ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสตราภูติพิฆาตอสูร

    ลำดับตอนที่ #1 : ปฐมบทแห่งศาสตรา ภาคต้น

    • อัปเดตล่าสุด 20 ส.ค. 52


     แฮ่กๆๆๆ
             เสียงผมหอบดังออกจากลำคอ แต่ถึงจะหอบแค่ไหนเหนื่อยแค่ไหนผมก็หยุดไม่ได้ หยุดไม่ได้จริงๆนะเออ
             ก็ไอ้ที่มันไล่ตามผมอยู่นี่สิทำให้ผมหยุดม่ายด้ายยยยยย
             โครมครามตูมตาม
             เหล่าเสียงเอฟเฟ็คที่ไล่จี้ก้นผมมาติดๆถึงแม้ไอ้ตูมตามมันจะโอเวอร์ไปนิดแต่อย่าสนใจมันเลยนะ สนใจไอ้ตัวต้นเสียงเหอะว่ามันตัวอารายยยยย
             แต่ถึงคุณจะสนใจมันคุณก็ไม่รู้หรอกว่ามันคือตัวอะไร บอกตรงๆผมยังไม่แน่ใจเลย แถมมันยังทำห้องเรียนของผมเละตุ้มเป๊ะไปเป็นแถบๆ(โดยมีผมเป็นส่วนร่วมนิดหน่อย นิดหน่อยจริงๆนะเออ)ตอนนี้ผมคงได้แต่ภาวนาว่าตอนนี้ขอเอาชีวิตให้รอดก่อนเถอะ ส่วนไอ้ที่ห้องที่เละนั่นมันคือกรรมของไอ้คนที่มาเช้าที่สุดของวันพรุ้งนี้ว้อย
             ผมยังคงวิ่งอยู่ในระเบียงชั้น3ของโรงเรียนหลังจากถล่มห้องเรียนตัวเองซะราบเป็นหน้ากลองก่อนวิ่งเข้ามาแอบในอีก3ห้องถัดมาซึ่งอยู่ข้างบันได หากเกิดอะไรขึ้นจะได้วิ่งหนีลงบันไดทัน แถมห้องนี้ก็ไม่ใช่ห้องผมจะเละยังไงก็ไม่เกี่ยงอยู่แล้น
             ชักรู้สึกว่าตัวเองเป็นตัวร้ายยังไงไม่รู้แฮะ
             ผมหยิบเก้าอี้ที่ใกล้มือที่สุดขึ้นก่อนไปแอบที่ข้างประตูพร้อมยกมันขึ้น เตรียมฟาดเต็มสตรีม ถ้าคนโดนไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตล่ะ ถ้ามันเป็นคนนะ
             เสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆอย่างเชื่องช้าเหมือนมันกำลังเล่นสนุกกับเหยื่อโดยการไล่ต้อนเหยื่อ ตัวผมรู้สึกเย็นหยะเหยือกแต่เหงื่อของผมกลับแตกพลัก แถมมือยังสั่นระรึกอีก ตอนนี้ผมรู้สึกเสียใจที่อยู่ๆก็คิดสู้ขึ้นมาซึ่งถ้าหนีไปก็คงจะรอด
             แต่ตอนนี้ทั้งตึกมีผมคนเดียว น่าจะนะ เพราะอย่างน้อยตอนนี้ก็6โมงเย็นแล้วด้วยคงไม่มีใครรักโรงเรียนขนาดนั้นหรอก เอ้อแต่ยามไม่เกี่ยวนะนั่นมันหน้าที่ของเขา
             ตอนนี้ผมสั่นกลัวสุดๆ นี่คงเป็นความกลัวสุดชีวิตของผม
             ขอให้มันคือครั้งแรกและครั้งสุดท้าย....
