การปรับตัวต่อความ ขัดแย้งทางใจ อีกแบบหนึ่งคือ
การเลียนแบบ : บางครั้งคนเราไม่สามารถจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่เราอยากเป็นได้
เช่น ความสามารถของเราจริงๆคือ เก่งภาษา แต่เราอยากเป็นนักร้องระดับโลก เราก็อาจมีการเลียนแบบบางอย่างของเขา เช่น แต่งตัวให้เหมือน
ดัดเสียงให้เหมือน ชอบอาหารแบบเดียวกับที่นักร้องคนนั้นชอบ ก็เป็นวิธีที่ช่วยให้รู้สึกว่า อย่างน้อย เราก็พอจะมีอะไรที่ไปคล้ายๆ กับซูเปอร์สตาร์ในฝันของเราได้
การเพ้อฝันกลางวัน : สภาพแวดล้อมรอบตัว ใช่จะน่าพิศมัยไปเสียทุกอย่าง
บางครั้งคนเราอาจมีปัญหาให้กดดัน มาก เราอยากหนีไปจากโลกของความเป็นจริงบ้าง ก็จะใช้ การปรับตัวแบบนี้แหละ ภาษาฝรั่งเรียก Fantasy เป็นการใช้จิตนาการ ชั่วคราว ให้ใจที่แบกรับความกดดันไว้ ได้หลบไปพักบ้าง อ้อ เมื่อฝันแล้ว ช่วยกลับสู่โลกของความเป็นจริงด้วย
การโยนสิ่งไม่ดีในตัวเราไปเป็นของคนอื่น : กลไกนี้อธิบายให้เข้าใจยากสักหน่อย จะลองยกตัวอย่างสถานการณ์ให้ฟัง
สมพร มีความรู้สึกว่า เพื่อนร่วมงานคนนึงของเธอ เป็นคนขี้นินทา ไม่น่าคบ แว้ใจไม่ได้ เธอพยายามมองหาข้อดี ของเพื่อนคนนี้ แต่ไม่มีเลย
เธอจึงสรุปว่า เพื่อนร่วมงานคนนี้เป็นคนไม่ดี
สมมติว่า ในความเป็นจริง เพื่อนของสมพร อาจไม่ได้เป็นอย่างที่สมพรคิด
แต่ตัวสมพรเองนั้นแหละ ที่ ไว้ใจไม่ได้ ขี้นินทา
จิตใต้สำนึกของเธอ ไม่อาจรับความจริงได้ ว่าตัวเธอมีข้อเสียที่ร้ายแรงขนาดนี้
มันจึงเปลี่ยนใหม่เป็น ฉันไม่ได้เลวนะ ยัยเพื่อนคนนั้นต่างหากที่เลว
คือหมายถึง พวกที่ชอบว่า คนอื่นเป็นอย่างไร จริงๆแล้ว ตัวเองมักเป็นแบบนั้น
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น