คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : โรงพยาบาล
ร่างสูงของหนุ่มสวิสยืนอยู่ข้างเตียงของหญิงสาว ตาสีฟ้าทอดมองร่างบางที่บัดนี้นอนนิ่ง
โชคดีที่เธอได้รับบาดเจ็บเพียงแค่ขาหัก และศีรษะแตก เพราะล้มกระแทกต้องเย็บหลายเข็มทำให้เธอนอน
หมดสติจนถึงตอนนี้ ชายหนุ่มเอื้อมมือไปปัดปอยผมดำสลวยเป็นลอนคลื่น ที่หล่นลงปลกใบหน้าขาว และริมฝีปากสีชมพู
บาดแผลบริเวณหน้าผากถูกทำแผลและปิดผ้าเอาไว้อย่างเรียบร้อย เขาแอบยิ้มให้กับภาพตรงหน้า
ภาพของหญิงสาวที่กำลังหลับสนิทเหมือนเด็กเล็กๆผิดกับท่าทางกวนโมโหของเธอเมื่อวันก่อน
เค้าไม่แน่ใจว่าหญิงสาวอายุเท่าไหร่เพราะไม่ค่อยได้รู้จักคุ้นเคยกับคนเอเชียแต่ที่แน่ๆอายุคงน้อยกว่าเค้า
ไม่ใช่ว่าเค้าแก่ แต่หน้าใส่ไร้เครื่องสำอางแต่งแต้ม ของคนตรงหน้าทำให้เค้าไม่แน่ใจ
แสงแดดอ่อนส่องลงมากระทบกับแพขนตายาวที่ค่อยๆกระพริบถี่ ลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมอาการ
ปวดหนึบที่หัว พยายามพริบตาปรับเข้ากับแสงที่กระทบดวงตาสีน้ำตาล เธอมองรอบๆตัว
ก่อนที่จะสุดกับร่างของชายหนุ่มที่อยู่ไม่ไกล เขาหันมา
นายนี่หน้าคุ้นๆนะ แต่เธอยังนึกไม่ออก และไม่อยากนึกตอนนี้
"สวัสดีครับ" ชายหนุ่มกล่าวเป็นภาษาท้องถิ่น
ไม่ทันไรสาวน้อยที่เพิ่งตื่นนอนก็หายไปทันที มิน่าหละทำไมมันถึงคุ้น ฝันฝันฝันฝันแน่ๆ
แถมเป็นฝันร้ายด้วยเจออีตานี่ แล้วที่นี่ที่ไหน ก่อนที่จะนึกได้ว่าเธอคงอยู่ที่โรงพยาบาล เพราะรู้สึกถึงเฝือกหนักๆที่ที่ขา เมื่อวานนี่เธอถูกรถชนตอนที่เล่นกับเซรีน่า แล้วเธอวิ่งเข้าไปช่วย แล้วเป็นอย่างไรต่อไปเธอก็ไม่รู้เรื่องแล้ว
"แล้วเซรีน่าหละ" เธอถามเขาเป็นภาษาอังกฤษ เป็นสิ่งแรกที่เธอนึกถึง ไม่รู้ว่าเธอปลอดภัยดีหรือเปล่า
แต่แทนที่ชายหนุ่มจะตอบกลับมาเป็นภาษาเดียวกันกลับพูดเป็นภาษาเดิม อยากว่าๆเค้าโง่หนิ
ขอแกล้งคนที่กวนเข้าเมื่อวันก่อนก่อนแล้วกัน
"แล้วเพื่อนฉันหละ"
"เพื่อนคุณเพิ่งออกไป บอกว่าจะกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ทานข้าว"
มันน่าไหม ตื่นขึ้นมาเห็นหน้าเค้าก็หน้ามุ่ย แถมยังไม่ถามซักคำว่าเค้าเป็นใครแต่ ถามถึงคนโน้นคนนี่ นึกแล้วมันน่าน้อยใจ จริงๆ ทีแรกเขายังนึกเป็นห่วงกลัวว่าสมองเธอจะกระทบกระเทือนเพราไม่รู้ว่าเธอกระแทก
แรงขนาดไหน แต่ลองจำเขาได้ขนดนี้ แถมตื่นมาโวยวายได้คงไม่มีอะไร แต่เขาก็ต้องการให้หมอตรวจดูให้แน่ในก่อนที่จะให้เธอกลับบ้าน หรือกลับเมืองไทย
เขารู้มากจากเพื่อของเธอว่า ทั้งสองคนมาเที่ยว และเดินทางมาจากเมืองไทย และพักที่บ้านของญาติ
ไม่ไกลนัก สาวไทยเป็นอย่างนี้เองหรอ เธอเป็นคนไทยคนแรกที่เขารู้จัก ท่าทางกวนโมโหของเธอดูไปดูมามันก็น่ารักดีเเฮะ ชายหนุ่มยังคงยั่ว โมโหต่อด้วยการตอบคำถามทุกคำถามของเธอเป็นภาษาของตัวเอง
ซึ่งจริงแล้วเค้าพูดภาษาอังกฤษได้คล่อง และใช่มันได้ดีพอๆกับเจ้าของภาษา เพราะหลังจากจบปริญญาตรีด้านวิศวกรรมที่เยอรมันเข้าก็เรียนต่อด้านบริหารธุรกิจ ต่อที่ประเทศอังกฤษ แถมท้ายด้วยเกียรตินิยม ก่อนที่จะกลับมาทำงานในสวิส
"นี่คุณฉันถามคุณเป็นภาษาอังกฤษ ทำไมคุณไม่ตอบเป็นภาษาอังกฤษ ฉันรู้นะว่าคุณรู้เรื่อง นาย...."
