ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Wings album (Minga)

    ลำดับตอนที่ #1 : Intro : Boy meet evil

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.พ. 63












    เขาว่ากันว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือตัวเรา

    ตอนแรกผมก็ไม่เชื่อ ไม่เชื่อเลยซักนิด.. คำพูดพวกนั้น..

    ปีศาจที่หลบซ่อนอยู่ข้างใน

    อยู่ที่ว่าเราจะควบคุมมันได้หรือไม่ ความต้องการ ความโลภ ความลุ่งหลงที่ชั่งหอมหวานเหลือเกิน มันชักจูงให้ผมอยากลองพิสูจน์ แสงสว่างที่เต็มไปด้วยความรักกำลังเริ่มมืดมิดลงทุกที ความเจ็บปวดราวกับมีดนับพันเล่มที่ทิ่มแท่งเข้ามาจนหายใจไม่ออก

    นี่ล่ะความจริง.. ความจริงที่ผิดเพี้ยนไปหมด..







    ‘จีมินอ่า.. เอาอีกสิ แค่นี้มันไม่พอหรอกนะ’ กลิ่นกายที่หอมหวานกับเรือนร่างที่เปลือยขาวปรากฎแก่สายตาของผม สายตาเยิ้มที่ผมรู้สึกได้ถูกส่งมาบ่งบอกว่าเจ้าตัวต้องการผมมากแค่ไหน

    ‘จีมินอ่า..’ เสียงของชายร่างบางคุ้นหูมากเหลือเกิน แต่ชั่งหน้าเสียดาย…

    .

    .

    .


    “เฮือก!!” ผมสะดุ้งขึ้นมาอย่างแรงมองซ้ายมองขวาอย่างหวาดระแวงก็พบห้องนอนของผมที่ยังมืดอยู่ ขมับที่เปียกบ่งบอกว่าผมได้เสียเหงื่อไปเยอะพอสมควร ผมยังคงหายใจหอบเพราะยังตกใจกับฝันเมื่อกี้ไม่หาย


    'ใคร..' ตั้งคำถามกับตัวเองอย่างสงสัยว่าคนในฝันนั้นเป็นใครถึงทำให้ใจผมฟุ้งซ่านมากขนาดนี้ ถึงแม้ว่าจะตื่นมาแล้วก็เถอะ แต่กามอารมณ์นั้นยังคงค้างคา จึงลุกขึ้นอย่างลำบากและไปจัดการตัวเองในห้องนํ้า


    เป็นเวลารุ่งเช้าหลังจากทำธุระส่วนตัวและอาบนํ้าเสร็จ รู้สึกไม่สดชื่นเท่าที่ควรเพราะนอนไม่เต็มอิ่มจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้


    “เมื่อไหร่จะนึกออก” ผมเอาแต่พรํ่าถามตัวเองเป็นสิบครั้งหลังจากที่ยังคิดถึงเรื่องเมื่อตอนรุ่งสางไม่หาย ใครกัน ทำไมผมถึงนึกไม่ออกเลยทั้งๆรู้สึกคุ้นเคยกันขนาดนั้น


    'ก๊อกๆ' หืม ใครกันจะมาเคาะประตูห้องทั้งๆที่ยังเช้าขนาดนี้


    “อ้าวจีมินตื่นแล้วหรอลูก” เสียงที่คุ้นเคยของป้าทำให้ผมต้องขมวดคิ้ว มีเรื่องอะไรถึงโถมมาถึงห้องทั้งที่ยังเช้าอยู่แบบนี้ แล้วนั่นใคร คนที่เดินตามหลังป้ามา


    “มีอะไรครับ” ผมที่ไม่สบอารมณ์นักตอบเสียงห้วน แต่สายตาก็ยังไม่วายจ้องคนข้างหลังของคนเป็นป้า


    “ป้ามีคนมาให้รู้จักนะเค้าเป็นนักจิตวิทยาบำบัด เค้าจะมาเป็นคนดูแลเราแทนป้า” ป้าพูดพร้อมส่งยิ้มใจดีมาให้ นั่นทำให้ผมรู้สึกโกรธขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล


