คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 01 | อัปครับ
**คำเตือน**
นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหา คำพูด การกระทำ และฉากที่ไม่เหมาะสม
ไม่ควรลอกเลียนแบบ ตรรกะความคิดของตัวละครผิดเพี้ยนไปตามคาแรคเตอร์
ผู้อ่านควรมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
และผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ
| บทที่ 01 | |
“มึงกลับยังไงอะ”
“แกร็บ”
“กูวนรถไปส่งได้นะ”
“เดี๋ยวมึงก็ถึงบ้านดึกหรอก”
“ห่วงเหรอ”
“เปล่า”
“…”
“เบื่อขี้หน้า”
“คนปากแข็ง”
บุคคลที่กำลังต่อความยาวสาวความยืดไม่ยอมขึ้นรถไปสักทีคือ ‘ไอ้เดย์’
เพื่อนในสาขาของผมเอง เราค่อนข้างสนิทกัน มันเป็นทั้งเพื่อนเรียน
และที่พึ่งพาของผมในบางครั้ง
จะว่ายังไงดีล่ะ...
ผมไม่ชอบขอความช่วยเหลือจากใคร แต่มีปัญหาทีไรก็วิ่งแจ้นมาหามันตลอด
ไม่รู้ทำไมถึงเป็นแบบนั้น แต่ผมรู้สึกสบายใจเวลาอยู่กับมันน่ะ
จริง ๆ แล้วผมมีเพื่อนหลายกลุ่ม แต่เป็นเพื่อนประเภทที่ไปเที่ยวด้วยกันเฉย
ๆ ไม่ได้ให้ใจอะไรมาก หลัง ๆ ไม่ค่อยได้สุงสิงด้วยแล้วแหละ
เดี๋ยวนี้ผมชอบไปขลุกอยู่กับแก๊งเจ้าเอยมากกว่า
อยู่ตรงนั้นรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้เป็นคนขึ้นเยอะ
“ไสหัวไปซะที”
ผมออกปากไล่ไอ้เดย์อีกครั้ง
“เออ ...
เจอกันวันจันทร์”
“...” ผมพยักหน้ารับแล้วกระชับเป้สะพายหลังใบเหี่ยวมองเพื่อนขึ้นรถแล้วขับออกไป
เราเพิ่งเลิกกอง ถ่ายหนังสั้นส่งอาจารย์น่ะ
กลับจากทะเลผมก็เรียนรัว ๆ นี่ก็ใกล้สอบกลางภาคแล้วด้วย
มีงานหลายชิ้นที่ต้องส่ง ปีหนึ่งเรียนหลายตัวก็หัวหมุนแบบนี้แหละ
ผมถึงบอกว่าอยากอยู่ที่ทะเลต่อไง
อยู่ที่นั่นมันไม่วุ่นวาย
หลังจากแยกกับไอ้เดย์ผมก็กลับถึงบ้านในเวลาต่อมา
เนื่องจากมันค่อนข้างดึกแล้วผมเลยถึงบ้านไวเพราะถนนโล่ง รถไม่ติด
“ไปไหนมา”
เสียงเข้มเอ่ยทักทันทีที่ผมก้าวขาเข้ามาในบ้าน
เจ้าของเสียงนั่นคือพ่อผมเอง
มันคงดีกว่านี้หากเราไม่ต้องเจอกัน
“ข้างนอก” ผมตอบห้วน ๆ แล้วพยายามจะเดินหลบฉากด้วยการขึ้นห้อง
แต่ทว่าพ่อก็ไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น
“ดีแต่เที่ยวเล่น แต่ละวันแกทำอะไรบ้าง”
“…”
“ฉันไม่เห็นแกมีประโยชน์ประยาอะไรสักอย่าง”
“…”
“ดีแต่ผลาญเงินไปวัน ๆ”
“คุณ…ว่าลูกแรงไปแล้ว”
“แรงอะไรกันล่ะคุณ นี่มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ”
กึก!
