ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสตราภูติพิฆาตอสูร

    ลำดับตอนที่ #2 : ปฐมบทศาสตราภูติ ภาคกลาง

    • อัปเดตล่าสุด 21 ส.ค. 52


    มื่อ13ชม.ก่อนหน้านี้
             7.00น.
             เดี๋ยวสิลูก ข้าวเช้ากินนิดเดียวเองเดี๋ยวหิวขึ้นมาก่อนเที่ยงจะแย่นะ
             ไม่เป็นไรหรอกน่าแม่ก็ ผมเป็นผู้ชายนะถึงไม่กินอะไรไปก็อยู่ถึงเที่ยงสบายๆผมเอ่ยขณะใส่รองเท้าเพื่อเตรียมตัวออกจากบ้าน
             แล้วแกจะรีบไปไหนแต่เช้า บอกมาซะดีๆพ่อผมเอ่ยก่อนจับไหล่ผมแล้วกดลงเพื่อกันผมลุกหนีผู้หญิงล่ะสิ
             พูดอะไรน่ะพ่อผมรีบเอ่ยปัดขณะที่พ่อตอนนี้หัวเราะก๊ากแล้ว ส่วนแม่ก็ยืนเท้าคางมืออีกข้างถือทัพพีทำท่าอมทุกข์ซะเต็มประดา
              หวังว่าคงเป็นเด็กน่ารักนะ
             ไม่รู้ด้วยแล้ว ผมไปล่ะผมเอ่ยก่อนออกวิ่งออกมา ก่อนเหลือบกลับไปมองพ่อกับแม่ที่กำลังโบกมือโบกไม้ส่งอยู่ ไม่ว่าจะมองผมก็ยังสงสัยทุกครั้งว่าพ่อแม่ผมนี่ยังเป็นคนอยู่รึเปล่า
             ก็ตั้งแต่จำความได้ทั้งคู่แทบไม่ต่างกับปัจจุบันเลยนี่หว่า
             พ่อตอนนี้หากไปเดินในเมืองคงเนื้อหอมน่าดูเพราะดูเหมือนหนุ่มอายุ20ปลายๆแถมยังมีกล้ามอีก ส่วนแม่ก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่เพัยงแต่ดูอ่อนกว่าแล้วหุ่นก็ยังดีอยู่จนไม่น่าเชื่อว่ามีลูกแล้วแถมถ้าไม่รู้อายุพ่อกับแม่ล่ะก็คงคิดว่าอายุใกล้ๆกันล่ะมั้ง
             ใครจะไปคิดฟะขนาดลูกยังไม่อยากเชื่อเลยว่านั่นน่ะ40แล้วทั้งคู่น่ะ
             ผมวิ่งออกจากบ้านก่อนปิดประตู บ้านผมมีบริเวณค่อนข้างกว้างมีคนสวนอยู่2-3คน แถมยามอีกหนึ่ง
             หากถามว่าบ้านผมทำอาชีพอะไร ผมก็ไม่รู้ว่าจะบอกว่าอะไรดีเหมือนกันเพราะไม่รู้จะเรียกว่าอาชีพได้รึเปล่า ขนาดในใบวอบถามอาชีพพ่อแม่ผมยังใส่อื่นๆเลย
             ก็พ่อแม่ผมน่ะดันเป็นคนทรงน่ะสิ แถมยังรับปราบผีทั่วประเทศด้วย
             แต่ตอนนี้ผมชักไม่แน่ใจว่าใช้ของพวกนี้บังหน้ารึเปล่าน่ะสิ
             อย่างแรกคือผมไม่เคยเห็นพวกท่านเคยนั่งสั่นงกๆเหมือนคนโดนเจ้าเข้าเลย
             อย่างที่สองผมเห็นบางทีพ่อแม่ผมใส่สูตไปทำงานด้วยซ้ำ แถมบางทีไปกันทั้งคู่แถมแต่งทัคซิโด้กับชุดราตรีออกไปซะงั้น
             ถึงแม้ผมจะได้ยินพ่อกับแม่พูดบ่อยๆว่าตระกูลเรานั้นเป็นตระกูลเก่าแก่ที่สืบทอดกันมานานและเป็นที่นับหน้าถือตาในวงสังคมก็เถอะ
             แล้วหมอผีวัดไหนมันแต่งทัคซิโด้กับชุดราตรีไปทำงานฟ่ะ ไม่ใช่ไปงานสังคมเรอะ
