ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ☁ #สภาวะลืมรัก (end)

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 02 | อัปครบ

    • อัปเดตล่าสุด 17 ธ.ค. 63


    **คำเตือน**

    นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหา คำพูด การกระทำ และฉากที่ไม่เหมาะสม

    ไม่ควรลอกเลียนแบบ ตรรกะความคิดของตัวละครผิดเพี้ยนไปตามคาแรคเตอร์

    ผู้อ่านควรมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป

    และผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ




    | บทที่ 02 |




    เรามาถึงคอนโดของนะโมในเวลาต่อมา อาการเหนื่อยล้าถาโถมเข้ามาไม่หยุด แต่พอได้อาบน้ำและเอนกายลงบนที่นอนนุ่ม ๆ ความรู้สึกดีก็ตีตื้นขึ้นมาแทนที่

    เสื้อผ้าที่ผมสวมอยู่ตอนนี้เป็นของนะโม

    คอนโดเขามีสองห้องนอน ห้องที่ผมนอนอยู่ตอนนี้เป็นห้องที่ไม่ได้ถูกใช้งานบ่อย แต่ก็ยังสะอาดสะอ้านดี

    ผมไม่มีเวลาพินิจพิจารณาห้องเขามากมาย แค่ปรายตามองรอบ ๆ แล้วเข้าห้องมานอน ความเหนื่อยล้ามันทำให้ผมเข้าสู่ห้วงนิทราได้ไม่ยากเลย

    ตอนเช้า

    ผมงัวเงียตื่นเพราะเสียงปลุกจากเจ้าของห้อง ยังไม่ได้ตื่นดีคนเป็นพี่ก็สั่งเสียเอาไว้

    พี่จะออกไปข้างนอก ถ้าเธอจะกลับก่อนเอากุญแจกับคีย์การ์ดไปเลยนะ

    “…”

    พี่วางไว้ตรงนี้นะครับ

    ผมได้ยินทุกคำพูด แต่ก็ไม่ได้ตอบรับอะไร แค่ซุกหน้าลงไปกับหมอนแล้วนอนต่อ

    มือสากเอื้อมมาลูบศีรษะผมเบา ๆ ก่อนจะผละออกไป ผมไม่ได้ลุกขึ้นมาบ่นหรือต่อต้านการกระทำนั้นเพราะรู้สึกง่วงเหลือเกิน พอได้ยินเสียงประตูห้องถูกปิดลงผมก็กลับเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้งอย่างง่ายดาย

    และตื่นขึ้นมาอีกครั้งตอนเกือบบ่าย

    เป็นการตื่นจริง ๆ ความเหนื่อยล้าหายเป็นปลิดทิ้ง

    ตอนนี้มีแต่ความขี้เกียจ

    ผมยันตัวลุกขึ้นจากเตียง จัดการใช้ยางรัดผมที่คล้องอยู่ข้อมือมัดจุกขึ้นเพราะรำคาญผมที่ยาวเฟื้อย กุญแจและคีย์การ์ดที่นะโมวางไว้ยังอยู่ที่เดิม

    แม้จะสงสัยว่าเขาออกไปไหนแต่เช้าทว่าผมก็ได้ใส่ใจอะไรมาก บิดขี้เกียจเสร็จก็ย้ายร่างกายออกจากเตียงไปเข้าห้องน้ำ นะโมวางแปรงสีฟันที่ยังไม่แกะออกจากแพคเกจจิ้งเอาไว้ให้

    บ้างทีผมก็คิดว่าเขาใจดีเกินเบอร์ไปหน่อย

    แต่ก็ช่างเถอะ

    ล้างหน้าแปรงฟังเสร็จก็ผมก็นอนเล่นอยู่บนเตียงต่อ

    ยังไม่คิดจะกลับบ้านตอนนี้หรอก ไหน ๆ นะโมก็ไม่อยู่รกหูรกตาแล้วขอยืมห้องนอนเล่นหน่อยแล้วกัน

