คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 02 | อัปครบ
**คำเตือน**
นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหา คำพูด การกระทำ และฉากที่ไม่เหมาะสม
ไม่ควรลอกเลียนแบบ ตรรกะความคิดของตัวละครผิดเพี้ยนไปตามคาแรคเตอร์
ผู้อ่านควรมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
และผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ
| บทที่ 02 | |
เรามาถึงคอนโดของนะโมในเวลาต่อมา
อาการเหนื่อยล้าถาโถมเข้ามาไม่หยุด แต่พอได้อาบน้ำและเอนกายลงบนที่นอนนุ่ม ๆ
ความรู้สึกดีก็ตีตื้นขึ้นมาแทนที่
เสื้อผ้าที่ผมสวมอยู่ตอนนี้เป็นของนะโม
คอนโดเขามีสองห้องนอน
ห้องที่ผมนอนอยู่ตอนนี้เป็นห้องที่ไม่ได้ถูกใช้งานบ่อย แต่ก็ยังสะอาดสะอ้านดี
ผมไม่มีเวลาพินิจพิจารณาห้องเขามากมาย
แค่ปรายตามองรอบ ๆ แล้วเข้าห้องมานอน
ความเหนื่อยล้ามันทำให้ผมเข้าสู่ห้วงนิทราได้ไม่ยากเลย
ตอนเช้า
ผมงัวเงียตื่นเพราะเสียงปลุกจากเจ้าของห้อง
ยังไม่ได้ตื่นดีคนเป็นพี่ก็สั่งเสียเอาไว้
“พี่จะออกไปข้างนอก
ถ้าเธอจะกลับก่อนเอากุญแจกับคีย์การ์ดไปเลยนะ”
“…”
“พี่วางไว้ตรงนี้นะครับ”
ผมได้ยินทุกคำพูด
แต่ก็ไม่ได้ตอบรับอะไร แค่ซุกหน้าลงไปกับหมอนแล้วนอนต่อ
มือสากเอื้อมมาลูบศีรษะผมเบา ๆ
ก่อนจะผละออกไป
ผมไม่ได้ลุกขึ้นมาบ่นหรือต่อต้านการกระทำนั้นเพราะรู้สึกง่วงเหลือเกิน
พอได้ยินเสียงประตูห้องถูกปิดลงผมก็กลับเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้งอย่างง่ายดาย
และตื่นขึ้นมาอีกครั้งตอนเกือบบ่าย
เป็นการตื่นจริง ๆ ความเหนื่อยล้าหายเป็นปลิดทิ้ง
ตอนนี้มีแต่ความขี้เกียจ
ผมยันตัวลุกขึ้นจากเตียง
จัดการใช้ยางรัดผมที่คล้องอยู่ข้อมือมัดจุกขึ้นเพราะรำคาญผมที่ยาวเฟื้อย
กุญแจและคีย์การ์ดที่นะโมวางไว้ยังอยู่ที่เดิม
แม้จะสงสัยว่าเขาออกไปไหนแต่เช้าทว่าผมก็ได้ใส่ใจอะไรมาก
บิดขี้เกียจเสร็จก็ย้ายร่างกายออกจากเตียงไปเข้าห้องน้ำ
นะโมวางแปรงสีฟันที่ยังไม่แกะออกจากแพคเกจจิ้งเอาไว้ให้