    “เค้าจะมาดูแลผมทำไม ผมไม่ได้เป็นอะไร!!” ได้แต่ตวาดป้าออกไปด้วยความโกรธแต่ร่างกายยังคงอยู่บนเตียงไม่ขยับไปไหน ทำเอาคนข้างหลังสะดุ้งแล้วมองมาทางผม


    … สายตาแบบนั้น สายตาแบบนั้นมัน.. คนคนเดียวกับในฝัน.. ใช่มั้ยนะ


    สติที่หายไปชั่วขณะถูกดึงกลับมาด้วยเสียงของผู้เป็นป้า


    “จีมิน ป้ารู้ว่ามันทำใจลำบากกับเรื่องที่ผ่านมา ป้าหาคนมาช่วยแล้วมันจะดีขึ้นนะป้าสัญญา” ว่าพลางเดินมาลูบหัวผมอย่างใจดี ผมเองก็เหมือนจะใจเย็นลงอย่างช่วยไม่ได้ ก็ตอนนี้สมาธิของผมมันดันไปอยู่กับคนตรงหน้าประตูหมดแล้ว


    “ป้าพาเขามาอยู่เป็นเพื่อน มาคอยดูแลเราแทนป้าเพราะหลังจากนี้ป้าต้องออกไปทำงานที่อื่น มันไกลแล้วป้าก็เป็นห่วงเรานะ” ป้านั่งลงบนเตียงผมอย่างใจเย็น โดยทิ้งอีกคนให้ยืนอยู่ตรงประตูไว้อย่างนั้น


    “นานแค่ไหนครับ” ผมถามไปตามที่ตัวเองคิด แต่จากลางสังหรณ์แล้วมันคงจะนานจริงๆ


    ไม่มีกำหนด เริ่มตั้งแต่วันนี้ แต่คงจะไม่ถึงปี ช่วงที่ป้าไม่อยู่เราต้องรู้จักควบคุมอารมณ์ตัวเองนะลูกนะ อย่าทำร้ายใครไปมากกว่านี้เเละก็ดูแลตัวเองดีๆอย่าเป็นภาระให้กับพี่เค้าล่ะ” คนเป็นป้าว่าพลางส่งยิ้มใจดีมาให้


    “ป้าต้องไปแล้วล่ะ ฝากด้วยนะยุนกิ” คนหน้าประตูพยักหน้าก่อนก้มหัวลงแสดงถึงความเคารพก่อนที่ป้าของผมจะเดินออกนอกห้องไป


    “ปิดประตูด้วยสิ” ผมพูดเสียงห้วนจนคนตัวเล็กสะดุ้งและรีบปิดประตูทันที ผมมองคนตัวเล็กในชุดเสื้อยื้ดสีขาวคอกลมกับกางเกงวอร์มสีดำสนิทที่ทำตัวเก้ๆกังๆเหมือนไม่รู้ว่าควรจะไปตรงไหน แต่แล้วก็ไปลากเก้าอี้ไม้สีเรียบเดินมาหยุดอยู่ที่ข้างเตียงผมแล้วนั่งจ้องหน้าผมเช่นเดียวกัน


    “คะ คือ พี่ชื่อมินยุ..”


    “ยุนกิ ผมรู้แล้ว” พูดด้วยนํ้าเสียงเกร็งๆแต่ยังไม่ทันพูดจบด้วยซํ้าก็โดนเจ้าของใบหน้าคมพูดแทรกขึ้นมาซะก่อน


    “นายอายุเท่าไหร่”  ผมมองจ้องลึกเข้าไปในดวงตาเรียวสวยเพื่อคาดคั้นคำตอบ กลิ่นกายหอมหวานลอยมาเตะจมูกผมเบาๆนั้นทำให้ผมรู้สึกตะหงิดใจแปลกๆ


