ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ☁ #สภาวะลืมรัก (end)

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ | อัปครบ

    • อัปเดตล่าสุด 17 ธ.ค. 63


    **คำเตือน**

    นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหา คำพูด การกระทำ และฉากที่ไม่เหมาะสม

    ไม่ควรลอกเลียนแบบ ตรรกะความคิดของตัวละครผิดเพี้ยนไปตามคาแรคเตอร์

    ผู้อ่านควรมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป

    และผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ




    | บทนำ |




    โปรแกรมความรัก มักจะมาพร้อมกับไวรัสที่ชื่อว่า ความเจ็บปวด หากคิดจะติดตั้งโปรแกรมนี้เข้ามาในหัวใจ นั่นแปลว่ายอมรับความเจ็บปวดโดยไร้ข้อกังขา

    สำหรับผมความรักเป็นแบบนั้น

    ผมมองความรักด้านเดียวมาตลอด มันเป็นด้านที่มีแต่ความเจ็บปวด ด้านที่ทำให้คนมีรักนั้นอ่อนแอ จนวันหนึ่งสถานการณ์รอบตัวเปลี่ยนไป

    ผมมองรักในมุมที่กว้างขึ้น

    กว้างขึ้นเพราะ เจ้าเอยผู้ชายหน้าตาน่ารัก เนื้อตัวนุ่มนิ่มที่ผมตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น แต่ใช่ว่าทุกคนจะสมหวังกับความรัก ตอนนี้เรากลายมาเป็นเพื่อนกัน

    เจ้าเอยมีแฟนแล้ว

    น่าขำตรงที่แฟนเขาดันเป็นคนที่ผมเกลียด

    ช่างเถอะ

    เขาหยิบยื่นสถานะเพื่อนมาให้ แม้จะไม่เต็มใจ แต่ในเมื่อไม่มีสถานะไหนที่เป็นได้ผมก็ต้องยืนอยู่จุดนี้ให้มั่นคง เพื่อจะได้อยู่ใกล้ ๆ เขาต่อไป

    ครืน

    เสียงคลื่นทะเลซัดฝั่ง ผมนั่งมองเกลียวคลื่นพวกนั้นมาสักพักใหญ่ ๆ แล้ว มันรู้สึกดีนะ นานมากแล้วที่ผมไม่ได้มาเที่ยวทะเล

    บรรยากาศที่นี่ดีมาก

    น่าเสียดาย พรุ่งนี้ต้องกลับไปเผชิญกับชีวิตที่วุ่นวายแล้ว

    ทำไมออกมานั่งคนเดียวล่ะ เสียงโมโนโทนเอ่ยถาม

    แม้จะไม่ได้หันไปมอง ทว่าผมก็พอรู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นเป็นใคร

    ได้ยินเสียงนี้ไม่บ่อยครั้ง

    แต่ก็จำได้ขึ้นใจ

    ทริปทะเลครั้งนี้ไม่ได้มีแค่ผมกับกลุ่มเพื่อน แต่ยังมีกลุ่มของแฟนเพื่อนพ่วงมาด้วย มันวุ่นวาย และผมไม่ชอบอะไรที่มันวุ่นวายเลย ทว่าก็อดยอดรับไม่ได้อยู่ดีว่าทริปนี้สนุกมาก

    เจ้าของเสียงเมื่อครู่คือหนึ่งในกลุ่มเพื่อนของ เหนือดาวแฟนเจ้าเอย

    นะโม

    นั่นคือชื่อเจ้าของเสียงที่ทักผม

    “…” แน่นอนว่ามีแค่ความเงียบเท่านั้นที่เขาได้รับจากผม

    ร่างสูงเดินมาทิ้งตัวนั่งชันเขาข้าง ๆ หาดทรายนี้กว้างตั้งหลายลี้ แต่เขากลับเลือกที่จะนั่งใกล้ผมทั้ง ๆ ที่เราแทบจะไม่เคยคุยกันเลย

    ขอนั่งด้วยนะ

    “…”

    เบียร์หมด เดี๋ยวไป

    “…”

    เอามั้ย เบียร์กระป๋องถูกยื่นมาตรงหน้า แต่ผมไม่ได้รับไว้ แค่ปรายตามองมันครู่เดียวแล้วกลับมาชื่นชมวิวทะเลยามค่ำคืนอีกครั้ง ไม่ดื่มเหรอ

    “…” เบียร์กระป๋องถูกชักกลับไปง่าย ๆ

    พี่นึกว่าเธอไปเที่ยวตลาดนัดกับเพื่อนซะอีก

    “…” เธอ?

