คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : [Special : Not+North] ฟ้าฝนไม่เป็นใจ ch.3
เสียงทัพพีชนกับหม้อดังก้องกังวานในห้องครัวที่แสนจะเงียบสงัดในเช้าวันหนึ่ง นัดหล่อชะโงกหน้าลงดูข้าวต้มในหม้อแล้วผุดพรายยิ้ม กลิ่นหอมอ่อนๆโชยออกมาพร้อมกับควันฉุยๆขณะที่ข้าวต้มเดือดปุดๆ เมื่อเห็นว่าได้ที่แล้วจึงปิดเตาแก็สแล้วค่อยคนในหม้อต่ออีกสักสองสามที มันเป็นภาพชินตาของบ้านหลังนี้ไปแล้วที่จะเห็นชายหนุ่มวัยทำงานตื่นแต่เช้าขึ้นมาทำอาหารให้ทุกคนในบ้านได้ทาน
“อ้าว? ทำข้าวอยู่เหรอ?” เสียงของนัดเท่ห์ที่เพิ่งลงบันไดมาหมาดๆดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบ เจ้าตัวสาวเท้าเข้ามายืนข้างๆแล้วชะโงกหน้าดูอาหารในหม้อเช่นเดียวกัน “อ่อ...ข้าวต้ม เออดี ไอ้น็อตมันจะได้กินง่ายๆหน่อย” หนุ่มนักดนตรีกำลังพูดถึงน้องชายตัวแสบที่เมื่อวานกลับบ้านมาด้วยสภาพเปียกชุ่มฉ่ำฉะอย่างกับเสื้อพละตากฝน มาวันนี้จึงเป็นไข้นอนซมอยู่ชั้นบนของบ้าน แน่นอนว่ายังไม่ตื่น
นัดหล่อหันหน้าไปยิ้มให้อีกฝ่าย ดวงตากลมๆทอประกายมีความสุข
“ก็กะให้ไอ้น็อตมันกินแหละพี่ แล้วมีดีอีกตั้งหลายอย่างรู้มั้ย ข้าวต้มที่ผมทำหม้อนึงเนี่ย ตกประมาณหม้อละสามสิบบาท กินกันได้ทั้งบ้านไปหนึ่งมื้อ ถ้าไปซื้อข้างนอก ข้าวจานละสามสิบ สี่คนก็ร้อยยี่สิบ ทานสามมื้อก็ตกไปสามร้อยหกสิบ นี่ยังไม่รวมค่าน้ำ ค่า...” ไม่ทันจะได้พูดจบประโยค นัดเท่ห์ก็แกล้งเอามือป้ายปากพ่อครัวหัวการค้าพลางยิ้มขำอย่างเสียไม่ได้ (แน่นอนว่านัดหล่อได้แต่มองคนแกล้งด้วยแววตาอึ้งทึ่งตะลึงงัน) ก่อนที่เจ้าตัวจะเริ่มหากับข้าวที่จะมากินกับข้าวต้มในครัว เปิดตู้ดูเจอผักกาดกระบลัดดี้ป๋องมาก็หยิบ เจอปลากรอบที่แม่ซื้อมาฝากตอนมาเยี่ยมครั้งที่แล้วก็หยิบ บรรยากาศของบ้านนัดกับนัดเป็นไปอย่างเงียบสงบและวนเวียนไปอย่างนี้ทุกๆเช้าและทุกๆวัน นัดหล่อขยันชอบทำงานบ้าน ส่วนนัดเท่ห์ก็ไม่เคยปล่อยให้น้องชายร่วมชายคาต้องทำงกๆอยู่ฝ่ายเดียว
“เออพี่ แล้วไอ้น็อตเป็นไงบ้างอ่ะ เช้านี้ไข้ลดยัง?”
เหมือนคำถามจะถูกใจ คนถูกถามละสายตาออกมาจากหมูหยองที่เพิ่งเจอในตู้เย็น แล้วสบตาตอบกลับคนถามอย่างขำขัน
“มีคนคอยประคบประหงมขนาดนั้น แกคิดว่าไงล่ะวะ?”
