ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ความลับของเค
            “ฉันกลับห้องก่อนนะเว๊ย” ฉันจัดเก็บกระเป๋าเตรียมตัวจะกลับห้องพักหลังจากออดเลิกเรียนแล้ว
            “เฮ้ย! อย่าเพิ่งไปซิวะรอฉันด้วยยยยยย” เบสวิ่งพร้อมกับตะโกนตามหลังหลังจากที่ฉันเดินออกมาจากห้องเรียนได้ไม่นาน
            “เร็วๆ ซิวะ”
            “มาแล้วววววววววววววววววว” หมอนี่นิแหกปากร้องอยู่นั่นแหละเดี๋ยวคุณอาจารย์ก็มาเทศนาซะหรอก เอ้า เอ้า วิ่งเลยไปอีก
            “กลับมานี่ จะไปไหน”
            “โทษทีว่ะ มันหยุดไม่ได้”
            “ ”
            “เฮ้ยนี่ ฉันขอเตือนนายอีกครั้งนะ อย่าเข้าใกล้หมอนั่น มิฉะนั้นคุณจะเดือดร้อน”
            “แกไม่ต้องมาสำบัดสำนวนหรอกเว๊ย ฟังแล้วเลี่ยนว่ะ”
            “น่านานๆ ทีฉันก็อยากทำไรจิงๆ จังๆ บ้าง” อ้าว แล้วปกติแกไม่เคยจริงจังกับเขาบ้างเลยหรอวะ
            “เออเออ”
            “ถึงห้องแล้ว ฉันเข้าก่อนล่ะแล้วฉันจะอยู่ไกลๆหมอนั่นก็แล้วกัน ราตรีสวัสดิ์” ฉันเดินเข้ามาพบกับความมืด สงสัยนายปากม๋าจะยังไม่กลับแฮะ ฉันเดินไปเปิดไฟข้างประตูและเหลียวกลับมามองก็พบนายปากม๋ากำลังนอนฟลุบหลับกับโต๊ะ ฉันเดินไปหยิบผ้าห่มบนเตียงนายปากม๋าแล้วมาห่มให้
            “พ่อ แม่” เอ๊ะ นายปากม๋าละเมอ ดูๆ ไปแล้วน่ารักจังเลยแฮะ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนอย่างนี้จะฆ่าพ่อแม่ตัวเองได้ลงคอ ฉันก้มลงดูหน้าหมอนี่ให้ชัดๆ แต่มันก็ดันลืมตาซะก่อน เฮ้อเสียดายอ่ะ
            “นายจะทำไรน่ะ ดูซิน้ำลายไหลแล้ว” ว้ายตายแล้ว มันไหลออกมาได้ไงเนี้ย ต้องรีบเช็ด รีบเช็ด รีบเช็ดดดดดดด อึ๋ยผ้าเช็ดหน้าตก
            “ซุ่มซ่ามจริงๆ มาเช็ดให้” อย่าทำอย่างนี้สิ หัวใจเต้นแรงหมดแล้ววววววววว ฉันหลับตาปี่
            “เออ ขอโทษนะ ฉันไม่ควรจะทำอย่างนี้เลย ฉันน่าจะรู้ตัวนะว่าฉันเป็นตัวอันตราย ใครๆ ก็กลัว นายก็เหมือนกันถ้ากลัวฉันก็ไม่เป็นไรนะ ฉันจะย้ายไปอยู่ห้องอื่นเอง”
            “ใครว่าฉันกลัวนายล่ะ ฉันแค่..เอ่อ... ช่างมันเถอะ แต่ว่านายไม่ต้องย้ายห้องหรือไปไหนทั้งนั้น เข้าใจมั้ย”
            “แต่ว่า .” หมอนี่นิอะไรกันนักหนา
            “ถึงในอดีตนายจะทำผิดหรือทำอะไรร้ายแรงแค่ไหนฉันก็ไม่สนหรอก ฉันสนที่การกระทำในปัจจุบันของนายต่างหากล่ะ ตาโง่”
            “ถึงที่โรงเรียนนายจะไม่มีเพื่อน แต่ฉันนี่แหละจะเป็นเพื่อนกับนายเอง”
            “เอ่อ .”