    แม้จะขัดใจกับสรรพนามที่เหมือนเรียกเพื่อหยอกล้อกัน ทว่าผมก็ยังเงียบงันอยู่แบบเดิม และเมื่อเห็นว่าผมไม่มีท่าทีจะตอบอะไรคนเป็นพี่ก็พาเปลี่ยนประเด็นไปดื้อ ๆ

    วันนี้ทะเลสวยจัง

    “…”

    “…ว่ามั้ย?

    นะโมเป็นคนที่เงียบที่สุดในกลุ่มเพื่อน เขาเป็นคนที่ชอบทำหน้านิ่งขรึม และดูมึนตึงอยู่ตลอด เขาไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยยิ้ม นั่นทำให้ผมสงสัยว่าทำไมวันนี้เขาพูดมากจัง

    เมาเหรอ?

    ผมถามพลางหรี่ตามองเขาอย่างจับผิด

    หึใบหน้าหล่อคมคายระบายยิ้ม รอยบุ๋มเล็ก ๆ บนแก้มเขา มันดูดี เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้เห็น เพิ่งรู้ว่ามีลักยิ้มด้วย พี่ดูเหมือนคนเมาเหรอ

    ใช่ เขาดูเหมือน

    แล้วเมามั้ย

    เปล่า

    แล้วทำไมพูดมาก

    ด่าเหรอ?

    “…”

    ผมไม่ได้ตั้งใจจะด่า แต่ในเมื่อเขาตีความไปแบบนั้นก็ไม่มีเหตุผลอะไรต้องอธิบาย ผมไม่ได้สร้างพันธมิตรเก่ง ส่วนมากขยันสร้างแต่ศัตรูน่ะ

    การแคร์คนอื่นมันทำให้ปวดหัว

    แล้วผมจะไปหาเรื่องปวดหัวให้ตัวเองทำไมล่ะ

    พี่แค่กลัวเธอเหงา เลยชวนคุย

    “…”

    รำคาญเหรอ

    อือ

    ขวานผ่าซากดีแฮะนะโมเงียบไปครู่หนึ่ง กระดกเบียร์ขึ้นจิบแล้วบอกเสริม สีผมไม่แดงแล้วคิดว่าจะแสบน้อยลงซะอีก

    “…”

    ก่อนหน้านี้ผมยอมผมสีแดง เป็นแดงทับทิมน่ะ แต่นิสัยไม่เกี่ยวกับสีผม

    ผมเธอยาวขึ้นเยอะเลย

    “…”

    ทรงนี้ดูเหมาะกับเธอนะ

    “…”

    สวยดี

    “…”

    พูดกันตามตรงผมไม่เข้าใจนะโม

    มองไม่ออก

    สายตาที่เขาใช้มองมามันปกติ ไม่ได้ดูสนใจอะไรในตัวผมเป็นพิเศษ คำชมงี่เง่านั่นผมไม่รู้เลยว่าเขาพูดมันออกมาเพื่ออะไร

    ปกติผมมองคนออกเสมอว่าใครเข้าหารูปแบบไหน

    แต่กับคน ๆ นี้

    จนปัญญา

    นะโมไม่ได้พล่ามอะไรอีก เขาค่อย ๆ จิบเบียร์กระป๋องนั้นเรื่อย ๆ โดยไม่เร่งรีบเลยแม้แต่น้อย แค่เบียร์กระป๋องเดียว เขาดื่มมันเกือบชั่วโมง

    และใช่ เราไม่คุยอะไรกันเลยเป็นชั่วโมง

    ผมนั่งอยู่ตรงนี้นานแล้ว และคาดว่ายังจะนั่งไปอีกนาน วิวตรงหาดทรายบริเวณใกล้ ๆ กับบ้านพักมันสวย สวยเสียจนผมไม่อยากลุกไปไหน การที่นะโมมานั่งด้วยไม่ได้มีผลอะไรมากหรอก แค่ไม่สนใจเขาก็ไร้ตัวตนแล้ว

    กร็อบ!