บ้างทีผมก็คิดว่าเขาใจดีเกินเบอร์ไปหน่อย
แต่ก็ช่างเถอะ …
ล้างหน้าแปรงฟังเสร็จก็ผมก็นอนเล่นอยู่บนเตียงต่อ
ยังไม่คิดจะกลับบ้านตอนนี้หรอก ไหน ๆ
นะโมก็ไม่อยู่รกหูรกตาแล้วขอยืมห้องนอนเล่นหน่อยแล้วกัน
สองข้อความจากไอ้เดย์
สามข้อความจากยัยเตย
ไม่มีข้อความหรือสายที่ไม่ได้รับจากพ่อ
ก็นะ … ผมไม่ได้สำคัญ ขนาดหนีออกมาทั้ง ๆ
ที่เราเพิ่งทะเลาะกันพ่อยังไม่นึกเป็นห่วง
ไม่เคยแยแสว่าผมจะเป็นตายร้ายดียังไงเวลาออกมาอยู่ข้างนอก
เป็นพ่อที่ตลกดีเหมือนกัน
Baitoey : อยู่ไหนอะ
Baitoey : ชอปปิ้งกัน
Baitoey : วันนี้อยากเสียเงินสักแสน
Me : วันนี้ขี้เกียจ
แม้ว่ายังเตยจะส่งข้อความมาตั้งหนึ่งชั่วโมงแล้วแต่ผมก็ยังพิมพ์ตอบ
จากนั้นก็กดอ่านข้อความไอ้เดย์ต่อ
d-day : มึงทำงานจารย์จูนยัง
d-day : ส่งวันนี้สองทุ่มนะ
Me : งานไรวะ
d-day : หนักกว่าตอบว่ายังไม่ทำคือถามว่างานอะไร
d-day : ไอ้หน้าเหี้ย
d-day : มึงลืมจริง ๆ ใช่มั้ย
d-day : วิเคราะห์หนังอะ
ไอ้เดย์ตอบกลับผมเร็วมากเพราะน่าจะกำลังเล่นโทรศัพท์อยู่พอดี
และการตอบกลับของมันในครั้งนี้ก็ทำให้ผมกุมขมับอีกครั้ง
เพิ่งจะรู้สึกสบายใจ
อารมณ์หายขุ่นมัวก็มีเรื่องให้ปวดหัวอีกแล้ว
Me : กูยังไม่ทำ
d-day : กูมีเพื่อนแล้วววววว
d-day : แต่กูกำลังเขียนวิเคราะห์อยู่ นำมึงก้าวหนึ่ง
Me : สัส
d-day : รีบไสหน้าไปหาดูหนังเลยมึง
d-day : จารย์บอกวิเคราะห์ละเอียด ๆ ด้วย
Me : เออ จะรีบทำ
d-day : ส่งให้ทันนะมึง
Me : เออออออออ
ผมตอบไอ้เดย์แค่นั้นแล้วกดล็อกหน้าจอไว้
ไม่ได้เข้าแอพฯไหนอีก
ไอ้เดย์เป็นเหมือนปฏิทินเตือนความจำ
มันช่วยผมในหลาย ๆ เรื่อง โคตรจะแสนดี ดีแบบไม่หวังอะไรตอบแทนด้วย แรก ๆ
ผมก็ไม่ได้คิดหรอกว่ามันจะดีกับผมเพียงเพราะอยากจะดี
แต่ทุกวันนี้ผมเห็นแล้ว
เลยพยายามดีกับมันมากที่สุด และพยายามไม่ก่อปัญหาให้มันต้องบ่นหรือพลอยไม่สบายใจไปด้วย
ผมรู้สึกคอแห้งเลยยันตัวลุกขึ้นจากเตียงเพื่อจะออกไปหาน้ำดื่ม
แกร๊ก!
“เฮ้ย!!!”
