่จะทำเสียงงอแง
[มึงก็ทน ๆ ให้มันกวนตีนหน่อยไม่ได้หรือไง]
“เดี๋ยวกูได้หลุดปากด่าสักวัน”
[ก็ด่าไปดิ] หวานเจี๊ยบบอก
ยังไม่ทันที่จะได้ตอบกลับไปเสียงไอ้หวานเย็นก็แทรกเข้ามา [มึงลองด่าน้องกูดิ]
ไอ้ห่า พวกมึงไปเคลียร์กันก่อนไหม?
รักน้องไม่เหมือนกันเหรอ
“แต่น้องมันก็ไม่ได้สร้างปัญหาหรอก ถือว่าดี”
คาดว่าคงอยู่กันได้แหละ
ถ้าหลุดปากด่าออกไปก็ขอโทษด้วย แต่ผมไม่ผิดนะ
ด่าก็แปลว่าน้องกวนส้นตีนเกินไป
[เออ ก็ดีแล้ว กูก็โทรมาถามเฉย ๆ
หวานใจมันไม่รับโทรศัพท์กู]
“ไอ้ห่า น้องไม่รัก”
[อย่าตอกย้ำว่ะ กูเจ็บหัวใจ] ปลายสายถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเสริมอีก
[ตั้งแต่โตมาไม่ให้กูหอมเลย ไล่กูตลอด แค่กอดยังไม่ให้]
ถ้ามันรู้ว่าน้องพูดถึงพวกมันยังไงจะไม่ร้องไห้ขี้มูกโป่งเลยเหรอวะ
แช่งเช้าแช่งเย็น
“เด็กมันโตแล้วมึงจะมากอดมาหอมมันได้ไง”
[ก็น้องกูอะ]
“เป็นพี่กูกูไล่ไปตายแล้วนะถ้ามาไล่กอดไล่หอมกูอะ”
[ก็กูรัก กูเอ็นดูของกูมาตั้งนาน!]
“น้องรักมึงมั้ยเอางี้ก่อน” จะบวชหน้าไฟให้อยู่รอมร่อ
[น้องกู ไม่รักกูแล้วจะให้ไปรักใคร]
“รักกูมั้ง”
[ก็ลองดูดิ] เสียงไอ้หวานเย็นแทรกเข้ามาในสาย
ห่า!
จิตสังหารทะลุโทรศัพท์มาเลย
“กูหยอกเล่นจ้า”
ใครจะไปคิดแบบนั้นกับน้องเพื่อนวะ ผมไม่คิดหรอก
“เข็ม…” หวานใจเปิดประตูห้องนอนแล้วชะโงกหน้าออกมาเรียกผมเสียงเอื่อย
ตอนนี้น้องดูพร้อมนอนสุด ๆ สวมหมวกนอนใบเก่งแล้วด้วย
“ว่า...”
“รีบทำงานรีบมานอนนะ พรุ่งนี้พาไปห้างหน่อย”
“ไปซื้ออะไร”
“จะร้านหนังสือ”
“อ่า ๆ” ผมตอบรับง่าย ๆ
แม้จะอยู่ที่นี่ได้สามสี่วันแล้วแต่หวานใจยังไม่คุ้นที่คุ้นทาง
น้องไปแค่มหาวิทยาลัยแล้วกลับห้อง ยังไม่ได้ออกไปท่องเที่ยวที่ไหนเลย
คงต้องพาไปก่อนนั่นแหละ
หวานใจทำมือเป็นท่า OK แล้วหายกลับเข้าไปในห้อง
[อย่าให้กูรู้แล้วกันว่าไม่ใช่แค่หยอกเล่น] เสียงเยือกเย็นจากปลายสายเรียกสติให้กลับมาโฟกัสกับโทรศัพท์เครื่องบางที่แนบอยู่ข้างหู
“มึงระแวงอะไรนักหนาเนี่ยไอ้ห่า” ผมอดไม่ได้ที่จะถามแกมด่า
[กูแค่ไม่อยากมีปัญหากับมึง]
“เออ ๆ กูไม่คิดอะไรหรอก” ผมตอบแบบขอไปที
ความจริงแล้วก็ไม่ได้จะคิดอะไรกับหวานใจเลย
บอกแล้วไงว่าไม่มีใครคิดแบบนั้นกับน้องเพื่อนได้ลงหรอก … ผมเองก็ไม่คิด
แม้น้องเพื่อนที่ว่ามันจะโคตรน่ารักเลยก็เหอะ
tbc.
#ใจฟังพี่
นายเห็นแววคนคลั่งรักมั้ยยยยยย
เราเห็นแววคนจะโดนพี่หวานเย็นเชือดแหละ 55555555555
*เอาหวานใจคนหล่อเท่มาฝากคับ (หล่อเท่แต่เป็นเมีย ;-;
(ยังไม่ตรวจคำผิดนะคับบบบบ ,_,)
ความคิดเห็น