คำสุดท้ายถูกชายหนุ่มกลืนลงไปในลำคอ ก่อนที่มันจะหลุดออกมาจากริมฝีปากสวยชายหนุ่มค่อยๆถอนริมฝีกออกช้าๆก็เค้าจงใจยั่วโมโหเธอ และทำโทษที่ว่าเค้าเมื่อวาน หญิงสาวนิ่งไปสักครู่ ก่อนจะได้สติ
"กรี๊ด...................." ชายหนุ่มจะโน้มลงมาอีกที แต่เธอคว้าผ้าห่มมาปิดไว้ได้ทัน"นาย..."
หน้าขาวเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความโกรธ แหมเสียดายไม่งั้นเข้าจะได้ลิ้มรสริมฝีปากสวยนี้อีกซักที
"คุณอยากให้เค้าแห่กันมาหมดรึไง" ไม่ทันขาดคำพยาบาลสาวก็เดินเข้ามาส่งยิ้มหวานหว่านเสน่ห์ทันทีที่เห็นชายหนุ่ม
"เกิดอะไรขึ้นค่ะ"
เขาตอบเธอเป็นภาษาเยอรมัน-สวิสที่หญิงสาวฟังไม่ออกส่งยิ้มให้เธอ
หว่านเสน่ห์อยู่นั้นเหละมันน่าหมันไส้
หน้าสวยยังคงบูดเหมือนเดิมแต่ก็ส่งยิ้มให้กับนางพยาบาลสาว
"คุณพูดอะไรกับเธอ" รินเริ่มซักทันทีที่นางพยาบาลสาวออกไป
"แล้วคุณจะรู้ไปทำไม" เค้าพูดแบบไม่ใส่ใจกับคำพูดของเธอ
"ถ้ามันเกี่ยวกับฉัน ฉันก็ควรจะรู้" เธอพูดเรียบเรียบ
"แต่ถ้าคุณไม่บอกก็ไม่เป็นไร"
เธอพูดพลางยักไหล่ไม่สนใจ แล้วทำท่าจะนอนต่อ
"ก็ไม่มีอะไรแค่ผมบอกเค้าไปว่าภรรยาผมฟื้นแล้ว แล้วคุณงอนผมเลยโวยวายเสียงดัง แต่ผมจัดการได้ แค่ง้อหน่อยคุณก็หายแล้ว ภรรยาผมขี้งอน"
คราวนี้เค้าตอบเป็นภาษาอังกฤษฟังไม่ยาก เล่นเอาคงทำท่าจะนอนรีบลุกขึ้นมาทันที
"คุณว่าอะไรนะ" ร่างบางถามซ้ำ หน้าเริ่มเป็นสีแดง ที่อย่างนี้มันกวนจริงๆ
"ก็ว่าตามที่คุณได้ยิน" เขาว่าเรียบเรียบพลางหยิบนิตยาสารกีฬาขึ้นมาอ่าน แอบลอยยิ้มที่ยั่วโมโหเธอคืนได้สำเร็จ
"ฉันไปเป็นภรรยาคุณตอนไหน" เธอพูดประชด
"นี่คุณจำอะไรไม่ได้เลยหรอครับแหมแย่จัง"ไม่พูดเปล่าชายหนุ่มทำหน้าทำตาไปด้วยอีกต่างหาก
"นาย....."เธอพูดลอดไรฟันด้วยความโกรธ
"โธ่คุณแล้วจะให้ผมบอกเค้าว่าเป็นอะไรกับคุณหละครับ" นั้นสิเขาเป็นใครเธอยังไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ
"แต่...." ยังไม่ทันที่จะพูดอะไร เสียงเพื่อนสาวก็ดังเข้ามาแทรกด้วยความดีใจที่เห็นเพื่อนซี้ฟื้นขึ้นมา
"ริน..ฉันเป็นห่วงแกแทบแย่" รินหันไปทางต้นเสียงยิ้มให้กับเพื่อน ก่อนจะกลับมาปั่นหน้าบึ่งงอนเพื่อน
"ห่วงหรอ อย่างนี้เนี่ยนะเค้าเรียกว่าห่วง ปล่อยให้ฉันนอนอยู่ที่โรงพยาบาลกับใครก็ไม่รู้เนี่ยนะ แกไปไหนมา"
พอเพื่อนมาถึงคุณเธอก็เฉ่งทันที ก็ปล่อยให้อยู่กับตานี่
"อ้าวนี้แกยัง ไม่รู้จักเค้าหรือไงฉันได้ยีนเสียงแกไม่ถึงลิฟท์โน้น"
คนถูกพูดถึงตอนนี้ทำหน้าตีไร้เดียงสาสุดสุด ตอนนี้ถ้าไม่ติดว่าอยู่โรงพลายบาลแล้วเธอเข้าเฝือกอยู่ละก็แม่จะ... "ไม่จำเป็นต้องรู้จักก็ทะเลาะกันได้" เธอตอบไม่สนใจคนนั่งอยู่ที่แอบลอบมองเธอ ส่วนหูก็ฟังอยู่ตลอดแม้จะ
ไม่รู้เรื่องก็ตาม แต่ก็รู้ว่าหัวข้อสนทนาคงหนีไม่พ้นตัวเอง
"ฉันกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ทานข้าว อะนี่ฉันเอามาฝาก"ก็อาหรจานโปรดของเธอ ข้างผัดน้ำพริกที่เพื่อนรู้ใจเอามาฝาก คิดจะเอามาไถ่โทษหรอ ยัยรินทำฟอร์มไว้ก่อนทั้งๆที่หิวจะตายก็ยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เมื่อวาน
"คิดว่าจะยกโทษให้หรอ" เธอพูดงอนๆ
