คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : No.14 - 29 สิงหาฯ
ข้อความจากริทในวันหนึ่ง ส่งมาถึงผมที่ยืนอยู่กำลังจะเข้าห้องหลังจากกลับมาจากซ้อมละครเวทีหงษ์เหนือมังกร
พี่โตโน่ กลับบ้านระวังนะ
ข้อความมีแค่นั้น ท่ามกลางเสียงสายฝนโปรยปรายยามดึกสงัด ผมอ่านข้อความแล้วเงียบไม่พูดอะไร แสงไฟตรงทางเดินดูสว่างอย่างสลัว เข้ากันดีกับใจมัวๆของผม ไม่รู้ทำไม อยู่ๆวันนี้ผมก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังแบกรับบางสิ่งที่หนักหนาเอาไว้อย่างไม่น่าเชื่อ
เมื่อก่อนเคยเป็นแค่ไอ้โตโน่ นายภาคิน คำวิลัยศักดิ์ที่แสนจะธรรมดา วันๆไม่ทำอะไรนอกจากทำงานพิเศษ เตะบอล เล่นดนตรี จนไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ ผมได้รับโอกาสครั้งยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งในชีวิต...โอกาสที่จะได้เข้ามาเป็นหนึ่งในเดอะสตาร์...หนึ่งในผู้ล่าฝันจากคนร่วมสองหมื่นคนทั่วประเทศ จนวันนี้ผมได้มาเป็นนายโตโน่เดอะสตาร์ งานชุกได้ไม่เว้นแต่ละวัน เมื่อก่อนการจะหาเงินได้สักก้อนเป็นเรื่องใหญ่...แต่เดี๋ยวนี้ เพียงแค่ผมออกงานโชว์ตัวที่ไหนก็ได้แล้วร่วมหมื่น พลิกจากหน้าเท้าเป็นฝ่ามือ พลิกจากหลังมือเป็นหน้าตีน
ก็แล้วไอ้ชีวิตที่ไปที่ไหนก็มีแต่คนให้กำลังใจ ทำอะไรก็มีคนกรี๊ด ทำงานเสร็จก็ได้เงินหลายหลักเป็นกำไรอีกมันแย่ตรงไหน?
คำตอบรู้อยู่แก่ใจ... สายตาของผมยังคงจ้องมองข้อความนั่นไม่ห่าง เหลือบไปอีกนิดก็เจอนาฬิกาในมือถือ บอกเวลา 2 นาฬิกา 31 นาที
ก็แล้วเมื่อก่อนเคยไหมที่จะทำงานจนได้กลับบ้านตี 2 แทบทุกวัน เคยไหมที่ต้องตื่นแต่เช้าออกไปทำงานทั้งที่เพิ่งกลับมานอน เคยไหมที่ต้องมาตอบคำถามคนนั้นทีคนนี้ทีทั้งที่มันไม่ใช่เรื่องจริง...แล้วเคยไหม
...ที่แทบไม่มีเวลาคุยกับใครบางคนที่อยู่ด้วยกันที่บ้าน คนที่อยู่ข้างกันมาตลอดจนวันนี้
เสียงฝนยังคงโปรยปราย เช่นเดียวกับอากาศหนาวที่เริ่มพัดโชยมาให้สะท้านเล่น ผมถอนหายใจอย่างที่รู้ว่าคิดแบบนั้นไปก็ไม่ได้อะไร แล้วเปิดประตูเข้าไปหาความอบอุ่นข้างในแทน ปฏิเสธไม่ได้ว่าในใจนึกถึงใครบางคนที่จะนั่งเล่นเกมรอผมกลับมาอยู่บ่อยๆเพียงเพราะแค่อยากเห็นหน้า อยากบอกว่าราตรีสวัสดิ์ ทั้งที่ตัวเองก็มีงานทุกวัน
“ริท...” เสียงของผมหายไปในความเงียบงัน ไฟในห้องยังสว่างไสว โซฟาตัวเดิมก็ยังอยู่ตรงนั้น เพียงแต่ผมไม่เห็นใครนั่งเล่นเกมรอเหมือนอย่างเคย
ปิดประตูแล้วพ่นลมออกทางจมูกอีกสักครั้ง ดึกป่านนี้แล้วจะให้เขามานั่งรอทุกวันอยู่ยังไงไหว ข้อนี้ผมน่าจะรู้ดี ริทเองก็งานหนักไม่แพ้ผมเลย แถมยังต้องออกไปต่างจังหวัดวันโน้นทีวันนี้ทีอีก แทนที่จะเสียเวลามารอผม เอาเวลาไปนอนฟื้นฟูร่างกายตัวเองยังจะเข้าท่ากว่ามากนัก ผมน่าจะรู้ดี
แล้วก็รู้ดีอีกน่ะแหละ ว่าลึกๆแล้วก็อยากคุยกับเขา อยากเห็นหน้าตอนยังตื่น อยากเล่าอะไรตลกๆให้กันฟัง อยากทานมื้อดึกด้วยกัน...อยากเต็มไปหมด
ก๊อก!
