คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : No.2 - Scent
ทำไมถึงรู้สึกว่ามีอะไรต่างไปจากเดิมกันนะ?
________________________________________________________________
วันนี้ก็เหมือนทุกๆวัน
จำได้ว่าตื่นนอนขึ้นมา แล้วก็ลงไปแช่อ่างน้ำ รู้สึกตัวอีกทีก็เห็นหมอนั่นมาตามถึงในห้องน้ำอย่างเคย
ก็เคยบอกอยู่หรอกว่าไม่ต้องก็ได้ มันน่ารำคาญ แต่เคยฟังกันที่ไหน มาโคโตะบอกว่าจะตามใจเขามากไม่ได้ แต่ตัวเองก็เอาแต่ใจเหมือนกัน จะรู้ตัวบ้างมั้ยนะ?
พอคิดแบบนั้นทีไร ก็ไม่รู้ว่ามันออกทางสีหน้าด้วยรึเปล่า แต่ทุกทีหมอนั่นก็จะสังเกตเห็น แล้วเอาแต่ยิ้มให้ ช่วงนี้ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะจะมีการลูบหัวเขาเป็นของแถม ทำเหมือนเขาเป็นเด็กๆ
ใช่แล้ว ตอนนี้ก็เหมือนกัน
เขาปัดมือแกร่งของอีกฝ่ายออก พร้อมกับเสหน้าไปทางอื่นเพราะไม่อยากมอง ช่วงนี้มีหลายๆอย่างที่หมอนี่ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองต้านทานหรือต่อกรไม่ได้ ทั้งเรื่องที่ตอนนี้หมอนี่ตัวสูงใหญ่กว่าเขามาก ทั้งเรื่องที่รู้ทางเขาไปเสียหมด ทั้งเรื่องที่นึกจะโกรธแต่พอเห็นหน้าก็โกรธไม่ลง แล้วก็...ช่วงนี้พออยู่ใกล้ก็จะได้กลิ่นที่ต่างออกไป เป็นกลิ่นประหลาดที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกทำให้เต็มใจตกอยู่ใต้อาณัติ
พลั่ก!
รู้สึกเหมือนมีอะไรชนที่ขาทำให้เขาเสียหลักแล้วล้มไปชนคนตัวสูงกว่าข้างๆ ซึ่งอีกฝ่ายก็เหมือนจะรู้งาน กางแขนมาประคองเขาไว้
ดวงตาสีน้ำเงินครามมองหาต้นตอ ก่อนจะเห็นเด็กประถมตัวเล็กๆกล่าวขอโทษแล้วก้มหัวขอโทษขอโพยเสียยกใหญ่ เขาบอกว่าไม่เป็นไร เด็กคนนั้นจึงยิ้มให้แล้วรีบวิ่งไปต่อ
เขาได้กลิ่นประหลาดนั่นอีกแล้ว
ถึงได้เพิ่งรู้สึกตัวว่ายังอยู่ในอ้อมแขนของอีกฝ่าย ดวงตาสีเขียวมรกตจ้องมองมา ใบหน้ายิ้มๆเหมือนเคย
"ฮารุเหม่ออีกแล้วนะ"
เพราะใครกันล่ะ
เขานึกเถียงในใจ ก่อนจะยืนขึ้นปกติแล้วเอามืออีกฝ่ายออก ได้ยินเสียงหัวเราะคุ้นเคยเบาๆ ไม่รู้พอใจอะไรนักหนา
มันกลายเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ...
________________________________________________________________
เสียงคุยกันจอแจเป็นส่วนหนึ่งของบรรยากาศก่อนเริ่มคาบแรกที่ชินตา มีเพื่อนบอกให้รวบรวมการบ้านวิชาคณิตศาสตร์ที่หน้าชั้น ซึ่งมาโคโตะที่นั่งข้างๆกันก็อาสาเดินเอาส่วนของเขาไปวางหน้าห้องให้ด้วย จากที่นั่งคนสุดท้ายแถวติดหน้าต่างตรงนี้ เขามองเห็นภาพภายในห้องเกือบทั้งหมด ก็เลยรู้ว่าตั้งแต่ขึ้นม.ปลายมานี่บ่อยทีเดียวที่จะมีเพื่อนผู้หญิงมองตามหมอนั่นแล้วกระซิบกระซาบกรี๊ดกร๊าดกันอยู่บ่อยๆ ซึ่งอันที่จริงมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเลยนี่นะ...