    มือใหญ่บีบกระป๋องเบียร์หลังจากดื่มมันจนหมด

    เบียร์หมด พี่ต้องเข้าบ้านแล้วล่ะ

    คนตัวใหญ่ยันตัวลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วสะบัดกางเกงโดยไม่ได้แยแสคนที่นั่งอยู่อย่างผมเลยว่าทรายจะกระเด็นมาโดนหรือเข้าตาไหม

    จิ๊!” ผมจิ๊จ๊ะแล้วกะพริบตาถี่ ๆ เพื่อไล่อาการระคายเคือง

    มันไม่หาย

    ผมจำต้องหลับตาไว้อย่างนั้นเพราะรู้สึกปวด

    โทษที ๆนะโมยอบตัวลงนั่งยอง ๆ แล้วเอื้อมมือมาปัดเศษทรายบนศีรษะออกให้ จากนั้นมือใหญ่เคลื่อนลงมาปัดบริเวณแก้ม แล้วประคองใบหน้าผมไว้หลวม ๆ เข้าตาเหรอ

    เออผมตอบอย่างไม่สบอารมณ์

    พี่ขอโทษ

    “…”

    ไปล้างหน้าในบ้านมั้ย เดี๋ยวพี่พาไป

    “…” ผมยังเงียบอยู่แบบเดิม นะโมเลยถามย้ำ

    ไปเปล่า

    ผมคว้าแขนนะโมไว้ด้วยความจำใจ นั่นเป็นการอนุญาตว่าให้เขาพาไปล้างหน้า

    รุ่นพี่ฉุดแขนผมให้ลุกขึ้นยืนแต่ก็ยังแค่ยืน ไม่เดินสักทีจนผมต้องออกปากสั่ง

    นำไปดิ

    ผมได้ยินเขาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะตอบรับเสียงอ่อน

    ครับ ๆ

     

    ☁☁☁

     

    นะโมพาผมมาล้างหน้าล้างตาในบ้านพัก เสร็จแล้วเราทั้งคู่ก็มานั่งจ๋องอยู่ตรงโซนนั่งเล่น มันน่าเบื่อมาก ตอนนี้พวกที่ไปตลาดนัดยังไม่กลับมา

    ทั้งบ้านเหลือแค่เรา

    ผมไม่ได้อยากนั่งอยู่ตรงนี้ แต่จะให้ออกไปชมวิวอย่างเดิมก็รู้สึกขี้เกียจแล้ว นะโมทำให้ผมหมดอารมณ์ ครั้นจะหนีไปนอนก็ยังไม่ง่วง

    ตอนนี้ทุกอย่างดูน่าเบื่อไปหมด

    รู้งี้ไปเที่ยวตลาดนัดกับเพื่อนเสียก็ดี

    แทงสนุ๊กเป็นมั้ย

    ผมละสายตาจากหน้าจอมือถือไปมองนะโมก่อนจะตอบนิ่ง ๆ

    เป็น

    เล่นเปล่าใบหน้าหล่อพยักพเยิดไปทางโต๊ะสนุ๊กที่ตั้งอยู่ไม่ไกล

    ผมเก็บโทรศัพท์มือถือที่หน้าจอร้าวจนแทบจะเรียกว่าแหลกละเอียดเข้ากระเป๋ากางเกงขาสั้นตัวที่สวมอยู่ก่อนจะตอบง่าย ๆ

    เล่น

    นะโมระบายยิ้มอ่อน ๆ ให้ก่อนจะยันตัวลุกไปยังโต๊ะสนุ๊ก ซึ่งผมก็เดินตามเขาไปในเวลาไล่เลี่ยกัน เราเลือกหยิบไม้คิวที่ถนัดมือมาถือไว้

    เธอเปิดเลย

    “…” ผมไม่ได้ตอบ แค่จัดท่าแล้วโน้มลงไปแทงลูกคิวบอลแบบไม่ได้คิดอะไร ลูกเป้าทั้งหลายเลยกระจายไปทั่วโต๊ะ