เหมือนเป็นสัญญาณที่รู้กันแค่สองคน ทันทีที่บุคคลที่สามถูกพาดพิง สองหนุ่มก็พากันยิ้มหัวเราะหึๆ
จะไม่ให้ขำได้อย่างไร ในเมื่อตั้งแต่ตอนที่หนุ่มสจ๊วตกลับบ้านมาด้วยสภาพเสเป๋เละเทะ คนที่กังวลเสียยิ่งกว่าพี่ชายร่วมสายเลือดกลับเป็นคู่กัดที่กัดกันได้ทุกวี่ทุกวัน ในขณะที่น็อตนอนหลับเป็นไข้ไม่รู้เรื่อง หนุ่มนักศึกษาแพทย์อย่างนอร์ธก็ใช้วิชาที่ตัวเองศึกษาร่ำเรียนมาประคบประหงมรักษาอย่างเต็มที่ น็อตนอนซม นอร์ธเช็ดตัวให้ น็อตไม่สบาย นอร์ธก็นอนเฝ้า น็อตหิวข้าว นอร์ธก็หาของขึ้นไปประเคนป้อนข้าวถึงที่ ดูๆไปแล้วก็รู้สึกดีนานๆทีไอ้คู่นี้มันจะไม่กัดกัน
“ดูจากบริการของคุณหมอแล้วเนี่ย...” นัดหล่อตอบแล้วทิ้งช่วง “ถ้าไม่หายในวันพรุ่งนี้ผมจะให้ไอ้นอร์ธคิดค่าบริการให้กระเป๋าฉีกเลยพี่นัด”
“โวะ!” คนฟังร้องเสียงแหวอย่างรับไม่ได้กับความงกของคนตรงหน้า “งกว่ะ”
“ไม่ได้เรียกว่างก เขาเรียกว่า...”
“‘ใช้เงินเป็น’ มามุกนี้ทุกทีล่ะแกนี่” นัดหล่อยิ้มขำ ในขณะที่นัดเท่ห์เอามือตบกะโหลกคนอายุน้อยกว่าอย่างหมั่นไส้ “นี่ถ้าไอ้น็อตไม่หายวันพรุ่งนี้อย่างที่แกว่านะ”
ซุ่มเสียงที่ขาดหายไป ทำเอานัดหล่อต้องตั้งใจฟังด้วยความสงสัย
“ไม่ต้องให้จ่ายจนหมดตูดหรอก ฉันยินดียกไอ้น็อตให้ไปเป็นน้องเขยรับใช้แกตลอดชาติ”
-----------------------------------------------------------------------------------
จะว่าน่าแปลกก็ใช่... เมื่อวันนี้ใครๆที่เดินผ่านหน้าร้านขายของชำของลุงหมายกับป้าสมศรีเป็นต้องแปลกใจ เพราะเห็นลุงหมายคร่ำเคร่งอ่านหนังสือเรียนวิชาภาษาไทยของอาจารย์ป้า แต่น่าแปลกยิ่งกว่า ท่าทางของลุงหมายดูลุกลี้ลุกลน อ่านหนังสือทีก็ต้องหยุดทีแล้วเหลือบตามองไปในบ้าน สักพักก็กลับมาอ่านแล้วก็หยุดแล้วเหลือบตามองอีกครั้ง อ่านหยุดเหลือบ อ่านหยุดเหลือบ จนศักดิ์สิทธิ์ที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่เพียงครู่ต้องแอบย่องมาหลังลุงหมายด้วยความฉงน ทุกอย่างดำเนินการด้วยความเงียบ จนเมื่อศักดิ์สิทธิ์เห็นอะไรๆที่ซ้อนในหนังสือเรียนเล่มหนานั่นแหละ เจ้าตัวก็มีสภาพไม่ต่างกับลุงหมาย เสียแต่ว่าไม่เงียบแล้วเท่านั้นเอง
“อูว...น้องฉ้ม...น่าฮักแต๊น้อ”
“เว้ย!!!!!!!!!!!!!”
