ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มุมสำหรับคนรักสุขภาพ^^

    ลำดับตอนที่ #4 : อย่าปล่อยให้ตาคู่สวยต้องป่วย

    • อัปเดตล่าสุด 14 ก.พ. 53


    จาก สนุกดอทคอม

    อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อย ๆ โรคตาแดงเริ่มถามหา แถมอากาศยิ่งแห้ง คนทำงานออฟฟิศก็ยิ่งเสี่ยงกับตาแห้ง ไปจนถึงต้อลมจากแรงลมรวมทั้งแอร์ และตาล้าจากการเพ่งหน้าจอคอมฯ นานๆ

    เมื่อขนตาปลอมพิษใส่นักแสดงสาวอย่าง ดานา เดลานีย์ แห่งซีรี่ส์ "Desperate Housewives" เธอจึงมีอาการตาแดง บวม และคันอย่างรุนแรงจนอดที่จะตัดพ้อไม่ได้ว่าทีนักแสดง สาวคนอื่นๆ กลับไม่มีอาการแพ้เหมือนเธอ ส่วนนักร้องสาวซ่าอย่าง บริตนีย์ สเปียร์ส ก็เคยติดเชื้อแบคทีเรียจนต้องสวมแว่นตากันแดดหนาทึบยามค่ำคืนเวลาไปไหนมาไหน

    ด้านนักแสดงบอลลีวูดอย่าง ปริญาณกา โชปรา เกิดติดเชื้อตาแดงจนต้องหยุดการถ่ายหนังเรื่องใหม่ "Pyaar Impossible" โดยเธอโอดครวญผ่าน Twitter ว่ารู้สึกซึมเศร้ามากที่เห็นตาตัวเองแดงแจ๋ขนาดนั้น

    ช่วงที่โรคตาแดงกำลังระบาด รวมไปถึงอาการตาบวม ตาคัน ตาแห้ง และตาล้า ฯลฯ ที่เกิดขึ้นกับวิถีชีวิตประจำวันของเรา ฉะนั้น รู้ตัวแล้วป้องกันก่อน ก็ดีเหมือนกันนะคะ

    ตาแดงเพราะเชื้อไวรัส

    ในช่วงระยะเวลา 2 เดือนมานี้ โรคตาแดงกำลังระบาดหนักในหมู่สาวออฟฟิศและคนทั่วไป ทั้งนี้เพราะคนที่ป่วยเป็นโรคตาแดงอาจไม่รู้ตัวแล้วไปขยี้ตาตัวเอง เผลอจับตา ซับน้ำตา หรือแคะขี้ตา โดยไม่ยอมล้างมือแล้วไปจับสิ่งของ ครั้นพอคนปกติหรือร่างกายอ่อนแอไปจับสิ่งของนั้นแล้ว มาขยี้ตาตัวเองต่อ เชื้อไวรัสจึงติดต่อจากผู้ป่วยไปสู่ตัวเขา ฉะนั้น ทางป้องกันที่ดีที่สุดคือการหมั่นล้างมือบ่อยๆ ทั้งผู้ป่วยและคนทั่วไป

    ตากุ้งยิง เพราะเชื้อแบคทีเรีย

    นอกจากตาแดงแล้ว ตากุ้งยิงยังเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่แพทย์เจออยู่บ่อยๆ ในช่วงนี้ โดยแพทย์อธิบายว่า ตากุ้งยิงเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ตรงโคนขนตา ครั้นเมื่อต่อมไขมันอุดตัน เพราะเจอฝุ่นเจอสิ่งสกปรก แล้วเมื่อเราไปขยี้ตา พฤติกรรมแบบนี้จะทำให้ต่อมไขมันอุดตันจนเกิดการอักเสบขึ้นมา และกลายเป็นหนอง ซึ่งมีลักษณะเหมือนสิวที่ตาเรา

    ตาแห้ง เพราะคอมพิวเตอร์

    สาวออฟฟิศยุคนี้มักใช้คอมพิวเตอร์กันนานมากถึงวันละ 7-8 ชั่วโมง ซึ่งเวลาที่เราจ้องมองคอมพิวเตอร์อัตราการกะพริบตาของเรา จะน้อยลงกว่าปกติถึง 5 เท่า จึงทำให้ตาแห้ง ยิ่งถ้าโดนแอร์ในออฟฟิศบวกกับอากาศที่แห้ง จะยิ่งที่ให้ตาเราแห้งไปกันใหญ่ ดังนั้น ใครที่ใช้คอมพิวเตอร์เกินวันละ 8 ชั่วโมง ควรหมั่นกะพริบตาบ่อยๆ และทุกๆ ชั่วโมงก็ควรพักสายตาด้วยการมองออกไปไกลๆ หรือพักหลับตาประมาณ 5 นาทีถ้ารู้สึกว่าตากำลังแห้ง