    สองข้อความจากไอ้เดย์

    สามข้อความจากยัยเตย

    ไม่มีข้อความหรือสายที่ไม่ได้รับจากพ่อ

    ก็นะผมไม่ได้สำคัญ ขนาดหนีออกมาทั้ง ๆ ที่เราเพิ่งทะเลาะกันพ่อยังไม่นึกเป็นห่วง ไม่เคยแยแสว่าผมจะเป็นตายร้ายดียังไงเวลาออกมาอยู่ข้างนอก

    เป็นพ่อที่ตลกดีเหมือนกัน

    Baitoey : อยู่ไหนอะ

    Baitoey : ชอปปิ้งกัน

    Baitoey : วันนี้อยากเสียเงินสักแสน

    Me : วันนี้ขี้เกียจ

    แม้ว่ายังเตยจะส่งข้อความมาตั้งหนึ่งชั่วโมงแล้วแต่ผมก็ยังพิมพ์ตอบ จากนั้นก็กดอ่านข้อความไอ้เดย์ต่อ

    d-day : มึงทำงานจารย์จูนยัง

    d-day : ส่งวันนี้สองทุ่มนะ

    Me : งานไรวะ

    d-day : หนักกว่าตอบว่ายังไม่ทำคือถามว่างานอะไร

    d-day : ไอ้หน้าเหี้ย

    d-day : มึงลืมจริง ๆ ใช่มั้ย

    d-day : วิเคราะห์หนังอะ

    ไอ้เดย์ตอบกลับผมเร็วมากเพราะน่าจะกำลังเล่นโทรศัพท์อยู่พอดี และการตอบกลับของมันในครั้งนี้ก็ทำให้ผมกุมขมับอีกครั้ง

    เพิ่งจะรู้สึกสบายใจ อารมณ์หายขุ่นมัวก็มีเรื่องให้ปวดหัวอีกแล้ว

    Me : กูยังไม่ทำ

    d-day : กูมีเพื่อนแล้วววววว

    d-day : แต่กูกำลังเขียนวิเคราะห์อยู่ นำมึงก้าวหนึ่ง

    Me : สัส

    d-day : รีบไสหน้าไปหาดูหนังเลยมึง

    d-day : จารย์บอกวิเคราะห์ละเอียด ๆ ด้วย

    Me : เออ จะรีบทำ

    d-day : ส่งให้ทันนะมึง

    Me : เออออออออ

    ผมตอบไอ้เดย์แค่นั้นแล้วกดล็อกหน้าจอไว้ ไม่ได้เข้าแอพฯไหนอีก

    ไอ้เดย์เป็นเหมือนปฏิทินเตือนความจำ มันช่วยผมในหลาย ๆ เรื่อง โคตรจะแสนดี ดีแบบไม่หวังอะไรตอบแทนด้วย แรก ๆ ผมก็ไม่ได้คิดหรอกว่ามันจะดีกับผมเพียงเพราะอยากจะดี

    แต่ทุกวันนี้ผมเห็นแล้ว เลยพยายามดีกับมันมากที่สุด และพยายามไม่ก่อปัญหาให้มันต้องบ่นหรือพลอยไม่สบายใจไปด้วย

    ผมรู้สึกคอแห้งเลยยันตัวลุกขึ้นจากเตียงเพื่อจะออกไปหาน้ำดื่ม

    แกร๊ก!

    เฮ้ย!!!”

    สองขาผงะถอยหลังเมื่อประตูห้องนอนถูกเปิดเข้ามาขณะที่ผมกำลังจะจับลูกบิด

    ตกใจหมด

    พี่ทำเธอตกใจเหรอ

    ยังจะมีหน้ามาถาม จะเข้ามาทำไมไม่เคาะประตู ผมบ่นอุบ

    นี่ห้องพี่เจ้าของห้องบอกด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ ก่อนจะเหลือบมองจุกบนหัวผมแล้วเผยยิ้มกว้าง ยิ้มของนะโมมันกว้างเสียจนเห็นรอยบุ๋มข้าง ๆ แก้ม

    ยิ้มไร

    “…”

