คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : No.12 - ชูกำลัง
“ดีใจวะแม่ง แฟนคลับน่ารัก” ไอ้เซนเปิดประเด็นขณะที่พวกเรากำลังนั่งรออยู่ในรถตู้หลังเสร็จจากภารกิจงานอีเวนท์ มันว่าพลางมองไปที่ถุงเซเว่นที่เต็มไปด้วยขนมขบเคี้ยวต่างๆนานา ตั้งแต่มันฝรั่งทอด คุกกี้ ช็อคโกแลต เยอะแยะไปหมดจนพอจะเป็นเสบียงมื้อดึกให้พวกผมทั้งสี่คนไปอีกวัน “ไปงานไหนก็ตามมาให้กำลังใจตลอด โคตรรักอ่ะ”
“จริงๆว่ะ” กันมันพูดบ้างพลางยิ้ม “คือ...กูโคตรดีใจที่มีแฟนคลับอ่ะ แบบ...เขาโคตรให้ความสำคัญ ไม่คิดเลยว่าจะมีแบบนี้ รักว่ะรัก” ว่าแล้วก็ยิ้มกว้างให้กระจกที่มีเหล่าแม่ยกตามกรี๊ดสนั่นไม่ห่างแม้ขึ้นรถไปแล้ว
ผมยิ้มให้กับบทสนทนาของทั้งเซนและกัน จริงๆครับ แต่ก่อนผมอาจจะเคยคิดว่าการตามดารงดาราอะไรมันไร้สาระ สู้เอาเวลาไปทำมาหากินไม่ได้ แต่พอผมมาถึงจุดจุดนี้ แล้วมีพวกคุณคอยเป็นกำลังใจให้ตลอดแบบนี้ คือ...คอยตาม เวลาพูดอะไรให้ก็จะกรี๊ด เวลาอยู่เฉยๆก็เป็นกันเอง มีทั้งของฝากให้ตั้งมากมาย เป็นกำลังใจที่เยี่ยมยอดจริงๆครับ ผมเองอยากบอกเหมือนกันว่าขอบคุณที่คอยเป็นห่วงกันมาตลอด ผมเองก็รักพวกคุณมาก ยิ่งสถานการณ์บ้านเมืองแบบนี้ก็ยิ่งอยากให้ดูแลตัวเอง
พูดถึงเรื่องดูแลตัวเอง...ทำให้ผมนึกถึงอีกคนที่พวกเรารอขึ้นรถอยู่ไม่ได้
เมื่อกี้ผมชะเง้อไปทีหนึ่ง เห็นไอ้ตัวเล็กกำลังเดินมาอย่างยากลำบากแกมมีความสุข ยากลำบากตรงที่ต้องเดินฝ่าผู้คนจำนวนมากออกมา และความสุขอยู่ตรงที่ว่าผู้คนที่เขาเดินผ่านมีแต่แฟนคลับที่รักเขาทั้งนั้น อย่าว่าแต่ไอ้ตัวเล็กมันเลย พวกผมทุกคนเจอพวกคุณแบบนี้ก็มีความสุขครับ ขอบคุณมากๆ
กลับไปอีกครั้งที่เรื่องดูแลตัวเอง จำได้ว่าเมื่อครั้งก่อนที่เราไปงาน Money expo ริทก็เดินฝ่าดงแฟนคลับกลับมาในสภาพมีบาดแผล ลำแขนไซส์ปกติ(แต่เต็มไปด้วยกล้ามน้อยๆ)นั่นมีรอยข่วนเป็นทางยาว มันก็ไม่ได้หนักหนาอะไรหรอกครับ แต่ผมเห็นแล้วก็อดสูปนขำ เห็นริทว่าแฟนคลับแย่งกันมาจับมือ พอคว้าได้ก็จับเสียแรงจนกลายเป็นข่วน ตลกดีครับ แต่กลับบ้านไปผมก็ดูแลทายาทาแผลให้เขานะ
ว่าแต่เมื่อไหร่ไอ้ตัวเล็กจะมาว้า?