พอคิดได้ดังนั้น ใบหน้าที่ดูเหมือนไม่สนใจโลกก็เสมองไปนอกหน้าต่าง เขายกมือขึ้นเท้าคาง ท้องฟ้าสีสดข้างนอกและอากาศอุ่นๆทำให้รู้สึกผ่อนคลายจนเปลือกตาค่อยๆปิด
"จะเอาไปส่งแล้วเหรอ ฉันยกช่วยนะ" นั่นเสียงมาโคโตะ คงจะอาสาช่วยใครอีกแน่ๆ หลังจากที่ได้ยินเสียงเปิดประตูไปแล้ว ก็ได้ยินเสียงเพื่อนผู้หญิงกรี๊ดกร๊าดกันอีก
"อ๊ายยย ทาจิบานะคุง >///<!!"
"ชอบอ่ะ ทั้งหล่อ ตัวสูง แถมยังใจดีอีก"
"ผู้ชายดีๆนี่ คือแบบนี้ล่ะเนอะ"
เขาควรจะดีใจกับหมอนั่นมั้ยนะที่ได้รับความนิยมขนาดนี้ แต่พอคิดในทางกลับกัน นั่นสิ ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว ไม่เห็นเคยหมอนั่นบอกว่าสนใจใครในทางนั้นเลย ซึ่งก็ไม่เกี่ยวกับเขาอีกนั่นล่ะนะ แต่ถ้าเกิดวันหนึ่งมาโคโตะนั่นมีแฟนขึ้นมา เขาก็อยากจะรู้จักเธอคนนั้นด้วยเหมือนกัน
เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่อยู่ๆก็ได้"กลิ่นนั้น"แบบจางๆอีกครั้ง ก่อนจะรู้สึกว่ามีใครจับผมเขาทัดหูให้อย่างแผ่วเบา...
พอลืมตาขึ้นแล้วหันไปอีกที อีกฝ่ายก็ยืนยิ้มมาให้จากข้างๆ
"อาจารย์จะเข้าแล้วนะ"
อะไรของหมอนั่นกัน? แล้วถ้าเมื่อกี้มีใครเห็นจะไม่คิดว่าพวกเขาเป็นอะไรแปลกๆกันเหรอ?
เหมือนเจ้าตัวจะยังไม่รู้สึกรู้สา กลับไปนั่งที่โต๊ะแล้วหยิบแว่นขึ้นมาใส่ จากนั้นค้นกุกกักในกระเป๋าหยิบเอาหนังสือกับกล่องดินสอออกมา แล้วก็เหมือนจะรู้อีกว่าเขาจ้อง เพราะหันมาแล้วก็ยิ้มให้เขาอีกครั้ง
"อะไรเหรอฮารุ?"
เขาไม่ตอบ แต่เสหน้าไปทางอื่นแทน บางทีก็นึกหมั่นไส้ขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ
"ฉันน่ะโตแล้วนะ นายเลิกดูแลเกินเหตุแล้วหันไปมองผู้หญิงที่เขาปลื้มนายสักคนดูเถอะ" นั่นเป็นแค่ความคิด และก็คิดว่าสักวันอาจจะได้พูดออกไป
บางที เขาคงต้องทำให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่าเขาก็พึ่งตัวเองได้
เริ่มจากตรงไหนดีนะ?
________________________________________________________________
"ช่วยไหม?" เขาถามเพื่อนผู้หญิงตอนเห็นว่าพวกเธอกำลังนำอุปกรณ์วิชาพละออกมาที่สนาม เจ้าหล่อนเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงแปลกใจ
"อ่ะ จ้ะ ขอบใจนะ"
ตอนบ่ายเป็นวิชาพละ ซึ่งอาจารย์ให้ผู้ชายและผู้หญิงเล่นกีฬาแยกกัน ผู้หญิงเล่นวอลเล่ย์บอล ส่วนผู้ชายเล่นบาส เพราะปกติเขาไม่ได้เป็นตัวเด่นเรื่องนี้อยู่แล้วก็เลยไม่ได้กระตือรือร้นออกไปเหมือนคนอื่นๆเท่าไหร่ ผิดกับมาโคโตะที่รูปร่างสูงใหญ่ เลยถูกทาบทามให้เป็นเซ็นเตอร์แล้วไปซ้อมอุ่นเครื่องกันตั้งแต่ช่วงพักเที่ยง พอเขาเดินออกมาจะไปที่สนามบาสก็เจอเพื่อนผู้หญิงกำลังลากรถเข็นลูกวอลเล่ย์อยู่ เพราะอยากจะทำให้หมอนั่นเห็นว่าตัวเขาเองก็พึ่งพาได้ เลยคิดว่าการอาสาช่วยคนอื่นแบบที่หมอนั่นทำก็เป็นวิธีที่ไม่เลว ต่อให้ตอนนี้หมอนั่นจะไม่เห็นก็ตามทีเถอะ
"นานาเสะคุงไม่ไปสนามบาสเหรอจ๊ะ? เห็นพวกผู้ชายลงไปเล่นกันตั้งแต่เที่ยงแหน่ะ" เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งชวนคุย
"อื้ม เดี๋ยวตามไปน่ะ"
"นานาเสะคุงชอบเล่นบาสไหม?"
