ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ☁ #สภาวะลืมรัก (end)

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 01 | อัปครับ

    • อัปเดตล่าสุด 17 ธ.ค. 63


    **คำเตือน**

    นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหา คำพูด การกระทำ และฉากที่ไม่เหมาะสม

    ไม่ควรลอกเลียนแบบ ตรรกะความคิดของตัวละครผิดเพี้ยนไปตามคาแรคเตอร์

    ผู้อ่านควรมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป

    และผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ




    | บทที่ 01 |




    มึงกลับยังไงอะ”

    แกร็บ”

    กูวนรถไปส่งได้นะ”

    เดี๋ยวมึงก็ถึงบ้านดึกหรอก”

    ห่วงเหรอ”

    เปล่า”

    “…”

    เบื่อขี้หน้า”

    คนปากแข็ง”

    บุคคลที่กำลังต่อความยาวสาวความยืดไม่ยอมขึ้นรถไปสักทีคือ ‘ไอ้เดย์’ เพื่อนในสาขาของผมเอง เราค่อนข้างสนิทกัน มันเป็นทั้งเพื่อนเรียน และที่พึ่งพาของผมในบางครั้ง

    จะว่ายังไงดีล่ะ...

    ผมไม่ชอบขอความช่วยเหลือจากใคร แต่มีปัญหาทีไรก็วิ่งแจ้นมาหามันตลอด

    ไม่รู้ทำไมถึงเป็นแบบนั้น แต่ผมรู้สึกสบายใจเวลาอยู่กับมันน่ะ

    จริง ๆ แล้วผมมีเพื่อนหลายกลุ่ม แต่เป็นเพื่อนประเภทที่ไปเที่ยวด้วยกันเฉย ๆ ไม่ได้ให้ใจอะไรมาก หลัง ๆ ไม่ค่อยได้สุงสิงด้วยแล้วแหละ

    เดี๋ยวนี้ผมชอบไปขลุกอยู่กับแก๊งเจ้าเอยมากกว่า

    อยู่ตรงนั้นรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้เป็นคนขึ้นเยอะ

    ไสหัวไปซะที” ผมออกปากไล่ไอ้เดย์อีกครั้ง

    เออ ... เจอกันวันจันทร์”

    “...” ผมพยักหน้ารับแล้วกระชับเป้สะพายหลังใบเหี่ยวมองเพื่อนขึ้นรถแล้วขับออกไป

    เราเพิ่งเลิกกอง ถ่ายหนังสั้นส่งอาจารย์น่ะ

    กลับจากทะเลผมก็เรียนรัว ๆ นี่ก็ใกล้สอบกลางภาคแล้วด้วย มีงานหลายชิ้นที่ต้องส่ง ปีหนึ่งเรียนหลายตัวก็หัวหมุนแบบนี้แหละ

    ผมถึงบอกว่าอยากอยู่ที่ทะเลต่อไง

    อยู่ที่นั่นมันไม่วุ่นวาย

    หลังจากแยกกับไอ้เดย์ผมก็กลับถึงบ้านในเวลาต่อมา เนื่องจากมันค่อนข้างดึกแล้วผมเลยถึงบ้านไวเพราะถนนโล่ง รถไม่ติด

    ไปไหนมา

    เสียงเข้มเอ่ยทักทันทีที่ผมก้าวขาเข้ามาในบ้าน

    เจ้าของเสียงนั่นคือพ่อผมเอง

    มันคงดีกว่านี้หากเราไม่ต้องเจอกัน

    ข้างนอกผมตอบห้วน ๆ แล้วพยายามจะเดินหลบฉากด้วยการขึ้นห้อง แต่ทว่าพ่อก็ไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น

    ดีแต่เที่ยวเล่น แต่ละวันแกทำอะไรบ้าง

    “…”

    ฉันไม่เห็นแกมีประโยชน์ประยาอะไรสักอย่าง

    “…”

    ดีแต่ผลาญเงินไปวัน ๆ

    คุณว่าลูกแรงไปแล้ว

    แรงอะไรกันล่ะคุณ นี่มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ

    กึก!