เสียงอุทานดังลั่นขึ้นทันทีที่เสียงของศักดิ์สิทธิ์หยุดไป เล่นเอาศักดิ์สิทธิ์ตกใจจนกระเถิบถอยหลังไปหลายก้าว แต่ลุงหมายดูท่าจะตกใจหนักยิ่งกว่า แกลุกลี้ลุกลนจนหนังสือในมือกองลงกับโต๊ะระเนระนาด เหมือนตั้งสติได้ ลุงหมายหันกลับไปมองเบื้องหลงด้วยอาการใจตุ้มๆต่อมๆ
“โห่ไอ้ศักดิ์สิทธิ์! มาทำไมไม่ให้ซุ่มให้เสียงวะ ฉันก็ตกใจนึกว่ายัยปอบ”
“โถ่ลุง ผมก็แค่ฉงฉัยว่าลุงทำอะไรทำไมดูตั้งใจ๊ตั้งใจเลยแว่บมาดูแค่นั้นเอง จนเห็น...” ประโยคไม่ทันจบ เพราะลุงหมายรีบเอามือตะครุบปากคนตรงหน้าให้เงียบไปเสียก่อนที่อะไรๆมันจะไปถึงหูคนที่ทำกับข้าวอยู่หลังบ้าน ลุงหมายเอามือจุ๊ปาก จนอีกคนเข้าใจว่าตนเองต้องเงียบเสียงจึงได้พยักหน้าเบาๆ ลุงหมายพูดเสียงกระซิบ
“อย่าเอ็ดไปเว้ยๆ...เห็นแก่ตาแก่เป็นโรคเกาต์อย่างฉันเถอะ ขืนเรื่องนี้เข้าหูยัยปอบเข้าล่ะก็มีหวังซี้แหงแก๋แน่ๆ”
“แต่ลุง...ผมว่าต่อให้ผมไม่พูด...” น้ำเสียงของศักดิ์สิทธิ์ดูแปร่งไปจากที่เคย เมื่อสายตามองเห็นบรรยากาศมาคุข้างหลังลุงหมายกลายๆ
“เอ๊อ! นี่อะไรของเอ็งวะ! ไอ้เล่มเนี้ยของหายากเชียวนะเว้ย ขืนโดนยัยปอบยึดไปฉันต้อง...”
“ต้องอะไรฮึตาหมาย?” น้ำเสียงเย็นเยียบทว่าขลังยิ่งกว่าอะไรทำเอาร่างกายของลุงหมายแข็งทื่อ ...อาจจะมากกว่าศักดิ์สิทธิ์ที่ยืนนิ่งอยู่เบื้องหลังและพอเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป กระนั้น สามีวัยชราก็ยังตีหน้าแป้นยิ้มอย่างฝืนเต็มทีเพื่อไม่ให้ภรรยารู้สิ่งที่พยายามปิดบัง
“อ้าว กับข้าวเสร็จแล้วเหรอจ๊ะศรี หมายว่าจะไปช่วยศรีตักข้าวพอดี...”
“ไม่ต้องมาเฉไฉเลยนะแกน่ะ!” เสียงกร้าวทำเอาคนฟังเหงื่อตก ดูจากสีหน้า น้ำเสียง บวกบรรยากาศมาคุตอนนี้ แถยังไงก็คงจะไลฟ์บอย
แต่ถึงยังงั้น ลุงหมายแกก็ยังมีความเชื่อว่า แถแล้วเผ่นคือยุทธวิธีที่เยี่ยมยอดนัก
“ฮุ่ย เฉไฉอะไรกันจ๊ะ ไม่เห็นมีอะไร...” แต่ทันทีที่อาจารย์ป้าถือ ‘ของหายาก’ ของลุงหมายขึ้นมาโชว์เด่นหรา ไอ้ที่ว่าจะแถก็แถไม่ออก
ไม่รอช้า ลุงหมายหันหลังแล้ววิ่งหนีออกไปทันที!
