ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ปฐมบทศาสตราภูติ ภาคกลาง
มื่อ13ชม.ก่อนหน้านี้
7.00น.
“เดี๋ยวสิลูก ข้าวเช้ากินนิดเดียวเองเดี๋ยวหิวขึ้นมาก่อนเที่ยงจะแย่นะ”
“ไม่เป็นไรหรอกน่าแม่ก็ ผมเป็นผู้ชายนะถึงไม่กินอะไรไปก็อยู่ถึงเที่ยงสบายๆ”ผมเอ่ยขณะใส่รองเท้าเพื่อเตรียมตัวออกจากบ้าน
“แล้วแกจะรีบไปไหนแต่เช้า บอกมาซะดีๆ”พ่อผมเอ่ยก่อนจับไหล่ผมแล้วกดลงเพื่อกันผมลุกหนี“ผู้หญิงล่ะสิ”
“พูดอะไรน่ะพ่อ”ผมรีบเอ่ยปัดขณะที่พ่อตอนนี้หัวเราะก๊ากแล้ว ส่วนแม่ก็ยืนเท้าคางมืออีกข้างถือทัพพีทำท่าอมทุกข์ซะเต็มประดา
“หวังว่าคงเป็นเด็กน่ารักนะ”
“ไม่รู้ด้วยแล้ว ผมไปล่ะ”ผมเอ่ยก่อนออกวิ่งออกมา ก่อนเหลือบกลับไปมองพ่อกับแม่ที่กำลังโบกมือโบกไม้ส่งอยู่ ไม่ว่าจะมองผมก็ยังสงสัยทุกครั้งว่าพ่อแม่ผมนี่ยังเป็นคนอยู่รึเปล่า
ก็ตั้งแต่จำความได้ทั้งคู่แทบไม่ต่างกับปัจจุบันเลยนี่หว่า
พ่อตอนนี้หากไปเดินในเมืองคงเนื้อหอมน่าดูเพราะดูเหมือนหนุ่มอายุ20ปลายๆแถมยังมีกล้ามอีก ส่วนแม่ก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่เพัยงแต่ดูอ่อนกว่าแล้วหุ่นก็ยังดีอยู่จนไม่น่าเชื่อว่ามีลูกแล้วแถมถ้าไม่รู้อายุพ่อกับแม่ล่ะก็คงคิดว่าอายุใกล้ๆกันล่ะมั้ง
ใครจะไปคิดฟะขนาดลูกยังไม่อยากเชื่อเลยว่านั่นน่ะ40แล้วทั้งคู่น่ะ
ผมวิ่งออกจากบ้านก่อนปิดประตู บ้านผมมีบริเวณค่อนข้างกว้างมีคนสวนอยู่2-3คน แถมยามอีกหนึ่ง
หากถามว่าบ้านผมทำอาชีพอะไร ผมก็ไม่รู้ว่าจะบอกว่าอะไรดีเหมือนกันเพราะไม่รู้จะเรียกว่าอาชีพได้รึเปล่า ขนาดในใบวอบถามอาชีพพ่อแม่ผมยังใส่อื่นๆเลย
ก็พ่อแม่ผมน่ะดันเป็นคนทรงน่ะสิ แถมยังรับปราบผีทั่วประเทศด้วย
แต่ตอนนี้ผมชักไม่แน่ใจว่าใช้ของพวกนี้บังหน้ารึเปล่าน่ะสิ
อย่างแรกคือผมไม่เคยเห็นพวกท่านเคยนั่งสั่นงกๆเหมือนคนโดนเจ้าเข้าเลย
อย่างที่สองผมเห็นบางทีพ่อแม่ผมใส่สูตไปทำงานด้วยซ้ำ แถมบางทีไปกันทั้งคู่แถมแต่งทัคซิโด้กับชุดราตรีออกไปซะงั้น
ถึงแม้ผมจะได้ยินพ่อกับแม่พูดบ่อยๆว่าตระกูลเรานั้นเป็นตระกูลเก่าแก่ที่สืบทอดกันมานานและเป็นที่นับหน้าถือตาในวงสังคมก็เถอะ
แล้วหมอผีวัดไหนมันแต่งทัคซิโด้กับชุดราตรีไปทำงานฟ่ะ ไม่ใช่ไปงานสังคมเรอะ
ช่างเรื่องไร้สาระดีกว่ามั้งตอนนี้ผมมาถึงเสาไฟฟ้าตรง3แยกแล้วก็ยืนคอยเท่านั้นล่ะ