            “อีกอย่าง ถ้านายไม่อยากให้ใครมานินทาว่าร้ายนายอย่างนี้ นายก็ต้องพิสูจน์ให้เพื่อนๆ ดูสิ เข้าใจมั้ย”
            “เอ่อ อืม”
            “เราออกไปข้างนอกกันเถอะ” ฉันดึงแขนนายปากม๋าออกมาขางนอก
            “นายจะไปไหนน่ะ”
            “เถอะน่ะ”
       
          ผลัว! ผลัว! ผลัว!
          “นายพาฉันมาแถวนี้ทำไมน่ะ”
          “ฉันก็พานายมาพิสูจน์ตัวเองไง”
          “เอ๊ะ”
          “ก็แถวนี้เป็นที่ที่พวกโจรกระจอกชอบมาดักปล้น จี้ ทำร้ายร่างกายคนน่ะสิ”
          “ฉันกลับล่ะ”
          “นายอย่าปอดแหกสิ ไหนว่าเคยเป็นมาเฟียไม่ใช่รึไง”
          “ฉันไม่ได้ปอดแหก แค่ไม่อยากรื้อฟื้นความทรงจำที่ .ที่”
          “ที่อะไรก็ช่างเถอะ รีบไปกันเถอะ”
         
          “เฮ้ย!!! พวกแกทำไรวะ” ปากเผลอพูดไปอย่างนั้นแหละค่ะ ในใจกลัวจะตายอยู่แล้ว
          “กลับเถอะฉันไม่อยากมีเรื่อง”
          “เฮ้ย!! พวกแก 2 คนเป็นใครวะ บังอาจมาขัดขวางแก๊งค์พยัคขาว ฮะ” นักเลง 5-6 คนหันมาตะคอกใส่พวกเรา
          “พยัคขาว!! ไม่จริงพยัคขาวไม่เคยทำร้ายใครก่อน” ฉันผิดรึป่าวเนี้ยที่พานายปากม๋ามาเจอกับแก๊งค์เก่าตัวเอง ถ้าเกิดหลงผิดกลับไปเข้าแก๊งค์ ก็เหลือผู้หญิงน่ารักๆ อยู่คนเดียวน่ะสิ จะรอดมั้ยนะฉัน
          “เฮ้ย!! จัดการลูกหนี้รายใหญ่เสร็จรึยังวะ” เสียงผู้ชายสุดเท่เอ่ยขึ้นมาจากด้านหลังของพวกที่อ้างตัวว่าพยัตขาว
          “มีคนมาขัดขวางครับหัวหน้า”
          “ใครวะ ขอดูหน้าให้ชัดๆ ซิ” คนที่น่าจะเป็นหัวหน้าเดินเข้ามาใกล้ขึ้น ใกล้ขึ้น แล้วจู่ก็เกิดเสียงหัวเราะขึ้น
          “5555555555  แหม นึกว่าใคร เฮ้ย จัดการแขกพิเศษของเราซิ”
          ชาย 2 คนซึ่งน่าจะเป็นลูกน้องเข้ามาล็อกแขนฉันไว้ทั้ง 2 ข้าง แล้วลากฉันเข้าตรอกหนึ่งซึ่งไม่มีคนอยู่แต่โทษทีเถอะฉันไม่ปล่อยให้พวกแกรุมฉันง่ายๆ หรอกน่ะ รู้จักไอ้ปาล์มสาวห้าวประจำซอยน้อยไปซะแล้ว  ฉันจับไอ้ลูกน้องกระจอก 2 คนนั่นทุ่มพร้อมกันลงกับพื้นตามด้วยแรงกระทืบจากคนสวน เอ๊ย สวยอีก 2-3 ครั้ง
          “ชิ รู้จักฉันน้อยไปซะแล้ว” ฉันเดินออกมาจากตรอกนั้นก็พบนายปากม๋ากำลังโดนล้อมหน้าล้อมหลังจากพวกนั้นอีก 4 คน ตามด้วยหัวหน้ามันที่ตอนนี้ยืนประจัญหน้านายปากม๋าอยู่ ทำไงดีล่ะจะออกไปช่วยดีมั้ย
เนี้ย แต่รอดูอยู่ตรงนี้ก่อนดีกว่าเผื่อจะได้รู้อะไรดีๆ