    หุบยิ้มเดี๋ยวนี้เลยนะโม

    คนเป็นพี่กลั้นยิ้มเอาไว้ตามคำสั่ง แต่ดูเหมือนจะกลั้นไม่อยู่สักเท่าไหร่ นั่นเป็นเหตุให้ผมค้อนเขาไม่เลิก ผมพรูลมหายใจหน่าย ๆ ใส่นะโมแล้วพยายามแกะจุกบนหัวออกเพื่อให้เขาเลิกยิ้มแบบนั้นสักที ทว่ามือสากก็เอื้อมมารั้งเอาไว้

    แบบนี้น่ารักแล้ว

    “…”

    จริง ๆ

    เลิกยิ้ม

    ครับ ๆ

    “…”

    พี่ซื้อข้าวมาให้ด้วย มากินเถอะ

    เจ้าของห้องจูงมือผมให้เดินตามไปยังโซนนั่งทานข้าว

    ปล่อยผมออกปากสั่งเมื่อเห็นว่าเขายังกุมมือไม่เลิก แต่นอกจากจะไม่ฟังกันแล้วเขายังแกล้งกระชับการกอบกุมให้แน่นขึ้น จากนั้นก็ทำมึนแนะนำอาการบนโต๊ะ

    นี่พะแนงเนื้อ แกงจืดเต้าหู้หมูสับ ผัดพริกแกงไก่ แล้วก็ไข่เจียวกุ้ง

    “…”

    เธอกินได้ใช่มั้ย

    “…”

    พี่ไม่รู้ว่าเธอชอบอะไรเลยซื้อมาแค่นี้

    แค่นี้อะไร นี่มันออกจะเยอะไปด้วยซ้ำ

    ผมไม่ได้สนใจอาหารตรงหน้า แค่ยื้อมือตัวเองออกจากพันธนาการของนะโมแล้วเดินตรงไปยังตู้เย็นเพื่อเปิดหาน้ำดื่มแก้กระหาย

    จะกลับบ้านแล้ว

    ผมเดินกลับมาเผชิญหน้ากับเจ้าของห้องอีกครั้ง

    ทานข้าวก่อนสิ

    ไม่หิว

    โครก

    กระเพาะไม่รักดี

    ฮ่า ๆ ๆนะโมหัวเราะร่าเมื่อเห็นว่าผมกำลังโกหกหน้าด้าน ๆเธอมันเด็กเลี้ยงแกะ

    นิ้วเรียวเคาะลงบนปลายจมูกผมเบา ๆ

    ปัก!

    และผมก็ปัดมือเขาออกทันที

    อย่ามาทำเหมือนเอ็นดูมากนักจะได้มั้ย

    ทั้งสรรพนามที่ใช้เรียก ทั้งการกระทำต่าง ๆ เมื่อเช้าก็ลูบหัว ตอนนี้ยังจะมาแหย่กันอีก

    แล้วจะให้ทำยังไง

    “…”

    ก็พี่เอ็นดูเธอนี่

    “…” คำพูดของนะโมทำให้ผมนิ่งค้างอยู่แบบเดิม

    ผมไม่ได้ถูกเลี้ยงมาด้วยความรัก ไม่ได้ถูกห้อมล้อมด้วยความเอ็นดู จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเวลาถูกมองด้วยสายตาแสนอ่อนโยนมันรู้สึกยังไง

    มากินข้าวเถอะ

    “…”

    พี่ตั้งใจซื้อมาให้เธอเลยนะ

    “…” ผมโอนอ่อนตามแรงจูงของนะโมอย่างง่ายดาย กว่าจะได้สติก็นั่งแหมะอยู่บนเก้าอี้แล้ว

    จะดีใจมากถ้าเธอกินหมด

    “…”

