ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เมื่อโลกนี้โคจรตามเลข 68 (โน่ริท)

    ลำดับตอนที่ #13 : No.13 - เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ป้อมยาม

    • อัปเดตล่าสุด 23 เม.ย. 54





                   

     

     

     

     

     

    นายเรืองฤทธิ์ ศิริพานิช หรือที่คนไทยทั้งประเทศรู้จักกันดีในนามของนายริท เดอะสตาร์ ดีกรีที่สอง จากการประกวดเดอะสตาร์หกเมื่อกว่าสามเดือนที่แล้ว บัดนี้กำลังใช้ช่วงขาสั้นกว่ามาตรฐานชายไทยเดินวนไปเวียนมาอยู่หน้าห้อง ทำท่าเหมือนจะเข้าไปแต่ก็ไม่เข้าไป เหล่แล้วเหล่อีกจนไม่รู้จะเหล่ยังไง ถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อยแล้วสุดท้ายก็ไปเริ่มที่เดินวนไปเวียนมาใหม่

     

     

                    ถามว่านายริทว่างมากนักหรือถึงมาทำอย่างนี้? บอกไว้ก่อนเลยว่าไม่ใช่

     

     

                    ณ เวลาเที่ยงคืนกับอีกสิบแปดนาทีนี้ นายริทง่วงเหงาหาวนอนเป็นที่สุด!

     

     

                    ณ เวลาเที่ยงคืนกับอีกสิบแปดนาทีนี้ นายริทเหนื่อยเป็นที่สุด!

     

     

                    ณ เวลาเที่ยงคืนกับอีกสิบแปดนาทีนี้ นายริทอยากรีบเข้าห้องแล้วไปเหยียดกายเล่นบนเตียงนุ่มๆเป็นที่สุด!

     

     

              แต่เมื่อจินตนาการว่าในห้องที่ยังมืดมิดนั่น จะมีซอมบี้หลบอยู่ในปีกซ้าย แวมไพร์ตัวร้ายหลบอยู่ในปีกขวา ปอบผีฟ้าหลบอยู่ใต้โต๊ะมา ซาดาโกะนั่นหนาแอบจ้องมองมาจากแดนไกลแล้ว ขาของดาราหนุ่มดีกรีนักศึกษาแพทย์ก็ไม่อาจก้าวผ่านพ้นได้อีกต่อไป ในเมื่อความกลัวจากจินตนาการทำเอาอดรีนาลีนหลั่งไหลจนเลือดแทบพุ่ง ดังนั้นนายริทจึงได้แต่รอ รอ และรอใครบางคน

     

     

                    ...ใครบางคนที่จะกลับมาอยู่ด้วยกัน ใครบางคนที่ทำให้เขากล้าพอ

     

     

              ฟึด!

     

     

                    เสียงปริศนาทำให้ขาของนายริทหยุดชะงัก ไหล่บางๆสะดุ้งงัน ดวงตากลมๆของเจ้าตัวเบิกกว้างด้วยความตกใจ ลมหายใจของเขาเหมือนจะหายไปชั่วครู่ หัวใจเต้นระรัวด้วยความระทึก ยิ่งเมื่อจู่ๆแสงไฟแถวๆตรงที่ยืนอยู่ก็ดับลงไปไม่ให้สุ้มเสียงแล้ว เจ้าตัวก็ใช้สมองอันล้ำเลิศจินตนาการไปต่างๆนานา ...มีหญิงสาวในชุดขาวจ้องมองมาที่หลังของเขาด้วยความอาฆาตแค้น... มีเด็กแดงๆโผล่หัวมามองเขาจากช่องแอร์บนเพดาน... มีผีเจงกิสข่านเตรียมออกมาแก้แค้นและซ่อนอยู่ในเงามืด... มีมือขาวๆเปื้อนเลือดจะกระชากเขาไปที่โลกอื่น และมันใกล้เข้ามาแล้ว...โอ้บร๊ะเจ้า!!!