"แหมรินอย่าโกรธเลยนะ ฝากเค้าไว้นิดเดียวเอง รินก็ไม่เป็นไรไม่ใช่หรอ "
"ทำไมจะไม่....." รินหยุดไว้ได้ทันก่อนที่จะหลุดปากออกไปว่าเธอโดนเค้า.........จูบ
เสียงประตูเปิดทำให้คนในห้องหันไปมองเห็นพี่นก พี่นัท และหนูน้อยเซริน่า ที่ยิ้มหวานมาให้รินเป็นอันดับแรก "เป็นไงบ้างจ๊ะริน" พี่นกเอ่ยทักเธอก่อนที่จะหันไปทักทายชายหนุ่มเป็นภาษาเยอรมัน-สวิส
"ดีขึ้นแล้วมั้งค่ะ" ก็จะให้ตอบว่าอะไรหระก็ตั้งแต่ตื้นขึ้นมาเธอก็ไม่มีอาการอะไรนอกจอกมีก้อนแข็งๆดาม
ไว้ที่แขนกับอาการปวดหัวนิดหน่อยที่ ซักพักก็หายเพราะได้ปะทะคารมกับหนุ่มสวิส
"ขอบใจมากนะจ้ะริน "
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ รินหนังเหนียว เซรีน่าปลอดภัยก็ดีแล้วค่ะ อีกอย่าง"
เธอหันไปทางเพื่อน
"ฉันยังหาแฟนไม่ได้ยังไม่ตายง่ายๆหรอกยะ" ทำสามสาวชาวไทยยิ้มขำกับคำพูดของคนป่วยที่เหมือนว่าไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น ลองได้พูดเล่นแบบนี้คงไม่เป็นไรแน่
ภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าถูกชายหนุ่มเก็บบันทึกไว้ โดยเฉพาะภาพคนป่วยที่อยู่บนเตียงที่คุยกัน
ยังไม่จบก็มีเพื่อนเธอแทรกเข้ามา และตามว่าด้วยอีกสองสาวชาวไทยกับเด็กหญิงตัวเล็ก รินหันมาเล่น
กับเซรีน่า เขี่ยแก้มหนูน้อยเล่น ทำให้หนูน้อยจักจี้ ท่าทางที่เธอเล่นกับเด็กอ่อนโยน ขนาดไม่ใช่
ลูกตัวเองเธอยังเข้าไปช่วยขนาดนั้น ถ้าเป็นลูกตัวเองหละ รินทำหน้าประหลาดเล่นกับเซรีน่าทำให้
สาวน้อยหัวเราะชอบใจใหญ่ คนที่หันมาพูดคุยกับเค้าเป็นอย่างดีคือ นัทน้องสาวของพี่นก
ที่เข้ามาพูดคุยเค้าอย่างสนิทสนมและดูท่าทางจะติดใจในตัวหนุ่มคนนี้ แต่จะเป็นไรไป
ก็สองคนนี้คงจะอายุไล่เลี่ยกัน ไม่น่าต่างกันเกินสองปีคงติดใจในความหล่อของเค้าก่อนนั้นเหละ
รองลงมาคือความรับผิดชอบของชายหนุ่มและไหวพริบ รวมทั้งมาด ของหนุ่มคนนี้ด้วย ไม่ใช่เรื่องแปลก
แล้วก็ใช่แค่คนเดียวซะเมื่อไหร่ที่ติดใจชายหนุ่ม เค้าพูดคุยกับเธออย่างเป็นมิตรส่งยิ้มใช่พอประมาณ
แต่ก็ทำให้ คนนอนบนเตียงอดหมั่นไส้ไม่ได้อีกนั้นเหละ
แหมหว่านเสน่ห์ซะทั้วอย่างนี้คงมีสาวเป็นโหลหละมั้ง
เห็นหน้าหมอนี้แล้วอารมณ์เสีย
"ดา นายนั้นชนฉันหรอ" ก็ไม่รู้ว่าเค้าเป็นใคร เธอก็เดาว่าเป็นคนชนเธอมั้งแต่ทำไมมาเสนอหน้าอยู่ได้
ไม่กลัวเธอเรียกร้องเสียหายยับหรอ
"อือ"
"แล้วแกไปญาติดีกะเค้าทำไม แล้วเค้าก็เป็นคนที่ปฏิเสธแกที่ไรน์ฟอลเมื่อวานไม่ใช่หรอ" รินพูดกวนๆบอกอารมณ์ที่ไม่ค่อยจะดีนัก
"เค้าขอโทษฉันแล้ว แล้วเค้าก็บอกว่าเค้าจะออกค่ารักษาพยาบาลให้ทุกอย่าง แล้วก็ค่าใช้จ่ายถ้าเธอจะอยู่ในสวิสเที่ยวต่อ เธอไม่ต้องเป็นห่วง"
"ฉันไม่ได้เป็นห่วงเรื่องเงิน" ดาก็รู้อยู่แล้วหละ รินจะห่วงไปทำไมในเมื่อไม่ต้องให้เค้าจ่ายเธอก็พอจะมี
เงินจ่ายค่ารักษาแพงริบลิ่วได้สบายสบายจะเที่ยวต่อจนเบื่อก็ยังได้ก็ทางบ้านรินทำธุรกิจใหญ่หลายอย่าง
แต่ตัวเธอเองนั้นกลับเป็นคนเรียบง่าย ออกจะติดดินด้วยซ้ำ
"รินป่วยแล้วดาต้องมาค่อยดูและรินเนี่ย ดาก็อดเที่ยวซิ"
ชายหนุ่มที่นั่งคุยเมื่อกี้ ขอตัวจากหญิงสาวที่เข้ามาตีสนิท มาคุยกับพี่นกหวังให้เป็นเสื่อให้หน่อย