ผมเอามือถือขึ้นมาดูเวลาซึ่งได้เวลาประมาณ7โมง15นาทีแล้วคอยอีกไม่นานก็ได้เวลาล่ะ
จะว่าไปมือถือนี่ก็ได้มาจากประธานบริษัทนำเข้ามือถือเหมือนกันเห็นว่าให้ทดลองใช้แล้วให้มาเลยซะงั้น
เส้นใหญ่จริงว้อยพ่อตู
“ทำอะไรอยู่จ๊ะ”เสียงใสๆดังขึ้นมาจากข้างหลังผม ผมหันกลับไปพร้อมฉีกยิ้มเหมือนคนบ้าให้กับเธอก่อนตอบเธอไปว่า“เปล่าไม่ได้ทำอะไร”
หญิงสาวสวยหน้าตาน่ารักตากลมโตกำลังยิ้มให้ผมอยู่ ผมของเธอสีดำยาวสลวยถึงกลางหลัง ส่วนสูงนั้นน้อยกว่าผมเล็กน้อย แต่รูปร่างของเธอดีทีเดียวคือไม่ผอมจนเกินไปขนาดพอเหมาะซะจนน่ากอด แถมความต๊องหน่อยๆบวกกับท่าทางอาโนเนะของเธอที่มีติดตัวมาแต่กำเนิดอีกสิ
โมเอะสุดยอด(ความหมายก็โมเอะก็ประมาณว่าน่ารักอ่ะนะ)
พูดตามตรงผมอยากลักพาตัวเธอกลับบ้านซะด้วยซ้ำหากไม่กลัวว่าจะกลายเป็นศพไร้ญาติซะก่อนน่ะนะ
ทำไมน่ะรึก็โดนยิงพรุ่นจนหาเค้าเดิมไม่ถูกน่ะสิ
เห็นอย่างนี้แต่เธอเป็นพวกลูกเศรษฐีเลยทีเดียวล่ะ
พ่อของเธอเป็นนักลงทุนรายใหญ่ระดับประเทศแถมมีหุ้นอยู่ในบริษัทดังๆแทบทุกบริษัท ถึงขนาดมีหลายคนซื้อหุ้นตามเลยทีเดียวล่ะ
และด้วยความที่เธอทั้งสวยทั้งรวยทำให้เธอมีแฟนคลับลับๆด้วย(เจ้าตัวไม่รู้อ่ะ)
และด้วยความที่เธอเป็นคนร่าเริงทำให้สนิทกับทุกคนได้อย่างง่ายดาย และนั่นคือหนึ่งในสาเหตุที่ไม่มีใครกล้าสารภาพรักกับเธอ
รวมผมด้วยคนนึงล่ะ(อยากร้องไห้อ่ะ)
ปัจจุบันเชื่อว่าเธอหัวใจยังว่างอยู่ล่ะนะ
ผมเดินกับเธอไปโรงเรียนด้วยกันได้พักนึงแล้ว โดยสาเหตุของเธอคืออยากทำตัวให้เหมือนเด็กทั่วไปนั่นแหละ และนั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมแฮปปี้สุดๆ
ก็บ้านเธอกับผมใกล้กันนี่นา แถมเธอยังขอให้ผมเดินเป็นเพื่อนเธออีกตะหาก
ถึงจะดีใจสุดๆก็เศร้าสุดๆเหมือนกันเพราะเธอคงคิดกับผมแค่”เพื่อนชาย”คนเหนึ่งเท่านั้น
อยู่เธอก็วิ่งขึ้นมานำหน้าผมก่อนหันกลับมา
“นี่ ถ้าเราสองคนเดินจูงมือกันไปโรงเรียนจะเกิดอะไรขึ้นนะ ทั้งโรงเรียนจะแตกตื่นไหมเนื่ย”เธอเอ่ยพร้อมยิ้มให้ผม
“ลองดูไหมล่ะ ผมก็อยากรู้เหมือนกัน”ผมเอ่ยพร้อมหันหน้าไปด้านข้างเพื่อซ่อนใบหน้าที่น่าจะแดงไว้
“นั่นสินะ”เธอเอ่ยจบก็จับมือผม นั่นทำให้ผมดีใจจนเนื้อเต้นทีเดียวแต่ทว่า...
