ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    LBU

    ลำดับตอนที่ #5 : Philos Lesson4 : Music is ... A higher revelation than all Wisdom & Philosophy.

    • อัปเดตล่าสุด 11 เม.ย. 58


    Lesson4 : Music is ... A higher revelation than all Wisdom & Philosophy.
    ดนตรี...เปิดโลกได้ยิ่งกว่าปัญญาและปรัชญา - Ludwig van Beethoven 

     

    ครั้งที่สองที่เข้ามาในรั้วบ้านนี้ แต่ครั้งแรกที่ได้เข้ามาในบ้าน

    ยิ่งกว่าคำว่า'ถูกใจ'เสียอีก เป็นคนที่มีรสนิยมจริงๆ โตขึ้นฉันอยากมีบ้านแบบนี้ จะเอา!จะเอา!

    บ้านขนาดกลาง ข้างนอกมีสวนที่ดูผ่อนคลายๆ กับการตกแต่งด้วยก้อนหินตรงประตูทางเข้าแค่นั้นก็ได้ใจแล้ว เดินเข้ามาเจอกับห้องนั่งเล่นแบบเรียบง่าย เรียกว่าเป็นมุมรับแขกและพักผ่อนที่เยี่ยมจริงๆ หน้าต่างเปิดโล่งรับลมที่พัดเข้ามาเบาๆ ถูกออกแบบไว้ให้เข้ากับทิศทางลมดี แล้วที่บอกว่ารสนิยมดีนี่ไม่ใช่หรูหราฟู่ฟ่านะ เรียบง่ายแต่มีสไตล์มีรายละเอียด ...ขัดกับเคราเฟิ้มๆนั่นจริง มีของประดับตกแต่งบางอย่างที่ทำให้รู้สึกถึงความขี้เล่นบ้างก็เถอะ ก็ยังขัดกับหน้าเครียดๆนั่นอยู่ดี

    เดี๋ยวนะ...นี่อะไร 

    รูปเอ็ดเวิร์ด ฮามิลตันกับหมาน้อยน่ารักในกรอบ แม้ว่าแว่นกันแดดจะปิดหน้าเกือบมิดไม่เห็นแววตาในรูปนั่นเขา ยิ้ม! แบบว่ายกมุมปากนิดๆ! 



    ฉันแทบจะขำก๊ากออกมาแต่ยังมีสติล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าแล้วเล็งกล้องไปที่รูปแบบไม่ได้ถามความเห็นเจ้าของบ้าน ขณะที่กำลังจะกดชัตเตอร์...

    โฮ่ง! โฮ่ง!

    หมาหน้าตาเหมือนในรูปที่ฉันเห็น เออ ก็ตัวใหญ่กว่าในรูปหน่อยๆ

    "เชิญตามสบายเลยนะครับ เจ้าตัวเล็กนี่ชื่อมอลลี่ครับ" เจ้าของบ้านที่หายไปไหนมาไม่รู้ ฉันสำรวจห้องนั่งเล่นครบทุกซอกแล้วย่ะ สงสัยไปเอาเจ้าตัวนี้มาแหละ

    ฉันก้มลงเล่นกับเจ้าหมาน้อย อืม...ความจริงฉันไม่ค่อยชอบหมาเท่าไหร่ ชอบแมวมากกว่า แต่ตัวนี้น่ารักดี เหมือนเจ้าของมั้ง คิกๆ! ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเอ็ดเวิร์ดจะเลี้ยงสุนัข แถมยังพันธุ์หน้าตาน่ารักแบบนี้ด้วย

    โอ้ย!จะละลายให้ได้ ช่างเป็นคนที่ยิ่งรู้จักยิ่งน่ารักมากจริงๆ

    "ฉันอยากเข้าครัวด้วยได้ไหม เป็นลูกมือให้นะ"

    "จะดีเหรอครับ เธอเป็นแขก..."