    ผมชะงักเท้าลงก่อนที่จะได้เดินไปไหนไกล

    เสียงของพ่อที่ไล่หลังมามันน่ารำคาญ ... น่ารำคาญพอ ๆ กับเสียงห้ามปรามของ พิมพาผู้หญิงที่เข้ามาแทนที่แม่แท้ ๆ ของผม

    ผมเกลียดบ้าน

    เกลียดพ่อ

    เกลียดผู้หญิงของพ่อ

    แต่ก็ไปไหนไม่ได้ หากจะย้ายออกไปอยู่หอพ่อจะให้ แพมลูกติดของพิมพาเข้ามาอยู่แทน ไม่ยอมหรอกนะ พิมพาเข้ามาแทนที่แม่ผมได้แล้ว ผมไม่ยอมให้เด็กนั่นมาแทนที่ผมเด็ดขาด!

    ลูกกลับมาเหนื่อย ๆ นะคุณ

    ผมไม่ใช่ลูกคุณผมเตือนความจำพิมพาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

    ผมไม่เคยยอมรับผู้หญิงคนนี้เป็นแม่

    ไม่เคยแม้แต่วินาทีเดียว

    แกกล้าพูดแบบนั้นกับคนที่เอาแต่ปกป้องแกงั้นเหรอ

    ผมขอให้มาปกป้องหรือไงล่ะ

    ฉันไม่เคยสอนให้แกเป็นเด็กแบบนี้นะพักพิง! ทำไมยิ่งโตแกยิ่งทำตัวแย่!” พ่อชี้หน้าผม แววตาที่ท่านใช้มองมามันดูขุ่นเคืองสุดฤทธิ์ แววตาคู่นั้นมันเจือไปด้วยความโกรธและผิดหวัง

    มันลงเอยอีหรอบนี้ทุกครั้งที่เราเจอกัน

    ผมกับพ่อไม่เคยคุยกันดี ๆ

    เพราะแบบนี้ผมเลยไม่ค่อยอยู่บ้าน พยายามเลี่ยงไม่ให้เราเจอกัน

    ไม่รู้ว่าอะไรพาเราอยู่ในจุดนี้

    จุดที่คุยกันดี ๆ ไม่ได้แล้ว ไม่ได้แน่ ๆ

    ใจเย็น ๆ ค่ะคุณ พิมพาพยายามปลอบให้พ่อใจเย็นลง แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์อะไร

    ทำไมแกถึงไม่ได้ดั่งใจเหมือนลูกคนอื่นบ้าง

    ผมกำหมัดแน่นเพื่อข่มอารมณ์

    นานแล้วที่ผมทนกับคำด่าพรรค์นี้ การเปรียบเทียบต่าง ๆ นานาที่พ่อสรรหามาพ่นใส่ มันเจ็บปวดทุกครั้งที่ได้ยินแบบนั้น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะคำว่าลูกมันค้ำคอ

    พ่อยังไม่ได้ถามด้วยซ้ำว่าผมไปทำอะไรมา

    เจอหน้าก็ด่ากันแล้ว

    เปิดประเด็นมาเหมือนผมผิด และปิดท้ายด้วยการเปรียบเทียบผมกับลูกคนอื่น

    ใจร้ายนะ

    ทุกครั้งที่พ่อถามว่าทำไมผมไม่เก่ง ไม่ดี ไม่ได้ดั่งใจเหมือนลูกคนอื่นบ้าง ผมก็ได้แต่ถามกลับในใจ ว่าทำไมพ่อถึงไม่ใจดีเหมือนพ่อคนอื่นบ้าง

    ทำไมไม่เป็นพ่อที่มีเหตุผลบ้าง

    มันน่าหงุดหงิดตรงที่ผมถามได้แค่ในใจ

    ได้แค่ในใจเท่านั้น

     

    ☁☁☁

     

    @the k café

    เวลา 00:49

    หลังจากที่ทะเลาะกับพ่อเสียใหญ่โตผมก็เดินหนีออกมาจากบ้าน แต่เนื่องจากไม่มีที่ไปเลยนั่งรถกลับมาแถว ๆ มหาวิทยาลัยเพราะมีคาเฟ่ที่เปิด 24 ชั่วโมงอยู่แถวนี้