ผมประมาทไปหน่อย
เพราะเธอออกวิ่งทันทีและนั่นก็เป็นการลากผมไปในตัวด้วยทำเอาผมเกือบล้มหน้าคะมำทีเดียว และสุดท้าย...ผมก็ต้องวิ่งตามเธอด้วยเหตุสุดวิสัย
อุตส่าห์หวังไว้แท้ๆเสียดายจัง
“สวัสดีค่ะคุณครู”เธอเอ่ยกับครูที่ยืนอยู่หน้าประตูโรงเรียน
“โอ้ สวัสดีคุณหนูสายรุ้ง วันนี้ก็มากับนายเทวาราชอีกแล้วเรอะ”
ผมลืมแนะนำตัวไป ผมนายเทวาราชหรือที่ใครๆก็เรียกเทพ(แต่บางทีก็มีคนเรียกเกรียนเทพเหมือนกันแต่พวกมันมักสิ้นชีวาในเวลาต่อมา) ส่วนหญิงสาวผู้ร่าเริงผู้นี้คุณหนูสายรุ้งผู้มีชื่อเล่นว่ารุ้ง
“ค่ะ”
“ไม่ใช่พวกเธอเป็นแฟนกันเรอะ เดินมาด้วยกันแบบนี้ทุกวันน่ะ แถมโอ้วันนี้จูงมือกันมาด้วย”อาจารณ์คนเดิมเอ่ยต่อ แถมเล่นซะตรงประเด็นอีกตะหาก
“ยังหรอกค่ะ คงต้องต้องดูใจกันไปอีกนานค่ะ คิกๆ”เธอตอบแบบไม่ไว้หน้าผมเลยแม้แต่น้อย แถมมีหัวเราะต่อท้ายอีกนี่สิทำเอาใจแทบสลายเลยทีเดียว
แต่ผมรู้สึกเองรึเปล่าว่าก่อนที่เธอจะปล่อยมือเธอบีบมือผมแน่นทีเดียว เหมือนจะบอกว่า.... เธอไม่อยากปล่อยมือจากผมไป
ไอ้หลงตัวเอง เอ่อผมด่าตัวเองน่ะ
รุ้งเดินจากไปแล้วแต่ผมยังยืนเน่าอยู่ที่เดิมแถมตาก็เกือบเหลือกแล้วด้วย อาจารย์คนเดิมจึงแตะไหล่ก่อนยกนิ้วโป้งขึ้นและขยิบตาให้
“สู้ต่อไปเจ้าหนุ่ม”
สู้ต่อไปอะไรล่ะคร๊าบแค่นี้ผมก็แทบดิ้นสิ้นใจแล้ว
ผมขอบคุณอาจารย์ที่ให้กำลังใจก่อนขึ้นไปนั่งเน่าในห้องเรียนต่อ และตอนนี้ผมนอนแผ่ไปกับโต๊ะเรียบร้อยแล้ว
“เป็นไรวะ ตาลอยแต่เช้าเชียว”เสียงหนึ่งดังขึ้นเหนือหัวผมก่อนมีเสียงว่าของลงที่โต๊ะข้างขวาก่อนมีเสียงนั่งตามมา
“แค่ใจสลายว่ะ ไอ้กร”ผมเอ่ยกับเพื่อนชายที่เอ่ยกับผมก่อนหันหน้าไปทางมัน
ไอ้กรหรือนายพงศกรจะเรียกว่านักเรียนดีเด่นก็ไม่เชิง ทั้งความสามารถทางการเรียน ทางกีฬาของมันอยู่ในอันดับต้นๆของโรงเรียนเลยทีเดียว หน้าตาดีแถมรวยอีกเรียกได้ว่าเพอร์เฟ็คแมนทีเดียวล่ะ ที่สำคัญสาวติดกันเกรียวแต่มันเองก็มีสาวในดวงใจอยู่แล้วเหมือนผมนั่นแหละ