สองขาผงะถอยหลังเมื่อประตูห้องนอนถูกเปิดเข้ามาขณะที่ผมกำลังจะจับลูกบิด
ตกใจหมด
“พี่ทำเธอตกใจเหรอ”
“ยังจะมีหน้ามาถาม จะเข้ามาทำไมไม่เคาะประตู” ผมบ่นอุบ
“นี่ห้องพี่” เจ้าของห้องบอกด้วยน้ำเสียงสบาย
ๆ ก่อนจะเหลือบมองจุกบนหัวผมแล้วเผยยิ้มกว้าง
ยิ้มของนะโมมันกว้างเสียจนเห็นรอยบุ๋มข้าง ๆ แก้ม
“ยิ้มไร”
“…”
“หุบยิ้มเดี๋ยวนี้เลยนะโม”
คนเป็นพี่กลั้นยิ้มเอาไว้ตามคำสั่ง
แต่ดูเหมือนจะกลั้นไม่อยู่สักเท่าไหร่ นั่นเป็นเหตุให้ผมค้อนเขาไม่เลิก
ผมพรูลมหายใจหน่าย ๆ ใส่นะโมแล้วพยายามแกะจุกบนหัวออกเพื่อให้เขาเลิกยิ้มแบบนั้นสักที
ทว่ามือสากก็เอื้อมมารั้งเอาไว้
“แบบนี้น่ารักแล้ว”
“…”
“จริง ๆ”
“เลิกยิ้ม”
“ครับ ๆ”
“…”
“พี่ซื้อข้าวมาให้ด้วย มากินเถอะ”
เจ้าของห้องจูงมือผมให้เดินตามไปยังโซนนั่งทานข้าว
“ปล่อย” ผมออกปากสั่งเมื่อเห็นว่าเขายังกุมมือไม่เลิก
แต่นอกจากจะไม่ฟังกันแล้วเขายังแกล้งกระชับการกอบกุมให้แน่นขึ้น
จากนั้นก็ทำมึนแนะนำอาการบนโต๊ะ
“นี่พะแนงเนื้อ แกงจืดเต้าหู้หมูสับ ผัดพริกแกงไก่
แล้วก็ไข่เจียวกุ้ง”
“…”
“เธอกินได้ใช่มั้ย”
“…”
“พี่ไม่รู้ว่าเธอชอบอะไรเลยซื้อมาแค่นี้”
แค่นี้อะไร นี่มันออกจะเยอะไปด้วยซ้ำ
ผมไม่ได้สนใจอาหารตรงหน้า
แค่ยื้อมือตัวเองออกจากพันธนาการของนะโมแล้วเดินตรงไปยังตู้เย็นเพื่อเปิดหาน้ำดื่มแก้กระหาย
“จะกลับบ้านแล้ว”
ผมเดินกลับมาเผชิญหน้ากับเจ้าของห้องอีกครั้ง
“ทานข้าวก่อนสิ”
“ไม่หิว”
โครก …
กระเพาะไม่รักดี
“ฮ่า ๆ ๆ” นะโมหัวเราะร่าเมื่อเห็นว่าผมกำลังโกหกหน้าด้าน
ๆ “เธอมันเด็กเลี้ยงแกะ”
นิ้วเรียวเคาะลงบนปลายจมูกผมเบา ๆ
ปัก!
และผมก็ปัดมือเขาออกทันที
“อย่ามาทำเหมือนเอ็นดูมากนักจะได้มั้ย”
ทั้งสรรพนามที่ใช้เรียก
ทั้งการกระทำต่าง ๆ เมื่อเช้าก็ลูบหัว ตอนนี้ยังจะมาแหย่กันอีก
“แล้วจะให้ทำยังไง”
“…”
“ก็พี่เอ็นดูเธอนี่”
“…” คำพูดของนะโมทำให้ผมนิ่งค้างอยู่แบบเดิม
ผมไม่ได้ถูกเลี้ยงมาด้วยความรัก ไม่ได้ถูกห้อมล้อมด้วยความเอ็นดู
จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเวลาถูกมองด้วยสายตาแสนอ่อนโยนมันรู้สึกยังไง
“มากินข้าวเถอะ”
“…”
“พี่ตั้งใจซื้อมาให้เธอเลยนะ”
“…” ผมโอนอ่อนตามแรงจูงของนะโมอย่างง่ายดาย
กว่าจะได้สติก็นั่งแหมะอยู่บนเก้าอี้แล้ว
“จะดีใจมากถ้าเธอกินหมด”
“…”
ใครจะไปกินหมด โคตรจะเยอะ
นะโมตักข้าวใส่จานให้แล้วนั่งลงฝั่งตรงข้ามผม
“กินเยอะ ๆ นะ”
“ไม่กินด้วยกันเหรอ”