          “พวกแกจะเอาอะไรอีก” เอ๊ะอะไร หมอนี่เคยให้อะไรพวกนี้อ่ะ
          “555555  แหม น่าสงสารจังนะพ่อแม่ก็ตาย เพื่อนก็ทิ้ง 555555” เอ๊ะ ทำไมหมอนี่แสนรู้จังเลย
          “หยุดเดี๋ยวนี้นะโว๊ยไอ้ชั่ว” นายปากม๋ากระโจนชกไอ้หัวหน้าปากเสียจนมันลงไปหมอบกับพื้น  ฮิฮิ สมน้ำหน้า
          “จับตัวมันไว้” ไอ้หัวหน้าสั่ง ลูกน้องก็ทำตาม แหม เชื่องจังเลย
          “แกมันชั่ว ฆ่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูแกมาแถมยังเผาบ้านตัวเองได้ลงคอ”
          “ฮึฮึ ขอบคุณสำหรับคำชม“
          “ไอ้ชั่ว ไอ้เลว”
          ผลัว!!! ว๋าย มาชกหน้าอันหล่อเหลาของนายปากม๋าได้ไง มันเป็นของฉันคนเดียวนะโว๊ย
          “ตั้งแต่แกเกิดมา ฉันก็จงเกลียดจงชังแก ฉันอยากจะฆ่าแก อยากจะให้แกตายทั้งเป็น นี่มันยังน้อยไปนะที่แกสมควรจะได้รับ”
          “ถ้านายเกลียดฉัน นายก็มาลงที่ฉันซิ นายจะฆ่าพ่อกับแม่ทำไม”
          “ฉันอยากให้แกรับรู้ถึงความเจ็บปวดที่ต้องสูญเสียคนที่รักไปต่อหน้าต่อตา เป็นไงล่ะเจ็บปวดดีมั้ย 555555” เอ๊ะ นี่ก็แปลว่านายปากม๋าเวอร์จิ้น (บริสุทธิ์) น่ะสิ แต่ตอนนี้ฉันกำลังทนไม่ไหวแล้วววววววว
          \"ไอ้ชั่ว ไอ้เลว แกตายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” ฉันวิ่งออกไปถีบไอ้หัวหน้าชั่วลงกองกับพื้น แล้วจู่ก็มีคนลากฉันออกไปซ้อม
          “บังอาจทำร้ายหัวหน้าข้าหรอวะ แกไม่ได้ตายดีแน่”
          ผลัว! ผลัว! ผลัว!
          “เฮ้ย!!!!! หยุดโว๊ย” จะปล่อยให้ฉันตายก่อนหรือไงวะ แกถึงจะมาน่ะ ตำรวจบ้าาาาาาาา
          “ปาล์มหนีเร็ว” นายปากม๋าลากฉันออกวิ่งกลับหอ
          หอเฟิร์สนัมเบอร์วัน
          “นายจะหนีทำไม นายเป็นผู้เสียหายนะ”
          “ฉันไม่อยากมีเรื่อง”
          “แต่หมอนั่นฆ่าคนที่นายรักที่สุดถึง 2 คนเชียวนะ”
          “ฉันรู้”
          “เพราะฉะนั้นเลิกกลัวพวกนั้นซะที นายควรจะแจ้งตำรวจให้ดำเนินคดีซะ”
          “ฉันไม่ได้กลัวพวกนั้นเลยนะ ฉันแค่ไม่อยากให้โชต้องเดือดร้อน” โช ชื่อของไอ้หัวหน้าปากเสียสินะ แต่ 2 คนนี้เป็นอะไรกันแน่นะ
พูดเรื่องที่ฉันไม่เข้าใจอีกแล้ว
          “นายไม่ต้องแก้ตัวเลย นายกลัวพวกนั้นมากถึงขนาดนี้เลยหรอ”
          “ไม่ใช่! ฉันบอกแล้วไงว่าไม่อยากให้โชต้องเดือดร้อน”
          “นาย 2 คนเป็นอะไรกันกันแน่น่ะ”
