ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทะลุมิติไปขายน้ำพริกในยุค 80s

    ลำดับตอนที่ #4 : น้ำพุวิเศษ

    • อัปเดตล่าสุด 20 มี.ค. 67


     

    พอพูดถึงสามีของเธอ ฉินไฉ่หงก็เห็นแค่ภาพรางๆ เท่านั้น ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะแต่งงานกันแล้ว

    แต่ฉินไฉ่หงคนเดิมเป็นคนขี้อายมาก และเธอก็กลัวสามีของเธอมากด้วย เพราะทั้งคู่แต่งงานกัน ด้วยเหตุผลที่มีเหตุการณ์มาบังคับ เลยทำให้ทั้งสองคนยังไม่สนิทและรู้จักกันดีมากนัก เลยทำให้ตัวฉินไฉ่หงเองก็ไม่กล้าที่จะมอง แม้กระทั่งหน้าของสามีของตัวเองซะด้วยซ้ำ

    และด้วยชื่อเสียงของสามีที่ไม่ค่อยดีในหมู่บ้าน หลังจากที่หยางเฟยหลิงได้ใช้มีดฟันแม่เลี้ยงและพ่อของเขาแล้ว

    ชาวบ้านก็ได้หวาดกลัวเขามาก และไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งกับเขาเลย แล้วยังบอกอีกว่า เขาเป็นปีศาจที่ดุร้าย เลยทำให้คนในหมู่บ้านกลัวเขามากด้วย

    แล้วพอมีข่าวลือออกมาอย่างนี้ มันเลยทำให้ ตัวฉินไฉ่หงก็เลยกลัวสามีของเธอไปด้วยเหมือนกัน

    ไหนที่จะได้ยินชาวบ้านต่างๆ นานา ชอบพูดอีกว่า สามีเธอต้องทุบตีเธออย่างแน่นอน เพราะขนาดพ่อกับแม่เลี้ยง เขายังเอามีดฟันได้เลย หลังจากที่ได้ยินชาวบ้านพูดอย่างนั้น เธอก็ยิ่งกลัวสามีมากยิ่งขึ้นไปอีก

    ที่ฉินไฉ่หงยอมแต่งงานกับสามี ก็เพราะว่าครอบครัวฉินเห็นว่าสามีของเธอเป็นคนที่มีความรับผิดชอบและยังเป็นทหารอีกด้วย

    พวกเขาเลยให้เหตุผลกลับฉินไฉ่หงว่า ถ้าเธอแต่งงานกับหยางเฟยหลิงแล้ว เธอจะมีชีวิตที่ดี และไม่อดตายอย่างแน่นอน

    แล้วครอบครัวฉิน ก็ยังบอกฉินไฉ่หงอีกว่า เรื่องที่ว่าหยางเฟยหลิงจะทำร้ายเธอหลังจากแต่งงานกับเขาแล้วนั้น ก็อย่าไปกลัวเลย

    เพราะที่หยางเฟยหลิง เอามีดฟันพ่อและแม่เลี้ยงของเขาได้นั้น ก็เป็นเพราะว่าคนพวกนั้นทำร้ายเขาก่อน และหยางเฟยหลิงเลยทนไม่ไหว เขาก็เลยต้องการที่จะหาวิธีป้องกันตัวเองและพี่สาวของเขาเท่านั้นเอง

    และครอบครัวของเธอยังบอกอีกว่า ถ้าฉินไฉ่หงทำดีกับสามีของเธอ เขาก็จะไม่ทุบตีเธออย่างแน่นอน ด้วยเหตุผลนี้ ฉินไฉ่หงที่ว่าง่ายและเชื่อฟังครอบครัวมาก ก็ได้ตกลงที่จะแต่งงานกับหยางเฟยหลิงนั้นเอง

    ‘อืม...จากที่เห็นรางๆ ในความทรงจำของฉินไฉ่หงคนเดิม สามีของเธอ ก็น่าจะสูงมากเหมือนกัน แต่หน้าตาเขาออกจะดุๆ ไปสักหน่อย ช่างเถอะ! เรื่องสามีเอาไว้ก่อน ไว้ได้เจอหน้ากันจริงๆ ค่อยคิดดูอีกที เอาก็แล้วกัน’

    จากเรื่องราวในนิยาย สามีของเธอจะได้รับบาดเจ็บ และเกษียณจากการเป็นทหาร แล้วกลับมาอยู่บ้าน ก็คงอีกประมาณ 3-4 เดือนมั้ง ที่เขาจะกลับมาอยู่ที่บ้านแล้ว

    แต่จะว่าไปหยางเฟยหลิงก็เหมือนจะไม่ได้เลวร้ายมากนัก เหมือนที่ชาวบ้านชอบว่าให้เขาเลยสักนิด เธอคิดว่าเรื่องความน่ากลัวของสามีของเธอนั้น ต้องเป็นชาวบ้านเอามาพูด ปรุงแต่งกันให้มันน่ากลัวมากเกินไปซะมากกว่าละมั้ง

