โยคะ ชิว ชิว

เนื้อเรื่อง

ชื่อเรื่อง : โยคะ ชิวๆ
ผู้เขียน   : เนยโหว
ประสบการณ์ : เรียนโยคะมาครึ่งปี ฝึกต่อด้วยตัวเอง จนถึงปัจจุบัน  
เริ่มเล่นโยคะ  : ตอนอายุ 21ปี
ไม่ได้ดื่มนม หรือ อาหารเสริมอะไรทั้งสิ้น แค่กินให้ครบ5หมู่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
ปฏิกริยา จาก คนรอบข้าง : อึ้งค่ะ อึ้ง (ฮา)
หมายเหตุ : บทความนี้ ไม่อิงหลักใดๆทั้งสิ้น ผู้เขียนไม่ใช่ครูโยคะ แต่เป็นผู้ที่สนใจโยคะ และฝึกมาเรื่อยๆทั้งในคลาสและที่บ้าน
โยคะ คืออะไร
นั่น สิ โยคะคืออะไร
โยคะ คือการออกกำลังกายแบบหนึ่ง อืม
โยคะ คือการทำสมาธิรูปแบบหนึ่ง     อื้ม
โยคะ คือ สะพานลดความอ้วน ...ตามความเข้าใจของคนบางกลุ่ม ...อืม น่าสนใจ
โยคะ คือ .......................
การออกกำลังกายทุกชนิด ช่วยชะล้างความเครียด และบรรเทาเรื่องไม่สบายใจออกไปได้ชั่วขณะ เผอิญโยคะก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย
จึงจะกล่าวว่า โยคะ ดีต่อร่างกายและจิตใจในเวลาเดียวกัน

ฝึกโยคะ ได้สมาธิจริงเหรอ
  พี่ว่า บางคนฝึกไปก็ไม่ได้นะ
อย่างพี่เองเนี่ย ยอมรับตรงๆเลย บางที ตัวก็ดัดบิดเป็นเกลียว แต่ใจมันไปคิดเรื่องอื่น นั่งบิดตัวอยู่บนเบาะ แต่ใจกระโดด
ไปสยามแล้ว แบบนี้ อาจได้แค่ความแข็งแรงของร่างกายเพียงอย่างเดียว
โยคะ ลดอ้วนได้ไหม
ถ้าว่ากันตามหลักแล้ว การออกกำลังกายที่จะช่วยทำให้ไขมันใต้ผิวหนังบางลง ต้องเป็นการออกกำลังแบบแอรอบิกเท่านั้น
เช่น วิ่งเหยาะ ว่ายน้ำ เต้นรำ เดินเร็ว (เดินทอดน่อง เหมือนเวลาเดินดูของ ไม่ได้เผาไขมันนะจ๊ะ)  แต่ข่าวร้าย ที่โยคะไม่ใช่การออกกำลังในกลุ่มนั้น สิ่งที่โยคะให้ได้คงจะ แค่ความกระชับของกล้ามเนื้อ แต่ไม่ถึงขนาด เปลี่ยนนางผีเสื้อสมุทรเป็น นางแบบได้
โยคะ รักษาโรคได้ไหม
ไม่ได้หรอก บางทีมีบางตำราบอก ท่านี้ ช่วยแก้โรคซึมเศร้า ท่านั้นช่วย ต้านเบาหวาน
เกินจริงน่ะ สิ่งที่โยคะจะช่วย ก็จะเป็นพวก คลายกล้ามเนื้อ ยืดกล้ามเนื้อ แก้อาการปวดเมื่อยที่เกิดจากการอยู่ในอิริยาบถใดนานเกินไป
และก็ช่วยให้สบายตัว สบายใจ นอนหลับง่ายขึ้นน่ะ