          “คือ .” หรือว่าเป็นกิ๊กเก่า โอ้ ไม่นะ นายปากม๋าของฉันเป็นเกย์
          “เป็นไรกันแน่น่ะ!!!” ฉันเริ่มทนไม่ไหวกับท่าทีของหมอนี่
          “เราคนเป็นพี่น้องกัน โชเป็นพี่ ส่วนฉันก็เป็นน้องที่เค้าเกลียดที่สุดไงงงงงงง”
          “เอ่อ ฉันขอโทษ”
          “แม่เอาโชมาเลี้ยงจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ตอนนั้นโชอายุได้ 2 ขวบ พ่อกับแม่รักโชมาก เลี้ยงดูมาเป็นอย่างดีจนกระทั่งฉันเกิดมา พ่อกับแม่ก็เปลี่ยนจากดูแลโชมาดูแลฉันแทน ด้วยความที่ฉันเป็นสายเลือดแท้ๆ พ่อกับแม่จึงรักและตามใจฉันมากกว่า ทำให้โชที่เฝ้ามองอยู่ตลอดเวลานั้นเกิดความอิจฉาและจงเกลียดจงชังฉันมาจนถึงตอนนี้”
            “แล้วมันเกิดอะไรขึ้นทำไมหมอนั่นถึงได้ฆ่า .” ฉันโพล่งถามออกมาด้วยความสงสัย แต่ก็คิดได้ก่อนที่จะพูดอะไรโง่ๆ ออกไป
            “ตอนนั้นอายุ 15 ปีฉันมีแก๊งค์ๆ นึงซึ่งมีทั้งหมด 10 คนรวมทั้งฉันด้วย ทั้งหมดนั้นเป็นเพื่อนของฉันที่คบกันมาตั้งแต่ประถม เราตั้งชื่อว่า ‘พยัคขาว’ พวกเราช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนเสมอ และไม่เคยทำร้ายใครก่อน จนกระทั่งตอนนั้นโชติดยาบ้า ทั้งค้าทั้งเสพ เมื่อพ่อแม่รู้เข้าก็ส่งโชไปสถานบำบัดจนกระทั่งหายโชก็กลับมาบ้านเหมือนเดิม ฉันรู้สึกว่าโชซึมไปมาก ฉันจึงชวนมาอยู่แก๊งค์กับเราด้วย แต่นึกไม่ถึงว่าเค้าจะทำให้เพื่อนๆ แตกคอกับฉัน แล้วก็ชักชวนพวกนั้นให้ฆ่าพ่อแม่และวางเพลิงเผาบ้านฉัน เหตุผลเพียงเพราะว่า จะทำให้ฉันทรมานและตายทั้งเป็น” เอ๊ะ อะไรกัน ทำไมถึงทำกันอย่างนี้ได้ เลวทรามต่ำช้าที่สุด 
            “ฉันพล่ามอะไรไม่เข้าเรื่อง มันเป็นเรื่องที่ฉันควรจะแก้เองสิ ไม่ควรจะเล่าให้นายฟังเลย เฮ้ย!! ปาล์มอย่าร้องไห้ดิ ฉันขอโทษที่เล่าเรื่องไม่เป็นเรื่องให้นายฟัง หยุดร้องได้แล้ว” คำพูดที่ออกมาจากปากนายม๋ายิ่งฟังดูแล้วก็ยิ่งเศร้า ทำไมนะ ทำไมถึงได้มีชีวิตที่เศร้าอย่างนี้
            “ฉันหยุดร้องแล้วเลิกลูบหัวฉันซะที ฉันไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ”
            “ฮิฮิฮิ ก็ตอนนี้นายเหมือนเด็กเลยนิ”
            “หน็อย นี่แหนะ” ฉันเอาหมอนที่อยู่ข้างตัวฉันขึ้นมาฟาดนายปากม๋าอย่างแรง ตอนนี้เรากำลังเล่นปาหมอนกันอย่างเมามัน แต่ก็ดีแล้วที่เห็นนายปากม๋ายิ้มได้ แต่ฉันกลัวจังเลย กลัวว่าซักวันรอยยิ้มนี้จะหาย หายไปจากชีวิตของนายปากม๋าสุดหล่อคนนี้
                     
               
           
           