“Yo อ่าวไอ้เทพเป็นไรวะ ตายห่าแล้วเหรอ เดี๋ยวช่วยเป็นเจ้าภาพให้ ไปสู่ที่ชอบๆนะโว้ย”ไอ้หมาหัวทองที่เพิ่งมาอีกตัวเอ่ยขึ้นเล่นเอาผมชักกระตุกเลยทีเดียว
ไอ้หมาหัวทองสี่หาวนี่คือวัชรวิชชื่อเล่นว่าวิน ถึงเห็นมันหัวทองอย่างนี้มันไม่ได้ย้อมนะมันได้จากแม่ที่เป็นคนอเมริกา แต่ถ้าจำไม่ผิดแม่มันเป็นดีไซเนอร์ชื่อดังทีเดียวแถมป๊ะป๋ามันยังเป็นเจ้าของแบรนเสื้อผ้ามีชื่อในไทยอีก เห็นว่าไปพบรักกันในแฟนชั่นโชว์ที่อังกฤษ ก่อนจะแต่งสายฟ้าแลบที่สเปน แล้วกลับมาคลอดลูกที่ไทย นับเป็นครอบครัวที่เดินทางกันเหนื่อยเอาการทีเดียว ลูกถึงได้ออกมาเพี้ยนๆแบบนี้แล
แต่ไอ้นี่ก็หล่อติดอันดับท็อปของโรงเรียนเหมือนกัน สาวติดเยอะแต่ไอ้นี่มันควงสาวไม่ซ้ำหน้าเลยล่ะ
ที่สำคัญมันเป็นประธานชมรมวิจัยและสำรวจสาวสวยประจำโรงเรียนด้วยนะนั่น
แต่มีสมาชิกอยู่3คนคือมันผมและไอ้กร(โดนมันบังคับเข้า)
“ปากสร้างสรรค์แต่เช้านะเอ็ง”ผมเริ่มโต้กลับ
“อ่าว ยังไม่ตายเหรอโทษทีๆ”
ดูมันยังไม่เลิกหาเรื่องอีก
“อย่าทะเลาะกันแต่เช้าน่า”ไอ้กรห้ามทัพ“แล้วไอ้ที่ใจสลายน่ะมันยังไงวะ”
“ก็คุณเธอบอกกับอาจารย์ว่ายังต้องดูใจกันอีกนานนี่หว่า”ผมตอบกลับไปตาเริ่มลอยอีกครั้งแถมด้วยความเจ็บปวดจี๊ดๆที่หัวใจเป็นของแถม
“บ้าปล่าวว้า กับผู้ใหญ่แถมยังเป็นอาจารย์อีกใครจะกล้าพูดความจริงกัน แถมยายนั่นพูดแบบนั้นก็เหมือนกับบอกเป็นในๆว่าสนใจแกเหมือนกันนั่นแหละ”
“จริงเปล่าวะไอ้กร ไม่โกหกนะว้อย”ผมเอ่ยหลังจากคืนชีพอีกครั้งจากคำพูดของไอ้กร พร้อมกับเขย่ามันไปมา
“เออๆๆ แล้วแกก็หยุดเขย่าได้แล้วว้อยมึนหัว”ไอ้กรเอ่ยทำให้ผมรู้ว่าผมจับมันเขย่าแรงไปหน่อยจนตอนนี้มันโครงเครงไปมาซะแล้ว “แล้ววันนี้มีอะไรเด็ดๆมั่ง”
“ได้จับมือ...ล่ะมั้ง”ผมเอ่ยก่อนนึกถึงตอนที่เธอจับมือผมอีกครั้ง อร๊างอยากครางออกมาจังเลย