    "ฉันไม่ถือหรอกน่า ฉันอยากเห็นนายในครัว ฮ่าๆ"

    "หึๆ งั้นก็เชิญเลยครับ"

    เขาดูคล่องมากๆกับการทำอาหาร คงทำได้ทุกอย่างเลยมั้ง เห็นวัตถุดิบที่ซื้อมานี่ไม่ธรรมดา ฉันสันนิษฐานว่าเพราะชีวิตโสดและการที่ต้องช่วยเหลือตัวเองตั้งแต่เด็กๆของเขา

    เอ๊ะ?เขาโสดเหรอ ฉันแค่พูดมั่วๆน่ะ

    อาหารที่เราทำคืออาหารง่ายๆแบบพาสต้า ไม่นานก็เสร็จ ทำสลัดทูน่าเพิ่มนิดหน่อย 

    "ว้าว เสร็จเรียบร้อยแล้ว น่าทานมาก" ฉันพูดพร้อมกับยกมาวางที่โต๊ะอาหาร

    "เธอเป็นลูกมือที่เยี่ยมมาก"

    "นายก็เป็นพ่อครัวที่เยี่ยมมาก" ฉันบอกเขาพร้อมกับรอยยิ้มชื่นชม ฉันปลื้มมากเลยตอนนี้เพราะผู้ชายรอบตัวฉันไม่ว่าจะคุณพ่อ พี่ชาย หรือกาเบรียลไม่มีใครทำอาหารเก่งเลย ฉันอยากเจอคนแบบนี้มานานแล้ว ผู้ชายทำอาหารอร่อยคือสมบัติของชาตินะ รู้ไหม

    "ผมเปิดเพลงตอนทานข้าวนะ ได้ไหม"

    "ได้สิ ดีเลย"

    เอ็ดเวิร์ดเดินไปเปิดเพลงจากเครื่องเล่นแผ่นเสียงในห้องนั่งเล่น จากระยะทางถึงห้องครัวทำให้กลายเป็นเสียงคลอเบาๆ เหมาะกับการรับประทานอาหารจริงๆ และเพลงนั้นก็เพราะมาก เป็นคนตรีคลาสสิคน่ะ แต่ฉันไม่รู้หรอกว่าเพลงใคร ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้เท่าไหร่

    "นายสะสมแผ่นเสียงเหรอ" ฉันถามเมื่อเขาเดินกลับมาจากห้องนั่งเล่น จากที่ฉันเห็นเมื่อกี้ เขามีแผ่นเสียงเยอะมาก ที่แปลกคือหนังสือในห้องนั้นมีน้อยมาก ฉันคิดว่าเขาคงมีห้องสมุดหรือห้องทำงานที่เอาไว้เก็บหนังสืออีก

    "ก็ประมาณนั้นครับ ผมชอบฟังเพลงมาก ชอบกว่าอ่านหนังสือเสียอีก"

    "ว้าว ขนาดนั้นเชียว"

    เอ็ดเวิร์ดไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่ยักคิ้วเบาๆ สองที 

    บรรยากาศการทานอาหารเป็นไปอย่างเรียบง่าย สบายและอร่อยแบบที่อาหารบนโต๊ะเป็น ฉันไม่ค่อยได้สัมผัสความรู้สึกแบบนี้เท่าไหร่นัก ถ้าจะดินเนอร์กับชายหนุ่มสองต่อสองก็มีแต่กาเบรียลเท่านั้นแหละ รายนั้นอย่าให้พูดถึง พ่นไฟตลอดเวลาหาความสงบไม่เจอ

    เป็นสิ่งแปลกใหม่ที่ทำให้รู้สึกดีมากๆ เลย :)

    ระหว่างทานอาหารเราพูดคุยกันเรื่องสัพเพเหระทั่วไป แล้วก็มานั่งคุยกันต่อที่ห้องนั่งเล่น เขาถามฉันว่าฉันมีพี่น้องไหม ฉันถามเขาว่าเขาชอบกินอะไร เขาถามฉันว่าฉันชอบฟังเพลงแบบไหน ฉันถามเขาว่าเขาเกิดวันที่เท่าไหร่ ราวกับเกมยี่สิบคำถามที่ใส่รายละเอียดในคำตอบเยอะๆ และในคำตอบก็ลากยาวออกไปถึงเรื่องอื่นเต็ไปหมด เป็นอย่างนั้นแหละ เป็นเวลาที่ได้ใช้ร่วมกันอย่างนั้น และเสียงเพลงที่ยังคงบรรเลงต่อไป