             ช่างเรื่องไร้สาระดีกว่ามั้งตอนนี้ผมมาถึงเสาไฟฟ้าตรง3แยกแล้วก็ยืนคอยเท่านั้นล่ะ
             ผมเอามือถือขึ้นมาดูเวลาซึ่งได้เวลาประมาณ7โมง15นาทีแล้วคอยอีกไม่นานก็ได้เวลาล่ะ
             จะว่าไปมือถือนี่ก็ได้มาจากประธานบริษัทนำเข้ามือถือเหมือนกันเห็นว่าให้ทดลองใช้แล้วให้มาเลยซะงั้น
             เส้นใหญ่จริงว้อยพ่อตู
             ทำอะไรอยู่จ๊ะเสียงใสๆดังขึ้นมาจากข้างหลังผม ผมหันกลับไปพร้อมฉีกยิ้มเหมือนคนบ้าให้กับเธอก่อนตอบเธอไปว่าเปล่าไม่ได้ทำอะไร
             หญิงสาวสวยหน้าตาน่ารักตากลมโตกำลังยิ้มให้ผมอยู่ ผมของเธอสีดำยาวสลวยถึงกลางหลัง ส่วนสูงนั้นน้อยกว่าผมเล็กน้อย แต่รูปร่างของเธอดีทีเดียวคือไม่ผอมจนเกินไปขนาดพอเหมาะซะจนน่ากอด แถมความต๊องหน่อยๆบวกกับท่าทางอาโนเนะของเธอที่มีติดตัวมาแต่กำเนิดอีกสิ
             โมเอะสุดยอด(ความหมายก็โมเอะก็ประมาณว่าน่ารักอ่ะนะ)
             พูดตามตรงผมอยากลักพาตัวเธอกลับบ้านซะด้วยซ้ำหากไม่กลัวว่าจะกลายเป็นศพไร้ญาติซะก่อนน่ะนะ
             ทำไมน่ะรึก็โดนยิงพรุ่นจนหาเค้าเดิมไม่ถูกน่ะสิ
            เห็นอย่างนี้แต่เธอเป็นพวกลูกเศรษฐีเลยทีเดียวล่ะ
             พ่อของเธอเป็นนักลงทุนรายใหญ่ระดับประเทศแถมมีหุ้นอยู่ในบริษัทดังๆแทบทุกบริษัท ถึงขนาดมีหลายคนซื้อหุ้นตามเลยทีเดียวล่ะ
             และด้วยความที่เธอทั้งสวยทั้งรวยทำให้เธอมีแฟนคลับลับๆด้วย(เจ้าตัวไม่รู้อ่ะ)
             และด้วยความที่เธอเป็นคนร่าเริงทำให้สนิทกับทุกคนได้อย่างง่ายดาย และนั่นคือหนึ่งในสาเหตุที่ไม่มีใครกล้าสารภาพรักกับเธอ
             รวมผมด้วยคนนึงล่ะ(อยากร้องไห้อ่ะ)
             ปัจจุบันเชื่อว่าเธอหัวใจยังว่างอยู่ล่ะนะ
             ผมเดินกับเธอไปโรงเรียนด้วยกันได้พักนึงแล้ว โดยสาเหตุของเธอคืออยากทำตัวให้เหมือนเด็กทั่วไปนั่นแหละ และนั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมแฮปปี้สุดๆ
             ก็บ้านเธอกับผมใกล้กันนี่นา แถมเธอยังขอให้ผมเดินเป็นเพื่อนเธออีกตะหาก
             ถึงจะดีใจสุดๆก็เศร้าสุดๆเหมือนกันเพราะเธอคงคิดกับผมแค่เพื่อนชายคนเหนึ่งเท่านั้น
             อยู่เธอก็วิ่งขึ้นมานำหน้าผมก่อนหันกลับมา
             นี่ ถ้าเราสองคนเดินจูงมือกันไปโรงเรียนจะเกิดอะไรขึ้นนะ ทั้งโรงเรียนจะแตกตื่นไหมเนื่ยเธอเอ่ยพร้อมยิ้มให้ผม
             ลองดูไหมล่ะ ผมก็อยากรู้เหมือนกันผมเอ่ยพร้อมหันหน้าไปด้านข้างเพื่อซ่อนใบหน้าที่น่าจะแดงไว้
             นั่นสินะเธอเอ่ยจบก็จับมือผม นั่นทำให้ผมดีใจจนเนื้อเต้นทีเดียวแต่ทว่า...