“มีล่ะมั้งได้ไงวะไอ้บ้า เมาอากาศยามเช้าอยุ่เหรอวะเอ็ง”ไอ้วินด่าผม แต่ตอนนี้ผมไม่สนแล้วล่ะ
“เออ เมาอยู่ เมารักด้วยว่ะ”ผมเอ่ยออกมาอย่างไม่รู้ตัว เพราะตอนนี้เข้าโหมดเพ้อฝันเรียบร้อยแล้ว
“แกยังดีนะ ของข้าแทบไม่มีอะไรคืบหน้าเลย”ไอ้กรเอ่ยก่อนทำตาลอยบ้าง
“เออเด่ะ ขอแกน่ะไปหาทุกวันที่ห้องสมุด ยืมหนังสืออยู่ได้ทุกวัน แต่ดันไม่ยักคุยกันซะงั้น”ไอ้วินด่าไอ้กรบ้าง
“คุยว้อย ใครบอกไม่คุย”ไอ้กรโต้
“คุยอะไรวะ”
“สอบคราวหน้าข้าจะชิงที่1จากเค้าให้ได้ว่ะ”ไอ้กรเพ้อ
“ไอ้โง่ แบบนั่นเค้าได้เกรียดเอ็งน่ะสิ เล่นไปท้าเค้าแบบนั้น”
“จะไปรู้เรอะก็เค้ายิ้มให้นี่หว่า ยิ้มหวานด้วยว้อย”
เอ่อ คือเริ่มเลอะเทอะกันใหญ่แล้วใช่ไหมเนื่ย
“แก2คนมันไม่ได้เรื่อง”ไอ้วินโวยแต่นั่นคือการเปิดสวิตว์โ๗มตีกลับของเรา2คน
“ดีกว่าแกล่ะวะ”ผมกับไอ้กรประสานเสียงกัน
“แกล่ะทำอะไรได้บ้าง พอเจอหน้าก็ได้แต่ยืนเก็กเท่านั้นล่ะว้าเก่งแต่ปาก”ผมด่ามันคืน
“วันๆเอาแต่หลีสาวไปทั่ว แล้วใครจะคิดว่าเอ็งมีความจริงใจมั่งวะหา”ไอ้กรด่ามั่ง
ส่วนไอ้หมาหัวทองมันหน้าซีดเลยทีเดียวเชียวล่ะ
“ว้อยก็แม่นั่นโหดจะตายหอง วันก่อนก็ไปสอยพวกโรงเรียนอาชีวะซะฝูงนึง แถมเมื่อวานเจ๊แกยังพูดให้ได้ยินอีกว่าเกลียดพวกจีบสาวไปทั่วแบบข้านี่หว่า แล้วจะให้เข้าหายังไงวะ”ไอ้วินโวยวาย
“นี่พวกนายมาคุยเรื่องแบบนี้ไม่กลัวเจ้าตัวมาได้ยินมั่งเหรอไง”พวกผู้ชายในห้องเอ่ยขึ้น(พวกดาดๆหาได้ตามโรงเรียนทั่วไปและตามท้องถนนหลังเลิกเรียน)
“อยู่คนล่ะห้องกันว้อนจะกลัวทำไม”3เสียงประสานขึ้นโดยมิได้นัดหมาย
“แต่ถ้าพวกแกเกิดปากมากล่ะก็”ไอ้กรว่า
“รับประกันได้เยือนยมโลกก่อนกำหนดแน่”ไอ้วินเสริมต่อ
อย่างที่เห็นแหละพวกเรา3คนมักมาทกปัญหาหัวใจรวมทั้งความคืบหน้าที่โรงเรียนยามเช้าเสมอ จนพวกในห้องเรียกเราว่า“กลุ่มไอ้บ้า3ตัว”ซะแล้ว แต่ก็ไม่มีใครกล้าเรียกต่อหน้าหรอก ไม่งั้นได้ไปโลกหน้าแบบด่วนพิเศษแน่นอน