             เสียงฝีเท้ามาหยุดหน้าห้องที่ผมอยู่ ผมกลืนน้ำลายด้วยความลำบาก แต่ก็ต้องกลืน อย่างน้อยถ้าตายขึ้นมาก็ไม่อยากตายน้ำลายย้อยเหมือนคนบ้าละนะ
             เสียงฝีเท้าเข้ามาในห้องได้1ก้าว ผมต้องรออีกนิด ตอนนี้ผมปิดตาแน่นเพื่อดึงความกล้าสุดชีวิตที่น่าจะมากกว่าสารภาพรักครั้งแรกออกมาใช้
             คำว่าน่าจะน่ะไม่ผิดหรอกเพราะถึงผมจะมีคนที่ชอบอยู่แล้วแต่ยังไม่เคยสารภาพรักซักที
             ดังนั้นผมไม่ยอมตายก่อนจะได้สารภาพรักกับเธอก่อนเด็ดขาด ไม่มีวัน
             นาทีชีวิตนี้รู้สึกว่าไร้สาระยังไงไม่รู้สิ
             ในที่สุดเสียงเท้าที่2ก็ก้าวเข้ามาในห้องผมจึงฝาดมันลงอย่างไม่ลังเล (พลังloverสู้ๆ)
             กร็อบ
             ผมได้แต่ยืนอ้าปากค้างมองของในมือที่กลายเป็นซากหลังฟาดไอ้ตัวประหลาดนั่น แต่สิ่งที่ยังคงอยู่คือมัน แต่ในมือผมเหลือแต่พนักเก้าอี้
             แสงอาทิตย์ยามเย็นที่สาดส่องมาช่วงสุดท้ายของวันทำให้ผมเห็นตัวมันชัดๆแล้ว
             ที่จริงตอนแรกผมก็เห็นแต่มันเลือนรางมากจนไม่แน่ใจ แต่ตอนนี้แน่ใจสุดๆเลยล่ะ
             มันคือหมาสีดำตัวขนาดใหญ่พอๆกับผู้ใหญ่เลยที่เดียว คงจะสูงซัก1.8เมตรได้
             ไอ้หมาบ้าบังอาจตัวใหญ่กว่าคน(ความคิดไร้สาระ)
             ดวงตาของมันมีสีแดงก่ำเหมือนมีเลือดไปคั้งบริเวณนั้นจำนวนมากกำลังจับจ้องมาที่ผมอย่างเอาเรื่อง
             กรร~~~”มันครางเสียงต่ำ
             ใครช่วยแปลหน่อยว่ามันบอกอะไรผม แล้วช่วยแปลให้มันด้วยว่าถ้าผมขอโทษตามด้วยเพ็ดดิกรีอีกกระสอบด้วยจะยกโทษให้ผมได้ป่ะ
             มันมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าเหมือนกำลังประเมินผม
             แล้วมันก็พุ่งเข้าใส่ผมเต็มแรง
             ว๊าก~~~~”ผมว่งเสียงร้องออกมาในจังหวะที่เก้าถอยหลังทันทีในเวลาเดียวกับที่มันกระโจนมา
             อ๊ะ” “โครม” “กร็อบ
             อธิบายนิดเสียงแรกคือเสียงอุทานของผมที่สะดุดอะไรบางอย่าง เสียงที่2คือเสียงที่เกิดตอนผมล้มก้นจ้ำเบ้า และเสียงที่สามคือ... กระดานหลังห้องที่โดนมันงับกระจุยไปแถบหนึ่ง
    ผมก้มลงเพื่อดูของที่ช่วยชีวิตผมไว้อย่างหวุดหวิดสิ่งนั้นคือถังขยะนั่นเอง นี่ถ้ามีเวลาอีกนิดผมคงกราบงามๆไป3ทีแถมช่วยเก็บขยะที่หกให้ด้วยเลยล่ะ แต่ไอ้กระดานที่โหว่ไปนี่คิดค่าเสียหายจากไอ้หมานี่ไปล่ะกัน
             แต่ตอนนี้ขอสวมวิญญาณหลวงพ่อโกยก่อนเหอะ
             ผมรีบคลานลอดตัวมัน และทันทีที่หลุดออกจากห้องผมก็ออกวิ่งอีกครั้งพร้อมนั่งรูดบันไดลงอย่างรวดเร็ว(วิ่งมันช้ารูดเร็วกว่าเยอะ เด็ดดีอย่าเลียนแบบเพราะอันตรายจ๊ะ)