     

     

              ฉับพลันนั้น นายริทใช้ช่วงขาสั้นๆวิ่งแบบไม่คิดชีวิต ลิฟต์ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีแน่ เพราะเรื่องราวของผีในลิฟต์มีตั้งมากตั้งมายทั้งหนังไทยหนังเทศ เจ้าตัวเลือกวิ่งลงบันไดให้เร็วที่สุด ความกลัวที่ทำให้หัวใจสั่นไหว ประจวบเดียวกับความเหนื่อยล้าที่เสียดแทงทำให้น้ำตาปริ่มออกมาจากดวงตา กระนั้นนายริทก็ยังวิ่งลงบันไดมาจนถึงชั้นล็อบบี้ด้วยขาสองข้าง จนเมื่อเห็นแสงไฟสว่างๆและคนพลุกพล่านอยู่นั้น ไอ้ที่กลัวก็จะหายกลัวขึ้นมาบ้าง หนุ่มนักศึกษาแพทย์ปาดน้ำตาเบาๆ ทำใจเย็นๆและสูดลมหายใจเข้าลึกๆนับหนึ่งถึงสิบ เมื่อตั้งสติได้แล้วเจ้าตัวก็กลับมายิ้มได้ ทั้งยิ้มขันเพราะตลกตัวเองที่วิ่งหนีอะไรไม่เป็นเรื่องจนร้องไห้ ทั้งอารมณ์ดีที่ไม่ต้องอยู่ที่เปลี่ยวๆคนเดียวด้วยเช่นกัน

     

     

                    หนุ่มร่างเล็กก้มลงมองนาฬิกาข้อมือที่เพื่อนรักซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อเดือนมิถุนา เวลาตอนนี้เที่ยงคืนยี่สิบเจ็ด

     

     

                    คงอีกนานกว่าพี่โตโน่จะมาถึง

     

     

                    ทำอะไรดี?

     

     

    ----------------------------------------

     

     

              คนที่ไม่ใช่แฟน ทำแทนทุกเรื่องไม่ได้ เหนื่อยก็รู้ เหงาก็เข้าใจ แต่ไม่อาจให้ยืมอ้อมแขน คนที่ไม่ใช่แฟน ทำแทนทุกเรื่องไม่ได้ หน้าที่ในฐานะใจ ห้ามเดินก้าวล้ำเส้นแฟน ภาระในเขตอ้อมแขน ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้...

     

     

                    เสียงร้องของลุงสม ยามอารมณ์ดีประจำคอนโดที่ร้องคลอเพลงของนักร้องสาวคนโปรดที่เปิดมาในวิทยุดังลอดออกมาจากป้อมยามเล็กๆทางด้านหน้า ในเวลาช่วงเที่ยงคืนนี้ สติของแกติดจะหลุดไปเฝ้าพระอินทร์คราแล้วคราเล่า ซึ่งไม่ดีแน่หากแกเผลอหลับไปแล้วเจ้านายมาเห็น การร้องเพลงกระตุ้นให้สมองตื่นตัวและขยับซ้ายขวานิดหน่อยพอให้ร่างกายฟิตๆจึงเป็นสิ่งที่แกมักจะทำเสมอเวลาที่รู้สึกว่าตัวเองง่วง

     

     

                    แต่คงจะเพลินไปหน่อย...ลงท้ายเลยขยับตัวพลาดจนรู้สึกได้ว่าเป็นตึงๆที่เส้น

     

     

                    ลุงสมเอามือกุมหลังด้วยความปวด ตัดสินใจนั่งลงเก้าอี้พลางขยับตัวเล็กน้อยที่ทิศทางที่แตกต่างเพราะหวังว่าอาการจะดีขึ้น แน่นอน...ไม่มีอะไรดีขึ้นจากเดิมเสียเท่าไหร่ หรือว่าคืนนี้ลุงสมจะต้องเฝ้ายามไปปวดเส้นไปกันหนอ?

     

     

                    หวัดดีครับลุง

     

     

                    เสียงของผู้มาใหม่ที่ดังขึ้นแถวไหนไม่รู้ทำให้ลุงสมชะเง้อเหลียวหลังเพื่อหาต้นตอ จนเมื่อได้ยินเสียงเคาะกระจกหน้าป้อมยามเบาๆ แกจึงหันไปด้านหน้าและพบกับดาราชายคนหนึ่งที่กำลังฮอตฮิตอยู่ในตอนนี้ นายริทเดอะสตาร์

     

     