“พี่ยังไม่ค่อยหิว”
ผมหยิบจานเปล่าที่วางอยู่ใกล้ ๆ
มาตักข้าว ยื่นให้นะโมแล้วบอกเสียงเรียบ
“กินด้วยกัน”
คนเป็นพี่ปั้นยิ้มแล้วยอมจำนนให้ผม
เรานั่งทานข้าวด้วยกัน
นะโมดูเป็นคนเอาใจใส่คนอื่นมาก
เขาคอยตักนั่นตักนี่มาวางในจานให้จนผมต้องเอ่ยปรามอยู่หลายครั้ง
Rrrr Rrrr
เสียงริงโทนดังจากโทรศัพท์เครื่องหรูที่วางอยู่บนโต๊ะอาหาร
นะโมหยิบมันขึ้นมากดรับแล้วเอ่ยทักปลายสายห้วน ๆ
“ว่า” สีหน้าเขาเรียบนิ่งตลอดการสนทนนา
“อือ เค”
“…” ผมไม่รู้หรอกนะว่าใครโทรเข้ามา
แต่นะโมพูดน้อยเสมอไม่ว่ากับใคร
ยกเว้นกับผม
“อิ่มแล้วเหรอ”
หลังจากละโทรศัพท์ออกจากหูเจ้าของห้องก็หันมาพูดกับผมทันที
“…” ผมพยักหน้าแกน ๆ เป็นคำตอบ
“ชุดเธอพี่ส่งซัก ถ้าอยากอาบน้ำเปลี่ยนชุด … ใส่ชุดพี่ไปก่อนนะ”
ผมจะไม่ขอบคุณเขาหรอก
เพราะระหว่างเรามันไม่ใช่บุญคุณ
มันคือข้อแลกเปลี่ยน เขาเสนอที่พักให้เพื่อแลกกับไลน์ผม และเขาได้ไลน์ผมไปแล้ว
ฉะนั้นคำขอบคุณคงไม่จำเป็น
แต่จริง ๆ
แล้วก็นึกขอบคุณเขาอยู่หรอกนะ
เพราะนอกจากที่พักแล้วเขายังอำนวยความสะดวกให้ทุกอย่าง
แกร๊ก!
ยังไม่ทันที่เราจะได้ลุกไปไหนก็มีเสียงเปิดประตูเข้ามาในห้อง
“นะโมตัสสะ”
“…”
“อยู่ไหนอะ”
“…”
“อ๋อ … แดกข้าว” ร่างสูงเดินอาด ๆ
เข้ามาหาก่อนจะทำหน้าแปลกใจสุดฤทธิ์ที่เห็นผมนั่งอยู่ด้วย “มาไงอะ”
เข็มหันไปถามเจ้าของห้อง
แต่ก็ไม่ได้คำตอบ
“ไปทำธุระมึงให้เสร็จ”
“อยู่ด้วยกันได้ยังไงเอ่ย อยากใส่ใจจังเลย”
“…”
“อย่าเงียบสิ ... กูเพื่อนมึงมั้ยเอ่ย”
“…”
“ไม่ใช่แน่ ๆ ทรงนี้”
“…”
“อะ มึนใส่กูอีก”
“…”
“นะโมหรือเปล่า นะโมเป็นใบ้หรือเปล่า”
“…”
“โอเคไอ้เหี้ย กูยอมแล้ว” เมื่อเห็นว่านะโมไม่ได้ตอบอะไรเข็มก็ยอมแพ้ไปง่าย
ๆ “กล้องอยู่ไหน”
“ในห้อง”
“ชิ” รุ่นพี่จิ๊จ๊ะเล็กน้อย
เขาผินมองผมครู่หนึ่งก่อนจะเดินไปทางห้องนอนนะโม
ในสายตาคนอื่นผมเป็นตัวร้าย ตัวปัญหา
ตัวต่าง ๆ นานาแล้วแต่ว่าใครจะเรียก ไม่เคยมีสัมพันธ์กับใคร ซ้ำยังไม่ใช่คนอัธยาศัยดีอีกด้วย
มันเลยไม่แปลกที่เข็มจะสงสัยว่าทำไมผมมาอยู่ที่นี่
ผมไม่ได้สนิทกับนะโม
เราไม่มีท่าทีว่าจะสนิทกันได้เลย
ในตอนนี้ผมไม่เข้าใจอย่างมากว่าทำไมนะโมถึงได้นิ่งเงียบอย่างกับใบ้เวลาอยู่กับคนอื่น
แม้แต่กับเพื่อนเขาก็ไม่ค่อยพูด ทว่าอยู่กับผมกลับเป็นคนละคน
พูดมากที่หนึ่งเลย
“ส่งจานมาสิ เดี๋ยวพี่เก็บเอง”
“นี่...” ผมจ้องหน้านะโมตรง ๆ
ก่อนจะยิงคำถามใส่ “ทำไมอยู่กับเพื่อนถึงพูดน้อยนักล่ะ”
“หื้ม?”
