คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : No.10 - อากาศ : ร้อน
ประเทศไทยมีอยู่ 3 ฤดูครับ คือร้อน ร้อนมาก และร้อนบรรลัยเวรตะไลโคตรๆ...
อย่าหาว่าผมเวอร์อะไรนะครับ แต่แม่ง... เดินๆอยู่เนี่ย เหงื่อซกปานตกบ่อ เช็ดไปก็เท่านั้น เป็นแบบนี้ผมชักอยากจะขึ้นไปหาแม่ที่ขอนแก่นซะแล้ว โทรหากันทีไรก็บอกขอนแก่นยังหนาวๆ ผมอยู่ที่นี่ ฤดูหนาวยังไงก็ไม่เคยหนาวซักที จะหนาวก็แต่ในห้องที่เปิดแอร์ไว้นานๆนี่แหละ แต่มันไม่ได้อารมณ์
ผมเดินออกจากลิฟต์ที่ขึ้นมาถึงชั้นที่ผมอยู่ รู้สึกดีเหมือนกันครับที่ไม่มีใครใช้ลิฟต์ร่วมกันกับผม ไม่ได้อยากจะประจานความซกมกของตัวเองนะ แต่กลิ่นเหงื่อที่ซึมเข้าไปในเสื้อผ้านี่มันออกจนแม้แต่ผมเองยังรู้สึกได้ เพิ่งออกจากฟิตเนสมาก็ยังงี้ล่ะครับ (นั่งรถมากับพี่เออาร์ตะกี้โดนบ่นว่าเหม็นตลอดทาง)
เดินมาไม่นานก็ถึงหน้าห้องของผม ผมใช้สองมือซ้ายขวาล้วงควักหากุญแจห้องตามกระเป๋ากางเกงยีนส์จนในที่สุดก็เจอ แต่อีกไม่กี่วินาทีต่อมาก็พบว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรเลยครับ เพราะพอผมจับลูกบิดจะเสียบลูกกุญแจเข้าหน่อย ประตูก็เปิดออกอย่างง่ายดาย...
คิดได้อย่างเดียวว่า คุณเตี้ยน้องรักของผมคงกลับมาที่ห้องก่อนแล้ว
ผมเปิดประตูออกกว้างแล้วเดินเข้าไปในห้อง สิ่งที่ผมคิดคงไม่ผิดเท่าไหร่ เพราะไม่ต้องใช้สายตาสังเกตอะไรก็เห็นกระเป๋าเป้ที่คุ้นตาวางอยู่ข้างโซฟาทนโท่ อากาศในห้องที่ไม่ได้เย็นไปกว่าข้างนอกเท่าไหร่ทำให้พอเดาๆได้ว่าคนที่เข้ามาก่อนก็คงเพิ่งมาถึงได้ไม่นาน เสียงน้ำจากที่ไหนสักแห่งยังดังอยู่ในเวลาที่ผมเดินเข้ามาข้างในยิ่งขึ้น วางกระเป๋าตัวเองไว้ข้างๆกันกับของเตี้ยมันแล้วนั่งพักให้หายเหนื่อย
“อ้าว พี่โน่ กลับมาแล้วเหรอ” เสียงที่คุ้นเคยเรียกให้ผมหันไปมองต้นเสียงได้ไม่ยาก ริทยืนอยู่ตรงนั้น ชุดลำลองเสื้อยืดขายาวที่ใส่อยู่เป็นตัวเดียวกันกับที่ผมเห็นตอนมันใส่ออกจากบ้านเมื่อเช้า ก็คงจะเพิ่งกลับมาจากงานอย่างที่ผมคิด ผมของริทลู่ลงเพราะเปียกน้ำจนชุ่ม ส่วนใบหน้าก็มีหยดน้ำเกาะประปราย พาดผ้าขนหนูผืนเล็กไว้ที่คอ ซับๆใบหน้านั่นหน่อยก็เดินเข้ามาใกล้ๆผม
“มานานยังเนี่ยพี่”
“อือ ก็เมื่อกี้” ริทยิ้มให้ผม ก่อนเอาผ้าขนหนูเช็ดหัว
“ทำไรมาวะ เปียกยังกับลูกหมาตกน้ำ”
“มันร้อนอ่ะ เลยเอาน้ำสาดๆใส่หน้าใส่หัวหน่อย” ผมยิ้มให้มัน ก่อนตบมือปุๆลงโซฟาเป็นสัญญาณเรียกให้มันมานั่งข้างๆ ไอ้เตี้ยตัวเล็กก็ว่าง่าย จะมานั่งข้างผมอยู่แล้วถ้ามันไม่ได้กลิ่นอะไร...อับๆ...