    “25 ครับ” เขาตอบผมพร้อมส่งยิ้มที่เขาคิดว่าดูจริงใจมาให้ผม


    “เราเคยเจอกันมาก่อนรึป่าว” ผมถามพลางเขยิบตัวเข้าไปใกล้มากขึ้น กลิ่นกายหอมหวานก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นว่าเขาจำคนไม่ผิด พอเห็นว่าคนตัวเล็กแอบกระเถิบหนีไปบ้างแต่ก็ต้องหยุดลงเพราะผมเอามือคํ้าเก้าอี้ไว้ เงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็พบว่าเราอยู่ใกล้กันมากเหลือเกิน


    “คะ คือ ผมว่า..” พูดยังไม่ทันจบก็โดนพูดแทรกอีกครั้ง


    “หอม..” ว่าพลางซบหน้าลงบนซอกคอเนียน คนตัวเล็กดูตกใจไม่น้อย เขาหลบตาผมแล้วหันหน้าไปทางอื่นพร้อมกับเอามือดันอกผมเบาๆเป็นเชิงให้ออกไป ไม่รู้ว่าที่ผมทำมันมากเกินไปรึเปล่า อดที่จะแกล้งไม่ได้จริงๆ ผมพ่นลมหายใจรดคอคนตัวขาว


    “ค่ะ คุณจีมิน.. คุณทะ ทำอะไรของคุณ” หน้าที่ขึ้นสีกับคำพูดติดๆขัดๆนั้นทำให้ผมได้ใจเหลือเกิน ก่อนที่ผมจะพละออกจากซอกคอเนียนก็ไม่วายเอาปลายจมูกไปหยอกเย้าเพื่อแสดงความเป็นเจ้าเค้าเจ้าของอย่างโหยหา


    คนคนนี้ไม่ใช่หรอที่อยู่ในฝันของผมน่ะ คนคนนี้มันเป็นของผม


    “ฉันไม่ได้เป็นอะไร นายจะมาดูแลฉันทำไม หรือไปรู้อะไรที่ไม่ควรรู้มา” ผมถามอย่างคาดคั้นอีกครั้งหลังจากที่พละหน้าออกมาได้ไม่ไกล ถ้าเขารู้ในเรื่องที่ไม่ควรจะรู้โดยที่ไม่ได้รับอนุญาต อย่างงี้มันต้องโดนลงโทษไม่ใช่หรอครับ


    “แฮ่ก แฮ่ก ปะ..ป้าของคุณจ้างผมมา ผมก็แค่มาทำตามหน้าที่ ส่วนเรื่องที่ผมไปรู้มาน่ะ..เอ่อ..มะ..มันไม่มีอะไรหรอกครับ” ยุนกิหายใจหอบเพราะตอนที่โดนคลอเคลียที่คอเขาเผลอกลั้นหายใจจนแทบหายใจไม่ทัน


    นํ้าเสียงที่พูดได้ไม่เต็มปากกลับยิ่งสร้างความสงสัยให้กับเจ้าของใบหน้าคม


    “นายไม่รู้หรอว่าคนที่โกหกจะต้องโดนลงโทษน่ะ” คนตัวเล็กสะดุ้งโหยงแล้วมองมาทางผมอย่างระแวง


    “ป้าคุณเล่าเรื่องพ่อแม่ของคุณให้ผมฟัง..เขาบอกผมว่าคุณเป็นโรคซึมเศร้าเลยจ้างให้ผมมาช่วยดูแลคุณ” ยุนกิว่าพลางหลบตาอย่างกล้าๆกลัวๆ


    “นายจะรับไหวงั้นหรอ แค่วันแรกที่นายมานายก็เกือบโดนฉันลวนลาม”


    แต่กลับไม่ขัดขืน


    “ต่อจากนี้นายจะโดนหนักกว่านี้ นายรับได้หรอ แล้วไอโรคซึมเศร้าน่ะฉันไม่ได้เป็นหรอกฉันแค่ไม่อยากสุงสิงกับใครแม้แต่คนในครอบครัวที่เหลืออยู่ตอนนี้” คำพูดยืดยาวของคนบนเตียงทำเอายุนกิคิดหนักไม่น้อย แต่จะให้เขาปฏิเสธยังไงล่ะ ในเมื่อเขาได้รับเงินก้อนโตจากคุณนายปาร์คมามากกว่าครึ่งแล้วไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องทำตามหน้าที่ตลอดหกเดือนนี้อยู่ดี ยังดีนะที่มีขอบเขต