ศักดิ์สิทธิ์มองอาจารย์ป้าที่กำหมัดแน่นด้วยความโกรธ บรรยากาศมาคุยิ่งจะปะทุขึ้นเรื่อยๆจนชักอยากจะเผ่นหนี ของหายากในมือป้าสมศรีถูกม้วนเป็นลำ เดาออกว่าคงใช้เป็นอาวุธไล่ตีสามีในเร็วๆนี้ ขนาดแค่มองยังเหงื่อซก ลุงหมายที่เตรียมรับสภาพศพคงต้องโศก...
“ไอ้ศักดิ์สิทธิ์!”
“ครับอาจารย์ป้า!” อาจเพราะเสียงกร้าวคงอำนาจ แม้จะกลัวเพียงใดแต่เพียงแค่อาจารย์ป้าเรียกชื่อ ศักดิ์สิทธิ์ก็ต้องขานรับอย่างแข็งขันจนเกือบทำท่าวันทยหัตถ์
“เอาผัดคะน้าในครัวไปให้ลูกนัด...”
“เอ่อ แล้วไม่กิน...”
“ไม่กินมันแล้ว! เตรียมตัวตายไว้เถอะไอ้หมาย!” ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายถามอะไรซ้ำ ป้าสมศรีแกก็วิ่งไปนั่นอย่างลืมแก่ เสียงร้องโหยหวนของลุงหมายกับเสียงร้องโวยวายของป้าสมศรีดังขึ้นแว่วๆ ศักดิ์สิทธิ์ที่ยังยืนอยู่กับที่ยังเสียวแทน เห็นอย่างนั้นแล้ว เจ้าตัวก็ต้องรีบหยิบจานผัดคะน้าไปให้บ้านของสองนัดตามคำบัญชา ด้วยกลัวว่าหากทำอะไรชักช้าตนเองจะมีสภาพไม่ต่างกับลุงหมายข้างต้น
กลิ่นของผัดคะน้าหอมฉุยขึ้นในบ้านทันทีที่ศักดิ์สิทธิ์นำมันเข้ามา จังหวะพอดีกับที่สองหนุ่มกำลังเตรียมกับข้าวอยู่บนโต๊ะ
“ไงน้องนัด เอ้านี่ อาจารย์ป้าให้เอาผัดคะน้ามาฝาก” นัดหล่อไหว้แล้วเดินมารับจานข้าวทันทีโดยไม่ลืมเรียกศักดิ์สิทธิ์ให้มาทานข้าวพร้อมกัน แล้วมีหรือที่คนกำลังมีปัญหาด้านการเงินอย่างศักดิ์สิทธิ์จะปฏิเสธ หนุ่มฟันหล่อหย่อนก้นลงกับโต๊ะ พลางมองกับข้าวหลากหลายด้วยตาเป็นประกาย
“อื้อหือเว้ย อยู่กันฉองคนแต่ทำเยอะเหมือนกันนะเนี่ย” ว่าพลางรับชามข้าวต้มจากนัดเท่ห์ที่ยื่นมาให้
“สองคนที่ไหนล่ะพี่ศักดิ์สิทธิ์ ไอ้น็อตกับไอ้นอร์ธมันก็อยู่” นัดเท่ห์ว่าพลางตักข้าวต้มใส่ชามตัวเองบ้าง
“อ้าว? แล้วไปไหนกันล่ะ ไม่ลงมากินข้าวด้วยกัน”
“อ่อ น็อตมันไม่ค่อยสบายน่ะพี่ เลยให้นอนอยู่ข้างบน ไอ้นอร์ธก็ดูให้อยู่” นัดหล่อแถลงไข ดื่มน้ำอึกหนึ่งแล้วค่อยใช้ตะเกียบคีบผักกาดมากินกับข้าวต้ม บรรยากาศการกินข้าวของสามคนเป็นไปอย่างครื้นเครง
โครมมมมมมมม!!!!!!