    มันเป็นแค่เกมเล่น ๆ

    ถ้าจริงจังหรือมีเงินพนันผมคงเปิดเกมเพื่อให้นะโมเล่นยากไปแล้ว

    รุ่นพี่ใช้สายตาประเมินลูกสนุ๊กบนโต๊ะก่อนจะจัดท่าแล้วโน้มลงไปแทงบ้าง ลูกฟรีบอลลงหลุมไปง่าย ๆ นั่นแปลว่าเขาได้แทงลูกสีต่อ

    พี่ไม่ออมมือให้หรอกนะ

    เสียงโมโนโทนเอ่ยบอก

    “…” ปกติผมอคติกับรุ่นพี่แก๊งนี้มาก ไม่รู้ทำไมถึงได้มาทำอะไรแบบนี้กับนะโม

    นะโมแทงลูกสีไม่ลง ผมเลยได้แทงอีกรอบ

    ในเมื่อเขาไม่ออมมือ ผมก็จะไม่ออมเหมือนกัน

    ผมไม่ใช่แค่เล่นเป็นหรอกนะ อย่างผมเรียกได้ว่าเล่นเก่งเลยก็ได้ หลาย ๆ ครั้งจึงมีเงินใช้เพราะพนันแทงสนุ๊ก แต่ก็ไปเสียพนันบอลอยู่ดี

    แต่ก็นะ นั่นมันเมื่อก่อน

    ผมเลิกสนุกกับอะไรโง่ ๆ แล้ว

    ผมแทงลูกฟรีบอลลงหลุม จากนั้นก็ตามด้วยลูกสีดำที่มีค่าคะแนนเยอะที่สุด แล้วก็ตามด้วยลูกฟรีบอลอีกหนึ่งลูก มันเกือบจะไปได้สวย แต่ผมพลาดลูกสี

    เก่งใช้ได้เลยนี่

    ผมไม่ได้ใส่ใจกับคำชมนั่นมากนัก

    คะแนนผมนำนะโมอยู่เยอะ

    แต่คะแนนนำก็ใช่ว่าจะชนะ

    นะโมแทงลูกฟรีบอลและลูกสีสลับกัน มันเป็นอยู่อย่างนั้นจนลูกฟรีบอลแทบจะหมดโต๊ะ

    เขาเก่ง

    เก่งใช้ได้เลย

    แป๊ก!

    ลูกสีลูกสุดท้ายลงหลุมไปโดยที่ผมไม่มีโอกาสได้แทงอีกเลยหลังจากแทงลงสามลูก

    เก่งนี่

    ผมเอ่ยชมระหว่างที่เรียงลูกเป้าทั้งหลายใหม่ ใช่ เฟรมใหม่กำลังจะเริ่มขึ้น

    อาจจะน้อยกว่าเธอ

    “…”

    พี่รู้ว่าฝีมือเธอไม่ได้มีแค่นี้หรอก

    ไม่หรอก

    “…”

    มีแค่นั้น

    เฟรมนี้พี่เปิดก่อนนะเขาบอก

    มันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ผมจึงผายมือเชิญ

    เริ่มสนุกขึ้นมาจริง ๆ แล้วล่ะ

    นะโม แก้เบื่อได้เยอะเลย

    เฟรมนี้เราเล่นกันสบาย ๆ กว่าเดิม ดูได้จากการที่นะโมไม่ได้พยายามแทงลูกยาก ๆ

    ทำไมถึงไม่ไปเที่ยวตลาดผมถามขึ้นระหว่างที่รุ่นพี่กำลังใช้สายตาประเมินว่าควรแทงลูกไหน คำถามนี้มันคาใจผมมาเป็นชั่วโมงแล้ว

    พี่ไปมาแล้ว

    “…”

    คืนก่อนที่พวกเธอจะมา…”

    “…”

    ไปเก็บภาพไว้หมดแล้วก็เลยไม่รู้จะไปทำไมอีกน่ะ

    “…”