ครืดดดดดดดดดด
ทันทีที่เสียงเปิดประตูรถตู้ดังขึ้น ผมก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากแฟนคลับอันท่วมท้น ริทค่อยๆก้าวเท้าขึ้นมาในรถก่อนนั่งลงปุในที่นั่งข้างๆผม ไม่วายที่จะยิ้มหวานอวดฟันสวยที่เพิ่งถอดเหล็กดัดไปได้ไม่นานให้เหล่าแฟนคลับที่ออกันอยู่นอกรถ แล้วประตูก็ปิดลง ในขณะที่รถเริ่มออกช้าๆ
“ไงวะริท” กันทักผู้มาใหม่ยิ้มๆ ซึ่งคนถูกทักก็หันมายักคิ้วกวนๆให้ทีหนึ่ง ตามมาด้วยเซนที่ชะเง้อตัวมาเบิ๊ดกะโหลกเพื่อนรักด้วยความรักใคร่ (?)
ผมนั่งมองริท เขากลับมานั่งพลางเช็ดเหงื่อตามตัวเบาๆ สีหน้าร่าเริงสดใส รอยยิ้มกว้างยังไม่จางหายไปจากใบหน้า ดูเหมือนเขากำลังมีความสุขมาก เห็นน้องสุข ผมก็สุขครับ
จนสายตาไปสะดุดกับลำแขนไซส์ปกติที่ตอนนี้สภาพไม่ปกติเหมือนเคยนั่นแหละ
อีกครั้งที่ผมเห็นรอยข่วนเป็นทางยาวบนแขนของริท
และครั้งนี้ไม่ใช่รอยข่วนเพียงผิวเผิน แต่ข่วนจนเลือดซิบ อีกทั้งยังมีรอยช้ำเขียวปั๊ดเป็นจ้ำๆเป็นบางจุด
ไอ้ตัวเล็กที่เริ่มรู้ว่าผมกำลังจ้องก็มองมาด้วยยิ้มตาหยี ก่อนเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงคำถาม ผมไม่รอช้าที่จะคว้าแขนนั้นมาดูอาการ ถึงแขนน้องชายเขาจะไซส์ปกติ มีกล้ามเนื้อบ้าง แต่ผิวมันก็บาง โดนข่วนแรงๆก็เลือดออกได้เหมือนกัน
แต่ชั่วขณะที่ผมเงยหน้า มือเล็กๆก็ทาบเข้าให้ที่หน้าผากผมพร้อมกับแววตาแปลกใจของริท
“พี่โตโน่...”
“หืม”
“มือร้อนๆนะ ไม่สบาย’เปล่า?” ว่าเสร็จริทก็เอามือที่เพิ่งทาบหน้าผากผมเมื่อครู่มาทาบหน้าผากตัวเองบ้าง คิ้วเรียวขมวดมุ่นอีกครั้ง “หน้าผากก็ร้อนๆอ่ะ ไม่รู้สึกเลยเหรอ?”
ผมได้แต่เลิกคิ้วพร้อมส่ายหัว ไม่รู้สึกอะไรที่จะชี้ว่าผมไม่สบายเลยจริงๆ นอกจากความเหนื่อยและหนักตามตัวแปลกๆที่เป็นแบบนี้เป็นปกติทุกครั้งที่ทำงานมามากๆ
“หรือว่ามึงมือเย็นเองว้าริท?” เซนทัก ไอ้ตัวเล็กยักไหล่ พวกเราเปลี่ยนเรื่องจากหัวข้อผมเป็นไข้ มาเป็นเรื่องฟุตบอลคู่เมื่อคืนแทน เป็นคู่โปรดของไอ้กันครับ รายนี้นั่งเชียร์ติดขอบทีวีเลยทีเดียว ถึงแม้จะไม่ใช่คู่ที่ผมชอบเป็นพิเศษแต่เวลาดูกับเพื่อนกับน้องหลายๆคนจะโคตรมันครับ อยู่กันดึกเลยทีเดียว
คุยกันไปเรื่อยๆ ผมก็รู้สึกว่าชักเมื่อย บางทีผมอาจจะไม่สบายอย่างที่ริทว่า แต่ไม่เป็นไร ผมมั่นใจว่าตัวเองแข็งแรงพอควร พักหน่อยเดียวก็หาย
คิดงั้นจริงๆครับ...