อ่านมาถึงตรงนี้ ผู้อ่านบางท่านบอก เอ อีตาคนเขียนนี่ เหมือนจะคอยแต่ว่าโยคะอย่างเดียว แต่ทำไมถึงยังฝึกโยคะมาจนวันนี้
พี่อยากบอกว่า เหตุผลที่พี่ไปเรียนโยคะ เพราะ อันดับแรกเลย ครั้งแรกที่พี่เห็นภาพคนทำท่าดัดตนต่างๆ มันแบบอิมเพรสน่ะ อิมเพรสมากๆ
ดูเป็นอะไรที่สวยสง่าน่าลองฝึก ประกอบกับช่วงนั้นก็เหงาๆด้วย (ที่จริงก็เหงามาตลอดชีวิต)เลยอยากหากิจกรรมอะไรใหม่ๆ มาใส่ให้กับชีวิตตัวเอง จะได้ไม่เซ็งมาก ประมาณว่า ขณะที่เพื่อนๆกำลัง อยู่ในงานปาร์ตี้บ้าง  อยู่ในโรงภาพยนตร์บ้าง พี่ก็อยู่บนเบาะ นั่งดัดตัว ไปเรื่อยๆ
ถึงทำอยู่คนเดียวแต่ก็ภูมิใจ ประมาณว่าในเวลานั้น โยคะยังไม่บูม ตู้มๆ เหมือนในปัจจุบันนี้  ดังนั้นรู้สึกมันเท่ดี เวลามีคนถามว่า
\"เวลาว่างคุณชอบทำอะไร\" ก็จะตอบอย่างมั่นอกมั่นใจว่า \"ฉันเหรอ เล่นโยคะ\" จากนั้นคนถามก็จะทำหน้าฉงน สร้างความปรีดาแก่ตัวพี่มาก
สรุปว่า พี่ไม่ได้เล่นโยคะ เพื่อสุขภาพ ไม่ได้เล่นเพื่อเอาสมาธิแต่เล่น เพราะ อยากรู้ คืออยากรู้ไงว่า มันเป็นยังไง ทำท่าบิดตัว ฉีกแข้งขานี่มันจะ เกิดอะไรขึ้น ทำนองนั้นมากกว่า
แล้ว พี่ก็ค้นพบว่า

**โยคะ ก็ช่วยคลายเครียด
คำว่า เครียด ในที่นี้ หมายถึง เครียดทางร่างกาย (แต่แน่นอนมีสาเหตุจากทางจิตใจ) บางทีสัปดาห์หน้าสอบ
อ่านหนังสือจบไป5-7รอบแล้ว เลยเครียด กลัวเกรดจะทะลุ  คิดไปคิดมา ค่อยๆกลายเป็นอาการตื่นเต้น จนใจสั่น
(จะเห็นว่า ความสุขก็ทำให้เครียดได้ในบางที โดยเฉพาะ กับคนไม่ค่อยเต็มอย่างพี่) ในเคสนี้
สรุปว่า ตื่นเต้น นำไปสู่ การเกร็ง (ก็คือกล้ามเนื้อมันหดตัวนั่นแหละ) พอเกร็งนานๆ ก็จะเริ่มละ ปวดคอ ปวดขมับ รู้สึกล้า ใจเต้นเร็ว
หายใจไม่อิ่ม ถ้าจะแก้ที่ความคิดเรา บอก อย่าตื่นเต้น ๆ พี่ว่าร้อยทั้งร้อยทำไม่ได้หรอก ห้ามอะไรห้ามได้ แต่จะห้ามความคิด ยา-กมากเลย ขอบอก ดังนั้น(so, thus , hence, consequently)ต้องปรับที่สรีระเราก่อน นั่นคือ ทำให้กล้ามเนื้อมันคลาย (ด้วยอาสนะต่างๆในโยคะ
เช่น ท่าไหว้พระอาทิตย์ ท่างูเห่า ท่าชานุ(หัวแตะเข่า))เวลาที่เราเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ เช่นค่อยๆก้มตัว จากท่ายืน  ดันก้นไปด้านหลัง ค่อยโน้มตัว ลงมาจนศีรษะ แตะหน้าแข้ง แล้วค้างไว้ ช่วงที่ค้างไว้นี่แหละ ที่พี่ชอบที่สุด ในวินาทีนั้น เราจะหายใจโล่ง เต็มปอด รู้สึกสบายเพราะเส้นเอ็นมันได้ยืด  กล้ามเนื้อมันได้คลาย จากที่เกร็งมานาน ไอ้ตรงนี้แหละ ที่ว่ามันคลายเครียดได้