เสียงพสุธากัมปนาทจากชั้นบนของบ้านทำเอาศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังเคี้ยวข้าวตุ้ยๆเป็นต้องชะงักกึก สายตาทั้งสามต่างมองไปที่แหล่งต้นกำเนิดเสียงกันเป็นตาเดียว และสงสัยในเสียงปริศนาเมื่อครูกันอย่างพร้อมใจ
“ไปดูดีกว่าว่ะ” นัดเท่ห์วางชามข้าว แล้วสาวเท้ายาวๆขึ้นบันไดไป ตามด้วยนัดหล่อ และศักดิ์สิทธิ์ที่ยังคงอึ้ง แต่สุดท้ายก็ตามไปไล่หลัง
------------------------------------------------------------------------------------
นับว่านายน็อตประสบความสำเร็จมากทีเดียวกับแผนการแก้เผ็ด เพราะตั้งแต่เมื่อวานที่สวมดีกรีนักแสดงออสการ์ ทำเป็นว่าป่วยนอนซม จนคู่กรณีต้องมาคอยประคบประหงม ทั้งเช็ดตัวป้อนข้าวป้อนยา รู้ได้ทันทีเลยว่าอีกฝ่ายเชื่อว่าเขาป่วยจนสนิทใจ มาเช้าวันนี่เขาตื่นขึ้นมา เห็นคนตัวเตี้ยหลับคาเฝ้าเตียงคนไข้ ก็เกิดความขบขันจนจากที่ว่าจะหายวันนี้ เห็นทีคงต้องเลื่อนไปอีกหน่อย
ใบหน้าของนอร์ธห่างจากเขาอยู่ไม่กี่คืบ หัวกลมๆหนุนนอนอยู่ใกล้ๆจนเกือบจะเกยขึ้นมาซบอก ลมหายใจเป็นจังหวะบ่งบอกว่าคนตรงหน้ายังคงหลับสนิท ยิ่งพอได้เห็นขนตายาวๆกับปากห้อยๆนั่นแล้ว ชายหนุ่มก็อดไม่ไหวที่จะแกล้ง... นิ้วยาวบรรจงดีดริมฝีปากล่างของคู่กรณีเบาๆ
ป่อย... ไม่ตื่น...
ป่อยๆ...ไม่ตื่น
ป่อยๆๆ...ไม่ตื่นอีก
ป่อยๆๆๆๆ โป๊ก!!!!!!!
“ผลักมาทำไมวะเตี้ย! คนป่วยนะเว้ย!” น็อตร้องเสียงแหวทันทีที่อีกฝ่ายใช้ฝ่ามือดันหน้าจนศีรษะล้มกระแทกหัวเตียงอย่างไม่ทันตั้งตัว คุณหมอน้อยที่หลับอยู่เมื่อครู่บัดนี้ตื่นมาแกล้งทำหน้าปั้นยิ้ม พร้อมทั้งแสดงออกว่าเป็นห่วงอย่างเฟคๆเสียเต็มประดา
“อะโถ...ขอโทษครับพี่น็อต ผมไม่ได้ตั้งใจ”
“ไม่ได้ตั้งใจอะไรของแกวะเตี้ย ดูดิ๊ หัวโขกหัวเตียงเลยเนี่ย!”
“อ้าว...ก็พี่อยากมาแกล้งดีดปากผมก่อนทำไมอ่ะ ก็แสดงว่าหายป่วยแล้วดิ ผมก็แกล้งพี่กลับได้ไง”
ฉับพลันนั้น วิญญาณหน้ากากแก้วก็เข้าทรงหนุ่มสจ๊วตเข้าอีกครั้ง ชายหนุ่มรีบปั้นหน้าป่วยหน้าซีด ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดแล้วหย่อนตัวลงเตียงพร้อมกระชับผ้าห่มให้แน่นขึ้น ทั้งยังเอามือขึ้นกุมหัวส่วนที่กระแทก จากนั้นก็เอามากุมขมับแล้วร้องโอดโอยแต่พองาม
“ซี้ด...เอี้ยเอ๊ย...ปวดอีกแล้ว...”