แต่ก็ลืมไปว่าโลกนี้อะไรๆก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดเสมอไป....
.
.
.
.
.
.
เพราะตอนนี้...
.
.
.
.
.
“สามสิบแปดจุดห้าองศา” เซนอ่านค่าจากปรอทวัดไข้ที่เพิ่งเอาออกจากรักแร้ของผม มีไอ้กันจัดแจงของกินอยู่บนโต๊ะข้างๆ ในขณะที่ริทกำลังบิดผ้าอยู่ในอ่างน้ำ ส่วนผมที่กำลังนอนซมได้แต่มองน้องชายทั้งสามคนดูแลผมจากบนเตียง
ถามว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น
ไม่มีอะไรมากไปกว่าพอขึ้นมาถึงคอนโด ผมที่รู้สึกเมื่อยและเหนื่อยมากก็ตรงดิ่งเข้าไปยังโซฟา ไม่นานก็ล้มตัวลงไป สัมผัสสุดท้ายที่รู้สึกได้คือมีมืออุ่นๆมาทาบที่หน้าผากกับเสียงเลือนรางที่ได้ยินไม่ชัด ความมืดเริ่มปกคลุมเข้ามาแทนที่ และต่อจากนี้เกิดอะไรขึ้นก็ไม่ทราบได้ รู้แต่ว่าลืมตาขึ้นมาอีกทีผมก็นอนห่มผ้าอยู่บนเตียงโดยมีผ้าขนหนูชุบน้ำโปะอยู่ตรงหน้าผากเรียบร้อยโรงเรียนจีน
ผมคงเป็นไข้จริงๆแหละงานนี้ เพราะขนาดห่มผ้ายังหนาว แต่ข้างในเป็นร้อนๆชอบกล บวกกับค่าอุณหภูมิที่วัดได้จากปรอทของเซน
“เป็นไงเฮีย ดีขึ้นมั้ย?” ไอ้ตัวเล็กชะโงกหน้ามาถามพลางเปลี่ยนผ้าขนหนูผืนเก่าที่วางบนหน้าผากผมอยู่มาเป็นอีกผืน ผมพยายามที่จะหยักหน้าให้เห็น
“เอาไงดีวะ? ทุ่มนึงมีไปอัดรายการต่อนะเว้ย” เซนมองหน้ากันแล้วถาม
“กูว่าต่อให้โทรไปถามพี่เขาก็ไม่ได้แน่ๆเลยว่ะ เห็นย้ำนักย้ำหนามาตั้งแต่เมื่อวาน แต่เดี๋ยวลองดู” ว่าแล้วมันก็กดโทรศัพท์แล้วลุกไปโทรอีกมุมของห้อง ผมเห็นน้องชายทั้งสามคนดูลำบากแบบนี้ก็ใช่ที่ครับ พยายามจะลุกขึ้นมาเพื่อแสดงให้พวกเขาเห็นว่าไหว ริทที่อยู่ใกล้ที่สุดเลยช่วยประคอง ผ้าขนหนูชุบน้ำผืนใหม่หล่นลงไปตามแรงโน้มถ่วงมาตกแหมะอยู่ที่หน้าตัก
“เอ๋าๆๆ ลุกขึ้นมาทำไมล่ะเฮีย” ยิ้มขำของเจ้าน้องชายตัวเล็กสุดยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเสียเชิง เป็นพี่ใหญ่แต่ดันให้น้องมาดูแล แย่
“ไหวน่าไหว” ผมเปล่งเสียงที่รู้สึกได้ว่าแหบเพราะคอแห้งแล้วยกมือขึ้นโอบริทไว้ พยายามแสดงให้เห็นว่าเป็นอย่างที่พูดจริงๆ แต่ไอ้เตี้ยมันก็ยังยิ้มขำๆส่งให้อยู่ดี