    “ครับ ผมรับได้ ยังไงผมก็โดนจ้างมาแล้วผมจะมาปฏิเสธตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้วล่ะครับ” ยุนกิพูดพร้อมมองใบหน้าคมอย่างมั่นใจถึงแม้ว่าจะรู้สึกหวั่นใจอยู่ไม่น้อย หลังจากนี้เขาจะเจออะไรบ้างกันนะ


    “ฉันรู้สึกเหมือนฉันเคยเจอนายที่ไหนมาก่อน ฉันรู้สึกว่าฉันคุ้นเคยกับนายมากจริงๆ” ผมว่าพลางจ้องใบหน้าหวานอย่างหลงใหล คนตัวเล็กมองผมอย่างไม่เข้าใจก่อนที่จะลุกขึ้นยืนและลากเก้าอี้ไปเก็บ


    “ผมว่าคุณคิดไปเองแล้วล่ะครับ คุณหิวหรือยังครับ ผมจะลงไปทำอะไรให้ทาน” ผมพยักหน้าเบาๆเป็นคำตอบก่อนจะจัดเตียงให้เป็นระเบียบแล้วเดินตามลงไป


    “ในตู้เย็นมีของอยู่เต็มเลย ปกติคุณอยู่บ้านคนเดียวคุณไม่ทำอาหารหรอครับ” คนตัวเล็กหันมาถามผมพร้อมชี้ไปที่ตู้เย็น


    “ไม่ล่ะ ปกติฉันสั่งมากินมากกว่า” คนตัวเล็กพยักหน้าแล้วหยิบของในตู้เย็นต่างๆไปวางไว้ห้องครัว


    ห้องครัวกว้างๆพอมีคนตัวเล็กๆไปยืนยิ่งทำให้ยุนกิดูตัวเล็กลงไปอีก ผมได้แต่นั่งมองอีกคนที่ทำอาหารอยู่ราวกับถูกต้องมนต์ ยิ่งนึกภาพว่าหากคนในฝันเป็นมินยุนกินั้นยิ่งทำให้ผมไม่มีสมาธิ สุดท้ายผมก็ทนไม่ไหวจึงลุกไปกอดเอวบางไว้หลวมๆอย่างกับเป็นคนรักกันจนคนตัวเล็กสะดุ้งอีกครั้ง


    “คุณทำอะไรเนี่ย ผมไม่มีสมาธินะออกไปก่อนเดี๋ยวอาหารก็ไหม้กันพอดี” ว่างพลางดันไหล่ผมเบาๆแต่ก็ดูเหมือนจะไม่เป็นผล ผมสูดดมกลิ่นกายหอมที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดีถึงแม้ว่าเราจะเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน


    “ฉันคิดถึงนาย..” เหมือนมากจริงๆ ผมพูดจาอู้อี้ระหว่างที่ซุกหน้าลงบนซอกคอเนียน


    “เราพึ่งรู้จักกันได้ไม่นาน อยู่ๆคุณมาบอกคิดถึงผมเนี่ยนะ อีกอย่างเราก็ไม่เคยเป็นอะไรกันนะครับ” คนตัวเล็กจัดอาหารใส่จานเสร็จสรรพ จึงเดินหลุดออกจากอ้อมกอดของผมไป


    “มาทานอาหารดเช้าได้แล้วคุณ ยืนเหม่ออยู่อย่างนั้นอาหารก็เย็นหมดพอดี”



    /ตกเย็น



    “ฮัลโหล ว่าไงครับ” ผมที่นั่งอยู่บนโซฟาแอบได้ยินเสียงคนตัวเล็กคุยโทรศัพท์อยู่กับใครซักคน