อานุภาพแห่งหน้ากากแก้วพ่วงด้วยออสการ์ทองคำส่งผลให้ใบหน้าของคนถูกหลอกเริ่มเสีย ท่าทางและน้ำเสียงของนอร์ธในเวลาต่อมาแลดูอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
“พี่...ผมขอโทษ เจ็บมากมั้ย” ร่างเล็กๆขยับปรายเข้ามาใกล้กว่าเดิม หนุ่มนักศึกษาแพทย์มีท่าทีพะว้าพะวง “ผมขอดูหัวพี่หน่อย นิดเดียวนะ ไม่เจ็บหรอก”
นอร์ธค่อยๆประคองคนอายุมากกว่าให้ลุกขึ้นนั่ง ฝ่ามืออุ่นค่อยๆไล่บริเวณศีรษะเพื่อตรวจว่าไม่มีอะไรให้น่าเป็นห่วง ทุกๆการขยับย่างก้าวแฝงด้วยความห่วงใย จนคนที่หลอกเสียเองกลับเป็นฝ่ายรู้สึกผิดขึ้นมาเล็กๆ
“เฮ่ย...พอแล้ว ไม่เป็นไรหรอกมั้ง”
“โหยยย ไม่เป็นไรได้ไงครับพี่ เผื่อสมองกระทบกระเทือนขึ้นมามันจะไม่จบแค่ที่ไข้นะ”
“เออ ไม่เป็นไรหรอกน่า ไปหาข้าวมาให้กินหน่อยไป หิว” พูดพลางผลักคนตรงหน้าเบาๆให้ขยับออกจากข้างกาย กระนั้นนอร์ธก็ยังไม่ยอมออกไปตามคำสั่ง ทั้งยังนั่งจ้องหน้าคนป่วยด้วยแววตาที่บอกได้แค่ว่าห่วงและรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไรจริงๆนะ?”
โป๊ก!!!!!!!!
ฉับพลันนั้นที่หนังสือเล่มไม่หนาไม่บางฟาดเข้าให้ที่กลางกระหม่อม หนุ่มนักศึกษาแพทย์ก็ต้องตวัดตามามองคนป่วยอย่างขุ่นเคือง
“อะไรเนี่ยพี่! ตีทำไม!?”
“ก็แกไม่ออกไปเอาข้าวมาให้กินซักทีนี่หว่า ฉันเลยต้องตบหัวไล่ เอ้า ยังไม่ไปอีก ยังไม่ไปอีก” พูดเน้นย้ำพลางเอาหนังสือตบหัวคนข้างกายอีกสองรอบ จนนอร์ธชักหงุดหงิด
“ผมล่ะอุตส่าห์เป็นห่วง พี่ดัน...” สีหน้าหมาหงอย คิ้วขมวดเป็นปม ปากห้อยๆบูดบึ้ง ในขณะที่แววตาแลดูน่าสงสารจนน็อตต้องเอาหนังสือตบกบาลมันอีกรอบ
“ไปหาข้าวไป หิว” ดังนั้นแล้วหนุ่มนักศึกษาแพทย์ (ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าโดนลดตำแหน่งมาเป็นเบ๊ให้ใครบางคนแล้วรึเปล่า) จึงได้แต่เดินหน้าบูดหน้าบึ้งออกจากห้อง ไม่วายส่งสายตาคาดโทษมาให้คนบนเตียงอยู่เป็นนิจ ซึ่งนายน็อตก็ได้แต่ยักคิ้วอารมณ์ดีให้กลับไป
“เดี๋ยวเหอะ...พี่หายเมื่อไหร่นะ ผม...” เดินไป บ่นไป มองหน้าคู่กรณีไป จน...
โครมมมมมมมม!!!!!!
เอาแล้วไง...