ผมชะงักเท้าลงก่อนที่จะได้เดินไปไหนไกล
เสียงของพ่อที่ไล่หลังมามันน่ารำคาญ
... น่ารำคาญพอ ๆ กับเสียงห้ามปรามของ ‘พิมพา’ ผู้หญิงที่เข้ามาแทนที่แม่แท้ ๆ ของผม
ผมเกลียดบ้าน
เกลียดพ่อ
เกลียดผู้หญิงของพ่อ
แต่ก็ไปไหนไม่ได้
หากจะย้ายออกไปอยู่หอพ่อจะให้ ‘แพม’ ลูกติดของพิมพาเข้ามาอยู่แทน … ไม่ยอมหรอกนะ
พิมพาเข้ามาแทนที่แม่ผมได้แล้ว ผมไม่ยอมให้เด็กนั่นมาแทนที่ผมเด็ดขาด!
“ลูกกลับมาเหนื่อย ๆ นะคุณ”
“ผมไม่ใช่ลูกคุณ” ผมเตือนความจำพิมพาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
ผมไม่เคยยอมรับผู้หญิงคนนี้เป็นแม่
ไม่เคยแม้แต่วินาทีเดียว
“แกกล้าพูดแบบนั้นกับคนที่เอาแต่ปกป้องแกงั้นเหรอ”
“ผมขอให้มาปกป้องหรือไงล่ะ”
“ฉันไม่เคยสอนให้แกเป็นเด็กแบบนี้นะพักพิง! ทำไมยิ่งโตแกยิ่งทำตัวแย่!” พ่อชี้หน้าผม
แววตาที่ท่านใช้มองมามันดูขุ่นเคืองสุดฤทธิ์ … แววตาคู่นั้นมันเจือไปด้วยความโกรธและผิดหวัง
มันลงเอยอีหรอบนี้ทุกครั้งที่เราเจอกัน
ผมกับพ่อไม่เคยคุยกันดี ๆ
เพราะแบบนี้ผมเลยไม่ค่อยอยู่บ้าน
พยายามเลี่ยงไม่ให้เราเจอกัน
ไม่รู้ว่าอะไรพาเราอยู่ในจุดนี้
จุดที่คุยกันดี ๆ ไม่ได้แล้ว … ไม่ได้แน่ ๆ
“ใจเย็น ๆ ค่ะคุณ”
พิมพาพยายามปลอบให้พ่อใจเย็นลง แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์อะไร
“ทำไมแกถึงไม่ได้ดั่งใจเหมือนลูกคนอื่นบ้าง”
ผมกำหมัดแน่นเพื่อข่มอารมณ์
นานแล้วที่ผมทนกับคำด่าพรรค์นี้
การเปรียบเทียบต่าง ๆ นานาที่พ่อสรรหามาพ่นใส่ มันเจ็บปวดทุกครั้งที่ได้ยินแบบนั้น
แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะคำว่าลูกมันค้ำคอ
พ่อยังไม่ได้ถามด้วยซ้ำว่าผมไปทำอะไรมา
เจอหน้าก็ด่ากันแล้ว
เปิดประเด็นมาเหมือนผมผิด
และปิดท้ายด้วยการเปรียบเทียบผมกับลูกคนอื่น
ใจร้ายนะ
ทุกครั้งที่พ่อถามว่าทำไมผมไม่เก่ง
ไม่ดี ไม่ได้ดั่งใจเหมือนลูกคนอื่นบ้าง ผมก็ได้แต่ถามกลับในใจ … ว่าทำไมพ่อถึงไม่ใจดีเหมือนพ่อคนอื่นบ้าง
ทำไมไม่เป็นพ่อที่มีเหตุผลบ้าง
มันน่าหงุดหงิดตรงที่ผมถามได้แค่ในใจ
ได้แค่ในใจเท่านั้น
☁☁☁
@the
k café
เวลา 00:49
หลังจากที่ทะเลาะกับพ่อเสียใหญ่โตผมก็เดินหนีออกมาจากบ้าน