เสียงบางอย่างกระทบกับวัตถุแข็งๆทำให้ผมที่กำลังจะเดินเข้าห้องต้องหยุดชะงัก แล้วเบี่ยงทางเดินมาทางโซฟาอย่างนึกสงสัยระคนดีใจ เห็นใครบางคนที่นึกถึงอยู่กำลังหลับตาพริ้ม ไม่หลับเปล่า ในมือยังถือ psp คู่ใจ ข้างๆกันนั้นก็บีบีที่เพิ่งส่งข้อความหาผมตะกี้ ส่วนมืออีกข้างของมันก็วางไว้อยู่บนโต๊ะรับแขกใกล้ๆ คงเป็นต้นเหตุของเสียงก๊อกเมื่อครู่
กูรู้นะว่ามึงยิ้ม ไอ้โน่เอ๊ย...
ผมไม่รอช้า สาวเท้าเข้าไปตรงที่พักแขนของโซฟาฝั่งที่ริทเอาหัวหนุนนอนอยู่ ยืนดูมันหลับ แล้วก็ยิ้มน้อยๆอยู่คนเดียว ดูท่าว่าเจ้าตัวคงจะนั่งเล่นเกมรอผมเหมือนเคย แต่คงทนล้าไม่ไหว หลับคาเกมทั้งยังงั้น หน้ามันตอนหลับไร้เดียงสาเหมือนเด็กๆ ตัวก็เล็กๆ มิน่า ดูแล้วถึงไม่เห็นว่าหลับคาโซฟา
หยุดความคิดไว้เท่านี้ ก่อนที่ผมจะนึกได้ว่าควรปลุกมันไปนอนให้ถูกที่ถูกทางดีๆ แต่แล้วไอ้คนที่ผมมองดูอยู่จู่ๆก็คู้ตัวเข้าแล้วกอดตัวเองไว้แน่น เวลาเดียวกับที่ลมเย็นจากภายนอกพัดพลิ้วปลิวมาอีกระลอก ยิ่งเร่งให้ผมต้องปลุกมันไปนอนดีๆในห้อง
“ริท ริทเว้ย” ผมเขย่าตัวมันเบาๆ ดูจากข้อความที่ส่งมาเมื่อกี้คาดว่ามันคงยังหลับไปไม่นานนัก น่าจะปลุกง่ายหน่อย ไอ้เตี้ยส่งเสียงครางฮืออย่างขัดใจ ก่อนที่มันจะยอมเอามือถูๆตาแล้วลืมขึ้นมาอย่างเชื่องช้า
“อ้าวพี่โตโน่? กลับมาแล้วเหรอ?” ไอ้คนหน้าง่วงเมื่อกี้ตอนนี้ยิ้มกว้าง ตาเบลอๆทอประกายสดใส ตัวเล็กๆที่เคยนอนอยู่กลับขึ้นมาเป็นนั่งกะทันหัน “ซ้อมเป็นไง? เหนื่อยมั้ย?”
ตื่นขึ้นมาก็จ้อไม่หยุดเลย...ไอ้เตี้ยเอ๊ย...