    รุ่นพี่แก๊งนี้มาที่บ้านพักก่อนกลุ่มผม บ้านนี้เป็นบ้านพักตากอากาศของครอบครัว ยัยเตยเพื่อนผู้หญิงในกลุ่ม และพี่ชายเธอก็เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับนะโม ซ้ำร้ายพี่ชายเตยยังเป็นแฟนกับ อี้ผิงเพื่อนในกลุ่มของผมอีก

    ผมไม่ได้คิดจะเข้ากลุ่มนี้แต่แรก ทว่าก็โดนจับผลัดจับผลูมาอยู่เสียได้

    นี่…” รุ่นพี่ยืดตัวตรงแล้วหันมาสบตากับผมแทนที่จะโน้มลงไปแทงสนุ๊กต่อ จริง ๆ พี่หงุดหงิดมาสักพักแล้ว

    “…”

    นะโมเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้า

    ระยะห่างเพียงนิดทำให้ผมรับรู้ว่าตัวเองไม่ได้สูงไปกว่าเขาเลย แต่ก็ไม่ได้เตี้ยกว่ามากมายอะไร เพียงแค่ร่างกายเขามันหนาปึก ดูแข็งแกร่ง ผิดกับผมที่ผอมและตัวบางกว่า

    ปิดมันไว้ได้มั้ยมือใหญ่เอื้อมมาติดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวบางที่ผมสวมอยู่ โน้มทีพี่เห็นไปยันสะดือเลย

    ตอนแรกผมปลดกระดุมเชิ้ตไว้แค่สองเม็ด

    แต่ตอนนี้นะโมติดมันให้หมดแล้ว

    คนเป็นพี่ผละออกไปผมจึงวางไม้คิวไว้บนโต๊ะสนุ๊ก จัดการปลดกระดุมตั้งแต่เม็ดแรกยันเม็ดสุดท้าย แล้วมองหน้านะโมอย่างท้าทาย

    ใครแคร์ล่ะว่าเขาจะเห็นอะไร

    ผมไม่ได้แคร์สักหน่อย

    พักพิง!!!!!!”

    ก่อนที่ผมจะได้เล่นสงครามประสาทกับนะโมเสียงเรียกชื่อก็ดังขัดเสียก่อน

    เสียงไอ้จ๋านำมาแต่ไกล ทั้ง ๆ ที่ตัวมันยังอยู่ประตูหน้าบ้าน

    จ๋าคือเพื่อนไอ้อี้ที่เพิ่งพามารู้จักกับเพื่อนในกลุ่มเมื่อวาน แต่เราก็สนิทกันเร็วเพราะนิสัยแด๊ดแด๋ของมัน คุยเก่งชะมัด เก่งจนบางครั้งผมนึกรำคาญเลยล่ะ

    เบาเสียงมึงลงหน่อยเหอะจ๋าไอ้อี้ปรามเพื่อน

    แต่ก็ใช่ว่าไอ้จ๋าจะฟัง

    กูซื้อยางรัดผมมาฝากมึงแหละ ยางรัดผมเส้นเล็ก ๆ สีดำสนิทถูกยื่นมาให้ตอนที่เพื่อนหยุดเคลื่อนที่ลงตรงหน้า ผมมึงยาวแล้ว มีติดตัวไว้จะได้ไม่ต้องหายางรัดแกงมารัดบ่อย ๆ

    “…”

    ไม่ต้องขอบใจหรอกนะ

    “…”

    เส้นละห้าบาท

    ไหนบอกซื้อมาฝาก

    ก็ซื้อมาฝากไง แต่ห้าบาท

    ขี้งก

    ห้าบาท

    ไอ้จ๋า

    ห้าบาท

    “…”

    ห้าบาท

    ให้ตายเหอะ เชื่อแม่งเลย

    แปะ!