แต่เนื่องจากไม่มีที่ไปเลยนั่งรถกลับมาแถว ๆ มหาวิทยาลัยเพราะมีคาเฟ่ที่เปิด 24 ชั่วโมงอยู่แถวนี้
วันนี้ไอ้เดย์ไม่อยู่ห้อง … นั่นแปลว่าผมไม่มีที่ซุกหัวนอน
จะกลับบ้านก็ไม่ได้แล้ว
หากพ่อยังอยู่ ผมก็ไม่อยากอยู่
ครั้นจะโทรหาเจ้าเอยหรือเพื่อนคนอื่น
ๆ ก็เห็นทีจะไม่ได้ … ผมรบกวนเจ้าเอยมาเยอะแล้ว ส่วนเพื่อนคนอื่น ๆ
ผมรู้สึกไม่อยากเป็นตัวปัญหาให้ใครเลย
ทุกวันนี้เป็นตัวปัญหาให้พ่อคนเดียวก็พอแล้ว
“ไม่ยักรู้ว่าเธอนิยมนั่งร้านแบบนี้ด้วย” เสียงคุ้นหูทำให้ผมเงยหน้ามอง
“…”
เป็นนะโมจริง ๆ ด้วย
เวรกรรมอะไรวะเนี่ย
“มาทำอะไรเหรอ”
“มานั่ง” ผมตอบไปตามความจริง
แค่มานั่งกลุ้ม เพราะไม่มีที่จะไปนอน
ครั้นจะไปนอนโรงแรมก็ไม่กล้า
ผมเคยลองแล้ว … เจอผีครั้งเดียวเข็ดมาจนถึงทุกวันนี้
ห้องไอ้เดย์แม่งเป็นเซฟโซนที่ดีที่สุดแล้ว
ตอนนี้ผมง่วงมาก ออกกองมาทั้งวัน
เมื่อยตัวอยากอาบน้ำนอนพักจะตายชักแล้ว คิดถึงห้องไอ้เดย์สุด ๆ
“ให้พี่นั่งเป็นเพื่อนมั้ย”
“…” ยังไม่ทันได้ตอบรุ่นพี่ตัวสูงก็ทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามอย่างถือวิสาสะ
“จะอยู่นานเปล่า”
“นาน”
“นานแค่ไหน”
“ถึงเช้า”
รอให้พ่อออกจากบ้านก่อนค่อยกลับ … ขืนกลับไปตอนนี้มีหวังพ่อได้เยาะเย้ยว่าผมไปไหนไม่รอดแน่ ๆ
“ทำไมล่ะ”
“จะถามอะไรเยอะแยะ” ผมถามนะโมอย่างไม่สบอารมณ์
“พี่แค่อยากรู้”
ผมไม่ได้ตอบอะไรเขาอีก
แค่ดับอารมณ์ขุ่นมัวด้วยการยกนมเย็นขึ้นมาดื่มแล้วถามบุคคลตรงหน้าด้วยความอยากรู้
“แล้วมาทำอะไรที่นี่”
“มาซื้อน้ำน่ะ เดินเล่นเหนื่อย”
“เดินเล่น?” ผมทวนคำพูดนั้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ
นี่เกือบจะตีหนึ่งอยู่แล้ว
“ครับ … ถ่ายรูปเล่นไปเรื่อย”
นะโมยกกล้องขึ้นมาลั่นชัดเตอร์ใส่ผมก่อนจะบอกเสริม “จริงสิ ตอนไปทะเลกล้องพี่มีรูปเธอด้วยนะ”
“…”
“อยากได้มั้ย”
“…”
“แอดไลน์มาสิเดี๋ยวพี่ส่งให้”
ท่าทาง น้ำเสียง
และสายตานั่นผมไม่รู้เลยว่านะโมแค่อยากส่งรูปให้หรือหลอกขอไลน์กันแน่
เขาเป็นคนที่เดายากเสมอ
“จีบเหรอ”
ผมถามออกไปดื้อ ๆ
เพราะเบื่อจะมานั่งคาดเดา
“เธอคิดว่าไง”
“คิดว่าจีบ”
แม้จะหน้าแหกผมก็ขอเข้าข้างตัวเองไว้ก่อน