    “ยังไม่ได้กลับเลยครับ ทำอาหารเย็นเสร็จคงกลับแล้วล่ะ อ่า..ไม่ต้องเป็นห่วงนะ” เสียงสดใสและน่ารักแบบนั้นที่คนตัวเล็กไม่เคยใช้มันกับผมเลยถึงแม้ว่าเราจะอยู่ด้วยกันมาทั้งวัน


    “ไม่ต้องมารับก็ได้คุณอยู่ไกล ดูแลตัวเองด้วยนะครับผมเป็นห่วงคำพูดแบบนั้นมันเอาไว้ใช้กับคนรักไม่ใช่หรอ ไม่จริงน่า..อ่า.. เงียบไปแล้ว แสดงว่าวางสายไปแล้ว


    “คุณจีมินครับ เอ่อ คือว่า..” คนตัวเล็กยังไม่ทันได้พูดจบ


    “อยู่กับผมได้ไหมครับ” อะไรดลบันดาลใจให้ผมพูดขัดไปแบบนั้นทั้งๆที่เจ้าตัวก็พึ่งบอกกับคนในสายไปว่ากำลังจะกลับบ้านแท้ๆ


    “เอ่อ..คือผมไม่มีชุด ผมว่าผมคง..”


    “ใช้ชุดผมก็ได้ ยังไงเราก็ตัวเท่าๆกัน..” ผมเดินเข้าไปหาคนตัวเล็กพร้อมกับจับไหล่ของเจ้าตัวไว้


    “นะครับ..อยู่กับผมนะ..” ผมไม่ต้องการให้คนตัวเล็กไปไหน พอคิดอย่างนั้นก็ก้มลงไปซุกซอกคอเนียนอีกครั้งเป็นเชิงออดอ้อน


    “อะ..ครับๆ ผมจะอยู่กับคุณ..” คนตัวเล็กพยักหน้าพร้อมดันไหล่ของผมออก หน้าที่ขึ้นสีอ่อนๆทำให้ผมยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู


    “คุณไปอาบนํ้าเถอะ.. เดี๋ยวผมจะทำอาหารเย็นไว้ให้” ว่าเสร็จคนตัวเล็กก็เดินผ่านผมไปโดยไม่หันกลับมามอง ผมจึงเดินขึ้นไปอาบนํ้าเงียบๆ


    หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จผมลงมาก็พบอาหารอยู่สองสามอย่างวางอยู่บนโต๊ะพร้อมคนตัวเล็ก ผมลงไปนั่งตรงข้ามยุนกิ ต่างคนต่างทานอาหารและไม่ได้พูดอะไร


    “คุณอึดอัดมั้ย ที่จะมาดูแลและอยู่กับผม” เป็นผมที่ชวนคุย ผมถามด้วยนํ้าเสียงอ่อนโยนไม่มีทิฐิอะไรทั้งนั้น คนตัวเล็กหันมามองหน้าผมแล้วส่ายหน้าเบาๆ


    “เปล่า..ผมแค่ยังไม่ชิน แล้วก็ยังไม่รู้จะทำตัวยังไง..ทำไมคุณถึงชอบมารุกรานผมอยู่บ่อยๆล่ะครับ” ถามพร้อมจ้องเข้ามาที่ผมเพราะต้องการคำตอบ


    “ผมแค่รู้สึกชอบคุณ แค่นั้นครับ” ผมตอบไปตามความจริงแต่มันก็แค่ส่วนเดียวเพราะจริงๆแล้วผมก็ยังไม่ค่อยมั่นใจนักว่าไอความผูกพันนี่มันมาได้ยังไง


    “ผมนึกว่าไอการชอบตั้งแต่แรกพบนี่มันมีแต่ในนิยายซะอีก” คนตัวขาวว่าพลางขำออกมาเบาๆ


    “คุณขึ้นห้องไปก่อนเลย ผมล้างจานเสร็จแล้วเดี๋ยวตามขึ้นไป” ผมจึงเดินขึ้นห้องไปเงียบๆโดยไม่ลืมที่จะหันมามองคนตัวเล็กอีกครั้ง