    ใครจะไปกินหมด โคตรจะเยอะ

    นะโมตักข้าวใส่จานให้แล้วนั่งลงฝั่งตรงข้ามผม

    กินเยอะ ๆ นะ

    ไม่กินด้วยกันเหรอ

    พี่ยังไม่ค่อยหิว

    ผมหยิบจานเปล่าที่วางอยู่ใกล้ ๆ มาตักข้าว ยื่นให้นะโมแล้วบอกเสียงเรียบ

    กินด้วยกัน

    คนเป็นพี่ปั้นยิ้มแล้วยอมจำนนให้ผม

    เรานั่งทานข้าวด้วยกัน นะโมดูเป็นคนเอาใจใส่คนอื่นมาก เขาคอยตักนั่นตักนี่มาวางในจานให้จนผมต้องเอ่ยปรามอยู่หลายครั้ง

    Rrrr Rrrr

    เสียงริงโทนดังจากโทรศัพท์เครื่องหรูที่วางอยู่บนโต๊ะอาหาร นะโมหยิบมันขึ้นมากดรับแล้วเอ่ยทักปลายสายห้วน ๆ

    ว่าสีหน้าเขาเรียบนิ่งตลอดการสนทนนา อือ เค

    “…” ผมไม่รู้หรอกนะว่าใครโทรเข้ามา

    แต่นะโมพูดน้อยเสมอไม่ว่ากับใคร

    ยกเว้นกับผม

    อิ่มแล้วเหรอ หลังจากละโทรศัพท์ออกจากหูเจ้าของห้องก็หันมาพูดกับผมทันที

    “…” ผมพยักหน้าแกน ๆ เป็นคำตอบ

    ชุดเธอพี่ส่งซัก ถ้าอยากอาบน้ำเปลี่ยนชุด ใส่ชุดพี่ไปก่อนนะ

    ผมจะไม่ขอบคุณเขาหรอก

    เพราะระหว่างเรามันไม่ใช่บุญคุณ มันคือข้อแลกเปลี่ยน เขาเสนอที่พักให้เพื่อแลกกับไลน์ผม และเขาได้ไลน์ผมไปแล้ว ฉะนั้นคำขอบคุณคงไม่จำเป็น

    แต่จริง ๆ แล้วก็นึกขอบคุณเขาอยู่หรอกนะ

    เพราะนอกจากที่พักแล้วเขายังอำนวยความสะดวกให้ทุกอย่าง

    แกร๊ก!

    ยังไม่ทันที่เราจะได้ลุกไปไหนก็มีเสียงเปิดประตูเข้ามาในห้อง

    นะโมตัสสะ

    “…”

    อยู่ไหนอะ

    “…”

    อ๋อ แดกข้าวร่างสูงเดินอาด ๆ เข้ามาหาก่อนจะทำหน้าแปลกใจสุดฤทธิ์ที่เห็นผมนั่งอยู่ด้วย มาไงอะ

    เข็มหันไปถามเจ้าของห้อง แต่ก็ไม่ได้คำตอบ

    ไปทำธุระมึงให้เสร็จ

    อยู่ด้วยกันได้ยังไงเอ่ย อยากใส่ใจจังเลย

    “…”

    อย่าเงียบสิ ... กูเพื่อนมึงมั้ยเอ่ย

    “…”

    ไม่ใช่แน่ ๆ ทรงนี้

    “…”

    อะ มึนใส่กูอีก

    “…”

    นะโมหรือเปล่า นะโมเป็นใบ้หรือเปล่า

    “…”

    โอเคไอ้เหี้ย กูยอมแล้วเมื่อเห็นว่านะโมไม่ได้ตอบอะไรเข็มก็ยอมแพ้ไปง่าย ๆกล้องอยู่ไหน

    ในห้อง

    ชิรุ่นพี่จิ๊จ๊ะเล็กน้อย เขาผินมองผมครู่หนึ่งก่อนจะเดินไปทางห้องนอนนะโม

    ในสายตาคนอื่นผมเป็นตัวร้าย ตัวปัญหา ตัวต่าง ๆ นานาแล้วแต่ว่าใครจะเรียก ไม่เคยมีสัมพันธ์กับใคร ซ้ำยังไม่ใช่คนอัธยาศัยดีอีกด้วย มันเลยไม่แปลกที่เข็มจะสงสัยว่าทำไมผมมาอยู่ที่นี่