             ผมประมาทไปหน่อย
             เพราะเธอออกวิ่งทันทีและนั่นก็เป็นการลากผมไปในตัวด้วยทำเอาผมเกือบล้มหน้าคะมำทีเดียว และสุดท้าย...ผมก็ต้องวิ่งตามเธอด้วยเหตุสุดวิสัย
             อุตส่าห์หวังไว้แท้ๆเสียดายจัง
             สวัสดีค่ะคุณครูเธอเอ่ยกับครูที่ยืนอยู่หน้าประตูโรงเรียน
             โอ้ สวัสดีคุณหนูสายรุ้ง วันนี้ก็มากับนายเทวาราชอีกแล้วเรอะ
             ผมลืมแนะนำตัวไป ผมนายเทวาราชหรือที่ใครๆก็เรียกเทพ(แต่บางทีก็มีคนเรียกเกรียนเทพเหมือนกันแต่พวกมันมักสิ้นชีวาในเวลาต่อมา) ส่วนหญิงสาวผู้ร่าเริงผู้นี้คุณหนูสายรุ้งผู้มีชื่อเล่นว่ารุ้ง
             ค่ะ
             ไม่ใช่พวกเธอเป็นแฟนกันเรอะ เดินมาด้วยกันแบบนี้ทุกวันน่ะ แถมโอ้วันนี้จูงมือกันมาด้วยอาจารณ์คนเดิมเอ่ยต่อ แถมเล่นซะตรงประเด็นอีกตะหาก
             ยังหรอกค่ะ คงต้องต้องดูใจกันไปอีกนานค่ะ คิกๆเธอตอบแบบไม่ไว้หน้าผมเลยแม้แต่น้อย แถมมีหัวเราะต่อท้ายอีกนี่สิทำเอาใจแทบสลายเลยทีเดียว
             แต่ผมรู้สึกเองรึเปล่าว่าก่อนที่เธอจะปล่อยมือเธอบีบมือผมแน่นทีเดียว เหมือนจะบอกว่า.... เธอไม่อยากปล่อยมือจากผมไป
             ไอ้หลงตัวเอง เอ่อผมด่าตัวเองน่ะ
             รุ้งเดินจากไปแล้วแต่ผมยังยืนเน่าอยู่ที่เดิมแถมตาก็เกือบเหลือกแล้วด้วย อาจารย์คนเดิมจึงแตะไหล่ก่อนยกนิ้วโป้งขึ้นและขยิบตาให้
             สู้ต่อไปเจ้าหนุ่ม
             สู้ต่อไปอะไรล่ะคร๊าบแค่นี้ผมก็แทบดิ้นสิ้นใจแล้ว
             ผมขอบคุณอาจารย์ที่ให้กำลังใจก่อนขึ้นไปนั่งเน่าในห้องเรียนต่อ และตอนนี้ผมนอนแผ่ไปกับโต๊ะเรียบร้อยแล้ว
             เป็นไรวะ ตาลอยแต่เช้าเชียวเสียงหนึ่งดังขึ้นเหนือหัวผมก่อนมีเสียงว่าของลงที่โต๊ะข้างขวาก่อนมีเสียงนั่งตามมา
             แค่ใจสลายว่ะ ไอ้กรผมเอ่ยกับเพื่อนชายที่เอ่ยกับผมก่อนหันหน้าไปทางมัน
             ไอ้กรหรือนายพงศกรจะเรียกว่านักเรียนดีเด่นก็ไม่เชิง ทั้งความสามารถทางการเรียน ทางกีฬาของมันอยู่ในอันดับต้นๆของโรงเรียนเลยทีเดียว หน้าตาดีแถมรวยอีกเรียกได้ว่าเพอร์เฟ็คแมนทีเดียวล่ะ ที่สำคัญสาวติดกันเกรียวแต่มันเองก็มีสาวในดวงใจอยู่แล้วเหมือนผมนั่นแหละ