“ครับ ไหวก็ไหว แต่ตอนนี้พี่โตโน่กรุณาทานข้าวที่ไอ้กันอุตส่าห์หามาให้แล้วทานยานะครับ เอ้าอ้ามมม” ว่าแล้วน้องริทคนดีมันก็โอ๋ผมซะเหมือนลูกก่อนยกช้อนที่พูนไปด้วยข้าวผัดร้อนๆยื่นมาที่ปากผม แย่ครับ เสียเชิงคนอายุมากกว่า (แต่ผมไม่ได้ยอมรับว่าตัวเองแก่นะครับพวกคุณ)
“ไม่ได้ว่ะ พี่เขาบอกว่างานนี้สำคัญจริงๆ” หลังจากที่กันมันเจรจากับพี่ผู้จัดการไม่สำเร็จก็เดินดุ่มๆกลับมาบอกแล้วนั่งแหมะลงที่เดิมที่เคยนั่ง
“ก็บอกแล้วว่าไหว”
“ไหน งั้นผมขอดูหน้า” ทันทีที่จบประโยคไอ้เซนก็เอียงหน้ามามอง ผมได้แต่จ้องกลับกระพริบตาปริบๆ
“ซีดนิดๆ”
“ไหวจริงๆเว้ย”
“ไม่ไหวก็ไม่ต้องฝืนนะเฮีย เอ้า อีกคำ” ริทครับ พี่ไม่ได้เป็นเด็กอ่อนนะครับ ไม่ต้องมาสวมบทบาทเป็นคุณหมอใจดีตอนนี้ก็ได้ (ซึ่ง ณ ตอนนี้ผมก็ได้แต่จำใจยอมทานข้าวที่มันป้อนแต่โดยดี) ดูเหมือนตอนนี้น้องทุกคนกำลังเป็นห่วงผมเสียจนเกิดเหตุ ทั้งที่ตามจริงเวลาผมเป็นไข้แค่นี้ยังทำงานพิเศษต่อได้อย่างง่ายดาย
“ห้าโมงห้าสิบแล้วว่ะ พี่เขาว่าจะมารับตอนหกโมงตรง” ไอ้กันชะเง้อมองนาฬิกาก่อนเกาหัวแกรกๆ
“ไหวมั้ยพี่โตโน่” คำถามซ้ำๆซากๆจากไอ้ตัวเล็กคนดี
“กูบอกตั้งหลายรอบแล้วว่าไหว...ไปได้แล้ว”
ยังไงเสียคำบัญชาจากพี่ใหญ่ก็ใช้ได้ผลครับ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หกโมงสี่สิบ พวกเรามาถึงสตูดิโอก่อนเวลานัด ผมพยายามปั้นสีหน้าเป็นปกติ แม้ตอนขามาริทที่นั่งข้างๆจะทักผมว่าปากซีด มาถึงได้ไม่นานก็มีพี่ๆมาพาพวกผมไปแต่งตัวเตรียมถ่ายรายการ ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ ในที่สุดก็ถึงคิวพวกผมออกไปนั่งให้สัมภาษณ์กับพิธีกร สิ่งแรกที่ผมเห็นตอนที่ออกมายืนอยู่บนเวที คือภาพของเหล่าแฟนคลับที่ทั้งส่งเสียงกรีดร้อง ทั้งชูป้ายไฟ ทั้งตะโกนเรียกชื่อพวกเรา ตามจริงเวลานี้มันก็ค่ำแล้ว ผมสังเกตเห็นว่ายังมีน้องที่ใส่ชุดนักเรียนมาด้วย วันนี้ก็วันธรรมดาอีกครับ ก็ห่วงว่าน้องที่เป็นนักเรียนจะไม่ลำบากเอาเหรอ กว่าจะถ่ายเสร็จก็ค่ำมืด แล้วถ้ามีการบ้านอีก ผมห่วงพวกคุณจริงๆนะครับ
รายการเริ่มต้นด้วยการที่ให้เราร้องเพลงของตัวเองในอัลบั้มเดอะสตาร์ 6 ครับ ไม่ได้ร้องหมด แต่ร้องเฉพาะท่อนฮุค มีถ่ายซ่อมนิดหน่อยเพราะไอ้ตัวเล็กทำเปิ่น ตอนก้าวออกมาดันสะดุดขาตัวเองล้มเสียเฉยๆ ทันทีที่มันล้ม เสียงกรี๊ดจากแฟนคลับทั้งหลายก็ประดังเข้ามาครับ มันลุกขึ้นช้าๆ พร้อมรอยยิ้มหวาน เกาหัวตัวเองแบบเขินๆแล้วลุกขึ้นยืน ก็น่ารักแบบริทๆดีครับ