ก็แน่หละเค้าดูออกว่าเพื่อนของเธอก็คงเบรกเธอไม่อยู่หลอก ต้องขอแรงสาวใหญ่ที่เธอดูจะเกรงบ้าง
"รินจ๊ะ คุณเค้าอยากจะขอโทษรินหนะจะ" รินหันไปทางชายหนุ่ม
โธ่เอ๋ย เล่นไม้นี้หรอ รอให้พี่นกกลับก่อนแล้วกันอย่าเพิ่งไปไหนนะ
"สวัสดีครับผมชื่อ มาคัส ไมล์ลิค ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ" เค้าแนะนำตัว
"ยินดีที่ได้รู้จัก" รินตอบอย่างเสียไม่ได้ " รินจ๊ะ มาร์คเค้าบอกว่าจะจัดการค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้นะจ๊ะ"
"รินทราบแล้วค่ะ พี่นกทำไม่ทำหน้าไม่สบายใจอย่างนั้นหละค่ะ" สงสัยสีหน้าไม่สบายใจของพี่นก
"จริงๆ รินต้องทาเจ็บเพราะช่วย เซรีน่า เลยไม่ได้เที่ยวเลย"
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่คิดซะว่าเป็นความผิดรินแล้วกันที่พาน้องเล่น" พี่นกยิ้มอ่อนอ่อนๆให้ไอริน
"รินห่วงกลัวดาจะไม่ได้เที่ยวเพราะต้องมาดูและริน"
"รินไม่ต้องห่วงนะเดี๋ยวพี่พาดาเที่ยวเองตอบแทนที่รินช่วยลูกสาวพี่" ดาหันมา
"ไม่เป็นไรหรอกรินแล้วใครจะดูริน รินขาหักนะ "
"โธ่ดารินอยู่ได้ไม่เป็นไรหรอก ดาไปเที่ยวเถอะ" พี่นกหันไปปรึกษากับพี่นัท แล้ว พี่นัทก็หันมาถาม
อีตามาร์ค เลยรู้เรื่องกันหมด ชายหนุ่มเลยหันบอกกับดาเป็นภาษาอังกฤษ
"เดี๋ยวผมดูแลเพื่อนคุณให้แล้วกันครับคุณไปเที่ยวเถอะ" เจ้าของเรื่องได้ยินก็หันขวับมาที่ชายหนุ่มทันที
ทำหน้าเป็นคำถามว่านายคิดอะไรอยู่ เขาก็มองมาที่เธอเช่นกัน แถมยิ้มให้อีก เลยได้ค้อนไปหนึ่งอัน
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะรินดูแลตัวเองได้ เกรงใจ" เธอพูดเป็นภาษาอังกฤษให้เขาเขาใจด้วย
"ไม่เป็นไรเหมือนกันครับ ผมทำให้คุณเจ็บผมต้องรับผิดชอบ"
(ตมิสา:แต่ไม่เกินไปหน่อยหรอค่ะคุณมาร์ค)
"ถ้ารินไม่มีคนดูแล เราก็ไม่สบายใจ ไปเที่ยวก็ไม่สนุก" มีแผนอะไรระเปล่าเนี่ยยัยดาคะยั้นคะยอจังโธ่เอ๋ยยัยรินถ้าไม่ติดที่เธอกับเขาไม่ถูกกันแต่ต้นนะ อย่างเนี้ยเสป็กเธอเลยไม่ใช่หรือไง แหมถ้าไม่มีแผนบ้างมีหรือจะทันยัยรินแล้วเป็นเพื่อนกันได้เนี่ย
"ก็ได้" คำตอบนี้ทำให้ชายหนุ่มลอบยิ้มโดยไม่ให้คนนอนบนเตียงรู้
สนุกแน่ ทั้งคนเที่ยว คนป่วย
วันนี้เป็นวันที่สี่ที่คนอยู่ไม่ค่อยสุขอย่างไอริณต้องนั่งๆนอนๆ อยู่ที่โรงพยาบาล ตั้งแต่เกิดมาเธอเคยต้องเข้าโรงพยาบาลเสียที่ไหน ครั้งนี้เป็นครั้งแรก แถมยังมาเข้าโรงพยาบาลไกลถึงสวิสฯ นึกแล้วเจ็บใจคนที่ทำให้เธอต้องมาติดเหง็ก อยู่ที่โรงพยาบาลเสียเหลือเกิน
ร่างบางมองนาฬิกาสลับกับประตูห้องพักคนป่วย แล้วก็ถอนหายใจ ถ้าถอนใจแล้วอายุสั่นลง1นาที วันนี้ไอริณคง จะอายุสั้นลงแล้วเป็นวัน ก็ตั้งแต่เช้า เธออ่าน หนังสือแล้ว ฟังเพลงแล้ว ทำทุกอย่างแล้ว
เบื่อจะแย่แล้ว ไปไหนของเขานะ วันนี้ฉันต้องถามหมอให้ได้ว่าเมื่อไหร่จะได้กลับ ทุกทีพอเธอถามอีตานั่นจะต้องตอบก่อนหมอทุกทีซิน่า
เลยมาครึ่งค่อนวัน ยังไม่เห็นเงาของคนร่างสูงที่มักจะมาปรากฏตัวทุกเช้าแล้วก็ขอลากลับไปตอนเย็นๆ หรือบางวันก็จนค่ำ อาจจะเป็นเพราะเรื่องที่เธอพูดไปเมื่อวานนี้
“นี่นาย”
“...”