             “Yo อ่าวไอ้เทพเป็นไรวะ ตายห่าแล้วเหรอ เดี๋ยวช่วยเป็นเจ้าภาพให้ ไปสู่ที่ชอบๆนะโว้ยไอ้หมาหัวทองที่เพิ่งมาอีกตัวเอ่ยขึ้นเล่นเอาผมชักกระตุกเลยทีเดียว
             ไอ้หมาหัวทองสี่หาวนี่คือวัชรวิชชื่อเล่นว่าวิน ถึงเห็นมันหัวทองอย่างนี้มันไม่ได้ย้อมนะมันได้จากแม่ที่เป็นคนอเมริกา แต่ถ้าจำไม่ผิดแม่มันเป็นดีไซเนอร์ชื่อดังทีเดียวแถมป๊ะป๋ามันยังเป็นเจ้าของแบรนเสื้อผ้ามีชื่อในไทยอีก เห็นว่าไปพบรักกันในแฟนชั่นโชว์ที่อังกฤษ ก่อนจะแต่งสายฟ้าแลบที่สเปน แล้วกลับมาคลอดลูกที่ไทย นับเป็นครอบครัวที่เดินทางกันเหนื่อยเอาการทีเดียว ลูกถึงได้ออกมาเพี้ยนๆแบบนี้แล
             แต่ไอ้นี่ก็หล่อติดอันดับท็อปของโรงเรียนเหมือนกัน สาวติดเยอะแต่ไอ้นี่มันควงสาวไม่ซ้ำหน้าเลยล่ะ
             ที่สำคัญมันเป็นประธานชมรมวิจัยและสำรวจสาวสวยประจำโรงเรียนด้วยนะนั่น
             แต่มีสมาชิกอยู่3คนคือมันผมและไอ้กร(โดนมันบังคับเข้า)
             ปากสร้างสรรค์แต่เช้านะเอ็งผมเริ่มโต้กลับ
             อ่าว ยังไม่ตายเหรอโทษทีๆ
             ดูมันยังไม่เลิกหาเรื่องอีก
             อย่าทะเลาะกันแต่เช้าน่าไอ้กรห้ามทัพแล้วไอ้ที่ใจสลายน่ะมันยังไงวะ
             ก็คุณเธอบอกกับอาจารย์ว่ายังต้องดูใจกันอีกนานนี่หว่าผมตอบกลับไปตาเริ่มลอยอีกครั้งแถมด้วยความเจ็บปวดจี๊ดๆที่หัวใจเป็นของแถม
             บ้าปล่าวว้า กับผู้ใหญ่แถมยังเป็นอาจารย์อีกใครจะกล้าพูดความจริงกัน แถมยายนั่นพูดแบบนั้นก็เหมือนกับบอกเป็นในๆว่าสนใจแกเหมือนกันนั่นแหละ
             จริงเปล่าวะไอ้กร ไม่โกหกนะว้อยผมเอ่ยหลังจากคืนชีพอีกครั้งจากคำพูดของไอ้กร พร้อมกับเขย่ามันไปมา
             เออๆๆ แล้วแกก็หยุดเขย่าได้แล้วว้อยมึนหัวไอ้กรเอ่ยทำให้ผมรู้ว่าผมจับมันเขย่าแรงไปหน่อยจนตอนนี้มันโครงเครงไปมาซะแล้ว แล้ววันนี้มีอะไรเด็ดๆมั่ง
             ได้จับมือ...ล่ะมั้งผมเอ่ยก่อนนึกถึงตอนที่เธอจับมือผมอีกครั้ง อร๊างอยากครางออกมาจังเลย