"...ไม่เท่าไหร่ ล่ะมั้ง"
"อ่ะ ใช่ เห็นทาจิบานะคุงได้เป็นเซ็นเตอร์ด้วยนี่นา"
"ก็หมอนั่นมันตัวสูง..."
"อ๊ะ! ใช่จ้ะ! สูงก็สูง ไหล่ก็กว้าง รูปร่างแบบนั้นสาวๆชอบมากเลยเนอะ!"
เดี๋ยวนะ... นี่มันกลายเป็นบทสนทนาในกลุ่มมาโคโตะ FC ไปตั้งแต่เมื่อไหร่
จังหวะที่เขารู้สึกว่ามีอะไรกระอักกระอ่วนอยู่ในบรรยากาศขึ้นมา ก็มีเสียงหนึ่งเริ่มพูด
"...นานาเสะคุงนี่ รู้จักกับทาจิบานะคุงมาตั้งแต่เด็กๆเลยใช่มั้ย?" เขาเลิกคิ้วแล้วหันไปมอง อ้า...ใช่ คนนี้เขาเคยเห็นว่าแอบมองตามมาโคโตะบ่อยๆ คงจะชอบสินะ?
"อื้ม อย่างงั้นแหละ"
"ทาจิบานะคุง...มีคนที่ชอบรึยังจ๊ะ" เขารับรู้ได้ว่านี่ต่างหากคือประเด็นสำคัญ
"...ไม่เคยได้ยินนะ" สิ้นประโยค พวกสาวๆต่างก็กรี๊ดกร๊าดดีใจ เห็นมั้ยล่ะมาโคโตะ คนที่ปลื้มนายมีออกจะเยอะขนาดนี้
"แล้วๆ ทาจิบานะคุงเคยบอกมั้ยจ๊ะว่าชอบผู้หญิงแบบไหน" เจ้าของคำถามมองมาด้วยสายตาคาดหวัง ซึ่งคงต้องบอกว่าเสียใจ เพราะเท่าที่จำได้ เขากับมาโคโตะไม่เคยคุยเรื่องผู้หญิงที่ชอบกันมาก่อนเลยด้วยซ้ำ
"ไม่เคยหรอก..."
"เอ๋...แล้ว..."
"นานาเสะ! ฝั่งนี้อาจารย์จะเช็คชื่อแล้วนะ!!" เสียงเพื่อนผู้ชายตะโกนมาแต่ไกล เขารู้สึกโล่งอก เพราะช่วยเขาหลุดพ้นจากการต้องตอบคำถามเยอะๆ ซึ่งเขาไม่ชินเท่าไหร่ ประจวบกับที่เข็นรถมาถึงหน้าสนามวอลเล่ย์พอดี เขาเลยได้จังหวะขอตัวออกไป
หลังจากเช็คชื่อเสร็จ การแข่งบาสก็เริ่มขึ้น ในห้องแบ่งออกเป็นสองทีม เขาได้อยู่ทีมเดียวกับมาโคโตะแต่ก็อยู่ในฐานะตัวสำรองซึ่งปกติก็จะใช้เวลาส่วนใหญ่ยืนมองจากข้างสนามตลอด ไม่เป็นไร เขาไม่คิดมาก ตราบใดที่ไม่ใช่กีฬาว่ายน้ำ จะได้เล่นหรือไม่ได้เล่นเขาก็ไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจสักนิด
"โอ้! ไปเลยๆ" เสียงเชียร์จากเพื่อนข้างๆที่อยู่ทีมเดียวกัน แล้วก็เสียงเชียร์จากอีกทีมที่ดังตามมา ฝั่งทีมมาโคโตะได้ลูกไปก่อน เขาดูบาสไม่เป็น เกมเป็นยังไงเขาอ่านไม่ออกหรอก แต่การที่ได้เห็นเพื่อนเล่นกันอย่างสนุกสนานแล้วก็ลุ้นว่าฝั่งตัวเองจะได้แต้มมั้ยก็ทำให้เขาสนุกไปด้วยได้