                    ใช่ว่าแกไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของนายริท ลูกสาวคนโตของแกชอบนายริทมากถึงขนาดเอาเป็นประเด็นสำคัญในหัวข้อสนทนาทุกครั้งที่แกกลับถึงบ้าน ยิ่งพอรู้ว่าแกเป็นยามประจำคอนโดที่นักร้องวัยรุ่นคนนี้พักอยู่แล้ว ก็จะชอบถามว่าแกเจอนายริทบ้างไหม นายริทคุยกับแกบ้างไหม แกก็ได้แต่ตอบไปว่าเดินผ่านกันบ้าง ฝ่ายโน้นเขาทักมาบ้างตามความจริง ดีที่ลูกสาวคนโตของแกแต่งงานไปแล้ว มีผัวมีครอบครัวต้องดูแล มิเช่นนั้นคงเห็นลูกสาวแกมาแอบตั้งสมาคมลับเพื่อตามแอบดูนายริทเดอะสตาร์เป็นแน่แท้อแมซอน

     

     

                    ครับคุณ? ลุงสมตอบกลับด้วยความสุภาพ แกนิ่วหน้าเล็กน้อยเพราะยังปวดเส้น

     

     

                    คือ...เอ่อ...ออกจะแปลกไปหน่อย แต่ผมขอเข้าไปคุยกับลุงหน่อยได้มั้ยครับ

     

     

                    ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะพูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงแบบไหน แต่พอลุงสมรับรู้ว่าคนบนฟากฟ้าจะลงมาคุยกับคนโคตรติดดินอย่างเขาแล้ว สมองก็ประมวลผลแต่ว่าจะมีอะไรให้เดอะสตาร์มาคุยกับยามธรรมดาๆอย่างเขาได้ ถ้าไม่ใช่ว่ามีวันหนึ่งเขาอาจเผลอหลับไปแล้วปล่อยให้โจรขึ้นห้องของดาราหนุ่ม หรือเขาอาจะเผลอทำอะไรสักอย่างทำให้ดาราหนุ่มไม่พอใจ หรือ...

     

     

                    เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบ นายริทจึงถือวิสาสะเดินเข้าป้อมยามอย่างสนิทสนม เมื่อแลเห็นว่าลุงสมกำลังกุมหลังเหมือนกำลังเจ็บปวด ชายหนุ่มวัยยี่สิบจึงได้เอ่ยถามออกไปด้วยความสงสัย

     

     

                    ลุงไม่สบายเหรอครับ เห็นกุมหลังซะเกร็งเชียว

     

     

                    ตอนนี้สติของนายสมไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเสียแล้ว แกทั้งอึ้งทั้งงง อยู่ๆก็มีดารามาขอคุยด้วย ทั้งยังถามไถ่สารทุกข์สุขดิบอย่างกับรู้จักมานาน แปลกคน

     

     

                    เออก็... ปวดเส้นนิดหน่อยน่ะครับคุณ

     

     

                    โหยลุง ไม่ต้องเรียกคุณอะไรหรอกครับหะๆ ผมไม่ชิน เจ้าตัวว่าพร้อมรอยยิ้มก่อนวางกระเป๋าเป้ลงบนพื้นใกล้ๆผนัง  เรียกริทเฉยๆก็ได้ครับลุง เอ้อ ปวดเส้นผมดูให้มั้ย ผมเคยนวดให้ครูที่โรงเรียนบ่อยๆตอนอยู่มัธยม

     

     

                    อึ้งแดกคักๆเด้บักสมเอ๊ย...

     

     

                    ลุงสมรำพันกับตัวเองในใจ แล้วก็ต้องแปลกใจมากขึ้นไปอีกเมื่อฝ่ามืออุ่นๆของนายริทแกะมือของแกออกจากแผ่นหลัง แกรู้สึกได้ว่าฝ่ามือคู่นั้นกำลังบรรจงกดลงบนหลังของแกอย่างนิ่มนวล ทีละนิดๆ จนจากที่แกปวดเส้นก็ทะลุเลาลงขึ้นเยอะ

     

     

                    ดีขึ้นมั้ยครับลุง?

     

     

                    เหอ? เออก็ ดีครับๆ คุณเอ้อ..ร...เอ้อ น้องริท

     

     

                    หนุ่มร่างเล็กยิ้มขำกับคำพูดติดๆขัดๆของลุงสม ในเวลาช่วงเที่ยงคืนที่พี่โตโน่ยังไม่กลับและเขาไม่กล้าเข้าห้องไปอยู่คนเดียว การได้คุยกับใครสักคนคงเป็นการฆ่าเวลาที่ดี แต่ไอ้ครั้นจะไปคุยกับพนักงานล็อบบี้ก็ยุ่งอยู่เห็นๆ คุยกับคนในล็อบบี้ก็แปลกหน้าไป คุยกับลุงยามนี่แหละน่าจะดีที่สุด เพราะเขาก็เห็นแกเฝ้ายามอยู่หลายครั้ง ทักกันก็หลายหน