“โห่พี่โน่! กลิ่นเหงื่อพี่แม่งฟุ้งอ่ะ” ทั้งเสียงทั้งท่าทางมันเริ่มออกรีแอคชั่น
“อย่าทำเป็นโวยเลยครับริท ก็ได้กลิ่นมาทุกวันยังไม่ชินอีกรึไง” ผมว่าขำๆแต่ทำเอาริทเงียบได้ชะงัด ผมจ้องหน้ามัน เริ่มเห็นแววบางอย่างที่คิดได้เลยว่าถ้าแกล้งมันตอนนี้คงสนุก
ผมเริ่มเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ จับที่ชายเสื้อที่มันใส่เบาๆ
“เนี่ย เสื้อตัวนี้ก็เสื้อพี่” ตากลมๆจ้องผมตาแป๋ว “เมื่อวาน เสื้อกันหนาวก็เสื้อพี่”
“โหย วันก่อนพี่โน่ก็ใส่เสื้อริทเหมือนกันแหละ วันก่อนโน้นก็ด้วย” ไอ้เตี้ยไม่ยอมแพ้ แต่มีหรือที่ผมจะปล่อยให้มันได้ใจ
“หึๆ ก็ถ้างั้นไม่ใช่ว่ากลิ่นตัวเราผสมเป็นกลิ่นเดียวกันไปแล้วเหรอ เตี้ย” ฉับพลันที่ไอ้เตี้ยจะเอามะเหงกมาเขกหัวผม ผมก็บึ่งออกมาจนพ้นรัศมี มันมองมาที่ผม ยิ้มแล้วหัวเราะน้อยๆ กระนั้นก็ยังแขวะผมคาดโทษ
“พี่โน่แม่ง...”
ผมยิ้มรับอย่างภาคภูมิใจ เวลากวนริทมันได้ผมจะดีใจมาก
ยังไงก็ตาม อากาศในห้องที่ตอนนี้ก็ยังไม่เย็นไปกว่าตอนเพิ่งเข้ามาเท่าไหร่ทำให้ผมร้อนซะจนต้องถอดเสื้อยืดที่ใส่อยู่ออก ไม่ได้โรคจิตนะครับ ผมร้อนผมก็ถอด จับๆดูแบบนี้รู้สึกได้เลยว่าเสื้อมันชุ่มเหงื่อมาก กลิ่นอับคละคลุ้งจนแม้แต่ผมเองก็ยังต้องโยนมันลงตระกร้าซักอย่างเสียไม่ได้
“ร้อนอ่ะพี่โน่” ไอ้เตี้ยมันบ่น ในมือถือรีโมทแอร์ปรับไปปรับมา “เปิดแอร์ก็พักนึงแล้ว ทำไมไม่เย็นอีก”
“ไม่รู้ว่ะ” ตอบอย่างที่ใจคิด “ถ้าร้อนก็ไปอาบน้ำสิวะ หรือถ้าขี้เกียจก็ถอดแบบกูก่อนก็ได้”
เหมือนประโยคุดท้ายจะโดนใจ ไอ้เตี้ยหันมาจ้องหน้าผมพร้อมกระพริบตาปริบๆ
“หา? ถอด?”