    พอลงมาถึงชั้นล่างผมก็พบกับความว่างเปล่าอย่างไม่น่าเชื่อ
             โดยปกติพวกชมรมต่างๆและพวกวงดุริยางค์จะอยู่ซ้อมแท้ๆแต่ตอนนี้กลับมีแต่สนามกีฬาว่างๆเท่านั้นเอง
             นี่อาจจะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับพวกเขา แต่สำหรับผมมันคือความซวย
             ที่สำคัญกระเป๋าหนังสือยังอยู่ในห้องอีกนี่สิ แต่กลับไปเอาตอนนี้มีหวังกลายเป็นอาหารเจ้าหมาบ้านั่นแน่ๆ
             ผมยืนพักเหนื่อยครู่นึงถึงได้เพิ่งรู้สึกตัวว่ามันหยุดตามมาพักหนึ่งแล้ว พอมานึกดูอีกทีมันหยุดตามมาตั้งแต่ผมหนีออกมาจากห้องนั้นแล้วนะ
             ผมเดินช้าอย่างระมัดระวังคอยดูทุกทิศทางพร้อมเปิดใช้สัญชาตญาณระวังตัวเต็มที่ แต่ก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติแม้แต่น้อย
             ไม่ตามมาแล้วมั้งผมพึมพำกับตัวเองก่อนหันหลังแล้วแหงนหน้าขึ้นไปยังตึกเรียน และนั่นทำให้ผมต้องตาค้างและรู้สึกเย็นหยะเหยือกอีกครั้ง
             มันอยู่ที่ห้องเดิมห้องที่ผมเอาก้าวอี้ฝาดมันไปเมื่อครู่นี้แถมยังมองตรงมาที่ผม
             ดวงคาสีแดงก่ำกับปากมันที่เหมือนกำลังจะเย้ยผมว่าจงดิ้นรนเอาชีวิตรอดเข้าไปให้เต็มที่เถอะถึงแม้ว่าสุดท้ายแกก็ต้องมาเป็นอาหารของข้าอยู่ดีประมาณนี้เลย
             เพล้ง
             เสียงกระจกแตกขึ้นผมรีบยกมือขึ้นป้องกัน และเมื่อเอามือลงผมได้พบความจริงบางอย่าง
             นี่คงเป็นวันสุดท้ายในชีวิตของผมกระมั้ง
             หมาตัวสีดำตาแดงแถมตัวใหญ่ที่ไม่รู้ว่ามันสายพันธุ์อะไรมาอยู่ตรงหน้าผมอีกแล้ว และนั่นสัญชาตญาณในการเอาตัวรอดของผมกรีดร้องลั่นว่าหนีไปซะให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
             ผมออกวิ่งอีกครั้งด้วยความเร็วสูงสุดในชีวิต สับเท้าอย่างสุดๆเท่าที่เท้าของผมจะสับได้ โดยวิ่งออกจากโรงเรียนเพื่อตรงกลับบ้านทันที
             แต่ทว่า... เสียงฝีเท้าข้างหลังก็ได้ดังขึ้นอีกครั้ง ถึงแม้มันจะออกตัวหลังผมแต่เพียงชั่วครู่มันก็ไล่จี้ก้นผมซะแล้ว
             วูบ
             และตอนนี้มันกระโดดมาอยู่ตรงหน้าผมแล้ว และมันกำลังหันกลับมาแยกเขี้ยวใส่ผม
             ในจังหวะนั้นเองผมได้หันหน้าไปด้านข้างจึงเห็นบ้านร้างเข้า
             และบ้านหลังนี้นี่แลที่เค้าว่ากันว่าผีเฮี้ยนนักแล
             ตอนนี้มี3ช้อยให้เลือกล่ะ
    1.      วิ่งหนีกลับไปทางเดิม
    2.       ยอมโดนมันแดร๊กแบบไม่สมยอม (แดร๊กหมายถึงกินจ๊ะเด็กดีไม่ควรจำมันไม่สุภาพ)
    3.       ยอมโดนผีหลอก
             ข้อ1 เดี๋ยวมันก็ตามทันอยู่ดีนั่นแหละ
             ข้อ2 อธิบายเหตุผลไปแล้วข้างต้นน่าจะเข้าใจ
             เหลือแต่ข้อ 3....