มันไม่เสียหายหากจะคิดแบบนั้น นะโมไม่เคยเฉียดเข้ามาใกล้ผมด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้กลับเข้าหาทุกครั้งที่มีโอกาส
“แล้วถ้าพี่บอกว่าจีบ”
“…”
“เธอจะให้พี่จีบมั้ย”
“…” ผมไหวไหล่ไม่รู้ไม่ชี้
ไม่ได้รังเกียจหรอก
แต่ผมไม่อยากเล่นกับอะไรที่ไม่เข้าใจ
ผมไม่รู้จักนะโมสักนิด
“ทำไมไม่กลับบ้าน สีหน้าเธอดูเพลีย ๆ นะ” ในเมื่อผมไม่ได้ตอบนะโมก็พาเปลี่ยนประเด็นไปดื้อ ๆ
“…”
กลับได้ก็ดีสิ
ง่วงจะแย่
“นี่หนีออกจากบ้านมาเหรอ” ตาคมกวาดมองสภาพผมและกระเป๋าเป้ใบเหี่ยวที่นอนแอ่งแม้งอยู่ข้าง
ๆ แล้วถามเสริมอีก “ไม่มีที่ไปใช่มั้ย”
“…”
นะโมญาณทิพย์
แค่ปรายตาเขาก็มองผมออกหมด
“ไปนอนห้องพี่มั้ย”
“นี่!” ผมมองรุ่นพี่ด้วยสายตาแข็งกร้าวกว่าเดิม
“ไม่ง่ายนะ”
ถ้ายังจะมาดูถูกกันวันนี้ได้มีมวยแน่
คนยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่
“อย่าเข้าใจผิดดิ คอนโดฯพี่มีห้องว่าง”
“…”
“แค่เห็นเธอดูเหนื่อย ๆ เลยลองชวนดู
อีกหลายชั่วโมงกว่าจะเช้า เธอจะไม่นอนจริง ๆ เหรอ”
เขาแค่เป็นคนใจดี
หรือมีอะไรแอบแฝงกันแน่
“เพื่ออะไร”
“หื้ม?” คิ้วพาดเฉียงได้รูปเลิกขึ้นเชิงถาม
“มาทำดีด้วยเพื่ออะไร”
“…”
“ชวนค้างด้วยเพื่ออะไร”
“…”
“ทำแล้วได้อะไร”
ด้วยความสงสัยผมเลยรัวคำถามไปแบบนั้น
มันไม่มีใครทำดีแล้วไม่หวังผลหรอก
“แลกกับไลน์เธอ”
“…”
“ได้มั้ย”
เมื่อเข้าใจจุดประสงค์ของนะโมผมก็ยันตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
คว้ากระเป๋าและแก้วน้ำหวานขึ้นมาไว้ในมือ เดินออกจากร้านมาดื้อ ๆ
โดยไม่เอ่ยลานะโมสักคำ
มันคือการปฏิเสธนั่นแหละ
เข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่าเขาคิดยังไง
ทำทั้งหมดเพื่อขอไลน์เนี่ยนะ
อยากได้อะไรขนาดนั้น
ผมพรูลมหายใจออกหน่าย ๆ
แล้วยืนพิงราวเหล็กอยู่บริเวณหน้าร้าน เดินหนีออกมาแบบนี้ … แต่ก็นึกไม่ออกอยู่ดีว่าจะไปอยู่ไหน
ง่วงก็ง่วง
เหนื่อยก็เหนื่อย
“แม่งเอ๊ย!” ผมสบถออกมาอย่างหยาบคายแล้วยอมจำนนให้กับความเหนื่อยล้าของร่างกาย
สองขายาวก้าวเข้าร้าน
ตรงดิ่งไปหารุ่นพี่ที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม นะโมเงยหน้ามองผมแล้วหลุดหัวเราะออกมา
เขากำลังยิ้มเยาะผม
“อะไรครับ?”