คำถามในรายการนี้ก็แนวๆเดียวกันกับรายการอื่นๆที่ผมเคยไปมาครับ ถามถึงเรื่องความรู้สึกในตอนนี้ เรื่องแฟนคลับ เรื่องตอนอยู่ในบ้าน เรื่องเมื่อก่อนก่อนที่จะมาประกวด มีแซวเรื่องส่วนตัวอย่างเรื่องไม่ชอบอาบน้ำของไอ้กันบ้าง เรื่องกลัวผีของริทบ้าง เรื่องกดชักโครกไม่ลงของเซนบ้าง ส่วนของผม...หนีไม่พ้นเรื่องแอดวานซ์ (ผู้ชายก็อายเป็นนะครับ) หลังๆมาก็เป็นคิวที่ให้พวกผมเผากันเอง สนุกดีครับ
ถามถึงเรื่องไข้ของผม คือมันก็ยังอยู่ ถ่ายทำไปผมก็หนาวไป ก่อนมานี่ก็ทานยากันไว้แล้วครับ (ริทมันจัดพารามาให้) ก็ร้อนในหนาวนอก แต่ผมทนได้ บางทีตอบคำถามเพลินๆผมก็เริ่มลืมไปว่าตัวเองไม่สบาย สักพักก็โดนดึงกลับมาเพราะความรู้สึกเหนื่อยและหนัก แต่ไหวครับ ไหวจริงๆ
“ค่ะ มาที่คำถามสุดฮิตกันเลยนะคะ” พี่พิธีกรกล่าวพร้อมมองไปทางเหล่าแฟนคลับที่ยืนส่งเสียงกรี๊ด พร้อมชูป้ายไฟขึ้นมากันอย่างไม่ขาดสาย ผมเห็นแบบนี้จากเหนื่อยเพราะพิษไข้ก็สบายใจขึ้น
“ที่เขาบอกว่าโตโน่กับริทเป็นมากกว่าพี่น้องนี่...จริงรึเปล่าคะ?” เสียงกรี๊ดตามมาทันทีหลังคำถามนั้น ไอ้ผมก็ได้แต่หันไปมองริทครับ ช่วงแรกๆเราอาจจะสนุกกับคำถามพวกนี้บ้าง จริงๆผมก็อยากจะตอบให้มันออกมาตลกๆหรอกนะ แต่มาแบบนี้ทุกรายการผมก็ชักจะหมดมุก
“คือ...ริทเข้าใจว่าเขาคงจะเห็นภาพจากในบ้าน แล้ว คือ เอามาจินตนาการเอาน่ะครับ อย่างตอนอยู่ในบ้านพี่โตโน่เขาก็จะชอบปลอบชอบกอดริทตอนริทเครียดๆ แล้ว...ก็ สรุปคือพี่น้องกันเฉยๆ ไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่านั้น” ริทพยายามตอบแล้วยิ้มอวดฟันขาว เห็นท่าทางตั้งใจตอบของน้องแบบตะกุกตะกักนั่นแล้วผมก็ชักสนุกครับ นึกไอเดียใหม่ๆออกบ้าง
“ก็พี่น้องน่ะแหละครับ แต่ไม่ใช่พี่น้องธรรมดา”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” ตามคาดครับ เสียงแฟนคลับดังตามมาเหมือนเคย ริทมองผมด้วยสายตาอึ้งๆในขณะที่ปากมันก็ยังยิ้มอยู่ ผมยิ้มที่มุมปากให้ ก่อนโอบมันมาใกล้ๆ
“เพราะผมรักเขามาก...” ว่าพลางกระชับแขนให้โอบเขาแน่นขึ้น อุ่นๆดี อุ่นมาก
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!”