             มีล่ะมั้งได้ไงวะไอ้บ้า เมาอากาศยามเช้าอยุ่เหรอวะเอ็งไอ้วินด่าผม แต่ตอนนี้ผมไม่สนแล้วล่ะ
             เออ เมาอยู่ เมารักด้วยว่ะผมเอ่ยออกมาอย่างไม่รู้ตัว เพราะตอนนี้เข้าโหมดเพ้อฝันเรียบร้อยแล้ว
             แกยังดีนะ ของข้าแทบไม่มีอะไรคืบหน้าเลยไอ้กรเอ่ยก่อนทำตาลอยบ้าง
             เออเด่ะ ขอแกน่ะไปหาทุกวันที่ห้องสมุด ยืมหนังสืออยู่ได้ทุกวัน แต่ดันไม่ยักคุยกันซะงั้นไอ้วินด่าไอ้กรบ้าง
             คุยว้อย ใครบอกไม่คุยไอ้กรโต้
             คุยอะไรวะ
             สอบคราวหน้าข้าจะชิงที่1จากเค้าให้ได้ว่ะไอ้กรเพ้อ
             ไอ้โง่ แบบนั่นเค้าได้เกรียดเอ็งน่ะสิ เล่นไปท้าเค้าแบบนั้น
             จะไปรู้เรอะก็เค้ายิ้มให้นี่หว่า ยิ้มหวานด้วยว้อย
             เอ่อ คือเริ่มเลอะเทอะกันใหญ่แล้วใช่ไหมเนื่ย
             แก2คนมันไม่ได้เรื่องไอ้วินโวยแต่นั่นคือการเปิดสวิตว์โ๗มตีกลับของเรา2คน
             ดีกว่าแกล่ะวะผมกับไอ้กรประสานเสียงกัน
             แกล่ะทำอะไรได้บ้าง พอเจอหน้าก็ได้แต่ยืนเก็กเท่านั้นล่ะว้าเก่งแต่ปากผมด่ามันคืน
             วันๆเอาแต่หลีสาวไปทั่ว แล้วใครจะคิดว่าเอ็งมีความจริงใจมั่งวะหาไอ้กรด่ามั่ง
             ส่วนไอ้หมาหัวทองมันหน้าซีดเลยทีเดียวเชียวล่ะ
             ว้อยก็แม่นั่นโหดจะตายหอง วันก่อนก็ไปสอยพวกโรงเรียนอาชีวะซะฝูงนึง แถมเมื่อวานเจ๊แกยังพูดให้ได้ยินอีกว่าเกลียดพวกจีบสาวไปทั่วแบบข้านี่หว่า แล้วจะให้เข้าหายังไงวะไอ้วินโวยวาย
             นี่พวกนายมาคุยเรื่องแบบนี้ไม่กลัวเจ้าตัวมาได้ยินมั่งเหรอไงพวกผู้ชายในห้องเอ่ยขึ้น(พวกดาดๆหาได้ตามโรงเรียนทั่วไปและตามท้องถนนหลังเลิกเรียน)
             อยู่คนล่ะห้องกันว้อนจะกลัวทำไม3เสียงประสานขึ้นโดยมิได้นัดหมาย
             แต่ถ้าพวกแกเกิดปากมากล่ะก็ไอ้กรว่า
             รับประกันได้เยือนยมโลกก่อนกำหนดแน่ไอ้วินเสริมต่อ
             อย่างที่เห็นแหละพวกเรา3คนมักมาทกปัญหาหัวใจรวมทั้งความคืบหน้าที่โรงเรียนยามเช้าเสมอ จนพวกในห้องเรียกเราว่ากลุ่มไอ้บ้า3ตัวซะแล้ว แต่ก็ไม่มีใครกล้าเรียกต่อหน้าหรอก ไม่งั้นได้ไปโลกหน้าแบบด่วนพิเศษแน่นอน