ไม่ต้องเบิกตาตี่ๆให้กว้างขึ้น น็อตก็รู้ว่าเสียงโครมครามเมื่อครู่มาจากอะไร ดวงตาคมทอดมองไปยังร่างตรงหน้าที่สะดุดพื้นเปล่าล้มหัวคะมำ ไม่วายเอาแขนขาปัดของจนอะไรๆระเนระนาดลงมาด้วย โน่นก็อยู่ที่เท้า โน่นก็อยู่ที่หลัง โน่นก็ทับอยู่บนหัว สะดุดพื้นเปล่าได้...ซุ่มซ่ามไม่มีใครเกิน
“โห่ ซุ่มซ่ามอีกแล้วนะเตี้ย ตกลงแกจะมาดูฉันหรือยิ่งทำให้ฉันปวดหัวกันแน่วะ” ว่ายังงั้นแต่ปากของหนุ่มสจ๊วตกลับยิ้มอารมณ์ดี ตรงกันข้ามกับคนที่เพิ่งสะดุดหกลมที่ค่อยๆพยุงตัวเองขึ้นมามองคนยิ้มตาเขียว มือก็ลูบหัวลูบตัวป้อยๆ
“เลิกยิ้มเลยๆ” ส่งสายตาคาดโทษพร้อมเสียงห้วนๆไป แต่ไอ้คุณพี่ตรงหน้าก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ลงท้ายแล้วนอร์ธก็ได้แต่เก็บของที่หล่นให้เข้าที่แล้วเดินหน้าบูดไปเปิดประตูออกนอกห้องเพื่อหาข้าวให้ใครบางคน แต่แล้ว...
โป๊ก!!!!!!
มาคราวนี้น็อตก็ชักจะเริ่มสงสาร...
สะดุดล้มเมื่อครู่แล้วยังโดนคนเปิดประตูชนอีกเหรอครับคุณเตี้ย?
“เตี้ยเอ๊ย...หึๆๆ”
ภาพตรงหน้าคือคุณนอร์ธที่เพิ่งชนประตูแล้วล้มลงไปกองกับพื้นอีกระลอก คิ้วขมวดเพราะงอนใครบางคนอยู่แล้วยิ่งขมวดเข้าไปอีกเพราะความเจ็บ ยังไม่นับความปวดที่แล่นขึ้นมาจากก้นกบที่กระแทกกับพื้นเข้าอย่างจัง ทั้งเจ็บหัว เจ็บตูด เจ็บใจ...แล้วจะเจ็บอะไรอีกมั้ยวันนี้
“โอ๊ะโทษๆๆ น้องนอร์ธ พี่ฉักฉิดไม่ได้ตั้งใจ” ศักดิ์สิทธิ์โผล่หน้าออกมาจากประตูด้วยแววตาตื่นๆ รีบเดินมาดูด้วยอาการร้อนรน แต่อันว่าคนไทยที่ดีก็ควรให้อภัยกัน หนุ่มน้อยหน้ามนอย่างนอร์ธจึงได้แต่ทำหน้ายิ้ม ปากก็บอกว่าไม่เป็นไร ทั้งยังพยายามลุกขึ้นทั้งที่เจ็บก้นจนต้องลูบป้อยๆ
“ไงวะ เสียงโครมครามเมื่อกี้มันอะไรกัน” นัดเท่ห์ถามพลางเดินสำรวจห้อง ไม่มีอะไรผิดปกตินอกจากกองของใกล้ๆประตูที่ออกจะจัดวางผิดกับที่เห็นครั้งล่าสุดอยู่หน่อย
“ว่าไงวะไอ้น็อต?”
“จะอะไรซะอีกล่ะคร้าบ ก็แค่ไอ้เตี้ยนี่ซุ่มซ่าม สะดุดพื้นเปล่าหัวคะมำ แถมยังเบ๊อะปัดข้าวของซะกระจาย แล้วก็เดินชนประตู” พูดราวกับเป็นเรื่องบันเทิงหนักหนา จนน้องน้อยของบ้านอยากจะบาทาใส่คนป่วยอยู่รำไร
“นี่ขนาดสะดุดพื้นเปล่าล้มแล้วเหรอวะ? ตกลงนี่แกเป็นน้องฉันหรือเป็นน้องพี่นัดเท่ห์กันเนี่ย ซุ่มซ่ามไม่ได้ต่างกันเลย” คำแซวจากนัดหล่อเป็นอีกหนึ่งตัวการที่ยิ่งทำให้ปากห้อยๆของนอร์ธบูดบึ้ง โน่นก็แกล้ง นี่ก็ไม่ช่วย แถมนั่นก็แซวเอาอีก
“แกล้งผมกันหมดเลย ให้มันได้งี้ดิ” จากไปพร้อมหน้าบูดปากบึ้ง(ซึ่งหลังจากนั้นเจ้าตัวก็ลงไปหาข้าวให้ใครบางคนกินตามที่ตั้งใจไว้แต่ขั้นต้น แน่นอนว่าหน้าก็ยังคงบึ้ง...)