     

     

                    นี่ครับลุง เรียบร้อยแล้ว

     

     

                    ลุงสมพยักหน้าหงึกๆ จังหวะเดียวกับที่มือของนายริทผละออกจากแผ่นหลัง บทสนทนาของหนึ่งหนุ่มกับอีกหนึ่งยามเริ่มขึ้น เมื่อนายริทเริ่มถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ ลุงสมแกก็ตอบว่าสบายดี แล้วเลยเล่าไปถึงลูกสาวของแกที่ชอบนายริทมาก เห็นว่าเพราะน่ารัก เห็นแล้วอารมณ์ดี แน่นอนว่าพอมีคนชมซึ่งๆหน้าอย่างนี้นายริทก็ได้แต่ยิ้มหัวเราะขวยเขินแบบขำๆ จนลุงสมหาอะไรซักอย่างยื่นมาให้นายริทเซ็นเป็นของที่ระลึกให้ลูกสาวแก นายริทก็บรรจงเซ็นตัวโตๆพร้อมเขียนข้อความลงไปเล็กน้อย หัวข้อสนทนาเริ่มเปลี่ยนจากเรื่องลูกสาวลุงสม ไปเป็นอัตชีวประวัติก่อนที่ลุงสมแกจะมาเป็นยามที่คอนโด บ้านเกิดของแกอยู่ที่จ.ชัยนาท มีพี่น้องรวมกันสามคน แกเป็นลูกคนสุดท้อง บ้านแกฐานะค่อนข้างยากจน ในหนึ่งสัปดาห์สามพี่น้องต้องสลับกันไปโรงเรียนคนละวัน วันไหนใครไม่ไปโรงเรียนก็ต้องออกมาช่วยพ่อแม่ทำมาหากินทั้งเก็บผักหาปลาไปขายที่ตลาด หนุ่มนักศึกษาแพทย์ได้ยินเรื่องเล่าของลุงสมก็ถึงกับน้ำตาซึม เพราะชีวิตแกผ่านร้อนผ่านหนาวมามากแบบเดียวกับที่เคยเห็นในสกู๊ปข่าวทีวี จนเมื่อลุงสมแกเห็นว่าคู่สนทนาท่าไม่ดีจะร้องไห้อยู่รอมร่อนั่นแหละ แกจึงเอาจตุคามรามเทพที่หลวงพ่อให้แกมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้วมาอวด

     

     

                    ลุงสมแกนึกได้ว่าคุยเพลินจนลืมหน้าที่ยามมาพักนึงแล้ว แกจึงหันหน้าออกจากคู่สนทนาเพื่อจดจ่ออยู่กับด้านนอก ระวังไม่ให้คนแปลกหน้าเข้ามาอีกครั้ง แต่ปากของแกก็ยังไม่ลดละ แกยังคงพูดเรื่ององค์จตุคามด้วยความพออกพอใจ ส่วนนายริทก็ได้แต่ดูองค์พระกลมๆสีดำสนิทนั่นซ้ำไปซ้ำมาจนเจ้าตัวชักจะเบลอ

     

     

                    ไม่รู้ว่าลุงสมแกพูดคนเดียวอยู่นานอีกเท่าไหร่ เพราะพอมีรถตู้สีขาวเตรียมจะเข้ามาจอดข้างในแกก็ต้องลุกขึ้นไปปรับเสากั้นที่ขวางอยู่ให้รถเข้ามาได้ ซึ่งพอหันมาอีกที... ก็พบกับดาราหนุ่มที่หลับคาป้อม...

     

     

                    อ้าว...พ่อคุณเอ๊ย หลับซะแล้ว ลุงสมแกว่าขำๆก่อนหาผ้าห่มแถวๆนั้นมาคลุมร่างให้ แกลอบมองใบหน้ายามหลับของนายริทเดอะสตาร์ ช่างดูไร้เดียงสาและน่ารักเหมือนเด็กๆ เมื่อเอาหน้าตามารวมกับความดีที่เด็กคนนี้ทั้งนวดคลายเส้นให้ ทั้งอยู่คุยกับแกจนตัวเองหลับไป แกก็เริ่มเข้าใจว่าทำไมลูกสาวถึงชอบดาราชายคนนี้หนักหนา

     

     