    วันนี้ไอ้เดย์ไม่อยู่ห้อง นั่นแปลว่าผมไม่มีที่ซุกหัวนอน

    จะกลับบ้านก็ไม่ได้แล้ว

    หากพ่อยังอยู่ ผมก็ไม่อยากอยู่

    ครั้นจะโทรหาเจ้าเอยหรือเพื่อนคนอื่น ๆ ก็เห็นทีจะไม่ได้ ผมรบกวนเจ้าเอยมาเยอะแล้ว ส่วนเพื่อนคนอื่น ๆ ผมรู้สึกไม่อยากเป็นตัวปัญหาให้ใครเลย

    ทุกวันนี้เป็นตัวปัญหาให้พ่อคนเดียวก็พอแล้ว

    ไม่ยักรู้ว่าเธอนิยมนั่งร้านแบบนี้ด้วยเสียงคุ้นหูทำให้ผมเงยหน้ามอง

    “…”

    เป็นนะโมจริง ๆ ด้วย

    เวรกรรมอะไรวะเนี่ย

    มาทำอะไรเหรอ

    มานั่งผมตอบไปตามความจริง

    แค่มานั่งกลุ้ม เพราะไม่มีที่จะไปนอน

    ครั้นจะไปนอนโรงแรมก็ไม่กล้า ผมเคยลองแล้ว เจอผีครั้งเดียวเข็ดมาจนถึงทุกวันนี้

    ห้องไอ้เดย์แม่งเป็นเซฟโซนที่ดีที่สุดแล้ว

    ตอนนี้ผมง่วงมาก ออกกองมาทั้งวัน เมื่อยตัวอยากอาบน้ำนอนพักจะตายชักแล้ว คิดถึงห้องไอ้เดย์สุด ๆ

    ให้พี่นั่งเป็นเพื่อนมั้ย

    “…” ยังไม่ทันได้ตอบรุ่นพี่ตัวสูงก็ทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามอย่างถือวิสาสะ

    จะอยู่นานเปล่า

    นาน

    นานแค่ไหน

    ถึงเช้า

    รอให้พ่อออกจากบ้านก่อนค่อยกลับ ขืนกลับไปตอนนี้มีหวังพ่อได้เยาะเย้ยว่าผมไปไหนไม่รอดแน่ ๆ

    ทำไมล่ะ

    จะถามอะไรเยอะแยะผมถามนะโมอย่างไม่สบอารมณ์

    พี่แค่อยากรู้

    ผมไม่ได้ตอบอะไรเขาอีก แค่ดับอารมณ์ขุ่นมัวด้วยการยกนมเย็นขึ้นมาดื่มแล้วถามบุคคลตรงหน้าด้วยความอยากรู้

    แล้วมาทำอะไรที่นี่

    มาซื้อน้ำน่ะ เดินเล่นเหนื่อย

    เดินเล่น?ผมทวนคำพูดนั้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ

    นี่เกือบจะตีหนึ่งอยู่แล้ว

    ครับ ถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยนะโมยกกล้องขึ้นมาลั่นชัดเตอร์ใส่ผมก่อนจะบอกเสริม จริงสิ ตอนไปทะเลกล้องพี่มีรูปเธอด้วยนะ

    “…”

    อยากได้มั้ย

    “…”

    แอดไลน์มาสิเดี๋ยวพี่ส่งให้

    ท่าทาง น้ำเสียง และสายตานั่นผมไม่รู้เลยว่านะโมแค่อยากส่งรูปให้หรือหลอกขอไลน์กันแน่

    เขาเป็นคนที่เดายากเสมอ

    จีบเหรอ

    ผมถามออกไปดื้อ ๆ เพราะเบื่อจะมานั่งคาดเดา

    เธอคิดว่าไง

    คิดว่าจีบ

    แม้จะหน้าแหกผมก็ขอเข้าข้างตัวเองไว้ก่อน มันไม่เสียหายหากจะคิดแบบนั้น นะโมไม่เคยเฉียดเข้ามาใกล้ผมด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้กลับเข้าหาทุกครั้งที่มีโอกาส

    แล้วถ้าพี่บอกว่าจีบ

    “…”