“เราเป็นพี่น้องที่รักกันมากครับ”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
“แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
“อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
“โน่ริท! โน่ริท! โน่ริท!”
แฟนคลับครับ กลับไปบ้านอย่าลืมบำรุงเสียงตัวเองนะครับ ผมเป็นห่วง
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
“เฮ้อ!” ไอ้ตัวอุ่นที่ผมโอบเมื่อกี้กระโจนเข้าโซฟาทันทีที่เรากลับมาถึงคอนโดครับ ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของเซนและกันที่กระโจนมาทับมันตามๆกัน ริทร้องโวยก่อนจะผลักออกทีละคนแล้วหัวเราะ ผมฟังแล้วก็รู้สึกดีครับ เห็นน้องเขาสุขผมก็สุข
“เฮีย ไปพักเลย เดี๋ยวริทบริการเองคืนนี้”
“บริการไรว้า?” ไอ้เซนเริ่มแซว “คือ ริท กูก็เข้าใจนะว่ามึงกับพี่โตโน่นอนเตียงเดียวกัน แต่ตอนนี้พี่เขาไม่สบาย ไม่ต้องถึงใจขนาดนั้นก็ได้” จี้จุดครับทีนี้ ริทเริ่มหน้าร้อนงุดๆ ไอ้เซนมันคงค้างตอนได้เผาพวกผมตะกี้
“กูหมายถึงกูจะจัดยากับเช็ดตัวให้พี่เขาโว้ย แมร่งไอ้เซน”
“คือริท ริทไม่ต้องออกอาการขนาดนั้นไง รู้ๆอยู่ว่าเซนมันแซวเล่น” ไอ้กันช่วยรุมเพื่อนตัวเองครับทีนี้ ผมเห็นหน้าริทที่ตอนนี้ทั้งอ้าปากยิ้ม ทั้งทำตาหยี ทั้งลุกลี้ลุกลนแล้วจะขำ
“โหยยย รุมอ่ะ” แน่นอนว่าริทยังยิ้มขำ “คืนนี้ดูบอลกันสองคนเลยนะพวกมึง กูจะอาบน้ำแล้ว” สิ้นเสียงไอ้ตัวเล็กก็เดินจ้ำอ้าวหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป มีเพียงเสียงหัวเราะและการแท็คมือของทั้งไอ้กันและไอ้เซนตามมา สรุปว่านี่พวกมันวางแผนกันไว้แล้ว?
ช่างเถอะครับ ตอนนี้ผมเหนื่อย อยากนอนไวๆ
แล้วผมก็กระโจนขึ้นเตียงตัวเองหลับไปตามที่ตั้งใจ... โดยไม่อาบน้ำ...
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สัมผัสของผ้าเย็นๆที่ลูบไล้ไปมาตามแขนทำให้ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้ง พอสายตาปรับสภาพได้ก็เห็นอะไรรางๆ มีฝ่ามือคุ้นเคยถลกแขนเสื้อผมขึ้น พร้อมกับผ้าที่ตามมาเช็ดเบาๆ
“อ้าว พี่โตโน่ ตื่นเหรอ” ริททักผมยิ้มๆ ก่อนจะลงมือเช็ดตัวต่อ คราวนี้ถลกเสื้อผมขึ้นมาเช็ดตามหน้าอก สบายดีครับ เป็นไข้แล้วมีคนเช็ดตัวให้ ผมยิ้มส่งกลับให้ไอ้เตี้ย รู้สึกสบายขึ้น
“กี่โมงแล้วเนี่ย”
“ตีหนึ่งครึ่ง... เอ้าเฮีย พลิกหน่อย จะเช็ดหลังให้”
พวกเราไม่พูดอะไรกันอีกเลยนับจากนั้น มีเพียงริทที่บรรจงเช็ดตัวให้ผม กับตัวผมเองที่รู้สึกได้ถึงความรู้สึกดีๆที่ร่างเล็กๆนั่นส่งมาให้ มาย้อนๆคิดดูแล้วพวกเราก็ดูแลกันมาตั้งแต่ในรอบคัดเลือกจนถึงตอนนี้ เวลาริทมีปัญหา ผมปลอบ เวลาผมไม่สบาย ริทคอยดู
เหมือนกับว่าเราเป็นพี่น้องกันจริงๆ...