    ‘ผมนึกว่าไอการชอบตั้งแต่แรกเจอนี่มันมีแต่ในนิยายซะอีก’ นั่นสินะถ้านี่มันเป็นนิยาย ผมก็ชักอยากจะอ่านมันซะแล้วสิ


    ผมถูกดึงออกจากภวังค์เพราะได้ยินเสียงประตูที่ถูกเปิดออก


    “ผมขอชุดด้วยครับ เอ่อ..แล้วคืนนี้จะให้ผมไปนอนที่ไหนหรอครับ” คนตัวเล็กถามผมด้วยสีหน้าที่ไม่ไว้เนื้อเชื่อใจและมองตามผมที่เดินไปหยิบชุด ชุดที่ผมเลือกให้ก็คงไม่พ้นจากคำว่าสั้น ใช่ครับมันสั้นมาก แต่เสื้อที่ผมเลือกให้มันตัวใหญ่อยู่หน่อยเลยทำให้ดูปกติ ผมยื่นผ้าเช็ดตัวพร้อมเสื้อผ้าไปให้ยุนกิ


    “ก็นอนในห้องผมนี่ไง แล้วก็นอนเตียงเดียวกับผมด้วยนะ” คนตัวเล็กดูตกใจไม่น้อยแต่ก็ต้องยอมจำนนต่อผมอยู่ดี แบบนี้แหละน่ารัก


    ผ่านไปซักพัก คนตัวเล็กอาบนํ้าเสร็จแล้ว แต่ชุดที่เจ้าตัวใส่ออกมามันเกินคาด เรียวขาขาวใต้อาภรณ์ทำให้คนตัวเล็กน่ามองขึ้นเป็นกอง


    ไหนจะกลิ่นสบู่ที่ผมใช้ประจำ เมื่อมันมาอยู่บนตัวของยุนกิมันกลับหอมขึ้นเป็นเท่าตัว


    “มองอะไรล่ะคุณ..” คนตัวเล็กทำหน้าสงสัย นั่นยิ่งทำให้คนตัวเล็กดูดีขึ้นไปอีก


    “เปล่า..แค่..”


    ‘ครืด ครืด  ครืด ครืด’ คำพูดของผมถูกกลืนลงคอโดยเสียงสั่นจากโทรศัพท์ของคนคนตัวขาว คนตัวขาวกดรับทันทีโดยหันหลังมาให้ผม


    “ฮัลโหล..ว่าไงครับ ยังไม่นอนอีกหรอนี่มันจะดึกแล้วนะ” นั่งพิจารณาตั้งแต่ไหล่บางไล่ไปจนถึงขาเรียวโดยที่ไม่ลืมจะผึ่งหูฟังอีกคน


    “อ่า..วันนี้ผมไม่ได้กลับคอนโดน่ะครับต้องนอนเฝ้าคนป่วย ขอโทษนะวันนี้คุณไปเสียเที่ยวเลย” คนตัวเล็กว่าพลางขำออกมาอย่างน่ารักนั่นช่วยสกิดต่อมอารมณ์ร้อนของผมได้เป็นอย่างดี ไอคำว่าคนป่วยนี่ผมหรอ พอคิดตามผมก็หงุดหงิดขึ้นมา


    “ไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอกครับ ผมไม่เป็นอะไรแต่คุณเถอะรีบนอนได้แล้ว.. ฝันดีนะครับ” แล้วไอท่าทางน่ารักๆนั่นทำไมต้องทำให้คนในสายด้วยวะ คนตัวเล็กกดวางสายและหันมาทางผม


    “ใคร” ผมถามด้วยนํ้าเสียงที่มองมาก็รู้ว่าไม่สบอารมณ์


    “เพื่อนน่ะ คุณเป็นอะไรรึเปล่า” คนตัวเล็กมองผมอย่างไม่เข้าใจ เพราะอยู่ๆท่าทางของคนบนเตียงก็เปลี่ยนไปกระทันหัน


    “หึ เพื่อนกันใครเค้าคุยกันแบบนี้” ท่าทางไม่รู้ไม่ชี้ที่ยุนกิแสดงออกมานั่นยิ่งทวีคูณความโกรธจนผมกดเอาไว้ไม่อยู่