ผ่านไปสองควอเตอร์ เขาก็โดนเปลี่ยนให้ขึ้นไปเล่นแทน ทุกคนอยู่ในสภาพเหงื่อโชก ไม่เว้นแม้แต่มาโคโตะที่เมื่อเห็นเขาก็ยิ้มให้ทั้งที่เหงื่อเต็มหน้า
"มาเล่นด้วยกันนะฮารุ"
ที่จริงเขากลัวด้วยซ้ำว่าการที่ตัวเองถูกเปลี่ยนลงมาจะกลายเป็นตัวถ่วง เพราะรู้ดีว่าเล่นบาสไม่เก่งอะไรขนาดนั้น แต่ถ้าคิดง่ายๆ ตั้งสมาธิมองลูก ถ้าจังหวะลูกมา รับให้ได้แล้วพยายามส่งต่อให้เพื่อน เขาเองก็น่าจะพอทำได้เหมือนกัน ใช่แล้ว เขาอยากทำให้หมอนั่นเห็นด้วยนี่นาว่าตัวเขาก็พึ่งพาได้
ควอเตอร์ที่สามเริ่มขึ้น เขาวิ่งไปตามกระแสเกม ดวงตาสีฟ้าครามจับจ้องไปลูกกลมๆสีส้ม เฝ้าระวังเต็มที่ว่าลูกจะถูกส่งมาให้ตัวเองไหม แล้วลูกหนึ่งก็มาทางเขาจนได้ ดีที่เขารับลูกไว้ได้ทัน เขามองเห็นว่ามาโคโตะอยู่ในตำแหน่งที่เขาจะส่งลูกไปให้ได้ต่อเลยโยนไป ซึ่งเจ้าตัวก็รับได้ แล้วก็วิ่งไปแป้นฝั่งตรงข้าม
เกมดำเนินเร็วขึ้นจนเท้าจะวิ่งพันกัน กระนั้นฮารุกะก็ยังตั้งสมาธิมองลูกอย่างเต็มที่ แต่เพราะมองแต่ลูกไม่ได้สนใจอย่างอื่น สุดท้ายเขาก็วิ่งชนกับเพื่อนทีมตรงข้าม ล้มเข่ากระแทกพื้น รู้สึกเจ็บจนชา จังหวะที่ยังงงๆอยู่นั้นรู้สึกได้ว่าเกมหยุดชะงัก ได้ยินเสียงขอโทษ แล้วก็ได้ยินอีกเสียงคุ้นเคยดังขึ้นใกล้ๆ
"ฮารุ! เป็นอะไรไหม!" ให้ตาย เป็นห่วงเขาเกินเหตุเหมือนเดิม
"เดี๋ยวจะพาฮารุไปห้องพยาบาลนะ" ได้ยินเสียงมาโคโตะว่าแบบนั้น จริงๆอยากจะเถียงว่าแค่นี้เองเขาเดินไปห้องพยาบาลเองก็ได้ แต่พอจะขยับขาก็รู้สึกเจ็บแปล๊บ
"ลุกไหวไหมฮารุ?" น้ำเสียงเป็นห่วง สายตาก็เป็นห่วง ตอนนั้นเองที่รู้สึกว่าเหมือนมีก้อนบางอย่างจุกในใจ
"ไหวสิ แค่นี้" ยิ่งพยายามจะลุกยิ่งรู้สึกเจ็บ แต่ตอนที่พยายามจะลุกอีกครั้งก็รู้สึกว่าตัวเองโดนอุ้มจนตัวลอย ซึ่งพอดูดีๆแล้ว ท่านี่มัน...!!