             ความจริงผมออกจะเรียบร้อยนะ แต่หลังจากรวมกลุ่มกะ2คนนี้รู้สึกเถื่อนขึ้นเยอะ
             แต่นั่นก็ทำให้ผมรู้ว่าคำที่ว่ามิตรภาพชายหนุ่มเกิดขึ้นได้ด้วยกำปั้นและฝ่าเท้ามันเป็นจริง... มั๊ง
             อย่าลืมนะว้อยวันนี้ตอนเย็นไปห้องชมรมด้วยท่านประธานชมรมเอ่ย
             ไปทำไมวะ ปกติก็ไปนั่งง่าวให้หาวเล่นเฉยๆไม่ใช่รึไงผมบ่นขึ้นมาแทบจะทันที เพราะชมรมนี่แค่ชื่อก็บอกแล้วว่าต้องทำอะไรบ้างแถมผมก็เจ้ากรก็ไม่ได้นิยมหลีสาวอยู่แล้ว ไปๆมาๆก็เลยเหลือแค่หัวหน้าหน่วยกล้าตายที่ทำหน้าที่ประธานที่ดีโดยการออกหลีสาวให้ดูเป็นตัวอย่าง
             แต่สุดท้ายก็บ่มิไก๊กะสาวที่ตัวเองชอบล่ะวะ
             ชั้นไม่ว่างว่ะ ต้องไปซ้อมฟันดาบหน่อย พวกในชมรมมันชักจะไม่ได้ความแล้วไอ้กรปฎิเสธอีกคน
             เออก็ได้วะไอ้กร แต่ไอ้เทพแกต้องมานะโว้ย
             เวรรอดแค่ไอกรซะงั้น
             ตอนนี้เพลงประจำชาติดังขึ้นมาแล้วทุกคนจึงยืนขึ้นตรงแทบจะทันที ถึงแม้โรงเรียนนี้จะเป็นโรงเรียนที่ค่อนข้างแปลกเพราะไม่มีการเข้าแถวหน้าเสาธง แต่การยืนตรงเครารพธงชาตินี้ยังคงดำรงไว้เช่นเดิม
             พอเพลงชาติจบไอ้การก็มาเซ้าซี้จนผมยอมตกลงจนได้และพอดีกับจังหวะที่อาจารย์เดิมเข้ามาพอดีจึงต้องแยกย้ายกันนั่งที่
     
             ตอนเย็น17.00น.
             ผมเดินไปห้องชมรมหลังทำความสะอาดห้องเสร็จแล้วซึ่งมันอยู่ชั้น6 ซึ่งแม้จะต้องเดินขึ้นไปหลายชั้นแต่พอไปถึงจะสบายเพราะมันติดแอร์ แต่พอไปถึงกลับพอแต่ความว่างเปล่า
             และนั่นเป็นครั้งแรกที่ผมพบกับความเย็นหยะเยือกแบบแปลกๆ
             มันไม่ได้เย็นแบบแอร์ แต่ให้ความรู้สึกเสียววาบถึงไขสันหลัง
             แถมรู้สึกถึงสายตาที่มองมาแบบแปลกๆอีก
             แต่พอผมสำรวจทั่วทั้งห้องก็ไม่พบอะไร เลยคิดว่าไอ้กรมันแกล้ง
             แต่หลังจากนั่งดูเชิงอยู่นานพอดู มันทำให้ผมเริ่มรู้สึกตัวว่า...
             ในห้องนี้มีสิ่งมีชีวิตคือผมอยู่แค่อย่างเดียว....