    ผมแปะมือเพื่อนแล้วบอกเสียงเรียบ

    ขอแปะไว้ก่อน

    เค

    “…” พอตกลงกันได้ผมก็เอื้อมไปหยิบยางเส้นเล็กมามัดรวบผมที่กำลังยาวได้ที่ไว้ลวก ๆ

    ผมกับไอ้จ๋าพักห้องเดียวกัน เราเลยสนิทกันรวดเร็ว แค่วันเดียวก็คุยจ้อกันได้แทบทุกเรื่อง (หมายถึงมันนะที่คุยจ้อ ผมแค่รับฟัง) อาจจะเป็นเพราะไอ้จ๋าเป็นคนไม่มพิษมีภัยด้วยล่ะมั้งผมเลยไม่ปิดกั้น

    แล้วมึงแหวกเสื้อทำไมอะ พี่นะโมไม่เมานมมึงแย่แล้วเหรอปากก็ว่ามือก็เอื้อมมาเขี่ยหัวนมผมประกอบ

    ซนฉิบหาย

    จะว่าไปพอมีคนอื่นอยู่ด้วยนะโมก็ดูจืดจางลงทันที

    เขาแทบไม่พูดอะไรอีกเลย

    ผมเลือกที่จะไม่ตอบคำถามของไอ้จ๋า แต่กลับออกปากสั่งด้วยเสียงเข้มขรึม

    หุบนิ้วป้อม ๆ ของมึงออกไปจากนมกูเดี๋ยวนี้

    มึงเซ็กซี่อะ

    “…”

    หุ่นดีจังเลยค่ะพี่

    “…”

    ไม่ทราบว่ามีแฟนหรือยังเอ่ย

    เห็นไหมล่ะ ผมบอกแล้วว่าแม่งแด๊ดแด๋

    จริง ๆ ไอ้จ๋ามันไม่ได้พิศวาสอะไรผมหรอก ก็แค่พูดแซวเล่นไปเรื่อยตามประสา

    ผมเหลือบไปมองนะโนก็พบว่าเขาเองก็มองผมอยู่เช่นเดียวกัน สายตานั้นค่อนข้างเรียบนิ่ง ผมไม่รู้เลยว่าเขาคิดอะไรอยู่

    คนเหี้ยอะไร อ่านยากชะมัด

    พิง ฉันซื้อขนมมาฝาก มากินดิเตยถือถุงพะรุงพะรังเดินผ่านเราไปโซนครัว

    คนอื่น ๆ ก็ทยอยเดินเข้ามาในบ้านแล้วจับจ้องพื้นที่ในห้องนั่งเล่นกัน

    ผมผลักศีรษะไอ้จ๋า ปรายตามองนะโมครู่หนึ่งแล้วปลีกตัวหนีความวุ่นวายที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วยการเดินไปหาเตยในครัว

    ผลักซะแรงเลยนะไอ้ห่า

    “…”

    ที่บอกว่ามึงเหมือนคนโกรธตลอดเวลานี่กูไม่ได้พูดเกินจริงเลยแน่นอนว่าไอ้จ๋าไม่ลืมที่จะตะโกนไล่หลังมา อย่าลืมห้าบาทกูนะ

     

    ☁☁☁

     

    ถึงเวลาต้องกลับ

    บอกตรง ๆ ว่าผมไม่อยากกลับเลย อยู่ที่นี่แม้จะมีอะไรขัดใจอยู่บ้างแต่อย่างน้อยมันก็สบายใจกว่าอยู่บ้าน

    พิง มีไรให้ถือช่วยเปล่าเสียงเจื้อยแจ้วของเจ้าเอยมาพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใสเสมอเลย

    ไม่ล่ะผมตอบเสียงอ่อน

    เจ้าเอยเป็นคนเดียวที่ผมอยากพูดด้วยดี ๆ

    ตั้งแต่ที่สำเหนียกได้ว่าเขาแสนดีขนาดไหน ผมก็ปฏิบัติกับเจ้าเอยดีเสียจนผมเองยังงง

    ตอนนี้เราทุกคนกำลังขนของขึ้นรถเพื่อกลับกรุงเทพฯ กลับไปเรียน กลับไปใช้ชีวิตที่น่าเบื่อเหมือนอย่างที่ผ่านมา เวลาความสุขมันก็น้อยแบบนี้แหละ

    พิงจะนั่งคันเดียวกับเราใช่เปล่า

    เอยอยากให้เรานั่งด้วยเหรอ

    ตอนมาที่นี่คนขับรถบ้านยัยเตยขับมาให้ ส่วนพวกพี่ ๆ มันขับรถส่วนตัวมาเอง คนขับรถบ้านยัยเตยกลับไปแล้ววันนี้เราเลยต้องอาศัยรถรุ่นพี่กลับ