"อะไรของนายน่ะ!" เขาเริ่มดิ้น น่าอายที่สุด เขาถูกอุ้มท่าเจ้าหญิง แต่แขนคนอุ้มนี่ก็แข็งเหลือเกิน ไม่มีทีท่าสั่นคลอนเลยสักนิด
"ไม่ไหวก็อย่าฝืนสิ แค่ขยับขาก็เจ็บแล้วใช่ไหม" น้ำเสียงติดจะดุ แล้วมาโคโตะก็เดินออกจากสนามไป ไม่สนใจสายตาคนอื่นๆที่มองมาเลยสักนิด คนในอ้อมแขนยังคงดิ้น
"ถ้าดิ้นมากจนขาเจ็บมากไปกว่านี้อีกจะว่ายน้ำไม่ได้เอานะ?" ได้ผล ร่างที่ดิ้นอยู่หยุดลง มาโคโตะลอบมองไปที่ใบหน้าของคนที่เขาเป็นห่วงนัก หน้ารั้นๆแบบนี้คงจะไม่พอใจที่เขาอุ้ม แต่ในกรณีนี้เขาไม่ตามใจหรอก
"ตอนเย็นไปกินซาบะมิโสะร้านนั้นด้วยกันอีกไหม?" คนตัวใหญ่กว่าชวนขึ้นหวังเอาใจอีกฝ่ายให้หายงอน พอเห็นหน้าฮารุแล้วที่รู้สึกว่าหนักกลับกลายเป็นว่าไม่รู้สึกสักนิด จริงๆเขาคิดอยากให้ห้องพยาบาลไกลออกไปอีกหน่อย นานๆทีจะมีอะไรแบบนี้เกิดขึ้น
ทางฝั่งฮารุกะ ตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองโดนต้อนจนจนมุมสมบูรณ์แบบ เพราะเป็นแบบนั้นเลยรู้สึกไม่พอใจ ต่อให้อีกฝ่ายเอาซาบะมาล่อก็เถอะ
แล้วที่ยิ่งรู้สึกว่าจนมุมเสียจนทำตัวไม่ถูก เพราะตอนนี้ได้ "กลิ่นนั้น" ชัดเจนมาก
ยิ่งได้กลิ่นนั้นชัดขึ้นเท่าไหร่ ก็รู้สึกว่าหัวใจเต้นแรง ไม่รู้จะทำยังไงดี
"อ่ะ ใกล้ถึงแล้วนะ" อีกฝ่ายว่าพลางกระชับอ้อมแขน กลิ่นยิ่งชัดเจน ฮารุกะรู้สึกเหมือนตัวเองจมดิ่งจนถอนตัวไม่ขึ้น ทำไมกัน? เมื่อก่อนไม่เคยเป็นแบบนี้แท้ๆ
พอรู้สึกว่าศีรษะของอีกฝ่ายซบลงกับอกเขาแบบที่ถ้าเป็นฮารุกะไม่น่าจะทำ มาโคโตะก็แปลกใจจนต้องมองหน้าคนในอ้อมแขนให้ชัดๆ
ใบหน้าคุ้นเคยแดงซ่าน ดวงตาสีสวยหลบสายเขาชัดเจน แต่หัวก็ยังซบอยู่อย่างนั้น
หัวใจหนุ่มม.ปลายเต้นโครมครามฉับพลัน
วินาทีที่อีกสองก้าวจะถึงห้องพยาบาล ร่างสูงใหญ่หยุดฝีเท้า ฮารุกะแปลกใจ แต่ชั่วอึดใจหลังจากนั้นใจเขายิ่งเต้นแรง ใบหน้ายิ่งร้อนผ่าว เพราะรู้สึกว่ามีจูบเบาๆที่หน้าผาก แม้จะแค่ชั่วแว้บเดียวก็ตาม
ได้ยินเสียงทุ้มๆของอีกฝ่ายสั่นเครือ แล้วก็ได้ยินเสียงหัวใจที่ไม่ใช่ของเขาเต้นแรง
"ฮารุกะ... แบบนี้เขาเรียกว่าอ้อนนะรู้ไหม?"
-Talk-
ลงอย่างต่อเนื่อง เพราะทั้ง Growth Bodies และ Scent แต่งไว้นานแล้ว (ฮา) จริงๆก็ลงในบล็อคไปแล้ว แต่ลงเด็กดีแบบนี้ก็ดูเป็นระบบดีเหมือนกัน อื้ม!
เรื่องนี้แต่งเพราะโมเอ้กับสิ่งที่เรียกว่าฟีโรโมน ก็แหม มาโกะจังน่ะฟีโรโมนแรงกล้าขนาดทำสาวๆเอากรวยจราจรฟาดกันได้เลยนะ! แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ประหม่าที่เนื้อเรื่องมันออกจะหวานแหววเกินเพื่อนชายสมัยเด็กกันไปหน่อย แต่ถ้าดูจากในอนิเมแล้วความสัมพันธ์ของคู่นี้ก็เหมือนคู่แต่งงานใหม่ไปแล้วนั่นแหละ บ้าจริง น่ารักชะมัด =///=
สรุปก็คือแต่งสนองนี้ดค่ะ (ฮา)
ขอบคุณที่อ่านนะคะ > <!!
ความคิดเห็น