    “แล้วไอที่เรียกฉันว่าคนป่วยนี่มันหมายความว่ายังไง!!” ผมตวาดดังก่อนดึงข้อมือคนของตัวเล็กอย่างแรงทำให้คนตัวเล็กมีสีหน้าเหยเกจากความเจ็บที่ข้อมือ


    “นี่คุณ! ใจเย็นๆก่อนสิ ที่ผมเรียกคุณว่าคนป่วยเพราะคุณอยู่ในการดูแลของผม และนั่นมันก็เพื่อนของผม เราไม่ได้เป็นอะไรกัน โอ้ย..ฮึก..ผมเจ็บนะ!” คนตัวเล็กว่าด้วยเสียงสะอื้น ก่อนที่จะล้มลงไปอยู่กับพื้น เสียงที่ถูกตะโกนกลับมาสามารถดึงสติของผมกลับมาได้เป็นอย่างดี


    ผมเบิกตาโพลงกับการกระทำที่เกินความคาดหมาย ผมไม่ได้อยากจะทำร้ายคนตรงหน้าเลยซักนิด


    “ผมขอโทษ.. ผม..แค่โกรธ..” ผมก้มลงไปประคองหน้าของคนตัวเล็กที่นั่งเช็ดนํ้าตาอย่างลวกๆ


    “ผมไม่ได้ตั้งใจ..ผมขอโทษ” ผมใช้มืออีกข้างหยิบข้อมือที่แดงก่ำขึ้นมาใช้นิ้วลูบวนเบาๆทั้งที่มืออีกข้างยังปาดนํ้าตาให้คนตัวเล็กไม่เลิก


    “เจ็บมากมั้ย ผมขอโทษนะ” ผมใช้มือทั้งสองประคองหน้าของยุนกิให้ขึ้นมาสบตากัน


    “นะ..นาย ฮึก น่ากลัว..” คำพูดที่เหมือนกับเข็มถูกปักเข้ามากลางอก ความรู้สึกเดียวของผมตอนนี้คือเจ็บใจ ปีศาจที่อยู่ในตัวผมมันช่างน่ากลัว และมันอยู่เหนือการควบคุมของผมด้วย ถ้าผมเรียกสติตัวเองกลับมาไม่ได้ผมจะทำยังไง


    “ยะ..อย่าทำ..แบบนี้อีกนะ..” คำพูดแผ่วเบาที่คนตัวเล็กพูดออกมาถึงแม้ว่ามันจะแผ่วเบาแต่ผมได้ยินมันอย่างชัดเจน


    “ครับ.. ลุกขึ้นเถอะนะ” ผมดึงมือของคนตัวเล็กให้ลุกขึ้นยืนอย่างเบามือที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้และจูงไปนั่งที่เตียง คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมามองผม ตาที่บวมแดงบ่งบอกว่าเจ้าตัวเสียนํ้าตาไปเยอะพอสมควร


    “นอนเถอะครับ..” คนตัวเล็กนอนลงไปอย่างว่าง่าย เห็นดั่งนั้นผมจึงเดินไปปิดไฟ




    (Yoongi point of view)




    หลังจากที่ปิดไฟได้ซักพักจีมินก็มาล้มตัวลงนอนอยู่ข้างผมทันที หลังจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อกี้ยังคงทำผมตกใจอยู่ไม่น้อย ผมจะหลับลงได้ยังไงในเมื่อข้อมือของผมยังเจ็บอยู่แบบนี้ เจ้าของรอยช้ำนี่ไม่คิดจะรับผิดชอบเลยหรือไงกัน


    “ยุนกิ..” อ่า.. ไม่อยากคุยด้วยเลยจริงๆผมยังกลัวไม่หายเลยนะ แล้วมาทำเสียงอ่อยแบบนี้มันคนละคนกับเมื่อกี้เลยไม่ใช่หรอ


    “อือ..” ผมขานรับไปในลำคอ


    “โกรธผมอยู่มั้ยครับ..” มาพูดแบบนี้แล้วใครมันจะไปโกรธลงกัน ปกติผมก้ไม่ใช่คนที่จะโกรธใครได้นานๆอยู่แล้ว