“เออดิ ร้อนก็ถอดเลย ร้อนก็ถอดเลยเซ่ ชูวับๆ” ผมล้อเพลงมัน ยิ่งทำให้อีกฝ่ายสำลักค่อกแค่ก
“อยู่กองถ่ายก็พูดงี้กับทีมงานมั้ยเนี่ย”
“เหอะ ก็พูดกับมึงคนเดียวเนี่ย ไปๆ ไปอาบน้ำได้แล้ว เดี๋ยวพี่ดูแอร์ให้”
ด้วยความที่ริทมันว่าง่าย มันเลยหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไปตามที่ผมบอก อืม.... น่ารักดี
ส่วนผมน่ะเหรอ...ได้เวลาสู้รบกับเจ้าแอร์นี่แล้ว
___________________________________________________________
เวลาผ่านไปเท่าไหร่ผมไม่ได้นับ แต่จนเสียงประตูห้องน้ำริทเปิดออก แอร์ก็ไม่เย็นขึ้น ความร้อนทำให้เม็ดเหงื่อมากมายผุดขึ้นมาจากผิวแล้วไหลลงเรื่อยๆ จนผมชักหงุดหงิด ปาดเหงื่อออกเท่าไหร่ก็มีแต่จะชื้นจนผิวแทบจะเป็นรอยแดง
“อ้าว ยังไม่เสร็จอีกเหรอพี่โน่” เสียงคุ้นเคยเรียกให้ผมไปมองอีกครั้ง ริทใส่เสื้อกล้ามสีดำและกางเกงยางยืดขาสั้นแบบที่ผมไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนักเดินออกมา ถึงแขนมันจะมีกล้ามก็เถอะ แต่ดูยังไงริทมันก็ตัวเล็กอยู่ดี สำหรับผม
“น่าจะเสียว่ะ”
“แอร์น่ะนะ?”
“เออ”
ไม่มีใครพูดอะไรไปพักหนึ่ง จนในที่สุด เตี้ยก็ไล่ผมไปอาบน้ำเพราะทนเห็นสภาพเหงื่อชุ่มโชกของผมไม่ไหว (หรืออีกนัยหนึ่ง มันคงทนกลิ่นเหงื่อผมไม่ได้) ตอนแรกผมก็จะไม่ลุกหรอก แต่พอมันบอกว่าเดี๋ยวไปบอกพี่ที่เคาท์เตอร์คอนโดให้หาช่างมาดูให้ดีกว่า ผมก็ว่าตามงั้น ก่อนไปห้องน้ำไม่วายเดินไปจับหัวคุณเตี้ยน้องรักโยกๆ ไปมา (แล้วสีหน้ารั้นๆก็มาพร้อมกับคำว่า ‘พี่โน่!!’)
ผมใช้เวลาในห้องน้ำไม่นาน ก็เจอริทนั่งคุยโทรศัพท์อยู่บนโซฟา ฟังจากที่พูดๆอยู่นี่ก็เดาได้ว่าคงติดต่อกับพี่ที่เคาท์เตอร์เรื่องแอร์เสีย ตอนนี้อากาศในห้องร้อนมาก ถึงตอนนี้จะเปิดหน้าต่างไว้ทุกบานให้ลมระบาย แต่ขนาดผมเพิ่งออกจากห้องน้ำมายังร้อนอยู่ดี ผมเดินเข้าไปนั่งที่โซฟาตรงข้างๆริท เพราะตรงหน้าโซฟามีพัดลม ตอนผมอยู่บ้านที่ขอนแก่นนี่เปิดเบอร์สองก็ว่าเยอะแล้ว แต่มาอยู่นี่ เบอร์สามก็เบอร์สามเถอะ ตากพัดลมไปก็ร้อนอยู่ดี
“พี่เค้าบอกว่าอีกชั่วโมงช่างจะมาดูให้อ่ะพี่โน่” ริทรายงานทันทีที่วางสาย ผมพยักหน้ารับแล้วถือวิสาสะเอนตัวนอนบนตักริทโดยบอกมันแค่ว่า ‘นอนตักนะ’ ตักมันไมได้นุ่มนิ่มเหมือนของผู้หญิงหรอกครับ แต่ก็แข็งๆ นุ่มๆหน่อย พอดีๆ แบบที่นอนแล้วสบาย