            “เฮ้ย! อย่าเพิ่งไปซิวะรอฉันด้วยยยยยย” เบสวิ่งพร้อมกับตะโกนตามหลังหลังจากที่ฉันเดินออกมาจากห้องเรียนได้ไม่นาน
            “เร็วๆ ซิวะ”
            “มาแล้วววววววววววววววววว” หมอนี่นิแหกปากร้องอยู่นั่นแหละเดี๋ยวคุณอาจารย์ก็มาเทศนาซะหรอก เอ้า เอ้า วิ่งเลยไปอีก
            “กลับมานี่ จะไปไหน”
            “โทษทีว่ะ มันหยุดไม่ได้”
            “ ”
            “เฮ้ยนี่ ฉันขอเตือนนายอีกครั้งนะ อย่าเข้าใกล้หมอนั่น มิฉะนั้นคุณจะเดือดร้อน”
            “แกไม่ต้องมาสำบัดสำนวนหรอกเว๊ย ฟังแล้วเลี่ยนว่ะ”
            “น่านานๆ ทีฉันก็อยากทำไรจิงๆ จังๆ บ้าง” อ้าว แล้วปกติแกไม่เคยจริงจังกับเขาบ้างเลยหรอวะ
            “เออเออ”
            “ถึงห้องแล้ว ฉันเข้าก่อนล่ะแล้วฉันจะอยู่ไกลๆหมอนั่นก็แล้วกัน ราตรีสวัสดิ์” ฉันเดินเข้ามาพบกับความมืด สงสัยนายปากม๋าจะยังไม่กลับแฮะ ฉันเดินไปเปิดไฟข้างประตูและเหลียวกลับมามองก็พบนายปากม๋ากำลังนอนฟลุบหลับกับโต๊ะ ฉันเดินไปหยิบผ้าห่มบนเตียงนายปากม๋าแล้วมาห่มให้
            “พ่อ แม่” เอ๊ะ นายปากม๋าละเมอ ดูๆ ไปแล้วน่ารักจังเลยแฮะ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนอย่างนี้จะฆ่าพ่อแม่ตัวเองได้ลงคอ ฉันก้มลงดูหน้าหมอนี่ให้ชัดๆ แต่มันก็ดันลืมตาซะก่อน เฮ้อเสียดายอ่ะ
            “นายจะทำไรน่ะ ดูซิน้ำลายไหลแล้ว” ว้ายตายแล้ว มันไหลออกมาได้ไงเนี้ย ต้องรีบเช็ด รีบเช็ด รีบเช็ดดดดดดด อึ๋ยผ้าเช็ดหน้าตก
            “ซุ่มซ่ามจริงๆ มาเช็ดให้” อย่าทำอย่างนี้สิ หัวใจเต้นแรงหมดแล้ววววววววว ฉันหลับตาปี่
            “เออ ขอโทษนะ ฉันไม่ควรจะทำอย่างนี้เลย ฉันน่าจะรู้ตัวนะว่าฉันเป็นตัวอันตราย ใครๆ ก็กลัว นายก็เหมือนกันถ้ากลัวฉันก็ไม่เป็นไรนะ ฉันจะย้ายไปอยู่ห้องอื่นเอง”
            “ใครว่าฉันกลัวนายล่ะ ฉันแค่..เอ่อ... ช่างมันเถอะ แต่ว่านายไม่ต้องย้ายห้องหรือไปไหนทั้งนั้น เข้าใจมั้ย”
            “แต่ว่า .” หมอนี่นิอะไรกันนักหนา
            “ถึงในอดีตนายจะทำผิดหรือทำอะไรร้ายแรงแค่ไหนฉันก็ไม่สนหรอก ฉันสนที่การกระทำในปัจจุบันของนายต่างหากล่ะ ตาโง่”
            “ถึงที่โรงเรียนนายจะไม่มีเพื่อน แต่ฉันนี่แหละจะเป็นเพื่อนกับนายเอง”
            “เอ่อ .”