...แค่นั้นรึเปล่า
ยังไงก็ตาม พอผมพลิกตัวหงายอีกที...
“ริท”
“หืม?”
“ขอบใจ...” เช่นเดิม รอยยิ้มหวานของริทถูกส่งมาอีกครั้ง
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ผมรู้สึกถึงบางอย่างอุ่นๆข้างกาย และบางอย่างที่อุ่นยิ่งกว่ากอบกุมอยู่รอบฝ่ามือ
ความเหนื่อยและง่วงทำให้ผมไม่อยากลืมตาขึ้น แต่อยากสัมผัสกับสิ่งอุ่นๆนั่นให้ใกล้กว่านี้
มันทำให้ผมหายหนาว ราวกับต้องการหยิบยื่นสิ่งๆดีๆให้ผมในเวลานี้
ผมเขยิบเข้าไปชิด กระชับสิ่งอุ่นๆนั้นอย่างแผ่วเบาทั้งที่ยังหลับตา
อย่างน้อยก็อยากขอบคุณที่หยิบยื่นให้กัน....
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เสียงเปิดประตูห้องนอนดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน แสงจากข้างนอกค่อยๆเข้ามาผ่านความมืดสนิท ร่างสองร่างค่อยๆเยื้องย่างเข้ามา ประตูปิดลง การกระทำทั้งหมดดำเนินไปโดยเสียงเบาที่สุด
“เฮ้ย... กัน” หนุ่มหน้าแมวกระซิบกระซาบในขณะที่ขาก็ย่างมาถึงเตียงของ 2 บุคคลเป้าหมายช้าๆ ใบหน้าโน้มลงไปดู
“หืม”
“ถ้าถ่ายรูปพี่โตโน่กับไอ้ริทตอนนี้ไปให้ขายแฟนคลับจะได้กี่ตังค์วะ?”
“ชั่วว่ะเซน หึ...” ปากว่าแบบนั้นแต่เจ้าตัวก็ลั่นชัตเตอร์ด้วยความเงียบ แสงสว่างวาบไม่ทำให้คนทั้งสองที่นอนเบียดและกุมมือกันแน่นบนเตียงตื่นแต่อย่างใด เข้าทางอีกสองคนที่กำลังยิ้มขำ...แบบเงียบๆ
ภารกิจสำเร็จก็หันมาส่งยิ้มให้กันก่อนพากันออกจากห้องเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อืม...เอาเข้าไป...
สวัสดีค่า เจอกันอีกแล้วเนอะวันนี้ พูดถึงชูกำลัง ชื่อฟิคอยากจะสื่อถึงความล่ำ (?) ล้อเล่น อยากจะสื่อว่าสองพี่น้องเป็นเหมือนยาชูกำลังของกันและกันต่างหาก (ฮริ้วววว)
ฟิคนี้เป็นฟิคป่วงๆที่วันนึงเปิดขึ้นมาเจอแล้วถึงกับคิดว่า "แต่งไอ้นี่ออกมาด้วยเรอะ?" (ฮา) เป็นช็อทสุดแสนธรรมดาที่น่าจะแต่งไว้ตั้งแต่ช่วงแรกๆที่สองพี่น้องออกจากบ้าน ในฟิคนี้ชอบพี่กันกับพี่เซนสุดละ แอบชั่วได้ใจ(หึๆๆ) ค้นพบแล้วว่า มีฟิคที่แต่งไว้แต่หาไม่เจอด้วย (กะจะเอามาลงตอนนี้นี่แหละ แต่หาไม่เจอ เลยเอาชูกำลังลงไปก่อน) เจอกันตอนหน้าค่า
ความคิดเห็น