    เธอจะให้พี่จีบมั้ย

    “…” ผมไหวไหล่ไม่รู้ไม่ชี้

    ไม่ได้รังเกียจหรอก แต่ผมไม่อยากเล่นกับอะไรที่ไม่เข้าใจ

    ผมไม่รู้จักนะโมสักนิด

    ทำไมไม่กลับบ้าน สีหน้าเธอดูเพลีย ๆ นะในเมื่อผมไม่ได้ตอบนะโมก็พาเปลี่ยนประเด็นไปดื้อ ๆ

    “…”

    กลับได้ก็ดีสิ

    ง่วงจะแย่

    นี่หนีออกจากบ้านมาเหรอตาคมกวาดมองสภาพผมและกระเป๋าเป้ใบเหี่ยวที่นอนแอ่งแม้งอยู่ข้าง ๆ แล้วถามเสริมอีก ไม่มีที่ไปใช่มั้ย

    “…”

    นะโมญาณทิพย์

    แค่ปรายตาเขาก็มองผมออกหมด

    ไปนอนห้องพี่มั้ย

    นี่!” ผมมองรุ่นพี่ด้วยสายตาแข็งกร้าวกว่าเดิม ไม่ง่ายนะ

    ถ้ายังจะมาดูถูกกันวันนี้ได้มีมวยแน่

    คนยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่

    อย่าเข้าใจผิดดิ คอนโดฯพี่มีห้องว่าง

    “…”

    แค่เห็นเธอดูเหนื่อย ๆ เลยลองชวนดู อีกหลายชั่วโมงกว่าจะเช้า เธอจะไม่นอนจริง ๆ เหรอ

    เขาแค่เป็นคนใจดี

    หรือมีอะไรแอบแฝงกันแน่

    เพื่ออะไร

    หื้ม?คิ้วพาดเฉียงได้รูปเลิกขึ้นเชิงถาม

    มาทำดีด้วยเพื่ออะไร

    “…”

    ชวนค้างด้วยเพื่ออะไร

    “…”

    ทำแล้วได้อะไร

    ด้วยความสงสัยผมเลยรัวคำถามไปแบบนั้น

    มันไม่มีใครทำดีแล้วไม่หวังผลหรอก

    แลกกับไลน์เธอ

    “…”

    ได้มั้ย

    เมื่อเข้าใจจุดประสงค์ของนะโมผมก็ยันตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง คว้ากระเป๋าและแก้วน้ำหวานขึ้นมาไว้ในมือ เดินออกจากร้านมาดื้อ ๆ โดยไม่เอ่ยลานะโมสักคำ

    มันคือการปฏิเสธนั่นแหละ

    เข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่าเขาคิดยังไง

    ทำทั้งหมดเพื่อขอไลน์เนี่ยนะ

    อยากได้อะไรขนาดนั้น

    ผมพรูลมหายใจออกหน่าย ๆ แล้วยืนพิงราวเหล็กอยู่บริเวณหน้าร้าน เดินหนีออกมาแบบนี้ แต่ก็นึกไม่ออกอยู่ดีว่าจะไปอยู่ไหน

    ง่วงก็ง่วง

    เหนื่อยก็เหนื่อย

    แม่งเอ๊ย!” ผมสบถออกมาอย่างหยาบคายแล้วยอมจำนนให้กับความเหนื่อยล้าของร่างกาย

    สองขายาวก้าวเข้าร้าน ตรงดิ่งไปหารุ่นพี่ที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม นะโมเงยหน้ามองผมแล้วหลุดหัวเราะออกมา เขากำลังยิ้มเยาะผม

    อะไรครับ?