    แน่นอนสิเพื่อนตัวเล็กที่กำลังเดินขนาบข้างบอกอย่างหนักแน่น เตย จ๋า แล้วก็อี้ไปคันเดียวกับพี่เต้ยหมดเลย เราไม่มีเพื่อน

    ที่แท้ก็ไม่มีเพื่อน

    โถ่ เราก็อยากให้พิงมาด้วยกัน

    แต่หอเอยอยู่คนละทางกับบ้านเราเลย เดี๋ยวเหนือดาวเหนื่อยนะ

    ผมไม่ได้ห่วงเหนือดาวหรอก แค่หาเรื่องไม่ให้เราไปด้วยกัน บอกแล้วไงว่าผมไม่ชอบเวลาเจ้าเอยอยู่กับแฟน

    แล้วพิงจะไปคันไหน

    คำถามนั้นสิ้นสุดตอนที่เราอยู่โรงรถรวมกับทุกคนแล้ว

    ผมกวาดตามองความวุ่นวายตรงหน้า สะดุดตารถยนต์คนงามสีขาวสะอาด หลังรถที่เปิดกว้างนั่นมีผู้ชายตัวสูงกำลังเก็บภาพความวุ่นวายตรงนั้นอยู่

    คันเดียวกับนะโม

    ตอบเจ้าเอยจบผมก็เดินไปโยนเป้ใส่หลังรถไว้ แล้วเดินขึ้นรถไปโดยไม่ได้ขออนุญาตใคร

    ไม่ได้มีเหตุผลพิเศษอะไร

    รถแฟนอี้ผิงคนเต็มแล้ว ผมไม่อยากไปเบียด

    รถเหนือดาวปัญหาก็อยู่ที่หน้ามันนั่นแหละที่ผมไม่อยากมอง

    ผมไปกับนะโมน่ะดีแล้ว

    กึบ!

    ประตูรถฝั่งคนขับถูกปิดลงหลังจากเจ้าของรถขึ้นมาประจำตำแหน่งแล้ว

    เธอจะนั่งตรงนั้นเหรอ

    นะโมหันมาถามผมที่นั่งเอนตัวอยู่เบาะหลัง

    อือ

    ไม่อยากมานั่งข้างหน้าด้วยกันเหรอ ไอ้เข็มไปคันเดียวกับไอ้เหนือ มันไม่มานั่งกับเราหรอก

    ไม่อยากผมเอนตัวลงนอนราบไปกับเบาะ คว้ามือถือขึ้นมาเลื่อนเล่นแก้เบื่อ

    ผ้าห่มพับอยู่ในกล่องใต้เบาะนะ ถ้าอยากได้

    ไม่เอา

    ผมได้ยินเสียงเจ้าของรถถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะพูดกับผมด้วยเสียงโมโนโทนตามสไตล์เขา

    เอาใจยากจังเลยนะเธอน่ะ

    คำพูดนั้นทำให้ผมละสายตาจากหน้าจอไปมองหน้าเขาแบบไม่เข้าใจ

    ใครใช้ให้มาเอาใจล่ะ

    ผมแค่มาอาศัยรถเขากลับ ไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่านี้สักหน่อย

    จริง ๆ แล้วมีเรื่องที่ผมค่อนข้างคาใจ นะโมเป็นคนพูดน้อยมากเวลาอยู่รวมกับกลุ่มเพื่อน ทว่าเวลาอยู่กับผมเพียงลำพังทำไมเขาถึงได้พูดมากผิดปกติ

    พิลึกคน




    tbc.
    #สภาวะลืมรัก

    ยัยจ๋าอยู่เรื่องไหนก็ซนอ่ะ 555555555
    ว่าแต่...พี่นะโมจะเอาใจลูกชายหนูไปทำไมหรอค้าาาา
    หื้มมมมมมมมมมมมมมมม

    1 คอมเม้นต์ = 100 กำลังใจน๊าาา
    ฝากพี่นะโมของเราด้วยยยยยย รักๆ


    (ยังไม่ตรวจคำผิดนะคะ ถ้าเจอเม้นบอกได้)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×