             แล้วสายตาที่จับจ้องงั้นล่ะมันคืออะไร
             ความรู้สึกเย็นเยือกเสียวสะท้านเหมือนอยู่ในที่ที่หนาวจัดทั้งๆที่แม้จะปิดแอร์ไปแล้ว.
             สัญชาตญาณที่กำลังกรีดร้องให้ออกไปจากห้องให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
             และ....
             วูบ
             ไฟดับขณะที่ผมกำลังจะออกจากห้อง ทำให้ห้องมืดแทบจะทันที ผมจึงหลับตาครู่หนึ่งก่อนลืมตาอีกครั้งเพื่อให้ตาชินกับความมืด
             และตรงๆนั้น ตรงที่ผมอยู่จนถึงเมื้อกี้นี้...
             เงาอะไรบางอย่างตะครุ่มๆอยู่แถมด้วยดวงตาสีแดงฉานราวเลือด
             ความรู้สึกตื่นตระหนกเริ่มเข้ามาแทนที่ความตกใจ
             จิตมุ่งร้ายที่ผมสัมผัสได้โดยไม่ต้องใช้สื่อใดๆทั้งสิ้น
             หวาดกลัว
             ผมพยายามเปิดประตูแต่ลูกบิดมันแทบไม่ขยับแม้จะพยายามประเคนมือเท้าเพื่อให้มันเปิดออกก็ไม่ขยับแม้แต่มิลเดียว
             เราจะตายในที่แบบนี้เหรอ
             ตายในห้องปิดตายทั้งๆที่นี่ไม่ใช่คดีฆาตกรรมปริศนาเนื่ยนะ
             ไม่เอาๆๆๆๆ
             และในจังหวะที่ผมคิดสะระตะอยู่นั่นเอง
             มันพุ่งตัวเข้าใส่ผมครั้งแรก
             แต่ผมก้มหลบได้ทันพอดี แต่รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงแควกๆเหมือนผ้าขาด คิดว่าเสื้อนอกคงจะไปเรียบร้อยแล้ว
             แต่นั่นทำให้ผมเห็นพละกำลังของมันอย่างชัดเจนทีเดียว
             เพราะว่าเพียงครั้งเดียว..... ประตูหลุดไปทั้งบานทีเดียว
             แต่นั่นทำให้ผมมีโอกาสรอดแล้ว
             ตอนนี้แหละหนี หนีไป ไปให้ไกลที่สุด นี่คือคำที่ก้องอยู่ในหัว
             ผมวิ่งลงบันไดด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่เคยทำมาแต่ว่า...
             ผมดันมานึกได้ว่าลืมกระเป๋าไว้ในห้อง และผมดันอยู่ชั้นเดียวกันพอดีอีก....
             ผมตัดสินใจไปเอากระเป๋าแต่ว่าผมกลับรู้สึกแปลกๆอีกครั้ง
             รอบๆตัวผมไม่มีคนเลยถึงแม่มันจะเย็นแล้วก็ตามที
             ปกติช่วยนี้กรรมการนักเรียนจะเดินเช็คดูว่าห้องทำความสะอาดรึยังด้วย
             แต่กลับไม่มีซักคน....
             ผมรู้สึกตัวหลังยืนเงียบอยู่ครู่หนึ่งเมื่อนึกถึงสิ่งที่กำลังจะตามมาข้างหลัง ทำให้ผมต้องรีบไปหยิบกระเป๋า แต่ทว่า....
             ผมเจอมันอีกครั้ง
             แถมมันอยู่ใกล้กับกระเป๋าของผมอีก
             และมันไม่รีรอทีจะพุ่งเข้าหาผมอีกครั้ง
             แต่ความที่ระยะค่อยข้างไกลทำให้ผมหลบฉากแล้วพุ่งเข้าคว้ากระเป๋าทันที
             แต่มันตั้งหลักได้แล้วพุ่งเข้ามาหาผมอีกครั้ง ผมจึงตัดสินใจกระโดดขึ้นบนโต๊ะแล้วกระโดดข้ามโต๊ะก่อนกระโดดออกจากห้องออกมา....
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×