    ตาแห้ง เพราะคอนแท็กเลนส์

    คนที่ใส่คอนแท็กเลนส์ส่วนใหญ่จะมีปัญหาตาแห้งเรื้อรั ง เพราะการใส่คอนแท็กเลนส์จะเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมไปครอบอยู่บนตา ทำให้ออกซิเจนซึมผ่านได้ยากขึ้น แล้วเราก็จะกะพริบตาได้น้อยลง ยิ่งถ้าใส่คอนแท็กเลนส์นานๆ เส้นประสาทที่ตาจะรับความรู้สึกได้น้อยลง อย่างคนปกติเวลาอะไรเข้าตามักจะมีปฏิกิริยาตอนสนองอย่างรวดเร็ว แต่คนที่ใส่คอนแท็กเลนส์นานๆ ความเซนซิทีฟต่อสิ่งแปลกปลอมจะน้อยลง ทำให้ตาอักเสบและแห้งได้ง่ายๆ ฉะนั้น คนใส่คอนแท็กเลนส์ควรใช้น้ำตาเทียมบ่อยๆ

    ตาล้า เพราะเพ่งมากเกิน

    ถ้าต้องใช้สายตาเพ่งที่จอคอมพิวเตอร์นานๆ อ่านหนังสือเยอะๆ หรือทำงานที่ต้องเพ่งสายตากับสิ่งใดสิ่งหนึ่งนานๆ ตาอาจล้าได้ โดยอาการตาล้าจะต่างจากตาแห้งตรงที่ตาล้าจะมีอาการปวดตา แต่ตาแห้งจะมีอาการแสบตา เคืองตา แล้วมีน้ำตาไหลออกมาเพื่อชดเชยกับอาการแห้งของดวงตา ฉะนั้น ถ้ารู้สึกปวดตาก็ควรเปลี่ยนอิริยาบถ โดยหลับตาสัก 5 นาที หรือมองออกไปไกลๆ ก็ได้


    ตาแดง เพราะเส้นเลือดฝอยแตก

    คนอาจจะไม่ค่อยรู้ว่าเส้นเลือดฝอยในตาแตกจนทำให้ตาแดงนั้น มีสาเหตุมาจากการที่เราขยี้ตาแรงๆ รวมถึงการเบ่งถ่ายหรือไอจามแรงๆ บางรายอาจป่วยเป็นโรคความดันสูง หรือโรคเลือดออกง่ายหยุดยาก เช่น ฮีโมฟีเลีย ทำให้เส้นเลือดฝอยในตาแตก

    อย่างไรก็ดี ถ้ามีอาการอย่างนี้โดยไม่ได้ป่วยเป็นโรคความดันสูง หรือโรคเลือดออกง่ายหยุดยากก็ไม่ต้องตกใจ เพราะไม่มีผลต่อการมองเห็น แค่รอระยะเวลา 7-14 วัน อาการจะค่อยๆ จางลงไปได้เอง แต่ถ้าจะให้ดีควรประคบเย็นและไปพบแพทย์ดีกว่า

    ต้อลม เพราะโดนลมแรง

    ต้อลมเกิดจากการที่เราถูกแดด ลม และฝุ่นบ่อยๆ นานๆ คนสมัยนี้มักป่วยเป็นโรคนี้กันเยอะ อย่างไรก็ดี โรคนี้กลับไม่เป็นอันตรายร้ายแรง ถ้าไม่มีอาการ เช่น แสบตา เคืองตา ตาแดง คันตา ฯลฯ ก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไร นอกเสียจากหมั่นดูแลดวงตาด้วยการใส่แว่นตากันแดดเพื่อกันลม หรือกางร่ม ไม่ก็ใส่หมวกเวลาออกไปนอกบ้าน

    ต้อเนื้อ พัฒนามาจากต้อลม

    การที่เราโดนแดด โดนฝุ่น หรือโดนลมอยู่บ่อยๆ จากโรคต้อลม สามารถพัฒนาไปเป็นโรคต้อเนื้อได้ ซึ่งโรคต้อเนื้อนั้นจะเกิดขึ้นกับคนวัยกลางคนขึ้นไป เพราะอาการของโรคจะค่อย ๆ สะสมนานนับปี เมื่อมีอาการมากขึ้นและลามจากตาขาวเข้าสู่ตาดำ แพทย์จะทำการผ่าตัด โดยลอกเอาต้อเนื้ออกแล้วเอาเยื่อตาของเราเย็บคลุกที่เดิมไว้ แพทย์บางรายอาจใช้เยื่อรกมาคลุกเอาไว้แทน