คนอายุมากกว่าเอ่ยถามตอนที่ผมเอื้อมมือไปขอโทรศัพท์จากเขา
นะโมรู้ว่าผมยอมแล้ว
แต่เขาก็ยังแกล้งถาม
“จะเอามั้ยไลน์น่ะ”
“พี่นึกว่าเธอไม่อยากให้ซะอีก”
“เร็ว ๆ อย่าลีลา”
“…”
“ง่วง”
“หึ” นะโมยิ้มขำใส่ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมายื่นให้
แม้จะเจ็บใจที่ต้องพึ่งเขาแต่ผมก็ต้องเก็บงำอารมณ์ร้าย
ๆ เอาไว้เพราะรู้สึกว่าร่างกายกำลังจะไม่ไหว
มันง่วงและเพลียมากจริง ๆ
☁☁☁
หลังจากให้ไลน์ไปแล้วนะโมก็พาผมเดินตามทางเท้าเพื่อไปขึ้นรถที่จอดอยู่ไม่ไกล
เขาบอกว่าไม่ไกล
แต่นี่เราเดินห่างจากคาเฟ่มาไกลมากแล้วก็ยังไม่ถึงรถเขาสักที จริงอยู่ที่อากาศตอนกลางคืนไม่ร้อนเหมือนตอนกลางวัน
แต่มันก็เหนื่อย
เหนื่อยมากด้วย
“อีกไกลมั้ย”
ผมถามคำถามนี้รอบที่สาม
ร่างกายมันเหนื่อยล้าจนจะบ้าแล้ว
ผมไม่ได้ให้ไลน์เขาเพื่อมาเดินลากเท้าแบบนี้นะ ผมต้องการนอน
“เดี๋ยวก็ถึงแล้ว”
“เมื่อกี้ก็พูดแบบนี้”
“จะถึงแล้วครับ”
“รู้งี้รอที่ร้านดีกว่า”
“…”
“เหนื่อยก็เหนื่อย”
“…”
“ง่วงก็ง่วง”
“…”
“บอกจะถึง ๆ มาสามรอบแล้วยังไม่ถึงเลย”
หากไอ้เดย์ไม่ต้องกลับบ้านทุกอย่างมันคงเรียบง่ายกว่านี้มาก
กึก!
คนอายุมากกว่าชะงักฝีเท้าลง ฝั่งซ้ายมือเป็นลานจอดรถกว้าง
ๆ มีรถหลายคันจอดอยู่บริเวณนั้น รถนะโมก็คงเหมือนกัน
รุ่นพี่หันมาสบตา รอยยิ้มบาง ๆ
เปี่ยมอยู่บนใบหน้าเขา
“ถึงแล้วยัยขี้บ่น”
“…”
เรียกเธอยังพอเข้าใจได้นะ
แต่ยัยขี้บ่นนี่มัน … น่าโมโห
“บอกแล้วว่าไม่ไกล”
คนเป็นพี่พูดกับผมแค่นั้นแล้วเดินเข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
เสร็จธุระเขาก็หันมาเรียก “รถพี่จอดฝั่งนี้ ตามมา”
“…” ผมได้แต่เดินตามเขาต้อย ๆ เพื่อไปขึ้นรถ
ลานจอดรถนี้ค่อนข้างใหญ่
ดีที่รถนะโมจอดอยู่ใกล้ทางออกเราเลยไม่ต้องเดินไกลให้เมื่อยเท้าอีก
ทันทีที่รุ่นพี่ปลดล็อกรถยนต์คันหรูผมก็เปิดประตูแล้วไถลตัวเข้าไปนอนราบอยู่เบาะหลัง
แม้พื้นที่จะไม่ได้เยอะเหมือนเตียงนอนแต่พอได้เอนหลังมันก็รู้สึกดีจวนจะบ้า
“พี่เป็นคนขับรถเธอหรือยังไงนะ” นะโมบ่นพึมพำตอนที่เข้ามานั่งประจำตำแหน่งแล้ว
“รอบที่แล้วก็ไม่ยอมมานั่งข้างพี่ ครั้งนี้ก็เอาอีกแล้ว”
“…”
“ไม่คิดว่าพี่จะเคว้งบ้างหรือไง”
ผมปรายมองเจ้าของรถก่อนจะย้อนเขา
“ขี้บ่น”
ความคิดเห็น