***โยคะ เป็นงานอดิเรก ที่ดี
ในย่อหน้าต้นๆ พี่เคยเล่าว่า ที่เล่นโยคะเพราะ พี่เหงา ไม่มีเพื่อน เลยลองหากิจกรรมให้กับตัวเอง
แรกๆก็แอบหวั่น เอ บรรยากาศในชั้นเรียนจะเป็นยังไง จะมีคนแบบไหนบ้าง ครูจะดุไหม เราจะท้อถอยก่อนไหม  
พอไปถึง ในตอนเช้า โอ้พระเจ้า ได้อารมณ์มากๆ เพราะแค่พี่เฉียดไปถึงหน้าห้องก็ได้กลิ่นธูปแขก ลอยหอมมาแต่ไกล (หอมจริงๆ ไม่ได้โอเว่อร์)
พอเข้าไปถึง ก็ลองสำรวจห้อง อืม วินาทีนั้น จมูกได้กลิ่นหอม ส่วนหูก็สัมผัสกับเสียงบทสวดมนต์แบบแขก ได้ฟีลมั่กๆ
ครูที่สอนไม่ดุ หรือวางภูมิ อย่างที่กลัวไปก่อน แต่คุยกันเหมือนเพื่อน ให้กำลังใจ  
ไม่มีการบังคับให้ต้องดัดตัวมากๆ หรือจับกดเส้น บังคับเส้นเอ็น
เพื่อนร่วมเรียน นั้น อายุ รุ่นเดอะทั้งนั้น และเป็นผู้หญิงเสียส่วนมาก เราได้ใช้โอกาสตรงนี้ พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับคนแก่(แก่ประสบการณ์)  

ฝึกโยคะ ควรพบครู
แต่ก่อนเคยฝึกเองตามหนังสือ ไปๆมาๆ ปวดหลังอยู่เรื่อยๆ ปวดจนก้มตัวไม่ได้ จะเจ็บมาก ไปหาหมอ หมอบอกกล้ามเนื้อหลังอักเสบ ให้หยุดเลย แต่มีหรือ ที่จะยอมแพ้ แค่ปวดหลังตรงนี้ ตอนนั้นก็มาคิดว่า
บางทีเราฝึกตามในตำรา เราคิดว่าเหมือน แต่อาจมีบางจุดยังไม่เหมือนจริงๆ เพื่อความกระจ่าง ไปพบครูดีกว่า
นั่นแหละจึงได้รู้ว่า เราทำไม่ถูกจริงๆ คือบางที ท่วงท่า เหมือน แต่ ทิ้งน้ำหนัก ไม่ถูกจุด  หรือ สเต็ปการเคลื่อนไหวไม่ถูก ก็เจ็บตัวได้
แต่หลังจาก ไปเรียนกับครู จนเข้าใจพอสมควรแล้ว ก็ กลับมาฝึกเองได้ ไม่มีกฎว่าต้องเรียนกับครูไปตลอด
บางครั้งพี่ว่านะ บรรยากาศในการเรียนก็สำคัญ บางคนเก่งแล้วก็ยังมาเล่นเรื่อยๆ เพราะชอบบรรยากาศนี่แหละ

มองโยคะ แบบวิเคราะห์
พี่วิเคราะห์เองแหละ ซึ่งอาจไม่ถูกก็ได้  
การเล่นโยคะ ส่วนใหญ่ครั้งนึง จะเล่นนานประมาณ 1ชั่วโมง ในอากาศสบาย (หรือตามรสนิยมของแต่ละคน)
ตลอด 1ชั่วโมง เกิดอะไรกับร่างกายเราบ้าง
*กล้ามเนื้อมีการเกร็งเพื่อออกแรง แล้วก็ คลายตัว (ในท่าพัก และท่าศพ) การเกร็งค้าง และตามด้วยผ่อนคลายนั้นจะช่วยให้
สภาพจิตใจได้รับการผ่อนคลายจากความเครียด ในทางจิตวิทยาเรียกว่าMuscle Relaxation นอกจากนี้เส้นเอ็นก็ได้รับการเหยียด
ทำให้ร่างกายของผู้ฝึกมีความคล่องตัวและยืดหยุ่นดี ตบท้ายด้วย เวลารำโยคะ จะหายใจด้วยท้อง (เข้าท้องป่อง ออกท้องแฟบ)อย่างช้าๆ
ซึ่งการหายใจแบบโยคะนี้ ได้นำไปใช้ในการบำบัดคนไข้วิตกกังวลด้วย รวมถึงการทำสมาธิต่างๆ