             แต่ข้อ3นี่หากซวยสุดอาจโดนทั้งผีหลอกทั้งโดนมันแดร๊กอยู่ที่ แต่ก็ดีกว่าโดนกินแน่นอนล่ะ
             ว่าแล้วผมก็วิ่งกระโดดข้ามกำแพงเข้าไป โชคดีที่มันเป็นกำแพงเตี้ยๆเลยกระโดดข้ามสบายหน่อย ส่วนเจ้าลูกหมานั่นดูเหมือนมันอยากจะเล่นสนุกต่อเลยเอาแต่ยืนดูเฉยๆ
             ผมยืนมองหน้าบ้านก่อนแน่นอนว่ามันเป็นบ้านไม้ที่กำลังส่งเสียงเอี๊อดอ๊าดบรรยากาศได้ใจมาก ถ้าจะมีผีซัก2-3ตัวก็ไม่แปลกหรอก
             ผมเปิดประตูเข้าไปอย่างช้าๆให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างน้อยผีมันจะได้ไม่รู้สึกตัว
             ข้างในดูแย่กว่าที่ผมคิดไว้มาก ข้าวของตกหล่นล้มกลิ้งไปทั่ว แถมหยากไหย่ขึ้นซะทั่ว ดูท่าทางคงจะร้างมาหลาย10ปีแล้ว
             ผมเดินเข้าไปก่อนจะเอามือถือออกมาเพื่อดูเวลาและส่องทาง
             ตอนนี้1ทุ่มแล้วแล้วเหรอเนื่ย แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาห่วงเวลากลับบ้านแต่น่าเป็นห่วงช่วงเวลาชีวิตที่เหลืออยู่น้อยมากกว่า
             ผมปรับมือถือให้มันเปิดเป็นไฟตลอดเวลาแต่ทันทีที่ทำเสร็จก็...
             ปัง แกร็ก
             ประตูปิดเอง แถมลงกลอนเองด้วย ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกว่าบรรยากาศมันหลอนๆพิกล
             ตอนนี้คงต้องทำใจเผชิญหน้ากับผีล่ะ นี่คือสิ่งเดียวที่ผมคิดได้ตอนนี้
             กริ๊ง~~~
             ผมตกใจสะดุ้งก่อนหันซ้ายขวาหน้าหลังมองหาต้นเสียงก่อนจะรู้สึกตัวว่าไอ้ที่มันดังน่ะมันในมือผมนั่นแหละ
             สงสัยผมบรรยากาศพาผมเพี้ยนซะแล้ว(ถึงปกติจะเพี้ยนอยู่แล้วก็ตาม)
             หน้าจอมือถือมีชื่อสายเข้าว่ากร ผมกำลังจะกดทิ้งแต่ว่า...