    ผมไม่ได้สนิทกับนะโม

    เราไม่มีท่าทีว่าจะสนิทกันได้เลย

    ในตอนนี้ผมไม่เข้าใจอย่างมากว่าทำไมนะโมถึงได้นิ่งเงียบอย่างกับใบ้เวลาอยู่กับคนอื่น แม้แต่กับเพื่อนเขาก็ไม่ค่อยพูด ทว่าอยู่กับผมกลับเป็นคนละคน

    พูดมากที่หนึ่งเลย

    ส่งจานมาสิ เดี๋ยวพี่เก็บเอง

    นี่...” ผมจ้องหน้านะโมตรง ๆ ก่อนจะยิงคำถามใส่ทำไมอยู่กับเพื่อนถึงพูดน้อยนักล่ะ

    หื้ม?

    เวลาอยู่กับคนอื่นหรือกับเพื่อนทำไมถึงพูดน้อย

    ไม่รู้สิ มันเป็นไปเอง

    แล้วทำไม อยู่กับเราถึงได้พูดมาก

    ผมเป็นคนหยาบคาย รุ่นพี่หลาย ๆ คนผมไม่เรียกพี่ด้วยซ้ำ ยิ่งกับแก๊งของเหนือดาวแฟนเจ้าเอยยิ่งแล้วใหญ่ ผมไม่เคารพใครเลย

    แต่นะโมดูจะเป็นข้อยกเว้น

    ตอนนี้ผมรู้สึกว่าไม่อยากหยาบคายใส่เขา

    ซึ่งดูเหมือนรุ่นพี่จะพอใจมากเลยล่ะ

    เพราะพี่อยากคุยกับเธอ

    ทำไม

    แกล้งโง่หรือเปล่า

    “…”

    ถ้าพี่พูดออกไปรับปากมั้ยว่าจะเขินให้กัน

    เขินเป็นมารยาทน่ะเหรอ

    ทำให้ไม่ได้หรอก

    ครืด!

    ผมดันจานข้าวที่พร่องไปนิดหน่อยให้นะโมแล้วพูดตัดบทง่าย ๆ

    จะไปอาบน้ำ

    “…”

    ยืมเสื้อหน่อยแล้วกัน

    ผมบอกแค่นั้นแล้วยันตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ยังไม่ทันได้เดินไปไหนเข็มก็กลับออกมาจากห้องนะโมพร้อมกับกล้องโปรตัวแพง

    อ้าว กินข้าวอิ่มแล้วเหรอน้องจุก

    สัส!

    ลืมไปเลยว่ามัดผมจุกอยู่

    “…” ผมมองหน้ารุ่นพี่อย่างไม่สบอารมณ์ ยกนิ้วกลางใส่หน้าแล้วเดินจากมาเงียบ ๆ

    ผมไม่ได้ชอบหน้ารุ่นพี่แก๊งนี้สักเท่าไหร่

    ที่ยังพอคุยกันได้ก็เพราะมีเจ้าเอยเป็นกาว

    นะโม๊!”

    “…”

    มึงเห็นมั้ยเข็มไม่ได้ด่าผม แต่กลับหันไปฟ้องเพื่อนแทน

    เห็นไร

    น้องมันยกนิ้วกลางใส่กู!!”

    แล้วมึงจะทำไม ผมเผลอยกยิ้มหน่อย ๆ ตอนที่นะโมตอบกลับเพื่อนด้วยคำพูดมึน ๆ สไตล์เขาเอาจากกูอีกสักนิ้วมั้ย

    ทั้ง ๆ ที่ควรด่า ทว่านะโมกลับเข้าข้าง

    รู้สึกดีพิลึกแฮะ




    tbc.
    สกรีมแท็ก #สภาวะลืมรัก เด้อออออ
    พี่เข็ม นายอยู่เรื่องไหนนายก็น่าสงสาร 55555555555555
    ทุกคนเห็นแววคนสปอยเมียมั้ยคะ
    แบบ มันชัดเจนมากเลยค่ะ ^^

    (ยังไม่ตรวจคำผิดนะคะ ถ้าเจอเม้นบอกได้)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×