“ฉันเรียกนายนั่นแหละ” ไอริณตอบ เมื่อหนุ่มสวิส ชี้หน้าตัวเองเป็นเชิงถามเมื่อเธอเรียก
“นี่คุณผมไม่ได้ชื่อนายนะครับ คุณเรียกนายๆ ผมจะไปรู้ได้ยังไง” มาร์คัส ตอบกวนๆ
“ในห้องนี้ก็มีแต่นายคนเดียวจะให้ฉันเรียกแมวที่ไหน”
“ผมไม่ใช่แมวนะ เรียกว่ามาร์คซิครับ” ตอนนี้ร่างสูงได้มายืนอยาข้างเตียง
“มิสเตอร์ไมล์ลิค”
“เมื่อไหร่คุณจะเรียกผมว่า มาร์ค ซะทีหละครับ” ผู้หญิงอะไรตื้อยากตื้อเย็น ถ้าเป็นคนอื่น คงเรียกตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาบอกแล้วมั้ง
“ธรรมเนียมคุณหนะเค้าไม่ให้เรียกคนไม่คุ้นเคยด้วย ชื่อต้นไม่ใช่หรือไง”
“แต่ถ้าอนุญาติให้เรียกก็เรียกได้”
“แต่ไม่เรียกก็ได้เหมือนกัน”
“โธ่คุณเราอยู่ด้วยกันมาตั้งหลายวันแล้วนะ”
“นี่พูดดีๆหน่อย คุณมาเฝ้าฉันเอง ไม่ได้อยู่ด้วยกัน”
“แล้วคุณเรียกผมมีอะไรครับ” ชายหนุ่มเป็นฝ่ายเปลี่ยนเรื่องก่อน เพราะวันนี้คงให้เธอเรียกชื่อเขาไม่ได้แน่ แต่ยังพอมีเวลาอีกเยอะ
“นาย ไม่มีการมีงานทำรึไง” ถามคำถามที่จะถามแต่แรกแล้วไม่ได้ถาม
“กลัวผมจะอดตายหรอครับ ดีใจจัง”
“เปล่า กลัวไม่มีเงินจ่ายค่าโรงพยาบาล ฉันไม่มีตังค์ด้วย” เธอตอบกวนกลับไป ทำให้ชายหนุ่มอมยิ้ม
“ไม่มีผมเขาก็ทำงานกันได้ครับ แล้วผมก็เอาเอกสารมาอ่านที่นี่ด้วย คุณไม่เห็นหรอ นั่นหนะ งานผม”
จริงด้วยเธอเห็นเขาเอาเอกสารมานั่งอ่าน ทุกวันบางครั้งก็เขียนนูนนี่ หรืหยิบโน้ตบุคขึ้นมาบ้าง
“งั้นก็ไปต่อทำซิ”
“ทำอยู่นี่ไงครับ” เขาตอบพร้อมอมยิ้ม กับแววตาเป็นประกาย
“งานอะไรของนาย”
“ก็งานเฝ้าคนไข้”
“เก่งจังนะรับสองจ็อบ เหนื่อยแย่ งั้น บอกให้เค้าเปลี่ยนคนเฝ้าได้ไหม” เธอถามกวนๆ แต่ทำเอาหน้าชายหนุ่มมุ่ยลงทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น แต่ก็เพียงแวบเดียว
“ไม่มีใครยอมมา สักคนหนะซิครับ” เขาตอบพร้อมกับถอนหายใจอย่างกวนๆ ไม่แพ้กัน แล้วเดินไปนั่งบนโซฟาตามเดิม ส่วนสาวร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงคนป่วยก็ได้แต่ค้อนลมค้อนแล้งส่งไปให้
วันนี้ยังไม่เห็นพยาบาลเข้ามาวุ่นวายกับเธอ เดี๋ยวทำนูนทำนี่ แต่นั่นไม่เท่าไหร่หรอก เพราเธอรู้ว่าพยาบาลพวกนั้นไม่ได้อยากมาดูแลเท่าไหร่หากไม่มีร่างสูงที่มานั้งเฝ้าทุกวัน พยาบาลแทบทุกคนพยายามส่งยิ้มยั่วยวนให้เขา ที่แทบทุกคนเพราะว่าบางคน อายม้วนเมื่อเขายิ้มให้จนไม่สามารถ ปั้นหน้าตายั่วยวนได้
เสียงประตูห้องพักผู้ป่วย เปิดเมื่อเข็มนาฬิกาชี้ที่เลขสิบสอง หลังจากที่ไอริณรอ จนเลิกรอ ขี้เกียจรอไปแล้ว แต่ทันทีที่ได้ยินสียงกุกกักที่หน้าประตู เธอก็หันไปทันที แต่ก็พบกับถาดอาหารที่บุรุษพยาบาลหนุ่มผมสั้น หน้าตาหล่อเหลาเอามาเสิร์ฟ อย่างนี้ค่อยอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย คริคริ
ไม่ต่างกับมาร์คัสที่พยาบาลสาวๆ ไม่ว่าสาวน้อยสาวมาก พยายามหาทางมาวนเวียนเพื่อดูหน้าพ่อรูปหล่อ หนุ่มๆบุรุษพยาบาลทั้งหลายก็ผลัดกันเอาอาหารมาให้ไม่ซ้ำกันทีเดียว
ด้วยความที่เป็นคนเข้ากับคนง่าย มนุษสัมพันธ์ดี ทำให้เธอผูกมิตรกับบุรุษพยาบาลหนุ่มได้ไม่ยาก จนทราบว่าเค้าเพิ่งมาทำหน้าที่แทนคนก่อนที่ย้ายไปแผนกอื่น ไม่นานประตูห้องพักเปิดอีกครั้ง แต่คนในห้องไม่ได้รับรู้ถึงการมาถึงของเขา ร่างสูงหยุดนิ่งอยู่เพียงแค่หน้าประตู สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นบูดบึง