    “เปล่า.. ผมแค่เจ็บข้อมือ” ผมว่างพลางจับที่ข้อมือของตัวเองเบาๆ


    “หันมานี่หน่อยได้มั้ย ผมข้อดูข้อมือหน่อยนะ” จะปฏิเสธก็ดูใจร้ายเกินไป ผมพลิกตัวหันหน้าหาเค้าอย่างว่าง่าย ถึงห้องจะมืดแค่ไหนแต่ก็ยังมีแสงสว่างจากข้างนอกส่องผ่านเข้ามาทำให้พอมองเห็นอยู่บ้างจึงได้รู้ว่าตอนนี้เราอยู่ใกล้กันแค่ไหน เพราะอย่างนี้ไงผมถึงชอบทำตัวไม่ถูก


    “นายจะมองเห็นมือฉันได้ยังไงในเมื่อห้องก็มืดขนาดนี้” ผมกล้าที่จะเปลี่ยนสรรพนามระหว่างผมกับเขาเพื่อบ่งบอกว่าความโกรธเคืองยังไม่หายไป


    “ผมใช้มือจับเอาก็ได้ แต่พี่ยุนกิอย่าโกรธผมเลยนะครับ” นํ้าเสียงอ่อนโยนถูกส่งเข้ามาในโสตประสาท พร้อมกับการกระทำที่ถะนุถนอมไปไม่น้อยกว่านํ้าเสียง


    “เรียกผมว่าพี่ได้แล้วหรือไง” ลมหายใจอุ่นที่เป่ารดปากผมบ่งบอกว่าตอนนี้หน้าของอีกคนอยู่ใกล้ผมมากแค่ไหน กลิ่นแชมพูของอีกคนที่ลอยเข้ามาเตะจมูกผมทำเอาผมเคลิ้มไม่เป็นท่า


    “คนในสายน่ะเค้าไม่ได้เป็นอะไรกับพี่ ถึงแม้ว่าเราจะใช้คำพูดที่เหมือนคนรักกันก็จริงแต่พี่พูดไปเพราะความเคยชิน เพราะเค้าก็ดูแลพี่ดีมาโดยตลอด แต่เค้าคงจะคิดกับพี่มากกว่าเพื่อนจริงๆนั่นแหละ” สรรพนามถูกเปลี่ยนทันที และผมก็พูดยืดยาวเหมือนเป็นการแก้ตัวเหมือนทำอะไรผิดไป


    “ผมไม่ชอบเลยเวลาพี่ไม่สนใจผม..” อีกคนพูดเสียงแผ่ว อ่า..ทำไมคนที่มีชื่อว่า ปาร์ค จีมิน ถึงทำให้ผมใจอ่อนได้ขนาดนี้ทั้งๆเราพึ่งรู้จักกันแท้ๆ


    “นอนได้แล้ว ฝันดีครับ” ผมพูดตัดบทก่อนที่จะเคลิ้มไปมากกว่านี้จึงรีบหลับตาสูดดมกลิ่นกายหอมจากอีกคนจนคล้อยหลับไป
























    TALK:

    แฮร่ ตอนแรกมาเป็นยังไงมั่งง ขอบคุณมากๆเลยที่เข้ามาอ่าน เพราะเรื่องนี้ไรท์ตั้งใจแต่งมากๆ ส่วนตัวอินกับทุกเพลงในอัลบั้มเลยอยากลองแต่งฟิคขึ้นมา จริงๆก็คิดมานานแล้วแหละแต่พึ่งมามีโอกาส
    เกริ่นไว้ก่อนเลยว่าตอนหน้าเนื้อเรื่องจะเข้มข้นกว่านี้แน่นอน ช่วยรอกันเยอะๆเลยน้าา

    ขอบคุณอีกครั้งที่อ่านมาจนถึงตอนนี้นะครับบ

    (แก้คำผิดแล้วค่ะ)


    OPEN : 15/10/18

    CLOSE : -----







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×