“เหมือนเดิมแหละ ว่าแต่เอ็งเหอะ มานอนอะไรตรงนี้”
“เหมือนเดิมแหละ แต่เพลียไปหน่อย..เฮ่ย!” ริทร้องลั่นประหนึ่งโดนแมลงสาบไต่ขึ้นขา ก่อนที่มันจะลุกลี้ลุกลนคว้า psp มาดู หน้าจอแสดงผลยังคงทำงาน แล้วก็ทำงานดีซะด้วย พอริทมองปุ๊บ หน้างี้เบี้ยวปั๊บ
“เหี้ยแล้วพี่... หลับคาเกมอ่ะ ลืมเซฟเลย แม่งโอเวอร์แล้วอ่ะ” พิรี้พิไรขณะที่เจ้าตัวพยายามกดปุ่มโน่นปุ่มนี่เผื่อตัวเองจะเจอช่องทางฟื้นคืน ผมเห็นแล้วก็อดไม่ได้ แย่งเกมมาจากมือมันแล้วกดปุ่มปิดดื้อๆทั้งยังงั้น
“จะตีสามแล้ว ไปนอน” ไม่สนใจว่าริทจะส่งเสียงประท้วง ผมยึดเกมมันมาถือแล้วเดินเข้าห้องทั้งยังงั้น แสงไฟในห้องรับแขกดับตาม พร้อมๆกับร่างของริทที่เดินเข้ามา เจ้าตัวแสร้งทำหน้าบูด ผมเห็นทีไรก็ฮาทีนั้น แล้วพอมันเห็นผมยิ้มขำเท่านั้นแหละ ไอ้ตัวหน้าบึ้งก็กลายเป็นไอ้ตัวยิ้มใหญ่ทันที ริทเข้ามาหาผมช้าๆ จนเมื่ออยู่ตรงหน้าใกล้ประมาณหนึ่ง เจ้าตัวก็ทุบกำปั้นกับฝ่ามือแล้วทำท่าคารวะเหมือนในหนังจีนกำลังภายใน
“ศิษย์พี่จะตีสาม...แล้วจะชกสี่กับต่อยห้าด้วยเลยมั้ยพะยะค่ะ?”
เงียบ...สงัดเสงี่ยม แป้กอย่างไร้ที่ติ ว่าตัวเองเดาทางมันออกแล้วยังกะไม่ถูกว่ามันจะมามุกนี้
ไอ้ผมที่ยิ้มๆอยู่ ตอนนี้ถึงกับหน้าตาอึ้งกิมกี่แม่กิมลี้เรียกเตี่ยไปเรียบร้อยโรงเรียนจีน
“จะศอกเอ็งอ่ะ โวะ!” ผมทำท่าหนุมานถวายแหวนใส่มันอยู่รำไร จังหวะเดียวกับที่ริททำท่าหลบกระสุนเหมือนในหนังเดอะแมทริกซ์แล้วล้มตัวนอนหงายไปกับเตียงอย่างสวยงาม ไม่รอช้า มันเอามือกุมสีข้างก่อนทำท่ากระอักเลือดแล้วมองมาทางผมอย่างเจ็บปวด
“ศิษย์พี่...อึก...รังแกศิษย์น้อง อะเฮ่อ! เรื่องนี้...อึก... ต้องถึงหูศาสตราจารย์ด็อกเตอร์นายแพทย์ร้อยโทพระอาจารย์บอย...อะเฮ่อ!”
ไอ้ผมที่กะว่าจะถือผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำแล้วอาบน้ำตามหลักสุขบัญญัติถึงกับต้องเปลี่ยนแผน ก่อนเดิมดุ่มๆมาที่เตียงแล้วคร่อมมันไว้ ใบหน้าผมยิ้มเหี้ยม...นึกเสียว่ากำลังแสดงบทตี๋เล็กกำลังเอาคืนไอ้เด็กจิ๊กโก๋หน้าปากซอย
“ตัดผมแล้วเกรียนขึ้นนะไอ้น้อง ถ้าเอ็งฟ้องเจ้าพ่อใหญ่เมื่อไหร่ รับรอง...ข้าจะหาลูกน้องมารุมกระทืบเอ็งถึงย่านเยาวราชนี่...”
ชั่วขณะนั้น...ที่ผมเหมือนเห็นบางอย่างวูบไหวในแววตาริท
“...พี่โตโน่เนี่ย ตั้งใจทำงานตลอดเวลาเลยเนาะ” มือขาวๆดันผมให้ลุกออกซึ่งผมก็ยอมไปตามแรงแต่โดยดี ความเงียบเป็นสิ่งที่อยู่ระหว่างเราสองคนเพียงครู่ ผมมองริท ใช่ว่าประโยคเมื่อครู่จะไม่เข้าใจ ไม่บ่อยนักที่ผมจะตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ไม่รู้เลยว่าควรพูดแบบไหน ไม่รู้เลยว่าควรทำยังไง
แล้วก็เป็นริทซะเองที่หันมายิ้มให้ผมก่อน
“อาบน้ำเหอะพี่...เหม็นฉึกๆ”
ประโยคกู้สถานการณ์ ที่ทำเอาผมอยากเขกหัวมันหนักๆสักทีสองที บรรยากาศเปลี่ยนไปตอนไหนไม่สนใจอยากจะรู้ รู้แค่ว่าตอนนี้มีแค่ผมกับริทที่หัวเราะใส่กันแบบไม่มีเหตุผลกันอยู่สองคน บ้าๆบอๆดี
“อะไรวะ? ฉึกๆ?”