             ฮัลโหล ไอ้กรเหรอผมรับโทรศัพท์
             ไงวะไอ้เทพยังไม่กลับบ้านอีกเหรอปลายสายว่า
             กำลังกลับว่ะมีไร
             เปล่า แค่จะมาทวงงานเฉยๆ พรุ่งนี้ต้องส่งแล้วนาว้อย อย่าลืมเอามาล่ะ
             อืมผมตอบได้แค่นี้ถ้าไม่อยู่ในสถานการณ์แบบนี้ผมคงด่ามันเปิงไปแล้ว ข้อหาทำให้ตกใจ
             เฮ้ยเป็นไรไมเสียงแกเนื่อยๆจังวะ
             เปล่า ไม่มีอะไรผมตอบแบบนี้ทั้งๆที่อย่าจะเรียกมันมาช่วยใจแทบขาด แต่.... ผมก็ไม่อยากให้ใครมารับเคราะห์ร่วมกับผมนักหรอก ตายอย่างโดดเดี่ยวคงดีกว่าลากคนอื่นมาตายหมู่ล่ะนะ
             เอ่อนี่ผมเอ่ยขึ้นหลังเงียบไปพักนึง
             อะไรเกือบว่างสายแล้วนะอยู่ๆก็เงียบไปซะเฉยๆ
             พรุ่งนี้ถ้าข้าเป็นอะไรช่วยซื้อขนมหวานมาเซ่นด้วนนะว้อย
             พูดอะไรของแกวะ พูดยังกะจะไปตายงั้นแหละ
             เปล่า พูดเล่นไปงั้นๆแหละ วางสายล่ะนะ
             เฮ้ย เด.....
             ผมวางสายไปเรียบร้อยแล้วก่อนยิ้มจางๆให้ตัวเอง ก่อนหันจอมือถือออกเพื่อส่องดูทางที่ไม่น่าจะเรียกว่าทางแล้ว
             ผมสำรวจบ้านโดยรวมแล้วจึงพอรู้แล้วว่าบ้านหลังนี้มีขนาดใหญ่พอสมควรแล้วมี2ชั้น อย่างน้อยก็คงพอมีที่หลบไอ้หมาบ้านั่นบ้าง เหลือแต่ชั้นบนที่ยังไม่สำรวจ ผมจึงย่างเท้าขึ้นไปยังชั้นบันไดเพื่อขึ้นไปชั้น2
             เอี๊ยด~อ๊าด~
             เสียงบันไดไม้ดังขึ้นโดยมีเสียงจิ้งหรีดเป็นเสียงซาวแอฟเฟ็คทำให้ผมรู้สึกเหมือนกำลังดูหนังผีสยองกลายๆ เพียงแต่มีผมเป็นตัวเอกเท่านั้นแหละ และนี่คือสิ่งที่ผมไม่ชอบเลย
             ผมขึ้นมายังชั้น2ได้โดยบันไดไม่หักซะก่อนมีห้อง3ห้องบนชั้น2นี้ ผมเดินอย่างช้าๆและระมัดระวังไม่ให้เกิดเสียงเท่าที่จะทำได้ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีประโยชน์ก็ตามที
             แอ็ด~
             ผมเปิดประตูห้องแรกซึ่งอยู่ใกล้บันไดที่สุดก่อนส่องมือถือเข้าไป ดูเหมือนห้องนี้ก่อนที่จะร้างคงเป็นห้องของเด็กผู้หญิงเป็นแน่ เพราะตุ๊กตาจำนวนมากที่ยังคงอยู่ในห้องนั้น และด้วยบรรยากาศที่มืดอีมครึมทำให้มันดูน่ากลัวขึ้นอย่างยิ่งจนผมได้แต่กลืนน้ำลายก่อนกลอกตาไปมาเพื่อตรวจสอบสิ่งที่อยู่ในห้องอีกครั้ง แต่ว่า.....
             ตุ๊กตานั่นกลอกตาได้
             ตุ๊กตาบาร์บี้ตัวนั้นกลอกตา แต่พอผมหลับตาลงแล้วมองอีกครั้งมันก็หยุดแล้ว ผมมองอีกครั้งเพื่อความแน่ใจแต่มันก็หยุดนิ่งไม่มีสิ่งใดขยับ
             สงสัยผมคงจะคิดไปเองมากกว่าผมนวดตาก่อนปิดประตูห้อง แต่ผมก็ได้กลืนน้ำลายดังเอื้อกเมื่อได้ยินเสียง.....
             เสียงหัวเราะของเด็กผู้หญิง...