                    ลุงสมยิ้มอารมณ์ดีแล้วกลับมาทำหน้าที่ยามที่ดีอีกครั้ง ในตอนนี้ทั้งสติทั้งร่างกายของแกฟื้นตัวขึ้นมากแล้ว แกคงทำหน้าที่ยามได้พ้นกะของแกในวันนี้ได้ดีแน่ๆ

     

     

                    แต่เสียงเคาะกระจกหน้าป้อม กับเสียงร้องเรียกอีกเสียงหนึ่งทำให้แกต้องหันไปมอง

     

     

                    ลุงครับ ลุงๆ ไม่ใช่ใครที่ไหน คนนี้เล่นเอาลุงสมหัวใจจะวายตาย

     

     

                    โตโน่ เดอะสตาร์! ขวัญใจเมียแกที่วันๆเอาแต่พูดถึงโตโน่จนชักจะเบ๊อะๆซะแล้วว่าสรุปเมียแกมีผัวเป็นแกหรือโตโน่กันแน่

     

     

                    วันนี้มันวันอะไรว้าบักสมเอ๊ย?

     

     

                    ครับคุณ? ยังไงเสีย นายสมก็ต้องทำหน้าที่ยามที่ดีไว้ก่อน ดวงตาของแกจับจ้องไปที่ใบหน้าของดาราหนุ่มมารุ่งพุ่งแรง ลักษณะท่าทางดูเป็นคนแมนๆและเชื่อถือได้ หนำซ้ำตัวจริงยังหล่อไม่แพ้ในทีวีและที่เมียเขาพร่ำเล่าให้ฟังอีกต่างหาก

     

     

                    ลุงเห็นเอ่อ...ผู้ชายตัวเล็กๆ ขาวๆหน่อยๆ ผมสั้นประมาณนี้เดินออกมาจากคอนโดบ้างมั้ยครับ?

     

     

                    เมื่อพิจารณาคุณลักษณะ ลุงสมแกก็มองเหลียวหลังกลับไปถึงใครบางคนที่หลับอยู่ด้านหลัง

     

     

                    ใช่น้องริทรึเปล่าครับ? นอนหลับอยู่ข้างในนี่

     

     

              เหมือนคำตอบจะโดนใจชายหนุ่ม นายโตโน่เดินเข้าป้อมยามทันทีที่ลุงสมแกเปิดประตูให้ โตโน่ไหว้ขอบคุณลุงสมเป็นอย่างแรก ก่อนจะมองมาที่เจ้าตัวดีที่เขากลับมาเมื่อกี้ แต่ขึ้นห้องไปก็ไม่เจอ ถามล็อบบี้ก็รู้แต่ว่าเดินออกไปข้างนอก ดีที่มาถามลุงยามแกก่อนถึงไม่ต้องเสียเวลาไปมากกว่านี้

     

     

                    ใบหน้าคุ้นเคยยามหลับทำให้หนุ่มตาหยีอดยิ้มไม่ได้ ทั้งริมฝีปากเผยอ ทั้งลมหายใจที่เป็นจังหวะ ทั้งความน่าเอ็นดู ยิ่งเมื่อมาเห็นหลับคาป้อมยามอย่างนี้ ไอ้ที่เขาซ้อมงานมาเหนื่อยๆก็ลืมเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง

     

     

                    หึๆ เตี้ยเอ๊ย...ลุง เขาเดินมาหลับที่นี่เลยเหรอ?สิ้นประโยค ลุงสมก็มองหน้าดาราหนุ่มก่อนตอบคำถามช้าๆ สังเกตว่าดวงตาตี่ๆของนายโตโน่เดอะสตาร์จับจ้องไปที่ใบหน้าของนายริทด้วยความขำระคนเอ็นดู ฝ่ามือก็ลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ แถมยังรอยยิ้มพิมพ์ใจที่ลุงสมเชื่อว่าหากเมียแกมาเห็นคงจดทะเบียนหย่ากับแกแล้วไปแต่งกับโตโน่แน่วันพรุ่งนี้มะรืนนี้

     

     

                    อ๋อ เปล่าหรอกครับ พอดีผมปวดเส้น น้องริทมาเจอเข้าพอดีเขาเลยช่วยนวดให้

     

     

                    โตโน่ฟังแล้วก็เลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ

     

     

              แล้วยังไงต่อเหรอครับ?