“นอนตักริทเนี่ย ไม่ใช่จะร้อนเข้าไปใหญ่หรอกเหรอพี่โน่” มันว่าขำๆ ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ขัดขืน นั่งเฉยๆให้ผมนอนด้วยซ้ำ
“ไม่อ่ะ สบายดี” ผมรู้สึกได้ว่าเสียงตัวเองเริ่มงัวเงีย ถึงอากาศจะร้อน แต่ลมเย็นๆจากพัดลมและตักสบายๆของริทชักทำให้ผมเคลิ้ม ความเหนื่อยที่สะสมมาในแต่ละวันเป็นตัวกล่อมอย่างดีเลยทีเดียวว่า เวลานี้ผมควรจะนอนหลับ
“พี่โน่ พี่โน่” เสียงของคนเป็นน้องเรียกพร้อมสะกิดคนเป็นพี่ที่นอนหนุนตักตัวเองอยู่เบาๆ แต่ร่างผอมยาวนั้นก็ยังนิ่ง เสียงลมหายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมอทำให้ริทรู้ว่าพี่โตโน่กำลังหลับ
“พี่โน่ หลับแล้วเหรอ” แม้เจ้าตัวจะส่งเสียงถามไป แต่คำตอบที่ได้ก็มีเพียงเสียงลมหายใจเท่านั้น
บางอย่างดลใจให้คนโดนหนุนเอามือลูบหัวคนหนุนตักตนเองแผ่วเบา ก่อนจะยิ้มขัน แล้วจึงเอนตัวเองไปกับโซฟา หลับตามไปอีกคน
___________________________________________________
อากาศที่เย็นผิดปกติทำให้ผมรู้สึกตัวตื่น ความเมื่อยล้าทำให้ผมขี้เกียจจะลุกทำอะไรต่อทั้งที่ลืมตาตื่นมาแล้ว ผมนอนปรับสายตาให้เข้าที่เข้าทางนิดหน่อย ก่อนจะฝืนตนเองลุกขึ้นนั่ง นึกถึงใครบางคนที่ผมนอนหนุนตักอยู่ถึงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ลองมองๆดูก็ไม่เจอ ความเย็นที่ได้รับในตอนนี้ บอกได้อย่างดีว่าแอร์ที่เคยเสียกลับมาใช้ได้ใหม่อีกครั้งแล้ว
ขณะที่ผมงัวเงียอยู่นั้น ก็เหลือบไปเห็นบางอย่างบนโต๊ะหน้าโซฟา กระดาษโน้ตสีขาวสะอาดกับลายมือคุ้นเคย บอกแค่ว่าช่างมาซ่อมแอร์ให้แล้วและเตี้ยเองมันต้องออกไปทำงานรอบค่ำ แอบคิดนิดๆว่ามันน่าจะปลุกผมขึ้นมาก่อนออกไปหน่อย (หรือมันปลุกแล้วแต่ผมไม่ตื่นก็ไม่รู้นะ)
ผมลุกออกจากโซฟา ล้างหน้าล้างตาให้เรียบร้อย วันนี้คิวผมว่างถึงเช้าพรุ่งนี้ เพราะงั้นคืนนี้จะทำอะไรก็ได้
แปลกแฮะ ทั้งที่ผมก็เหนื่อย แถมแอร์ก็ซ่อมเสร็จแล้ว น่าจะนอนได้สบายๆ
แต่ทำไม ผมถึงอยากไปเล่นฟิตเนสที่ตึก รอมันกลับมาบ้านพร้อมกันก็ไม่รู้
...สงสัย...อากาศร้อนคงจะทำผมเพี้ยน...แน่ๆ
ดีค่า อาจเพราะวันนี้เป็นวันดีคืนดีถึงได้กลับมาพบกันอีก 555+
ฟิคนี้แต่งจบก่อนให้รักเจริญเติบโตสักหน่อย ใหม่รองลงมาจากเรื่องนั้นเลยก็ว่าได้ เกิดจากอากาศร้อนแถวบ้าน + ไปนั่งอ่านนิตยสารที่โน่ริทลงสมัยแรกๆแล้วจิ้นไปโน่นน เลยแต่งซะ
สุดท้ายนี้อยากชี้แจงว่า ถ้าเรื่องไหนขึ้นต่อท้ายว่า (new) คือฟิคใหม่สุดที่แต่งนะคะ แล้วเจอกันใหม่เด้อ
ความคิดเห็น