“โฆษณาคนอร์ไงพี่ หมูฉึกๆ ไก่ฉึกๆ หมูฉึกๆ กำลังอินเทรนด์เลยนา ฮ่ะๆๆ” ต้องมาดูหน้ามันตอนอธิบายครับ หน้าก็เด็กอยู่แล้วยังเจือกมาทำแอ๊บแบ๊วเป็นเด็กน้อยตอนร้องหมูฉึกๆ สลับกับทำหน้าพร้อมเลียนเสียงผู้ใหญ่อีกทีตอนไก่ฉึกๆ ตลกชิท
“เออ พอละๆ ไอ้เตี้ยฉึกๆ” ผมว่าขำๆแล้วรีบเดินเข้าห้องน้ำ ได้ยินเสียงโวยของริทดังไล่หลังมาแต่ไกล ผมหันหน้าไปยักคิ้วเหนาะๆให้มันหนึ่งที ทันได้เห็นหน้ามันเอ๋อแดร็กแล้วเรียกผมให้กลับไปเคลียร์อย่างคนไม่อยากยอมแพ้ แต่อย่าหวัง...นัดนี้ผมชนะแล้ว
ผมเดินเข้าห้องน้ำ พาดผ้าเช็ดตัวไว้ที่ราว อันดับแรกที่ทำคือแปรงฟันเน่าๆที่เอาแต่ร้องแต่พูดจนน้ำลายท่วมปากมาทั้งวัน มองเห็นตัวเองในกระจก เพิ่งรู้สึกว่าหน้าของคนที่เพิ่งเหนื่อยจากทำงานมันยิ้มอารมณ์ดีได้แบบนี้ คิดแล้วก็พาลนึกไปถึงอีกคนที่ถ้าไม่อยู่ต่อก็คงหลับไปแล้วข้างนอกห้องน้ำนั่น
แค่เวลาสั้นๆที่ได้อยู่กับริท คุยกับริท มันก็ทำให้ผมลืมไปเลยว่ากลับบ้านมาด้วยสภาพไหน กลับมาโดยที่เครียดอะไรอยู่ แล้วก็ตามที่ว่าไว้...ทันทีที่ผมไม่ได้เห็นหน้าเขา บางอย่างก็เข้าหัวมาทีละน้อยๆเหมือนเดิม สมองผมกำลังคิดเปรียบเทียบถึงเวลาเมื่อก่อนที่ได้อยู่ด้วยกันทั้งวัน และเวลาในตอนนี้ที่ผมมีเวลาสั้นๆกับมันแค่ครู่เดียว
เมื่อก่อนที่ผมยังเป็นไอ้โตโน่ ริทก็ยังเป็นนักศึกษาแพทย์ริท เราจะเจอกันแค่ตอนว่างๆ ริทจะมาหาผมที่บ้าน มาทานข้าว มาพาไปเตะบอล
ตอนอยู่ในบ้านเดอะสตาร์ อยู่ด้วยกันทั้งวัน ฝึกก็ฝึกด้วยกัน ทานข้าวก็ทานข้าวด้วยกัน แถมยังนอนเตียงเดียวกัน...ได้เห็นริทในมุมที่มากขึ้นก็ตอนนั้น
ออกมาจากบ้านใหม่ๆ อยู่ด้วยกันเหมือนเดิม นึกไม่ออกเลยว่าออกจากบ้านมาแล้วจะยังอารมณ์ปกติเหมือนอยู่ในบ้านได้ยังงั้น แปลกใจจริงๆ
แล้วตอนนี้...อยู่ด้วยกันเหมือนเดิม แต่ไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนด้วยกันแล้ว...ริทก็ทำงานส่วนของริท ผมก็ทำส่วนของผม เดี๋ยวนี้ผมต้องไปกับทีมหงส์เหนือมังกรเพื่อเดินสายออกรายการโปรโมทละครเวที ต้องซ้อมจนดึก ว่างไม่กี่ชั่วโมงก็หลับคาห้องฝึก กลับบ้านมาก็เจอริทที่ถ้าไม่เล่นเกมก็หลับไปแล้ว ไม่มีเวลาไปไหนมาไหนด้วยกันอย่างเคย
แต่สิ่งหนึ่งที่คอยย้ำว่าระหว่างผมกับริทเรายังไม่เปลี่ยนไป...คือความรู้สึก
...ว่าเวลาที่ผมกับมันได้อยู่ด้วยกันมีค่าแค่ไหน
...ว่าทุกครั้งที่ได้เห็นหน้ามัน ลืมเหนื่อยไปเท่าไหร่
ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงนี้ ผมรู้สึกได้ถึงสิ่งพิเศษช้าๆ
สายน้ำฝักบัวรินรด เช่นเดียวกับที่ผมรู้สึกว่ามีบางอย่างมารินรดหัวใจให้กลับมาสดชื่นอีกครั้ง