    ได้รู้จักเขามากขึ้นเยอะเลย

    มีความสุขจัง....เป็นวันศุกร์ที่ดีเหลือเกิน 

    "อืมม แล้วนายชอบสีอะไร"

    "สีดำ"

    "อ่อ ไม่ผิดคาดเท่าไหร่" วัตถุสีดำเต็มบ้านเขาไปหมด

    "ผมคิดว่ามันเป็นสีที่สามารถแสดงออกได้หลายความหมายมาก ขึ้นอยู่กับบริบท"

    "ก็จริง เห็นด้วยมาก ฉันเองก็ชอบสีดำ แต่ชอบสีขาวมากกว่า"

    "ไม่ผิดคาดเหมือนกันครับ" ฉันมีเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับสีขาวเยอะมาก ถ้าเขาสังเกตุสักหน่อยก็คงเห็น บนตัวฉันมีไอเท็มสีขาวทุกครั้งที่เจอเลยล่ะ สีรถและในตัวรถเองก็ด้วย

    "คิก และมันเหมาะกับฉันมากใช่ม้าา" ฉันคิดว่าสีขาวเหมาะกับทุกคนบนโลกใบนี้ด้วยซ้ำ

    "แน่น่อนครับ"

    ว้าย ไม่มีปฏิเสธ ฉันไม่รู้หรอกว่าเขาแค่พูดไปอย่างนั้นรึเปล่าแต่ฉันแทบจะลอยไปแปะเพดานแล้ว 

    เราคุยกันเรื่องเปื่อยอย่างนี้อยู่สักพัก ฉันก็เห็นสมควรว่าน่าจะกลับบ้านไปทำการบ้านดีกว่า เด็กปรัชญาไม่ว่างขนาดนั้นหรอกนะ



    "ขอบคุณสำหรับมื้อเย็นนะ" ฉันบอกลาเอ็ดเวิร์ดที่เดินมาสา่งที่รถ

    "ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณเธอ"

    "ยินดี ฉันชอบบ้านของนายมาก หวังว่าจะได้มาอีก"

    "แน่นอน ผมยินดีต้อนรับเสมอ พาเพื่อนของเธอมาด้วยก็ได้" โอ้โห ใจดีน่ารัก ถ้ากาเบรียลรู้คงดีใจ เอ่อ อาจจะตกใจมากกว่าที่นิสัยอีกมุมขัดกับลุคมาดขรึมนั่นขนาดนี้

    "หมายถึงกาเบรียลน่ะเหรอ"

    "ใช่ครับ"

    "ดีเลย คราวหน้าฉันจะมาอ่านหนังสือที่บ้านนาย โฮ้ย มาอ่านหนังสือ มีอาจารย์คอยช่วย ฉันนี่ช่างน่าอิจฉาเหลือเกิน"

    "ฮ่าๆ" 

    "ว้าว นายหัวเราะเหรอ" เอ็ดเวิร์ดหัวเราะล่ะ

    "ทำไมล่ะ ผมจะขำไม่ได้เหรอที่เธออิจฉาตัวเอง" ช่วยรู้ตัวด้วยว่ารอยยิ้มของนายมันสวยงามและหายากเหลือเกิน

    "ย่ะ ฉันกลับแล้ว เจอกันวันจันทร์"

    "ครับ เจอกัน" เขาโบกมือลาเป็ฯครั้งสุดท้าย แล้วรถฉันก็แล่นออกจากรั้วบ้านหลังน้อย


    เอ็ดเวิร์ด ฮามิลตัน...ฉันนึกถึงช่วงเวลามื้อเย็นวันนั้นตลอดทางกลับบ้าน...และตลอดคืน

    ฉันอยากรู้จักเขามากกว่านี้ อยากเห็นมากกว่านี้ เวลาที่เขาผ่อนคลาย เขายิ้ม เขามีความสุข

    เวลาที่เขาเป็นอย่างนั้นมันทำให้บรรยากาศดีมากๆ ไปด้วย เวลาที่ได้เห็นเขามุมนี้แล้วเหมือนฟังเพลงคลาสสิคดีๆ สักเพลงเลยล่ะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×