เขาได้ยินเสียงคนคุยกันที่หน้าประตูนึกว่ามีคนมาเยี่ยม เพราะได้ยินว่าไอริณมาพักบ้านญาติของรินลดาที่แต่งงานกับคนสวิส แต่เมื่อเปิดประตูเข้ามา กลับพบเธอนั่งคุยอยู่กับบุรษพยาบาลหน้าตาหล่อเหลาที่เขาไม่เคยเห็นหน้า แถมดูท่าว่าจะพูดคุยกันถูกคอ ไอ้เราก็เป็นห่วงกลัวจะเหงา อุตส่าห์รีบปิดประชุมแล้วออกจากบริษัท ทั้งที่ยังมีเรื่องค้างคาอยู่อีกมาก หลังจากที่เขามาเฝ้าคนป่วยที่ตอนนี้ทำให้เขาหงุดหงิดนัก เมื่อวานที่เธอพูดเรื่องงาน ก็คงเพราะอยากไล่เขาไกลๆ หรืออยากคุยกับหนุ่มๆ ในโรงพยาบาล รวมทั้งคุณหมอหนุ่มที่ ทำให้เขาหงุดหงิดทุกวัน
เมื่อไอริณหันมาเห็นผู้มาใหม่ หน้าสวยที่ยิ้มสดใสให้กับบุรุษพยาบาลหนุ่ม ก็เปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันควัน ไม่นานก็กล่าวลา แต่อะไรคงไม่กระทบใจเค้ามากเท่ากับการได้ยิน คำที่เค้าพยายามให้เธอพูดมาตลอด 3 วันนี้
ไอ้เราอุตส่าห์มาเฝ้าทุกวันยิ้มสวยๆของเธอสักครั้งเค้าก็ไม่เคยได้ แต่ไอ้หมอนี่กลับได้จากเธอนับไม่ถ้วน แถมยังเรียกชื่อบุรุษพยาบาลคนนั้นให้เขาได้ยินอีก
วันนี้ร่างสูงของของมาร์คัส วันนี้แปลกตาไปกว่าทุกวันที่สวมเพียงเสื้อเสวทเตอร์กับกางเกงยีนหรือกางเกงเสล็ค วันนี้เขาแต่งกายด้วยสูทสีดำสนิท ทับเสื้อเชิตสีน้ำเงิน ดูเนี้ยบ และบกบอกได้ว่ามีราคาไม่เบา และคงเป็นแบรนด์เนมชั้นสูง ถือกระป๋าเอกสารมาพร้อมกับถุงอีกสองสามใบ เขาคงไปทำงาน แล้วเรื่องอะไรเธอต้องไปโกรธเค้าด้วย ทำไม...เพราะเขาผิดสัญญาที่ให้กับเพื่อนเธอต่างหาก...ใช่คงเป็นอย่างนั้นแหละ
หลังจากบุรุษพยาบาลจากไปแล้ว ร่างสูงของคนที่เพิ่งมาใหม่ก็เดินตรงไปยังโต๊ะข้างเตียง พร้อมกับวางถุงสองสามใบนั้นลง
“เป็นยังไงบ้างครับ” แม้อารมณ์จะยังกรุ่นๆ เพราะคนตรงหน้าแต่ความเป็นห่วงก็ทำให้อดใจเข้าไปถามอาการของคนป่วยไม่ได้
เรียวหน้าหวานหันกลับมานิดนึง นิดเดียวเท่านั้น
“สบายดี” ร่างบางตอบแค่นั้น
“ขอโทษนะครับ...ที่มาขัดจังหวะคุณกับหนุ่มคนนั้น” เค้าคงมาขัดจังหวะพูดคุยกับหนุ่มหล่อที่เธอต้องใจหละซิ ร่างบางหันกลับมามองอย่างไม่เข้าใจ ทำไมเขาต้องโกรธ เธอต่างหากที่ควรจะโกรธ
“ไม่เป็นไร เค้ากำลังจะไปอยู่แล้ว” ร่างบางตอบแค่นั้น หันกลับไปทางอื่น ทำท่าจะตัดบทสนธนา ชายหนุ่มจึงก้าวไปนั่งยังโซฟาตัวเดิมอย่างเคยชิน
“นายไปไหนมา” อดไม่ได้ที่จะถาม ร่างที่กำลงก้าวขาหยุดชะงัก ริมฝีปากบึ้ง กลับยกขึ้น นึกว่าจะไม่ได้ยินประโยคที่หวังว่าจะได้ยินนี้แล้ว ร่างสูงหันกลับมาแล้วเดินกลับไปยืนข้างเตียง
“ผมติดประชุมเมื่อเช้า เลยมาช้าไปหน่อย คิดถึงผมหละซิ” แกล้งแหย่นิดหน่อยเผอเธอจะยอมคุยด้วย ไม่งั้นเสียเที่ยวแย่อุตส่าห์อยากมาฟังเสียงหวานๆ ที่ชอบแว๊ดใส่ แล้วก็ได้ผล เมื่อใบหน้าสวยหันมาอย่างเอาเรื่อง
“ใครคิดถึงนาย”
“ก็คุณไงครับ”
“ฉันปล่าว เข้าใจผิดแล้วหละ” คำตอบของเธอทำให้เขาอมยิ้มเพราะนึกอยู่แล้วว่าคงได้ยินประโยคทำนองนี้
“แหนะ ร้อนตัวด้วย”
“ไม่ได้ร้อนตัวยะ” ร่างบางหันออกไปอีกแล้ว
“ผมมี ของมาไถ่โทษด้วยนะ” ไอริณยังไม่หันกลับมา
“ว้า... คุณไม่เอาหรอ ผมไปซื้อจากร้านดังเชียวนะ ส่งสัยเอาไปแจกพยาบาลได้กว่ามั้ง”
“หยุดนะ... ห้ามเอาไปด้วย” หญิงสาวร้องห้าม ส่วนมาร์คนั้นแอบยิ้มน้อยๆ เขาพอจะรู้ว่า ถ้าจะง้อเธอต้องเอาของกินมาล่อ เพราะสาวร่างบางคนนี้ชอบกินของอร่อยที่สุด
ไอริณหยิบกล่องขึ้นมาดูเมื่อ ชายหนุ่มเดินกลับไปยังที่ประจำของเขา ดาร์ค ช็อคโกเลตซะด้วยเฮะ รู้ใจจริง เอ้ย! คงฟรุคมากกว่า