            “อีกอย่าง ถ้านายไม่อยากให้ใครมานินทาว่าร้ายนายอย่างนี้ นายก็ต้องพิสูจน์ให้เพื่อนๆ ดูสิ เข้าใจมั้ย”
            “เอ่อ อืม”
            “เราออกไปข้างนอกกันเถอะ” ฉันดึงแขนนายปากม๋าออกมาขางนอก
            “นายจะไปไหนน่ะ”
            “เถอะน่ะ”
       
          ผลัว! ผลัว! ผลัว!
          “นายพาฉันมาแถวนี้ทำไมน่ะ”
          “ฉันก็พานายมาพิสูจน์ตัวเองไง”
          “เอ๊ะ”
          “ก็แถวนี้เป็นที่ที่พวกโจรกระจอกชอบมาดักปล้น จี้ ทำร้ายร่างกายคนน่ะสิ”
          “ฉันกลับล่ะ”
          “นายอย่าปอดแหกสิ ไหนว่าเคยเป็นมาเฟียไม่ใช่รึไง”
          “ฉันไม่ได้ปอดแหก แค่ไม่อยากรื้อฟื้นความทรงจำที่ .ที่”
          “ที่อะไรก็ช่างเถอะ รีบไปกันเถอะ”
         
          “เฮ้ย!!! พวกแกทำไรวะ” ปากเผลอพูดไปอย่างนั้นแหละค่ะ ในใจกลัวจะตายอยู่แล้ว
          “กลับเถอะฉันไม่อยากมีเรื่อง”
          “เฮ้ย!! พวกแก 2 คนเป็นใครวะ บังอาจมาขัดขวางแก๊งค์พยัคขาว ฮะ” นักเลง 5-6 คนหันมาตะคอกใส่พวกเรา
          “พยัคขาว!! ไม่จริงพยัคขาวไม่เคยทำร้ายใครก่อน” ฉันผิดรึป่าวเนี้ยที่พานายปากม๋ามาเจอกับแก๊งค์เก่าตัวเอง ถ้าเกิดหลงผิดกลับไปเข้าแก๊งค์ ก็เหลือผู้หญิงน่ารักๆ อยู่คนเดียวน่ะสิ จะรอดมั้ยนะฉัน
          “เฮ้ย!! จัดการลูกหนี้รายใหญ่เสร็จรึยังวะ” เสียงผู้ชายสุดเท่เอ่ยขึ้นมาจากด้านหลังของพวกที่อ้างตัวว่าพยัตขาว
          “มีคนมาขัดขวางครับหัวหน้า”
          “ใครวะ ขอดูหน้าให้ชัดๆ ซิ” คนที่น่าจะเป็นหัวหน้าเดินเข้ามาใกล้ขึ้น ใกล้ขึ้น แล้วจู่ก็เกิดเสียงหัวเราะขึ้น
          “5555555555  แหม นึกว่าใคร เฮ้ย จัดการแขกพิเศษของเราซิ”
          ชาย 2 คนซึ่งน่าจะเป็นลูกน้องเข้ามาล็อกแขนฉันไว้ทั้ง 2 ข้าง แล้วลากฉันเข้าตรอกหนึ่งซึ่งไม่มีคนอยู่แต่โทษทีเถอะฉันไม่ปล่อยให้พวกแกรุมฉันง่ายๆ หรอกน่ะ รู้จักไอ้ปาล์มสาวห้าวประจำซอยน้อยไปซะแล้ว  ฉันจับไอ้ลูกน้องกระจอก 2 คนนั่นทุ่มพร้อมกันลงกับพื้นตามด้วยแรงกระทืบจากคนสวน เอ๊ย สวยอีก 2-3 ครั้ง
          “ชิ รู้จักฉันน้อยไปซะแล้ว” ฉันเดินออกมาจากตรอกนั้นก็พบนายปากม๋ากำลังโดนล้อมหน้าล้อมหลังจากพวกนั้นอีก 4 คน ตามด้วยหัวหน้ามันที่ตอนนี้ยืนประจัญหน้านายปากม๋าอยู่ ทำไงดีล่ะจะออกไปช่วยดีมั้ย
เนี้ย แต่รอดูอยู่ตรงนี้ก่อนดีกว่าเผื่อจะได้รู้อะไรดีๆ
          “พวกแกจะเอาอะไรอีก” เอ๊ะอะไร หมอนี่เคยให้อะไรพวกนี้อ่ะ