ความจริงผมออกจะเรียบร้อยนะ แต่หลังจากรวมกลุ่มกะ2คนนี้รู้สึกเถื่อนขึ้นเยอะ
แต่นั่นก็ทำให้ผมรู้ว่าคำที่ว่ามิตรภาพชายหนุ่มเกิดขึ้นได้ด้วยกำปั้นและฝ่าเท้ามันเป็นจริง... มั๊ง
“อย่าลืมนะว้อยวันนี้ตอนเย็นไปห้องชมรมด้วย”ท่านประธานชมรมเอ่ย
“ไปทำไมวะ ปกติก็ไปนั่งง่าวให้หาวเล่นเฉยๆไม่ใช่รึไง”ผมบ่นขึ้นมาแทบจะทันที เพราะชมรมนี่แค่ชื่อก็บอกแล้วว่าต้องทำอะไรบ้างแถมผมก็เจ้ากรก็ไม่ได้นิยมหลีสาวอยู่แล้ว ไปๆมาๆก็เลยเหลือแค่หัวหน้าหน่วยกล้าตายที่ทำหน้าที่ประธานที่ดีโดยการออกหลีสาวให้ดูเป็นตัวอย่าง
แต่สุดท้ายก็บ่มิไก๊กะสาวที่ตัวเองชอบล่ะวะ
“ชั้นไม่ว่างว่ะ ต้องไปซ้อมฟันดาบหน่อย พวกในชมรมมันชักจะไม่ได้ความแล้ว”ไอ้กรปฎิเสธอีกคน
“เออก็ได้วะไอ้กร แต่ไอ้เทพแกต้องมานะโว้ย”
เวรรอดแค่ไอกรซะงั้น
ตอนนี้เพลงประจำชาติดังขึ้นมาแล้วทุกคนจึงยืนขึ้นตรงแทบจะทันที ถึงแม้โรงเรียนนี้จะเป็นโรงเรียนที่ค่อนข้างแปลกเพราะไม่มีการเข้าแถวหน้าเสาธง แต่การยืนตรงเครารพธงชาตินี้ยังคงดำรงไว้เช่นเดิม
พอเพลงชาติจบไอ้การก็มาเซ้าซี้จนผมยอมตกลงจนได้และพอดีกับจังหวะที่อาจารย์เดิมเข้ามาพอดีจึงต้องแยกย้ายกันนั่งที่
ตอนเย็น17.00น.
ผมเดินไปห้องชมรมหลังทำความสะอาดห้องเสร็จแล้วซึ่งมันอยู่ชั้น6 ซึ่งแม้จะต้องเดินขึ้นไปหลายชั้นแต่พอไปถึงจะสบายเพราะมันติดแอร์ แต่พอไปถึงกลับพอแต่ความว่างเปล่า
และนั่นเป็นครั้งแรกที่ผมพบกับความเย็นหยะเยือกแบบแปลกๆ
มันไม่ได้เย็นแบบแอร์ แต่ให้ความรู้สึกเสียววาบถึงไขสันหลัง
แถมรู้สึกถึงสายตาที่มองมาแบบแปลกๆอีก
แต่พอผมสำรวจทั่วทั้งห้องก็ไม่พบอะไร เลยคิดว่าไอ้กรมันแกล้ง
แต่หลังจากนั่งดูเชิงอยู่นานพอดู มันทำให้ผมเริ่มรู้สึกตัวว่า...
ในห้องนี้มีสิ่งมีชีวิตคือผมอยู่แค่อย่างเดียว....