    อย่างไรก็ดี แพทย์จะไม่นิยมผ่าตัดคนไข้ที่มีอายุน้อยๆ เพราะถือว่ายังมีโอกาสกลับไปเป็นซ้ำได้อีก เนื่องจากเขายังคงต้องเจอแดด เจอฝุ่น และลมต่อไป และถ้าผ่าตัดไปแล้ว ก็จะทิ้งรอยแผลไว้ ซึ่งถ้ามาลอกอีกครั้งหนึ่ง พังผืดจะยิ่งติดแน่น ทำให้ลอกยากกว่าเดิม

    ป้องกันโรคตาถามหา

    แค่กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ก็เพียงพอแล้ว ซึ่งอาหารจำพวกบำรุงสายตาที่อุดมไปด้วยวิตามินเอ เช่น ผักใบเขียว แครอต พริกหยวก หรือผักที่มีสีสันต่างๆ แต่สำหรับผู้ป่วยด้วยโรคจอประสาทตาเสื่อม แพทย์จะให้กินวิตามินเสริมบางตัว เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เป็นมากขึ้น

    คำแนะนำจาก พญ.วรรษา รุ่งภูวภัทร จักษุแพทย์ ร.พ.บีเอ็นเอช

    "ควรมาตรวจสุขภาพตาให้ได้ทุกปีเหมือนตรวจสุขภาพประจำ ปี ซึ่งตรงนี้บางคนอาจไม่เคยให้ความสำคัญกับตามาก่อน เวลาไปตรวจสุขภาพก็จะแค่เจาะเลือดดูว่าเป็นเบาหวานหรือมีความดันมั้ย แต่ละเลยที่จะตรวจตาด้วย หมอจึงอยากแนะนำให้คนทั่วไปตรวจตาปีละครั้ง แต่ถ้ามีอาการผิดปกติ ควรรีบมาพบแพทย์ เราจะได้หาสาเหตุแต่เนิ่นๆ พอรู้สาเหตุก็จะได้รักษาอย่างทันท่วงที"

    ตรวจตา เริ่มเมื่อไหร่ดี

    ก่อนที่ลูกจะเข้าเรียน คุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกมาตรวจตาว่าสายตาปกติมั้ย สายสั้นเอียง หรือแม้แต่ตาเข หรือเหล่หรือเปล่า ซึ่งแพทย์จะเช็กสายตาให้ พอพ้นวัยเรียนไประยะหนึ่ง คืออายุประมาณ 8-9 ขวบ ถ้าเขาไม่เคยสายตาเอียง ยาว หรือสั้น ต่อไปสายตาของเขาจะเริ่มเข้าสู่ระยะคงที่ แต่ถ้าสายตาสั้นตั้งแต่เด็ก โอกาสที่จะสั้นก็มีเพิ่มขึ้นอีก แต่ถ้ามาสั้นตอนโต ก็ไม่ค่อยเปลี่ยนเท่าไหร่

    ส่วนคนสายตายาว ซึ่งคนวัย 40 ขึ้นไปเริ่มจะมีอาการนี้แล้ว เวลามาตรวจตาแพทย์จะดูด้วยว่ามีโรคประจำตัวมั้ย เช่น เบาหวาน หรือความดัน เพราะโรคพวกนี้มีผลกับตาด้วยเหมือนกัน

    Don't do that

    ไม่แนะนำให้ใส่ คอนแท็กเลนส์ตาโต (Big Eyes) เพราะในนั้นจะมีเม็ดสีที่ทำให้ตาดูใหญ่ขึ้น ซึ่งเม็ดสีนี่เองที่ทำให้ออกซิเจนเข้าตาได้ยากขึ้นอีก และเมื่อออกซิเจนมีน้อย ตาจะแห้งและติดเชื้อได้ง่าย

    ทำไมทำเลสิกแล้วมองเห็นอะไรๆ เป็นแสงวงกลม?

    คนไข้ที่จะทำเลสิกทุกคน จำเป็นต้องทราบเรื่องผลข้างเคียงไม่ว่าจะเป็นตาแห้งห รือแสงวงกลมๆ ที่เรียกกันว่า "Glare" หรือไม่ก็ "Halo" ครั้นพอนานไปก็จะดีขึ้นถ้าคนไข้สามารถปรับตัวได้ อย่างไรก็ดี ไม่ใช่ว่าผู้รับการผ่าตัดทุกคนจะเห็นแสงวงกลมแบบนี้ ซึ่งตรงนี้ขึ้นอยู่กับเรื่องของกระจกตาของแต่ละคน แต่สมัยนี้เครื่องมือเลสิกใหม่ ๆ สามารถแก้ปัญหานี้ได้แล้ว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×