          “555555  แหม น่าสงสารจังนะพ่อแม่ก็ตาย เพื่อนก็ทิ้ง 555555” เอ๊ะ ทำไมหมอนี่แสนรู้จังเลย
          “หยุดเดี๋ยวนี้นะโว๊ยไอ้ชั่ว” นายปากม๋ากระโจนชกไอ้หัวหน้าปากเสียจนมันลงไปหมอบกับพื้น  ฮิฮิ สมน้ำหน้า
          “จับตัวมันไว้” ไอ้หัวหน้าสั่ง ลูกน้องก็ทำตาม แหม เชื่องจังเลย
          “แกมันชั่ว ฆ่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูแกมาแถมยังเผาบ้านตัวเองได้ลงคอ”
          “ฮึฮึ ขอบคุณสำหรับคำชม“
          “ไอ้ชั่ว ไอ้เลว”
          ผลัว!!! ว๋าย มาชกหน้าอันหล่อเหลาของนายปากม๋าได้ไง มันเป็นของฉันคนเดียวนะโว๊ย
          “ตั้งแต่แกเกิดมา ฉันก็จงเกลียดจงชังแก ฉันอยากจะฆ่าแก อยากจะให้แกตายทั้งเป็น นี่มันยังน้อยไปนะที่แกสมควรจะได้รับ”
          “ถ้านายเกลียดฉัน นายก็มาลงที่ฉันซิ นายจะฆ่าพ่อกับแม่ทำไม”
          “ฉันอยากให้แกรับรู้ถึงความเจ็บปวดที่ต้องสูญเสียคนที่รักไปต่อหน้าต่อตา เป็นไงล่ะเจ็บปวดดีมั้ย 555555” เอ๊ะ นี่ก็แปลว่านายปากม๋าเวอร์จิ้น (บริสุทธิ์) น่ะสิ แต่ตอนนี้ฉันกำลังทนไม่ไหวแล้วววววววว
          \"ไอ้ชั่ว ไอ้เลว แกตายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” ฉันวิ่งออกไปถีบไอ้หัวหน้าชั่วลงกองกับพื้น แล้วจู่ก็มีคนลากฉันออกไปซ้อม
          “บังอาจทำร้ายหัวหน้าข้าหรอวะ แกไม่ได้ตายดีแน่”
          ผลัว! ผลัว! ผลัว!
          “เฮ้ย!!!!! หยุดโว๊ย” จะปล่อยให้ฉันตายก่อนหรือไงวะ แกถึงจะมาน่ะ ตำรวจบ้าาาาาาาา
          “ปาล์มหนีเร็ว” นายปากม๋าลากฉันออกวิ่งกลับหอ
          หอเฟิร์สนัมเบอร์วัน
          “นายจะหนีทำไม นายเป็นผู้เสียหายนะ”
          “ฉันไม่อยากมีเรื่อง”
          “แต่หมอนั่นฆ่าคนที่นายรักที่สุดถึง 2 คนเชียวนะ”
          “ฉันรู้”
          “เพราะฉะนั้นเลิกกลัวพวกนั้นซะที นายควรจะแจ้งตำรวจให้ดำเนินคดีซะ”
          “ฉันไม่ได้กลัวพวกนั้นเลยนะ ฉันแค่ไม่อยากให้โชต้องเดือดร้อน” โช ชื่อของไอ้หัวหน้าปากเสียสินะ แต่ 2 คนนี้เป็นอะไรกันแน่นะ
พูดเรื่องที่ฉันไม่เข้าใจอีกแล้ว
          “นายไม่ต้องแก้ตัวเลย นายกลัวพวกนั้นมากถึงขนาดนี้เลยหรอ”
          “ไม่ใช่! ฉันบอกแล้วไงว่าไม่อยากให้โชต้องเดือดร้อน”
          “นาย 2 คนเป็นอะไรกันกันแน่น่ะ”
          “คือ .” หรือว่าเป็นกิ๊กเก่า โอ้ ไม่นะ นายปากม๋าของฉันเป็นเกย์
          “เป็นไรกันแน่น่ะ!!!” ฉันเริ่มทนไม่ไหวกับท่าทีของหมอนี่