             ผมพยายามฝืนตัวที่นิ่งค้างไปแล้วด้วยความหวาดกลัวให้ออกเดินต่อไปเพื่อเปิดประตูอีกห้อง
             ห้องนี้ดูเป็นห้องโล่งๆไม่มีสิ่งใดเลยมีแต่ความว่างเปล่า เมื่อส่องไฟมือถือดูก็เห็นตัวอักษรสีแดงเขียนไว้ว่า
            ระวังผีดุ
             คราวนี้ผมไม่มีแม้แต่เรียวแรงที่จะกลืนน้ำลาย แม้น้ำลายยังไม่มีซะจนรู้สึกกระหายน้ำ แต่ในบ้านหลังนี้คงไม่มีน้ำให้ดับกระหายคงมีแต่ความหวาดกลัวเท่านั้นที่แผ่ขยายไปทั่ว
             ผมค่อยๆปิดประตูอย่างเชื่องช้า เมื่อปิดก็ได้ยินเสียงเหมือนบางอย่างตกลงสู่พื้น แต่ผมไม่คิดจะสนใจสิ่งใดแล้ว เสแสร้งตัวเองว่าไม่ได้ยินอะไรเท่านั้น
             เพราะห้องสุดท้ายนี้คือห้องที่อยู่ฝั่งหน้าบ้าน แล้วว่ากันว่าเป็นห้องที่ผีแหี้ยนที่สุด....
             มีคนจำนวนมากบอกกล่าวว่ามักทีหญิงสาวมานั่งอยู่ที่ริมหน้าต่างของห้องนี้เสมอ...
             ผมมองลูกบิดประตูก่อนกลืนน้ำลายที่แห้ผากด้วยความยากลำบากก่อนใช้ความกล้าและเรี่ยวแรงที่หลงเหลือทั้งหมดบิดลูดบิดและผลักประตูอย่างเต็มแรง
             ผีจะหลอกจะช่างแมร่งมันแล้วว้อย....
             ผมเปิดตาขึ้นหลังที่ปิดตาแล้วกลั้นใจเปิดประตูไปผมก็พบกับ.....
     
             หญิงสาว.... หญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่ริมหน้าต่างเหมือนที่เล่าลือกัน....
             เธอผิวขาวราวไข่มุก หน้าตาสวยจัดว่าสวยที่เดียว เค้าหน้ารูปไข่กับผมที่ยาวสลวยลงมาถึงกลางหลังบวกรูปร่างที่ดูบอบบาง
             เรียกได้ว่าสาวสวยในใจชายหนุ่มแทบทุกคน
             เรียวว่าแทบไม่ผิดหรอกเพราะผมมีคนที่ชอบอยู่แล้วถึงเธอคนนี้จะสวยแค่ไหนผมก็ไม่คิดจะชอบเลย
             อีกอย่างถ้านี่เป็นผีถึงสวยแค่ไหนก็คงไม่มีใครรับได้หรอก
             ผมมองหน้าเธอและเธอก็มองมาที่ผมเธอทำหน้าเหรอหราเหมือนเห็นผมเป็นตัวประหลาดทั้งๆที่เธอประหลาดกว่าผมอีก
             ตอนนี้ผมเพิ่งสังเกตถึงชุดที่เธอใส่ทำเอาผมปิดตาแทบไม่ทัน ถึงดูจากขยานรูปร่างแล้วน่าจะอายุเท่ากันแต่ขนาดหน้าอกของคุณเธอนี่มัน....
             แถมชุดของเธอที่ดูเหมือนเอาผ้ามาพันมากกว่า เหมือนชุดคนสมัยก่อนเพียงแต่มันกลับมีสีดำสนิท
             จะว่าไปชุดเธอเหมือนกับชุดของนางฟ้าในหนังจีนมากกว่าเพียงแต่สีดำทำให้ภาพพจน์ที่จะทำให้คิดว่าเธอคือนางฟ้าหมดไปแทบทันที
             เธอเป็นใครน่ะผมตัดสินใจเอ่ยถามพร้อมปล่อยมือออก
             ข้าต่างหากที่สมควรจะถามเจ้าน่ะ เจ้านั่นแหละเป็นใครกันแน่เธอถามกลับมาพร้อมมองหน้าผมด้วยความสงสัย......
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×