เขารู้จากเพื่อนสาวของเธอว่าไอริณชอบ ดาร์คช็อกโกเล็ตมากกว่าอย่างอื่นวันนี้ระหว่างที่ประชุมเขาจึงบอกให้เลขา ออกไปซื้อมาให้เขาแทน
ช่วยบ่ายแก่ๆ ประตูของห้องพักผู้ป่วยในโรงพยาบาลก็ถูกเปิดอีกครั้ง คนที่เดินเข้ามาคือคุณหมอหนุ่มรูปหล่อของโรงพยาบาล ทันทีที่ไอริณหันไปพบคุณหมอหนุ่มเธอก็ยิ้มร่างเริง และกล่าวทักทายอย่างอารมณ์ดี ลืมเรื่องหงุดหงิดที่เกิดเมื่อตอนเช้าไปหมดแล้ว ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะ ช็อกโกเลต เจ้าอร่อยที่มาร์คซื้อมาฝาก แต่ไม่บอกให้ได้ใจหลอกยะ
อาการของหญิงสาวที่มีต่อคุณหมอหนุ่มทำเอาคนที่หนั่งอยู่หงุดหงิดอีกครั้ง ทั้งอิจฉาที่คุณหมอได้รับรอยยิ้มหวานจากหน้าสวยๆทุกครั้ง แล้วก็น้อยใจเธอที่ไม่เคยให้เขาสักครั้ง ก็รู้หลอกนะว่าตัวเองยังคงมีความผิดที่ขับรถชนทำให้เธอบาดเจ็บ แต่สักครั้งก็น่าจะมีบ้าง
ไอริณพูดคุณกับคุนหมอตามประสาคนอัธยาศัยดีเหมือนเคย แต่คนที่นั้งอยู่ก็สะดุ้งกับ คำถามของเธอ แต่วันนี้เขาเหนื่อยใจเกินกว่าจะหยุดคำตอบหมอ ยังไงก็ต้องออกจากโรงพยาบาลเร็วๆนี้
“เมื่อไหร่จะกลับได้ซักทีคะ คุณหมอ”
“ทำไม เบื่อผมแล้วหรอครับ” คุณหมอหนุ่มเอ่ย พร้อมกับเงยหน้าจากแฟ้มคนไข้ด้วรอยยิ้มเหมือนเดิม “ปล่าวนะค่ะ อยู่ที่นี่นั่งๆนอนๆ หนะคะ”
“คนป่วยก็ต้องนั่งๆนอนๆซิครับไม่งั้นจะหายได้ยังไง
อยู่ที่นี่คุณก็ไม่ค่อยนอน ค่อยนอนเท่าไหร่ไม่ใช่หรอครับ” ประโยคหลังของคุณ ทำให้ได้รับค้อนจากเธอนิดหน่อย เขาพอะเห็นว่าหลายครั้งที่เขา เข้ามาเธอมักจะพยายามเดินไปนูนไปนี่บ่อยครั้ง จนคนเฝ้าก็ท่าจะเอาไม่ไหว
คุณหมอหนุ่มเหลือบตามองคนเฝ้าไข้รูปหล่อ ที่เขาได้ยินกิตตศัพท์ล่ำลือกันทั่วโรงพยาบาลเวลานี้ ซึ่งก็เป็นการที่เขาจะไม่ถูกจับจ้องเท่าแต่ก่อน เพราะสองสามวันนี้ความสนใจของพยาบาลคงไปอยู่ที่หนุ่มคนนี้มากกว่า และถ้าไม่เป็นเพราะความกังวลเกินเหตุของหนุ่มคนนี้ เธอคงออกจากโรงพยาบาลได้ตั้งแต่วันสองวันก่อนแล้ว แต่เขายืนยันจะออกค่าใช่จ่ายและห้องของโรงพยาบาลก็ไม่ได้เต็มนัก
“จริงก็กลับได้แล้วนะครับ แต่คงต้องมาตรวจบ้างจนกว่าจะเอาเฝือกออกได้” คำตอบทำให้สาวสวยยิ้มกว้าง แต่ทำเอาชายหนุ่มบนโซฟาขมวดคิ้วมุ่น ทำยังไงดี
“แล้วถ้านานมั้นค่ะกว่าจะถอดเฝือกได้ ซักเดือนสองเดือนมั้งครับ”
“แต่ฉันต้องกลับเมืองไทยหนิค่ะ”
“กลับไปรักษาต่อที่เมืองไทยก็ได้ครับ” คำตอบของคุณหมอหนุ่ทำให้ อีกคนที่นั้งอยู่ใจหายวาบ สมองที่คิดคำนวณได้อย่างเฉียบคมประมวณวิธีการที่จะพูดให้เธออยู่รักษาตัวต่อที่นี่ รวมทั้งของเสนออื่นๆที่ออกโปรโมชั่นอย่างไรเพื่อดึงดูดให้เธอ ยังไม่กัลบเมืองไทยในเวลานี้
หลังจากคุณหมอออกจากห้องไปเรียบร้อย ห้องทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ ด้วยความกระวนกระวายทำให้มาร์คัส เดินมาที่เตียงคนไข้ทันที
“ผมว่าคุณอยน่าเพิ่งกลบเมื่องไทยดีกว่านะ” หญิงสาวหันมาทำหน้างง ก่อนจะขมวดคิ้ว
“ทำไมหละ”
“ก็คุณยังไม่หายดี ผมว่าให้หมอที่นี่รักษาดีกว่า”
“ที่บ้านฉันก็มีหมอ รักษาที่โน่นสะดวกกว่า”
“เดี๋ยวมันไม่ต่อเนื่องกัน”
“นี่ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากซักหน่อย กระดูกหักหมอที่ไหนก็รักษาได้น่า”
“คุณจะเดินทางลำบากนะ แล้วอยู่ที่นี่ก็จะรักษาง่ายกว่าไม่ต้องทำเรื่องวุ่นวาย หายแล้วคุณก็ได้เที่ยวต่อไง”