“เวลาอยู่กับคนอื่นหรือกับเพื่อนทำไมถึงพูดน้อย”
“ไม่รู้สิ มันเป็นไปเอง”
“แล้วทำไม … อยู่กับเราถึงได้พูดมาก”
ผมเป็นคนหยาบคาย รุ่นพี่หลาย ๆ
คนผมไม่เรียกพี่ด้วยซ้ำ ยิ่งกับแก๊งของเหนือดาวแฟนเจ้าเอยยิ่งแล้วใหญ่
ผมไม่เคารพใครเลย
แต่นะโมดูจะเป็นข้อยกเว้น
ตอนนี้ผมรู้สึกว่าไม่อยากหยาบคายใส่เขา
ซึ่งดูเหมือนรุ่นพี่จะพอใจมากเลยล่ะ
“เพราะพี่อยากคุยกับเธอ”
“ทำไม”
“แกล้งโง่หรือเปล่า”
“…”
“ถ้าพี่พูดออกไปรับปากมั้ยว่าจะเขินให้กัน”
เขินเป็นมารยาทน่ะเหรอ
ทำให้ไม่ได้หรอก
ครืด!
ผมดันจานข้าวที่พร่องไปนิดหน่อยให้นะโมแล้วพูดตัดบทง่าย
ๆ
“จะไปอาบน้ำ”
“…”
“ยืมเสื้อหน่อยแล้วกัน”
ผมบอกแค่นั้นแล้วยันตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
ยังไม่ทันได้เดินไปไหนเข็มก็กลับออกมาจากห้องนะโมพร้อมกับกล้องโปรตัวแพง
“อ้าว กินข้าวอิ่มแล้วเหรอน้องจุก”
สัส!
ลืมไปเลยว่ามัดผมจุกอยู่
“…” ผมมองหน้ารุ่นพี่อย่างไม่สบอารมณ์
ยกนิ้วกลางใส่หน้าแล้วเดินจากมาเงียบ ๆ
ผมไม่ได้ชอบหน้ารุ่นพี่แก๊งนี้สักเท่าไหร่
ที่ยังพอคุยกันได้ก็เพราะมีเจ้าเอยเป็นกาว
“นะโม๊!”
“…”
“มึงเห็นมั้ย” เข็มไม่ได้ด่าผม แต่กลับหันไปฟ้องเพื่อนแทน
“เห็นไร”
“น้องมันยกนิ้วกลางใส่กู!!”
“แล้วมึงจะทำไม”
ผมเผลอยกยิ้มหน่อย ๆ ตอนที่นะโมตอบกลับเพื่อนด้วยคำพูดมึน ๆ สไตล์เขา “เอาจากกูอีกสักนิ้วมั้ย”
ทั้ง ๆ ที่ควรด่า
ทว่านะโมกลับเข้าข้าง
รู้สึกดีพิลึกแฮะ
ความคิดเห็น