    และตอนที่ฉินไฉ่หงทะลุมิติมา ก็ยังอยู่ในช่วงเช้ามากอยู่เลย แต่ตอนนี้ เป็นเธอที่อยู่บ้านคนเดียว เพราะทั้งครอบครัวไปที่ทุ่งนากันหมด แม้แต่หลานๆ ก็ได้ตามไปด้วยเหมือนกัน

    เนื่องจากช่วงนี้ครอบครัวฉินกำลังยุ่งอยู่กับปลูกต้นกล้าข้าวในนากันอยู่ เลยทำให้ไม่มีใครว่างอยู่ที่บ้านกันเลยสักคน

    ปกติตัวฉินไฉ่หงก็จะไปช่วยปลูกข้าวด้วยเหมือนกัน แต่เมื่อสองวันก่อน อยู่ดีๆ เธอก็ป่วยหนักมาก วันนี้แม่ของเธอ เห็นว่าฉินไฉ่หงไม่สบายมาสองวันแล้ว ก็เลยให้พักต่ออีกสักวันหนึ่ง เพื่อที่ว่าจะให้ไข้ได้หายสนิทดี เลยทำให้วันนี้เธอก็เลยไม่ได้ไปช่วยงานที่ทุ่งนาด้วย

    ‘อืม...ไม่รู้ว่าเจ้าของร่างเดิมไปไหนแล้วในตอนนี้? แล้วทำไมอยู่ดีๆ แค่นอนอยู่ที่บ้านทำไมเธอถึงได้ทะลุมิติมาได้ล่ะ.. ช่างเถอะ! คิดไปก็หาสาเหตุที่เธอทะลุมิติมาได้ยังไง ก็ไม่ได้อยู่ดี ว่าแต่..แล้วต่อไปเธอจะทำยังไงให้ครอบครัวฉินดีขึ้นได้ล่ะ จริงสิ! เธอมีน้ำพุวิเศษนี่! เธอเกือบจะลืมน้ำพุวิเศษไปเลยนะเนี่ย!..’

    ว่าแล้วฉินไฉ่หงก็ลองนึกถึงน้ำพุวิเศษในใจ พอเห็นว่ามีน้ำไหลออกมาจากนิ้วมือของเธอจริงๆ เธอก็ดีใจมาก

    ‘ฮะ!..น้ำพุวิเศษตามมาด้วยจริงๆ ด้วย ไหนดูสิ ว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างไหม?’

    พูดเสร็จฉินไฉ่หงก็เดินไปที่สวนหลังบ้าน เธอก็ลองใช้น้ำพุวิเศษ รดไปที่ต้นของแตงกวา

    ‘ไหนมาดูกันสิว่าจะยังได้ผลเหมือนเดิมมั้ย?’ พอเธอรดน้ำพุวิเศษลงที่ต้นแตงกวา เธอก็เห็นว่า ผลของแตงกวาจากที่ลูกเล็กๆ ก็โตขึ้นในทันทีเลย

    ‘หือ!.. เหมือนจะโตเร็วกว่าเดิมมากเลย แล้วดูเหมือนว่าปริมาณของในแต่ละวัน ก็ดูเหมือนว่าจะเพิ่มขึ้นมามากด้วยเหมือนกันนะเนี่ย?’

    พอฉินไฉ่หงเห็นแตงกวาที่โตขึ้นในเวลาเพียงไม่กี่วินาที เธอก็ตกใจมาก จากปกติในชีวิตที่แล้วของเธอ

    เธอจะได้น้ำพุวิเศษแค่วันละหนึ่งลิตรเท่านั้น แต่พอทะลุมิติมาเกิดใหม่อย่างนี้ ก็ดูเหมือนว่าน้ำพุวิเศษจะมีปริมาณเพิ่มขึ้นมาเป็น 10 เท่า และไหนจะมีประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นมามากกว่าเดิมอีกด้วย

    ‘ถ้าอย่างนี้ เราก็ต้องใช้น้ำพุวิเศษอย่างระมัดระวังให้มากขึ้นแล้ว แต่ว่าตอนนี้จะทำยังไงให้ครอบครัวฉินดีขึ้นได้ล่ะ ถึงแม้ว่าจะมีการสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้วในตอนนี้ แต่ทั้งเธอและฉินไฉ่หงคนเดิมก็เรียนได้ไม่ค่อยเก่งเหมือนกัน การสอบเข้ามหาวิทยาลัยในยุคนี้ก็สอบเข้าได้ยากมากอีกด้วย’

    ‘อืม..แต่จะว่าไปช่วงนี้ทางรัฐบาล ก็เปิดให้มีการขายของได้อิสระแล้วนี่น้า? ..’