---------------------------------------------------------------
อากาศเย็นๆและความเงียบคือสิ่งที่ผมพบหลังจากเปิดประตูห้องน้ำออกมา แสงไฟเพียงหนึ่งเดียวจากห้องน้ำสว่างเป็นทางยาวในความมืดมิด ทอดไปถึงร่างร่างหนึ่งที่ขดคู้อยู่บนเตียงภายใต้ผ้าห่มผืนบาง ตากผ้าไว้กับราวเสร็จผมก็เดินหย่อนตัวยวบลงที่เตียงอีกฝั่ง เอนหลังไปกับความนุ่มสบายและอากาศเย็นๆ ดูท่าเช้านี้ผมคงจะตื่นขึ้นมาแบบกระปรี้กระเปร่าเพราะหลับสนิท หันหน้าไปทางริทที่หลับหันหน้าไปอีกฟากแล้วยิ้มที่มุมปากอีกหนึ่งที ป่านนี้ไม่รู้ฝันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
แต่ทันทีที่ผมหลับตาพร้อมจะหลับลึก ก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่เคลื่อนไหวบนเตียง
“เออใช่พี่โตโน่ริทลืมบอก อ้าว...?” ผมยังคงหลับตานิ่ง จินตนาการถึงริทที่พลิกตัวมาเร็วรี่ แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นผมหลับไปแล้ว
“หลับแล้วเหรอ...งี้จะทันมั้ยเนี่ย” เสียงนั้นเงียบหายไปชั่วครู่ ทั้งที่ผมบอกมันในใจว่าทันอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงอะไร
“...เผื่อพรุ่งนี้ริทอวยพรต่อหน้าไม่ทันวันนะ สุขสันต์วันเกิดนะครับพี่โตโน่”
เตียงขยับอีกครั้ง ริทคงหันหน้ากลับไปนอนเหมือนเก่า ผมรอจนคิดว่าเขาหลับสนิทแล้ว เลยเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางบนโต๊ะโคมไฟใกล้ๆ
นาฬิกาบอกเวลา 3 นาฬิกา 21 นาที ของวันที่ 28 สิงหาคม
อีกไม่กี่ชั่วโมงจะถึงวันที่ 29 วันเกิดผม
ผมบ้างานจนลืมวันเกิด แต่ริทไม่ลืม
ดีใจนิดๆ...
พ่นลมออกทางจมูกแล้ววางโทรศัพท์ไว้ที่เดิม เหลือบตาไปมองใครบางคนที่ยังหลับหันหน้าไปอีกฝั่ง มองแล้วก็ยิ้ม เลยค่อยหลับตานอนเพื่อพักผ่อน
ในวันเกิดที่ผมลืมแต่ริทไม่ลืม
ผมขอ...
ยังงี้ล่ะ...ก็น่าจะรู้ดี
หวัดดีค่า
ฟิคนี้เป็นฟิคที่แต่งขึ้นเนื่องในโอกาส HBD วันเกิดเฮีย (จริงๆมีฟิคที่แต่งไว้เนื่องในโอกาสวันเกิดน้องด้วย แต่พอค้นไฟล์ดูอีกทีก็พบว่า...มันหายไปจากเครื่องแล้วววว ฮื้ออออ หายไปไหน หายไปได้ยังไง!?) จริงๆฟิควันเกิดมันน่าจะให้อารมณ์สดใสกว่านี้มั้งเนอะ แต่เนื่องด้วยขณะที่แต่งเป็นฤดูฝน บรรยากาศอึมครึมได้ที่ เราเองก็เป็นพวกชอบแต่งฟิคเพราะสภาพอากาศบ่อยๆ มันเลยออกมาอึนๆเยี่ยงนี้ (ฮา) อยากสื่อว่าเฮียทำงานหนักจนลืมดูแลตัวเอง แล้วต้องให้น้องมาใหความสำคัญทดแทนส่วนที่ขาดไป (ถึงในความเป็นจริง เรื่องวันเกิดของเฮีย เฮียคงไม่มีทางลืม เพราะแฟนคลับจะต้องมาแฮปเฮียให้เฮียจำได้แน่) วันนี้ฝอยซะยาวเชียว เจอกันตอนหน้านะคะ (ฮา)
ความคิดเห็น