     

     

                    ทีนี้ก็คุยกันไปเรื่อย ลุงก็บอกเค้าว่าลูกสาวลุงชอบเค้ามาก เล่าเรื่องเค้าให้ลุงฟังทุกวัน ลุงก็เล่าเรื่องลุงให้เค้าฟังบ้างแล้วก็เปลี่ยนไปคุยเรื่องจตุคาม แหมคุณเอ๊ย เผลอหน่อยเดียวหันมาอีกทีหลับซะแล้ว พูดถึงตรงนี้ทั้งลุงสมทั้งโตโน่ก็พากันหัวเราะขำ จนเมื่อได้ยินเสียงละเมอเบาๆจากผู้หลับใหลนั่นแหละ ดาราหนุ่มถึงได้ตัดสินใจแล้วว่าต้องปลุกไอ้เตี้ยนี้กลับไปนอนที่ห้องสักที

     

     

                    ริท...ริท... เรียกเบาๆพลางสะกิด ผลที่ได้คือคิ้วที่ขมวดมุ่นอย่างคนหงุดหงิด เรียกยังไงก็ไม่ยอมตื่นริทคร้าบ น้องริท ดึกแล้วนะครับ ไปนอนที่ห้องได้แล้วคร้าบ กล่าวพร้อมเขย่าตัวแรงขึ้น แต่คนถูกปลุกก็ยังเหมือนเดิม คนปลุกก็ได้แต่พ่นลมพรืดทั้งหน้ายิ้ม

     

     

                    สุดท้าย โตโน่จึงตัดสินใจยื่นหน้าเข้าไปกระซิบใกล้ๆหู  ภาพที่ทำให้ลุงสมรับรู้ได้ถึงความเอ็นดูที่สองคนตรงหน้ามีให้กัน

     

     

                    เฮ้ยเตี้ย...ถ้าไม่ตื่นเดี๋ยวทิ้งไว้ให้ผีหลอกตรงนี้เลยนะเว้ย...

     

     

                    เอ็นดูมั้ง...? เนาะ?

     

     

                    อือ...พี่โตโน่?เหมือนคำขู่เมื่อครู่จะได้ผล คนหลับลึกถึงได้ตื่นขึ้นมารับรู้อะไรๆกับใครเขาบ้าง แม้ว่าใบหน้าจะดูยังไม่ตื่นดีและน้ำเสียงจะยังคงงัวเงีย

     

     

                    เออดิ สบายดีมั้ยวะ หลับคาป้อมยาม หึๆ

     

     

                    โหย ผมรอพี่อ่ะแหละ กลับช้าอ่ะ

     

     

                    บทสนทนาตามประสาคนสนิทจบลง ทันทีที่โตโน่ถือกระเป๋าของน้องชายเตรียมขึ้นห้อง ดังนั้นแล้วริทจึงได้แต่ต้องตามขึ้นไปทั้งที่ยังง่วง ก่อนกลับทั้งคู่ไม่ลืมไหว้ขอบคุณลุงสม

     

     

                    ลุงสมชะเง้อมองสองพี่น้องต่างสายเลือดเดินจากไปไกลๆ เห็นโตโน่ยกมือขึ้นหยอกตีหัวริทเบาๆ คนโดนตีก็หันมามองคนตีอึ้งๆก่อนยิ้ม แล้วจึงชกกำปั้นไปที่แขนคนเริ่มแกล้งก่อนบ้าง ตีกันไปตีกันมา

     

     

                    ลุงสมเห็นแล้วอมยิ้ม

     

     

                    จะผิดมั้ยหากแกคิดว่าภาพตรงหน้ามันทำให้แกนึกถึงสมัยที่แกตามจีบเมียแกใหม่ๆ...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     


    เรื่องนี้เกิดมาจากแรงยุของเซนๆตอนที่คุยกันในวันหนึ่ง สองสาวพากันคุยไปนั่นแล้วก็จิ้นกันไปต่างๆนานา ลงท้ายก็ออกมาเป็นฟิคนี้ รัวมากตอนแต่ง ข้งข้าวไม่กินมันละ อยากจะบอกว่าเป็นเรื่องแรกที่แต่งแบบมันส์ในอารมณ์มาก แต่งแล้วมีความสุข(แบบเบาๆ)มาก อยากให้อ่านแล้วยิ้มกัน ฮาไม่ฮายังไงอ่านจบก็อย่าลืมยิ้มกว้างๆด้วยนะคะ (ฮา) ขอบคุณที่อ่านค่ะ รักนะจ๊วฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×