          “เราคนเป็นพี่น้องกัน โชเป็นพี่ ส่วนฉันก็เป็นน้องที่เค้าเกลียดที่สุดไงงงงงงง”
          “เอ่อ ฉันขอโทษ”
          “แม่เอาโชมาเลี้ยงจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ตอนนั้นโชอายุได้ 2 ขวบ พ่อกับแม่รักโชมาก เลี้ยงดูมาเป็นอย่างดีจนกระทั่งฉันเกิดมา พ่อกับแม่ก็เปลี่ยนจากดูแลโชมาดูแลฉันแทน ด้วยความที่ฉันเป็นสายเลือดแท้ๆ พ่อกับแม่จึงรักและตามใจฉันมากกว่า ทำให้โชที่เฝ้ามองอยู่ตลอดเวลานั้นเกิดความอิจฉาและจงเกลียดจงชังฉันมาจนถึงตอนนี้”
            “แล้วมันเกิดอะไรขึ้นทำไมหมอนั่นถึงได้ฆ่า .” ฉันโพล่งถามออกมาด้วยความสงสัย แต่ก็คิดได้ก่อนที่จะพูดอะไรโง่ๆ ออกไป
            “ตอนนั้นอายุ 15 ปีฉันมีแก๊งค์ๆ นึงซึ่งมีทั้งหมด 10 คนรวมทั้งฉันด้วย ทั้งหมดนั้นเป็นเพื่อนของฉันที่คบกันมาตั้งแต่ประถม เราตั้งชื่อว่า ‘พยัคขาว’ พวกเราช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนเสมอ และไม่เคยทำร้ายใครก่อน จนกระทั่งตอนนั้นโชติดยาบ้า ทั้งค้าทั้งเสพ เมื่อพ่อแม่รู้เข้าก็ส่งโชไปสถานบำบัดจนกระทั่งหายโชก็กลับมาบ้านเหมือนเดิม ฉันรู้สึกว่าโชซึมไปมาก ฉันจึงชวนมาอยู่แก๊งค์กับเราด้วย แต่นึกไม่ถึงว่าเค้าจะทำให้เพื่อนๆ แตกคอกับฉัน แล้วก็ชักชวนพวกนั้นให้ฆ่าพ่อแม่และวางเพลิงเผาบ้านฉัน เหตุผลเพียงเพราะว่า จะทำให้ฉันทรมานและตายทั้งเป็น” เอ๊ะ อะไรกัน ทำไมถึงทำกันอย่างนี้ได้ เลวทรามต่ำช้าที่สุด 
            “ฉันพล่ามอะไรไม่เข้าเรื่อง มันเป็นเรื่องที่ฉันควรจะแก้เองสิ ไม่ควรจะเล่าให้นายฟังเลย เฮ้ย!! ปาล์มอย่าร้องไห้ดิ ฉันขอโทษที่เล่าเรื่องไม่เป็นเรื่องให้นายฟัง หยุดร้องได้แล้ว” คำพูดที่ออกมาจากปากนายม๋ายิ่งฟังดูแล้วก็ยิ่งเศร้า ทำไมนะ ทำไมถึงได้มีชีวิตที่เศร้าอย่างนี้
            “ฉันหยุดร้องแล้วเลิกลูบหัวฉันซะที ฉันไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ”
            “ฮิฮิฮิ ก็ตอนนี้นายเหมือนเด็กเลยนิ”
            “หน็อย นี่แหนะ” ฉันเอาหมอนที่อยู่ข้างตัวฉันขึ้นมาฟาดนายปากม๋าอย่างแรง ตอนนี้เรากำลังเล่นปาหมอนกันอย่างเมามัน แต่ก็ดีแล้วที่เห็นนายปากม๋ายิ้มได้ แต่ฉันกลัวจังเลย กลัวว่าซักวันรอยยิ้มนี้จะหาย หายไปจากชีวิตของนายปากม๋าสุดหล่อคนนี้
                     
               
           
           
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น