“เออ งอนไป...งอนไป งอนเป็นตุ๊ดแล้วแกน่ะ” เสียงแซวจากนัดหล่อยังดังทิ้งท้าย เดาได้ว่าคนถูกแซวคงฟังแล้วเจ็บใจแต่ไม่ได้โต้อะไรกลับมา
“แล้วไข้เป็นไงวะไอ้น็อต”
“ก็ดีขึ้นแล้วครับพี่นัด อะ ค่อก!” แสดงได้อีกรอบโดยกระแอมไอเบาๆ เอาให้พอรู้ว่าตัวเองยังไม่หายดี “ไข้ก็ลดลงแล้วแต่ยังปวดอยู่...ฮะ...เลย...ฮัดเช้ย!”
ดวงตาคมของนัดเท่ห์มองน้องชายด้วยแววตงิด ผิดกับศักด์สิทธิ์ที่แววตาเบิกกว้างเหมือนนึกอะไรขึ้นได้
“เอ้อ พอดีเลยน้องน็อต อยากหายเร็วๆมั้ย นี่เลย พี่ฉักฉิดมีของดี” ว่าพลางล้วงเข้าไปในเสื้อ “นี่เลย! หลวงปู่ขมรุ่นมโหสถ ลิมิเต็ดอีดิชั่น!”
“เว้ยยยยยยย!!!!!!!!!” สองนัดร้องเสียงแหวพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ตามด้วยท่ากุมขมับปนเซ็งอย่างไม่คิดว่าพระเครื่องของศักดิ์สิทธิ์จะช่วยอะไรได้เหมือนเหตุการณ์ที่ผ่านมาทุกครั้ง
“เฮ้ย อย่าดูถูกนะเว้ย หลวงปู่รุ่นนี้น่ะ...” ลงท้ายทุกคนก็ได้แต่นิ่งฟังหนุ่มฟันหลอยกยอปอปั้นถึงสรรพคุณของพระเครื่องที่บูชานักชาบูหนา จนในที่สุดนายน็อตก็ได้พระเครื่องของดี (มั้ง?) มาใช้ฟรีๆหนึ่งวัน
...ซึ่งอาจจะไม่จำเป็นเท่านัก เพราะคนใช้ไม่ได้ป่วยอะไรแต่แรกอยู่แล้ว!
------------------------------------------------------------------------------------
สวัสดีค่า อัพดึกอีกแล้ว (ฮา) หายไปสองวัน(มั้งเนาะ) หวังว่าคงยังไม่ลืมพีน็อตและน้องนอร์ธนะคะ
ตอนพิเศษตอนนี้อีกพาร์ทเดียวก็จบแล้ว (จริงๆมันรวมพาร์ทเดียวกับพาร์ทนี้แหละ แต่เรากลัวว่าถ้าเอามาทั้งหมดมีหวังตาแฉะกันไปข้างแน่ เพราะมันยาวมาก) จริงๆตอนเขียนเรื่องนี้เนี่ย เราเขียนค้างไว้ที่ตอนสอง ซึ่งตอนแรกไม่รู้จะจบยังไงจนวันหนึ่งได้ดูนัดกับนัดรีรัน เห็นพี่ศักดิ์สิทธิ์กับพระเครื่อง แล้วมันก็กลายมาเป็นอย่างที่ท่านกำลังอ่าน(และกำลังจะได้อ่านต่อในตอนต่อไป) ขอบคุณพี่ศักดิ์สิทธิ์...พระเครื่องพี่ได้ใจก็วันนั้นจริงๆค่ะ (ฮา)
เจอกันตอนหน้าน้า ดร๊วฟฟฟฟฟ
ความคิดเห็น