    ตอนนี้ฉินไฉ่หงก็กำลังใช้ความคิดอยู่ว่า เธอจะทำยังไงให้ครอบครัวของเธอดีขึ้นมาได้

    แต่พอคิดถึงเรื่องราวในนิยายอีกครั้ง ก็ดูเหมือนว่า หลังจากที่ฉินไฉ่หงเรียนจบมอปลายมาแล้ว

    เธอก็ได้ไปสมัครงานและสอบผ่าน แล้วได้เข้าไปที่ทำงานในโรงงานทอผ้าได้ไม่ใช่เหรอ?

    และหลังจากนั้นเธอก็ได้พบกับพระเอกกับนางเอกของนิยายเรื่องนี้นี่น้า...

    ‘จริงสิ! ทำไมเราถึงลืมไปได้ล่ะ ณ เวลาตอนนี้ ที่เธอทะลุมิติมา ยังไม่ถึงตอนที่เหตุการณ์เลวร้าย ที่ตัวฉินไฉ่หงจะเจอในนิยายเลยนี่ เพราะว่าตอนนี้ฉินไฉ่หงเองก็พึ่งจะเรียนจบมอปลายมาเอง และเธอก็น่าจะได้ไปสอบเข้าโรงงานทอผ้าแล้ว และดูเหมือนว่า ผลประกาศของการรับสมัครงานก็ออกมาในเวลานี้แล้วด้วย

    อืม...ถ้าอย่างนั้น งั้นพรุ่งนี้ลองเข้าเมืองไปลองดู ผลสอบของโรงงานดูดีกว่า ไปดูสิว่า ตัวฉินไฉ่หงจะสอบผ่านเหมือนในนิยายมั้ย?’

    ฉินไฉ่หงคิดว่า เธอจะไม่ทำงานที่โรงงานทอผ้าแห่งนี้ เพราะถ้าเธอไปทำงานที่โรงงานทอผ้า เธอก็จะต้องเจอกับพระเอกและนางเอกในโรงงานแห่งนี้ด้วย

    เธอไม่ต้องการที่จะโชคร้ายเหมือนฉินไฉ่หงในนิยายหรอกนะ ทางที่ดีต่างคนต่างอยู่ อย่ามารู้จักกันเลยดีกว่า

    ส่วนเรื่องความรักของพระเอกและนางเอก เธอคิดว่า ถ้าไม่มีเธอ เป็นตัวสนับสนุนของความรักของทั้งสองคนแล้ว ถึงยังไง เธอก็มั่นใจว่า พระเอกกับนางเอกก็จะรักกันละใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเหมือนในนิยายได้อย่างแน่นอนเลย

    เพราะฉะนั้นแล้ว อย่าเอาตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความรักของพระเอกกับนางเอกเลยดีกว่า เพราะเธอกลัวว่า ชีวิตนี้เธอจะเป็นเหมือนฉินไฉ่หงในนิยายอีกคนหนึ่งอีกด้วย

    แต่เธอก็จะเข้าเมืองไปดูว่า เธอจะสอบติดได้เข้าไปทำงานในโรงงานทอผ้าได้เหมือนกับในนิยายหรือเปล่าด้วย?

    เพราะถ้าได้งานนี้จริงๆ เธอก็จะขายงานนี้ แล้วเอาเงิน มาทำเป็นทุน เพื่อทำอะไรไปขายก่อนดีกว่า

    และฉินไฉ่หงก็ตัดสินใจว่า เธอจะอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ตลอดไป เพราะสำหรับตัวเธอแล้ว การได้อยู่ที่ชนบทนั้น ดีกว่าอยู่ในเมืองมาก

    เพราะเธอมีน้ำพุวิเศษ เป็นตัวช่วยเธอในการปลูกผักผลไม้และเลี้ยงสัตว์ได้อีกด้วย

    ดังนั้นการอาศัยอยู่ในหมู่บ้านจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับตัวเธอแล้วในตอนนี้

    ปกติแล้วฉินไฉ่หง ก็ไม่ใช่คนที่มีความทะเยอทะยานอะไร เธอชอบใช้ชีวิตเรียบ ๆ ง่ายๆ

    แต่ถึงจะชอบใช้ชีวิตเรียบ ๆ ง่ายๆ สบายๆ แต่ถ้ามีใครมาหาเรื่อง หรือเอาเปรียบเธอ เธอก็ไม่ยอมเหมือนกันนะ

    ด้วยเหตุผลนี้ เธอจึงไม่อยากเข้าไปอยู่ในเมืองที่วุ่นวายนั่นเลย เธอคิดว่าจะปลูกผักและผลไม้ อยู่ที่ในหมู่บ้านนี่ล่ะ

    และพอพวกผัก ผลไม้โตแล้ว เธอก็ค่อยเอาไปขาย แค่นี้เธอก็มีเงินใช้ไม่ขาดมือได้แล้วล่ะ….

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×