“นี่คุณ ฉันไม่ได้มีเงินมาอยู่ที่นี่เป็นเดือน ไหนจะค่ารักษาพยาบาลอีก” โกหก เธอมีเงินมากพอที่จะอยู่อีกเป็นปีโดยไม่ต้องเดือดร้อนใครรวมทั้งไม่ต้องทำงานให้เหนื่อย แค่เงินมหาศาลจากหุ้นในบริษัทของครอบครัวก็มีรายได้มากเพียงพอแล้ว
“ผมบอกแล้วว่าจะออกค่าใช่จ่ายทุกอย่างจนกว่าคุณจะหาย”
“คุณอุตส่าห์ บินมาตั้งไกลนะครับยังไม่ได้เที่ยวเลย” ไอ้บินไกลไม่ไกลไม่ใช้ปัญหาของเธอ ไอริณเที่ยวกับครอบครัวบ่อยเสียจนชินชากับการนั่งเครื่องบินนานๆซะแล้ว
“ไหนคุณบอกว่า ไม่เป็นไรก็อยู่ต่ออีกหน่อยซิครับ
“แต่อยู่ที่นี่ยิ่งลำบาก ไหนจะคนดูแล ฉันทำอะไรไม่ถนัด เดี๋ยวเพื่อนฉันก็ต้องกลับแล้ว”
“คุณกลับไปเพื่อนคุณยิ่งลำบากมาดูแลคุณนะ” เขารู้ดีว่าไอริณห่วงเพื่อนเธอที่สุด จริงเธออาจต้องเป็นภาระเพื่อน แล้วยังเรื่องที่ เธอบอกที่บ้านไม่ได้ว่าเธอมาเที่ยวสวิส ก็เธอบอกว่าจะไปอยู่กับญาติเธอที่ต่างจังหวัด ที่ทำสวนส้มอยู่ ซึ่งเป็นญาติที่เธอสนิทมากๆด้วย ครอบครัวคงไม่สงสัย เธอไม่อยากให้แม่รู้ว่าแอบมาเที่ยวกับเพื่อนไกลถึงยุโรป แล้วยังเป็นผู้หญิงสองคนอีก แล้วกลับไปคงหนีไม่พ้นนัดบร์ดอีกตามเคย อย่างหลังนี่แหละที่ทำให้เธอหาข้ออ้าง หนีมาที่นี่
เธอชักจะคล้อยตามนิดๆแล้วเมื่อเห็นสีหน้าคิดไม่ตกของเธอเข้าก็เบาใจลงนิดนึง
“แล้วจะให้ฉันอยู่ยังไง”
“ค่าใช่จ่ายผมออกให้เอง”
“นายไม่ต้องทำตัวเป็นพ่อพระขนาดนั้นหรอก นายติดต่อหาที่พัก ให้ฉันแล้วกัน”
ถึงเธอจะมาพักกับคนรู้จัก แต่คงไม่เหมาะถ้าจะพักนานเมื่อเห็นเธอตอบรับเขาถึงกับยิ้มกว้าง
“ผมจัดการทุกอย่างเอง” ชายหนุ่มหันกลับไปนั้งตามเดิม พร้อมรอยยิ้มสมใจ ซึ่งไอริณอาจเปลี่ยนใจได้ถ้าหากเห็น
เมื่อดากลับในตอนเย็นหลังจากเที่ยวเมืองลูเซิร์นที่ไม่ไกลจากซูริคนัก เพื่อนสาวเดินเข้ามาพร้อมสาวน้อยเซรินาและพี่สาวทั้งสองคน ที่คนนึงส่งยิ้มให้กับมาร์คก่อนเป็นคนแรก
“รินน่าจะไปด้วยกัน สวยมากเลย”
“อย่าพูดให้รินอิจฉาได้มั้ย”
“ก็รีบๆหายเร็วๆซิจ้ะ”
“คุณหมอให้เรากลับบ้านได้แล้วนะพรุ่งนี้”
“จริงหรอ” ไอริณพยักหน้าเบาๆเพื่อยืนยัน
“แต่คงไปเที่ยวไม่ได้อยู่ดี แล้วก็คงต้องมาดูอาการอีกยังถอดเฝือไม่ได้ คงอีกเป็นเดือน”
“แล้วรินจะกลับบ้านเมื่อไหร่ ยังกลับตามเดิมรึปล่าว ดาจะได้เปลี่ยนตั๋ว”
“รินคงต้องอยู่อีกสองเดือน รินอยากเที่ยวด้วยอุตส่าห์มาทั้งที” เพื่อนสาวนิ่งไปพักนึง
“สองเดือนเชียวหรอริน กลับไปรักษาที่เมืองไทยไม่ได้หรอ” ถึงจะอยู่ที่ได้อีกสักพักแต่ คงอยู่ถึงสองเดือนไม่ได้ เพราบ้านเธอไม่ได้มีเงินถุงเงินถังขนาดนั้น จึงต้องกลับไปทำงานในบริษัทที่สมัครเอาไว้
“ดาก็รู้ว่ารินบอกแม่ว่าจะไปอยู่กับพิณที่ไร่กลับไปสภาพแบบนี้ได้ยังไง” ประโยคนี้ไอริณตอบเพื่อนเป็นภาษาไทย
“เดี๋ยวรินโทรไปบอกพิณเองว่าจะอยู่ต่อ แล้วแก้ตัวกับแม่ให้รินด้วย เดี๋ยวรินโทรหาแม่ที่บ้านเอง จะได้ไม่ห่วง ริณกลับไปก่อนก็ได้”
“แล้วจะอยู่ยังไง”
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่ารินอยู่ได้”
“ไปอยู่บ้านพี่ไหมริน”
“ไม่เป็นไรค่ะรินอยู่ได้ มาเยี่ยมรินบ้างก็พอ” รินตอบอย่างร่าเริง
เพื่อนสาวไม่อาจทักท้วงอะไรได้อีกเมื่อไอริณยืนยันแล้วคงไม่มีใครเปลี่ยนใจได้หรอก
“ใครเป็นคนทำริณเจ็บก็ต้องรับผิดชอบจัดการให้ริน” เธอกลับมาพูด เป็นภาษาอังกฤษเหมือนเดิม
ประโยคประชดประชันของเธอไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มสะทกสะท้านแม้แต่น้อย ยินดีรับผิดชอบอีกนานเลยครับ
ความคิดเห็น