    คนอายุมากกว่าเอ่ยถามตอนที่ผมเอื้อมมือไปขอโทรศัพท์จากเขา

    นะโมรู้ว่าผมยอมแล้ว

    แต่เขาก็ยังแกล้งถาม

    จะเอามั้ยไลน์น่ะ

    พี่นึกว่าเธอไม่อยากให้ซะอีก

    เร็ว ๆ อย่าลีลา

    “…”

    ง่วง

    หึนะโมยิ้มขำใส่ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมายื่นให้

    แม้จะเจ็บใจที่ต้องพึ่งเขาแต่ผมก็ต้องเก็บงำอารมณ์ร้าย ๆ เอาไว้เพราะรู้สึกว่าร่างกายกำลังจะไม่ไหว

    มันง่วงและเพลียมากจริง ๆ

     

    ☁☁☁

     

    หลังจากให้ไลน์ไปแล้วนะโมก็พาผมเดินตามทางเท้าเพื่อไปขึ้นรถที่จอดอยู่ไม่ไกล

    เขาบอกว่าไม่ไกล แต่นี่เราเดินห่างจากคาเฟ่มาไกลมากแล้วก็ยังไม่ถึงรถเขาสักที จริงอยู่ที่อากาศตอนกลางคืนไม่ร้อนเหมือนตอนกลางวัน แต่มันก็เหนื่อย

    เหนื่อยมากด้วย

    อีกไกลมั้ย

    ผมถามคำถามนี้รอบที่สาม

    ร่างกายมันเหนื่อยล้าจนจะบ้าแล้ว ผมไม่ได้ให้ไลน์เขาเพื่อมาเดินลากเท้าแบบนี้นะ ผมต้องการนอน

    เดี๋ยวก็ถึงแล้ว

    เมื่อกี้ก็พูดแบบนี้

    จะถึงแล้วครับ

    รู้งี้รอที่ร้านดีกว่า

    “…”

    เหนื่อยก็เหนื่อย

    “…”

    ง่วงก็ง่วง

    “…”

    บอกจะถึง ๆ มาสามรอบแล้วยังไม่ถึงเลย

    หากไอ้เดย์ไม่ต้องกลับบ้านทุกอย่างมันคงเรียบง่ายกว่านี้มาก

    กึก!

    คนอายุมากกว่าชะงักฝีเท้าลง ฝั่งซ้ายมือเป็นลานจอดรถกว้าง ๆ มีรถหลายคันจอดอยู่บริเวณนั้น รถนะโมก็คงเหมือนกัน

    รุ่นพี่หันมาสบตา รอยยิ้มบาง ๆ เปี่ยมอยู่บนใบหน้าเขา

    ถึงแล้วยัยขี้บ่น

    “…”

    เรียกเธอยังพอเข้าใจได้นะ

    แต่ยัยขี้บ่นนี่มัน น่าโมโห

    บอกแล้วว่าไม่ไกล คนเป็นพี่พูดกับผมแค่นั้นแล้วเดินเข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เสร็จธุระเขาก็หันมาเรียก รถพี่จอดฝั่งนี้ ตามมา

    “…” ผมได้แต่เดินตามเขาต้อย ๆ เพื่อไปขึ้นรถ

    ลานจอดรถนี้ค่อนข้างใหญ่ ดีที่รถนะโมจอดอยู่ใกล้ทางออกเราเลยไม่ต้องเดินไกลให้เมื่อยเท้าอีก

    ทันทีที่รุ่นพี่ปลดล็อกรถยนต์คันหรูผมก็เปิดประตูแล้วไถลตัวเข้าไปนอนราบอยู่เบาะหลัง

    แม้พื้นที่จะไม่ได้เยอะเหมือนเตียงนอนแต่พอได้เอนหลังมันก็รู้สึกดีจวนจะบ้า

    พี่เป็นคนขับรถเธอหรือยังไงนะนะโมบ่นพึมพำตอนที่เข้ามานั่งประจำตำแหน่งแล้ว รอบที่แล้วก็ไม่ยอมมานั่งข้างพี่ ครั้งนี้ก็เอาอีกแล้ว

    “…”

    ไม่คิดว่าพี่จะเคว้งบ้างหรือไง

    ผมปรายมองเจ้าของรถก่อนจะย้อนเขา

    ขี้บ่น



    tbc.
    #สภาวะลืมรัก

    ยัยขี้บ่น
    ยัยขี้บ่น
    ยัยขี้บ่น

    เจอกันตอนหน้านะคะทุกคนนนนนนน
    อย่าลืมสกรีมแท็ก #สภาวะลืมรัก เด้อออออ

    (ยังไม่ตรวจคำผิดนะคะ ถ้าเจอเม้นบอกได้)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×