แล้วสายตาที่จับจ้องงั้นล่ะมันคืออะไร
ความรู้สึกเย็นเยือกเสียวสะท้านเหมือนอยู่ในที่ที่หนาวจัดทั้งๆที่แม้จะปิดแอร์ไปแล้ว.
สัญชาตญาณที่กำลังกรีดร้องให้ออกไปจากห้องให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
และ....
วูบ
ไฟดับขณะที่ผมกำลังจะออกจากห้อง ทำให้ห้องมืดแทบจะทันที ผมจึงหลับตาครู่หนึ่งก่อนลืมตาอีกครั้งเพื่อให้ตาชินกับความมืด
และตรงๆนั้น ตรงที่ผมอยู่จนถึงเมื้อกี้นี้...
เงาอะไรบางอย่างตะครุ่มๆอยู่แถมด้วยดวงตาสีแดงฉานราวเลือด
ความรู้สึกตื่นตระหนกเริ่มเข้ามาแทนที่ความตกใจ
จิตมุ่งร้ายที่ผมสัมผัสได้โดยไม่ต้องใช้สื่อใดๆทั้งสิ้น
หวาดกลัว
ผมพยายามเปิดประตูแต่ลูกบิดมันแทบไม่ขยับแม้จะพยายามประเคนมือเท้าเพื่อให้มันเปิดออกก็ไม่ขยับแม้แต่มิลเดียว
เราจะตายในที่แบบนี้เหรอ
ตายในห้องปิดตายทั้งๆที่นี่ไม่ใช่คดีฆาตกรรมปริศนาเนื่ยนะ
ไม่เอาๆๆๆๆ
และในจังหวะที่ผมคิดสะระตะอยู่นั่นเอง
มันพุ่งตัวเข้าใส่ผมครั้งแรก
แต่ผมก้มหลบได้ทันพอดี แต่รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงแควกๆเหมือนผ้าขาด คิดว่าเสื้อนอกคงจะไปเรียบร้อยแล้ว
แต่นั่นทำให้ผมเห็นพละกำลังของมันอย่างชัดเจนทีเดียว
เพราะว่าเพียงครั้งเดียว..... ประตูหลุดไปทั้งบานทีเดียว
แต่นั่นทำให้ผมมีโอกาสรอดแล้ว
ตอนนี้แหละหนี หนีไป ไปให้ไกลที่สุด นี่คือคำที่ก้องอยู่ในหัว
ผมวิ่งลงบันไดด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่เคยทำมาแต่ว่า...
ผมดันมานึกได้ว่าลืมกระเป๋าไว้ในห้อง และผมดันอยู่ชั้นเดียวกันพอดีอีก....
ผมตัดสินใจไปเอากระเป๋าแต่ว่าผมกลับรู้สึกแปลกๆอีกครั้ง
รอบๆตัวผมไม่มีคนเลยถึงแม่มันจะเย็นแล้วก็ตามที
ปกติช่วยนี้กรรมการนักเรียนจะเดินเช็คดูว่าห้องทำความสะอาดรึยังด้วย
แต่กลับไม่มีซักคน....
ผมรู้สึกตัวหลังยืนเงียบอยู่ครู่หนึ่งเมื่อนึกถึงสิ่งที่กำลังจะตามมาข้างหลัง ทำให้ผมต้องรีบไปหยิบกระเป๋า แต่ทว่า....
ผมเจอมันอีกครั้ง
แถมมันอยู่ใกล้กับกระเป๋าของผมอีก
และมันไม่รีรอทีจะพุ่งเข้าหาผมอีกครั้ง
แต่ความที่ระยะค่อยข้างไกลทำให้ผมหลบฉากแล้วพุ่งเข้าคว้ากระเป๋าทันที
แต่มันตั้งหลักได้แล้วพุ่งเข้ามาหาผมอีกครั้ง ผมจึงตัดสินใจกระโดดขึ้นบนโต๊ะแล้วกระโดดข้ามโต๊ะก่อนกระโดดออกจากห้องออกมา....
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น